ตอนที่37
น้องไม่ได้บอก
เมื่อเห็นสีหน้าของเมธัช ยังไม่ดีขึ้น วุ้นเย็นจึงถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะพูดออกมาอย่างจริงจัง
“พี่ชาย ตอนนี้หนูไม่ได้เป็นอะไรค่ะ ไม่ต้องไปตรวจหรอก หนูอยู่กับโรคนี้มานาน จนรู้จักคุ้นเคยกันดีแล้วล่ะ”
เมื่อเห็นว่าวุ้นเย็นยืนยันหนักแน่น เมธัชก็เริ่มผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง
“แล้วนี่ยังไม่มีข่าวเรื่องผู้บริจาคหัวใจอีกหรือ”
คำถามนี้ทำให้วุ้นเย็นมีสีหน้าสลดลงเล็กน้อย แต่ก็ยังฝืนยิ้มบาง ๆ ออกมา
“ยังไม่มีวี่แววเลยค่ะ แต่ช่างเถอะหนูไม่หวังอะไรมาก เพราะการที่เอาหัวใจคนอื่นมาต่อชีวิตเรา นั่นก็หมายถึงเขาจะต้องตายแทน แบบนั้นหนูก็ไม่อยากได้หรอกค่ะ ถึงหนูจะอยากมีชีวิตอยู่ แต่ก็ไม่ได้อยากให้ใครต้องตายนี่คะ แค่อยู่ได้อุ้มหลาน ก็พอใจแล้ว”
น้ำเสียงที่สดใสแต่ปนเศร้านั้นทำให้เมธัชสะเทือนใจเป็นอย่างมาก
“อย่าพูดแบบนี้ คนที่เขาบริจาค หมายถึงตอนที่สมองของเขาหยุดทำงานแล้ว ในทางการแพทย์สมองที่หยุดทำงาน นั่นหมายความว่าคนคนนั้นเสียชีวิตแล้ว แต่หัวใจยังเต้นอยู่ และบริจาคให้คนที่สมองยังทำงาน แต่หัวใจใช้การไม่ได้ เพื่อสร้างบุญเป็นครั้งสุดท้ายอย่างไรละ แต่เราพูดเหมือนกับว่าไปควักหัวใจคนที่ยังเป็น ๆ มาอย่างนั้นแหละ”
วุ้นเย็นได้ยินดังนั้นก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง ไม่มีความเศร้าอยู่บนใบหน้าเรียวเล็กนั้นอีก จนเมธัชลอบยิ้มด้วยความพอใจ
สองวันต่อมา เมธัชก็ไปเคาะประตูห้องเรียกวุ้นเย็นเหมือนเช่นทุกวันและเหมือนสมัยตอนที่พวกเขายังเรียนหนังสือ
แต่วันนี้เคาะเท่าไหร่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ เมธัชก็เริ่มใจไม่ดี มือหนาจึงหมุนลูกบิดเปิดประตูห้อง เมื่อเห็นว่าห้องไม่ได้ล็อคก็บ่นออกมา
“โตแล้วทำไมยังไม่รู้จักล็อคประตู...” เสียงบ่นค่อย ๆ หายไปในลำคอ เมื่อเห็นที่นอนถูกพับเก็บเรียบร้อยและว่างเปล่า ไม่มีร่างของหญิงสาวอยู่ เขาก็กวาดสายตาไปที่ห้องน้ำ เห็นประตูห้องน้ำเปิดทิ้งไว้ จึงร้องเรียกดู นึกใจว่าเผื่ออีกฝ่ายเข้าเห้องน้ำแล้วลืมปิดประตูหรือเปล่า
