ตอนที่38
ปีนรั้วเข้ามา
แสงดาวที่พร่างพราวอยู่บนท้องฟ้า ทอแสงระยิบระยับดูสวยงาม ราวกับผืนผ้าแพรสีนิลประดับเพชรเม็ดงาม
วุ้นเย็นถอนหายใจยาว แม้ตากลมจะทอดมองดูดาวบนท้องฟ้า แต่ในใจกลับเห็นแต่ใบหน้าของใครบางคน เปลือกตาบางหลุบมองมือถือเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วน เพราะตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ซึ่งเป็นวันที่สามแล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววว่าเมธัชจะทักหรือโทรมาเธอ
“เฮ้อ! สงสัยจะยุ่งเรื่องเตรียมงานแต่ง จนลืมน้องแล้วมั้ง”
เธอบ่นพึมพำคนเดียว ท่ามกลางแสงดาวที่เริ่มหายไป เมื่อเมฆดำอุ้มฝนเข้ามาแทนที่ สายลมเบา ๆ ในตอนแรกก็เริ่มพัดแรงขึ้นเรื่อย ๆ เพียงไม่กี่นาทีต่อมา สายฝนก็เทกระหน่ำลงมาอย่างหนัก วุ้นเย็นกอดเข่า ก่อนจะวางใบหน้าเล็ก ๆ ลงบนเข่าเนียน นั่งมองสายฝนผ่านหน้าต่างบานกระจก แต่นั่งได้ไม่นาน จู่ ๆ ใบหน้าของเมธัชก็โผล่ขึ้นมาที่หน้าต่าง
“พะพี่ชาย!” เธอร้องออกมาด้วยความตกใจ แล้วยกมือขยี้ตาตัวเองแรง ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้คิดถึงเขาจนเกิดภาพหลอน แต่เมื่อมองไปอีกครั้ง ก็ยังเห็นใบหน้าของเมธัชเหมือนเดิม และครั้งนี้อีกฝ่ายก็เคาะกระจกด้วย
วุ้นเย็นแน่ใจแล้วว่าเธอไม่ได้ตาฝาดหรือเกิดภาพหลอนแน่นอน ก็รีบเลื่อนหน้าต่างออก แล้วดึงเมธัชเข้ามา เพราะตอนนี้ผมเผ้าเนื้อตัวของเขาก็เปียกปอนไปหมดแล้ว
“พี่ชาย มาได้ยังไงเนี่ย แล้วทำไมมาเสียดึกดื่นแบบนี้ล่ะ” เธอเอ่ยถาม เมื่อยื่นผ้าขนหนูให้อีกฝ่าย
ขายหนุ่มรับมาเช็ดหน้าซับผมอย่างไม่รังเกียจ ที่จะต้องใช้ผ้าขนหนูของวุ้นเย็น
“ขับรถมาน่ะซิ ไกลขนาดนี้จะเดินมาได้ยังไง”
เขาตอบอย่างฉุน ๆ เพราะยังโกรธไม่หายที่วุ้นเย็นหนีมาโดยไม่บอกกล่าว
หญิงสาวยกมือกอดอก มองร่างสูงอย่างสงสัย ว่าอีกฝ่ายโกรธเธอเรื่องอะไร ถึงได้ตอบกวน ๆ แบบนี้
“ค่า รู้แล้วว่าขับรถมา แต่หนูสงสัยว่าพี่ไม่มีกุญแจเปิดประตูรั้ว แล้วพี่เข้ามาได้ยังไงต่างหากล่ะ”
“แล้วทำไมถึงไม่ถามแบบนี้ตั้งแต่แรกล่ะ จะได้ตอบว่าปีนรั้วเข้ามา” เขาตอบหน้าตาเฉย เหมือนการปีนรั้วบ้านคนอื่นดึก ๆ ดื่น ๆ มันเป็นเรื่องปกติ
“อะไรนะ! ปีนรั้วเหรอ มือถือก็มีทำไมไม่โทรเข้ามาก่อน หนูจะได้ไปเปิดประตูรั้วให้ ทำแบบนี้หากสายตรวจมาเจอเข้าจะคิดว่าพี่เป็นขโมยเอาได้นะ” วุ้นเย็นร้องออกมา พร้อมกับบ่นไปชุดหนึ่ง เพราะความเป็นห่วง ไม่อยากจะคิดว่าถ้าสองน้าชายของเธอเห็นเข้าจะเกิดอะไรขึ้น
“ก็ถ้าไม่ปีนเข้ามา..” ชายหนุ่มเว้นช่วงไปนิดหนึ่ง แล้วโน้มใบหน้าลงมาใกล้ใบหน้าของวุ้นเย็น พร้อมกับยิ้มบาง ๆ ก่อนจะพูดเบา ๆ
“ถ้าไม่ปีนเข้ามาแบบนี้ แล้วจะเซอร์ไพรซ์เหรอ”
วุ้นเย็นนิ่งงันไป ตากลมใสทอดมองเข้าไปในดวงตาคมลึกคู่นั้นอย่างค้นหาความหมายในสิ่งที่เขาพูด และในสิ่งที่เขาทำว่ามันหมายถึงอะไร ยอมขับรถมาคนเดียวตั้งไกล ทั้งยอมปีนรั้วฝ่าสายฝนมาหาเธอเพราะอะไรกัน
ตึก!