“วุ้นเย็นทำธุระอยู่ในห้องน้ำเหรอ”
เงียบ ไม่มีเสียงตอบกลับมาเขาจึงตัดสินใจเข้าไปดูในห้องน้ำ แต่ก็พบแต่ความว่างปล่าเช่นกัน
“หรือว่าวันนี้ตื่นเช้ากว่าเรา คงลงไปข้างล่างแล้วมั้ง"
เขาพูดกับตัวเองเบา ๆ แล้วหมุนตัวออกจากห้อง เมื่อลงมามาถึงห้องโถง ก็พบกับโสภาพอดี
“อ้าวคุณธัช น้ากำลังจะขึ้นไปเรียกให้ลงมาทานข้าวพอดีเลยค่ะ” โสภาเอ่ยทักด้วยรอยยิ้ม เพราะช่วงนี้เธอกับวิชัยมีความสุขมากเป็นพิเศษ ที่เห็นสองพี่น้องกลับมาพูดกันดี ๆ และรักใคร่กลมเกลียวกันเหมือนเดิมแล้ว
“ขอโทษครับที่ลงมาช้า พอดีผมเรียกวุ้นเย็นแล้วน้องไม่ตอบ เลยถือวิสาสะเข้าไปในห้องเพราะเป็นห่วงกลัวน้องจะเป็นอะไร แต่เข้าไปแล้วก็ไม่เจอครับ น้องอยู่ในห้องอาหารแล้วใช่ไหมครับ”
“อ้าว ยายวุ้นไม่ได้บอกคุณธัชหรือคะ” โสภาเอ่ยถามด้วยความแปลกใจที่เขาไม่รู้ว่าวุ้นเย็นไปไหน
“บอก? บอกอะไรครับ ผมไม่เข้าใจ” เมธัชก็เอ่ยถามด้วยความแปลกใจเช่นกัน
“ก็วันนี้ยายวุ้นกลับไปหายายที่บ้านต่างจังหวัด คุณวิชัยจึงให้คนขับรถกับแม่บ้านไปส่ง ตั้งแต่ตีห้าแล้วล่ะค่ะ น้าก็นึกว่าคุณธัชรู้แล้วเสียอีก”
เมธัชชาไปทั้งตัว รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก และโกรธนิด ๆ ที่วุ้นเย็นหนีไปไม่บอกกล่าว
“ไม่รู้ครับ น้องไม่ได้บอกผมเลย” แม้ธัชพูดเสียงแผ่ว
“ฮื้อ ! ยายวุ้นนี่น่าตีจริง ๆ เลย แต่ว่าคุณธัชอย่าเพิ่งโกรธไปเลยนะคะ น้าคิดว่าที่ยายวุ้นไม่บอก ก็เพราะไม่อยากให้คุณธัชเป็นห่วงมากกว่า แกบ่นคิดถึงยายตั้งแต่อยู่ที่โรงพยาบาลแล้วล่ะค่ะ” โสภากลัวว่าสองพี่น้องจะโกรธกันอีก จึงรีบอธิบายให้เมธัชเข้าใจ
“ครับ ผมเข้าใจ เดี๋ยวค่อยโทรหาน้องเอาก็ได้ครับ” เขาตอบเสียงเรียบ น้ำเสียงนั้นไม่ได้แสดงออกถึงอารมณ์ใด ๆ
โสภาจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“ถ้าอย่างนั้น เรารีบไปกินข้าวกันเถอะค่ะ คุณพ่อรอนานแล้ว”
“ครับ” เขารับคำอย่างว่าง่าย ทั้งที่ในใจนั้นเต็มไปด้วยความกังวล เพราะเป็นห่วงวุ้นเย็น มื้อเช้าวันนั้น จึงค่อนข้างจะฝืดคอมากกว่าทุกวัน
...........................................................................
“คุณยายขา..” หญิงสาวร้องเรียกเสียงดัง เมื่อเห็นหญิงชรายืนรออยู่หน้าบ้าน ก่อนจะโผเข้าไปกอดรัดด้วยความคิดถึง
ยายวันนาก็ทั้งกอดทั้งหอมหลานสาวเพียงคนเดียวเช่นกัน
“คิดถึงจังเลยค่ะคุณยายขา หนูนึกว่าเราจะไม่ได้เจอกันแล้วเสียอีก” หญิงสาวออดอ้อนเหมือนตอนเป็นเด็กน้อยไม่มีผิด
ยายวันนาบีบปลายจมูกเล็กที่โด่งรั้นของหลานสาวสุดที่รักเบา ๆ ก่อนจะดุด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“ต้องได้เจอสิ พระต้องคุ้มครองหลานยายให้หายดีและปลอดภัยแน่นอน แต่เราก็ต้องทำตามที่หมอสั่งอย่างเคร่งครัด แล้วก็ต้องรักตัวเองให้มาก ๆ เข้าใจไหม”
วุ้นเย็นยิ้มหวานพร้อมกับพยักหน้าเบา ๆ
“ค่ะ หนูจะเชื่อคุณยาย ว่าแต่มีอะไรกินบ้างคะเนี่ย หนูหิวมากเลย เพราะคิดถึงยายจึงไม่ยอมแวะกินข้าวที่ไหนเลยนะเนี่ย เก็บท้องมากินฝีมือยายคนเดียวเลยค่ะ”
ตอนที่37น้องไม่ได้บอกเมื่อเห็นสีหน้าของเมธัช ยังไม่ดีขึ้น วุ้นเย็นจึงถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะพูดออกมาอย่างจริงจัง “พี่ชาย ตอนนี้หนูไม่ได้เป็นอะไรค่ะ ไม่ต้องไปตรวจหรอก หนูอยู่กับโรคนี้มานาน จนรู้จักคุ้นเคยกันดีแล้วล่ะ”เมื่อเห็นว่าวุ้นเย็นยืนยันหนักแน่น เมธัชก็เริ่มผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง “แล้วนี่ยังไม่มีข่าวเรื่องผู้บริจาคหัวใจอีกหรือ”คำถามนี้ทำให้วุ้นเย็นมีสีหน้าสลดลงเล็กน้อย แต่ก็ยังฝืนยิ้มบาง ๆ ออกมา “ยังไม่มีวี่แววเลยค่ะ แต่ช่างเถอะหนูไม่หวังอะไรมาก เพราะการที่เอาหัวใจคนอื่นมาต่อชีวิตเรา นั่นก็หมายถึงเขาจะต้องตายแทน แบบนั้นหนูก็ไม่อยากได้หรอกค่ะ ถึงหนูจะอยากมีชีวิตอยู่ แต่ก็ไม่ได้อยากให้ใครต้องตายนี่คะ แค่อยู่ได้อุ้มหลาน ก็พอใจแล้ว”น้ำเสียงที่สดใสแต่ปนเศร้านั้นทำให้เมธัชสะเทือนใจเป็นอย่างมาก &
ตอนที่36 อย่าลืมซิคะว่าหนูเป็นโรคอะไร “อ้อ!อย่างนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นก็นอนเถอะ พี่ไม่รบกวนแล้ว” เขาพูดพลาง ช่วยประคองหญิงสาวให้นอนลง แต่วุ้นเย็นก็ทำตัวแข็ง ไม่ยอมนอน เมธัชจึงมองอย่างไม่เข้าใจ “ไหนว่าจะนอนไม่ใช่หรือไง” เขาถามสั้น ๆ แต่น้ำเสียงนั้นก็ไม่ได้แสดงความหงุดหงิดออกมาแม้แต่น้อย “ใช่ แต่ยังนอนไม่ได้” วุ้นเย็นพูดไม่ได้มองหน้า “ทำไมถึงยังนอนไม่ได้” “ก็หนูยังไม่ได้กินยาหลังอาหารน่ะซิ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ เย็นชาชายหนุ่มจึงเอื้อมไปหยิบยา กับรินน้ำสะอาดส่งให้อย่างใจเย็นหญิงสาวรับยามาโยนเข้าปาก พร้อมกับดื่มน้ำตามเกือบหมดแก้ว แล้วส่งคืนให้เขา ก่อนจะนอนหันหลังให้โดยไม่กล่าวขอบคุณแม้แต่คำเดียวเมธัชไม่ได้สนใจท่าทีที่วุ้นเย็นแสดงออกมา เขาดึงผ้าห่มคลุมให้อย่างอ่อนโยน เพราะแค่วุ้นเย็นไม่ไล่ตะเพ
ตอนที่35 ลบเรื่องของพี่ชายออกจากสมองวุ้นเย็นได้ยินคำพูดของโสภาแล้ว ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงดีใจจนน้ำตาไหล แต่หลังจากฟื้นตื่นในครั้งนี้ เธอก็ไม่ได้รู้สึกยินดีอีกแล้ว “ช่างเถอะค่ะ จะให้อภัยหรือไม่หนูก็ไม่ได้สนใจอีกแล้ว ต่อจากนี้ไปหนูจะลบเรื่องของพี่ชายออกจากสมอง ไม่ไปยุ่ง ไม่เข้าใกล้อีกแล้วค่ะ”ตึก!พูดจบหัวใจของเธอก็กระตุกขึ้นมา เมื่อสายตาสบเข้ากับดวงตาคมลึกของเมธัชเข้าอย่างจัง “อ้าวคุณธัช มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” โสภาที่มองตามสายตาของลูกสาว ก็หน้าเสียไปนิดหนึ่งเมื่อเห็นว่าเมธัชเข้ามาโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง ไม่รู้ว่าได้ยินที่วุ้นเย็นพูดหรือเปล่า หากได้ยินก็กลัวจะโกรธจนไม่มองหน้ากันอีก “เพิ่งมาถึงครับคุณน้า” เขาตอบโสภาแต่ดวงตายังจับอยู่ที่ใบหน้าเรียวเล็กของวุ้นเย็น พร้อมทั้งค่อย ๆ เดินเข้าไปหา และหยุดยืนอยู่ข้าง
ตอนที่34แก้เคล็ด “ก็ไม่มีอะไร คุณธัชเขาบอกว่ารู้สึกผิด ที่เป็นต้นเหตุให้หนูต้องเป็นแบบนี้” โสภาบอกเสียงเรียบ แต่วุ้นเย็นใจหายวาบ เพราะวันนั้นเธอไม่ได้บอกใครว่าไปหาเมธัชที่คอนโด “ยะยังไงคะ พี่ชายไม่ได้ทำอะไรให้หนูเสียหน่อย” ถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ พลางหรุบตาลง มองแก้วน้ำสมคั้นที่อยู่ในมือ เพื่อหลบสายตาของผู้เป็นแม่ “นี่แสดงว่าหนูลืมว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนั้นหมดแล้วใช่ไหมเนี่ย แต่ก็ไม่แปลก เพราะคุณหมอก็บอกอยู่ว่า ถ้าหนูตื่นมาอาจจะจำเหตุการณ์ในวันนั้นไม่ได้ชั่วคราวงั้นเดี๋ยวแม่เล่าให้ฟัง แต่ขอเก็บชามโจ๊กไปล้างก่อนนะลูก” พูดจบโสภาก็เก็บชามเข้าไปล้าง ‘จำได้ซิคะแม่ จำได้ทุกการกระทำและคำพูดของพี่ชายเลยล่ะ แต่หนูต้องขอโทษที่บอกแม่ไม่ได้ เพราะหนูอับอายเกินกว่าที่จะพูดถึงมันอีก’ เธอได้แต่ขอโทษแม่อยู่ในใจ และอยากรู้ว่าเมธัชจะบอกทุกคนยังไงที่จู่ ๆ เธอไปเป็นลมอยู่ที่คอนโดของเขาครู่เดียวโสภาก็เดินกลับมานั่งข้างเตียง แล้วเริ่มเล่าเหตุการณ์ในวันนั้น ตามที่เมธัชได้เล่าให้ฟัง
ตอนที่33 พี่ชายเป็นคนทำ “พอ ๆ ไม่ร้องแล้ว ๆ ว่าแต่ว่าหนูหิวไหมลูกแม่มีโจ๊กเห็ดหอม กับน้ำส้มคั้นที่หนูชอบไว้ด้วยนะ” “หิวค่ะ หิวมาก ไม่ได้กินอะไรมาตั้งห้าวันแน่ะ”หญิงสาวอ้อนผู้เป็นแม่ ทั้งที่ความจริงแล้วไม่ได้รู้สึกหิวแม้แต่น้อย แค่อยากทำให้แม่สบายใจ ชดเชยกับที่ได้ทำให้ร้องไห้มาเป็นอาทิตย์แล้ว และต่อจากนี้ไป เธอจะทำทุกอย่างให้แม่มีความสุขมากที่สุด จนกว่าธรรมชาติหรือโรคภัยจะพรากชีวิตของเธอไปจากโลกใบนี้ จะไม่แม้แต่คิดจบชีวิตของตัวเองอีกเลยโสภายิ้มอย่างยินดี พลางยื่นมือไปบีบปลายจมูกเล็ก เบา ๆ ก่อนจะรีบไปที่ตู้เย็น เปิดเอาโจ๊กออกมาอุ่น ครู่เดียวก็ส่งกลิ่นหอมอบอวนไปทั่ว ยั่วน้ำลายเป็นอย่างดีเสร็จแล้วโสภาก็วางบนโต๊ะ ก่อนจะเข็นไปที่เตียง พร้อมกับประคองให้วุ้นเย็นลุกขึ้นนั่งหญิงสาวมึนหัวนิดหน่อย เพราะนอนไปหลายวัน แต่ครู่เดียวอาการมึนหัวก็หาย ตากลมมองไปที่เนื้อโจ๊กสีขาวเนียนล
ตอนที่32 หนูขอโทษค่ะแสงสีขาวโพลนสาดแยงดวงตากลมใสเข้าอย่างจัง เปลือกตาบางจึงปิดลงอีกครั้ง ทั้งยังภาวนาในใจอย่าให้ตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าเธอยังอยู่ในโลกมนุษย์เลย เพราะเธอไม่สามารถรับความอับอาย และความเสียใจผิดหวังได้อีกแล้วแต่ดูเหมือนคำภาวนาจะไม่เป็นผล เมื่อเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง ก็พบฝ้าเพดานสีขาวและแสงจากหลอดไฟนีออน กอปรกับกลิ่นยาอ่อน ๆ ที่ลอยมาแตะจมูก เธอก็ถอนหายใจออกมาด้วยความผิดหวังใช่แล้วเธอยังไม่ตาย ยังต้องตื่นมารับกับความเจ็บปวดที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะสิ้นสุดเสียที หรือว่าเธอจำต้องทำในสิ่งที่ไม่เคยคิดจะทำ นั่นคือการกำจัดลมหายใจของตัวเอง แต่จะด้วยวิธีใดนั้น คงต้องไว้ค่อยคิดอีกที แต่จะต้องทำแน่นอน เพราะยังไงก็ต้องตาย จะได้ไม่ต้องไปลำบากเอาหัวใจของใครมาอีกความเย็นจากเครื่องปรับอากาศบวกกับความเงียบสงบ ทำให้เธอนอนลืมตานิ่งอยู่อย่างนั้นเพื่อคิดหาวิธีที่จะจบชีวิตของตัวเอง “วุ้นเย็น ฮือ..เป็นอย่างไรบ้างลูก..ฮือ” เสียงร้องนี้ ทำให้ความคิดของ