จู่ ๆ หัวใจของเธอก็เริ่มเต้นแรง ไม่รู้ว่าเพราะโรคกำเริบ หรือเพราะคนตรงหน้า ที่ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงได้ขนาดนี้ ที่สำคัญยังรู้สึกว่าใบหน้าของเธอร้อนวูบวาบอีกด้วย
เธอค่อย ๆ สูดลมเข้าปอดช้า ๆ แล้วผ่อนออกมาเบา ๆ ก่อนจะพูดเสียงสั่นนิด ๆ
“สะเซอไพรซ์ มากจริง ๆ”
เอวบางถูกครอบครองด้วยฝ่ามือหนาทันที เรือนร่างเล็กก็ถูกดึงเข้าไปใกล้ จนใบหน้าของเธอทาบอยู่กับแผ่นอกหนาแน่นไปด้วยมัดกล้าม ได้ยินเสียงหัวใจของอีกฝ่าย ที่เต้นแรงไม่แพ้กัน
“ต่อไปนี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ห้ามหนีพี่มาดื้อ ๆ แบบนี้อีกรู้หรือเปล่า น้องไม่รู้หรอกว่า ในตอนที่เปิดประตูห้องเข้าไปแล้วพบแต่ความว่างเปล่านั้น พี่...เคว้งแค่ไหน แม้ในตอนที่อยู่อเมริกา ก็ไม่มีวันไหนที่พี่ไม่คิดถึงน้อง แต่ตอนนั้นพี่ไม่รู้ว่าคิดถึงเพราะคิดถึงจริง ๆ หรือเพราะคิดถึงด้วยความโกรธแค้น ทุกอย่างมันสับสนปนเปไปหมด พี่โกรธเธอมาก แต่ก็คิดถึงมากเช่นกัน”
เขาพูดออกมาอย่างลื่นไหลและเป็นธรรมชาติ คล้ายกับได้ระบายสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในหัวใจมานาน
วุ้นเย็นพูดอะไรไม่ออก รับรู้และสัมผัสได้ถึงเส้นใยบาง ๆ ที่เกี่ยวล้อมระหว่างเธอกับเขา และมันก็อยู่ได้แค่นั้น ไม่มีวันที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ ให้มันแน่นหนาและแน่นแฟ้นได้มากกว่านี้
วุ้นเย็นขยับตัวออกมาจากอ้อมกอดอันอบอุ่น แม้จะเสียดาย แต่ที่ตรงนั้นมันไม่ใช่ที่ของเธอ
“กลับไปเถอะ พี่ไม่ควรมาหาหนูแบบนี้ มันดูไม่ดีรู้หรือเปล่า” น้ำเสียงของเธอถึงแม้จะแผ่วเบา แต่ก็หนักแน่นจริงจัง แต่เมธัชกลับพูดออกมาด้วยสายตาที่เว้าวอน
“วุ้นเย็น อีกไม่กี่วันพี่ก็จะแต่งงานแล้ว พี่อยากจะขอร้อง พาพี่ไปเที่ยวซุกซนอีกครั้งได้หรือเปล่า แบบไปปีนต้นไม้ ไปว่ายน้ำกันอีกได้ไหม พี่รับรองว่าจะไม่ทำอะไรหยาบคายกับน้องอีก” เขาพูดพร้อมกับจับมือบางมาบีบเบา ๆ
ตอนที่40 รอยเท้าของหนูเอง “ตอนเช้าหนูได้ยินเสียงคุณยาย ร้องโวยวายว่าขโมยขึ้นบ้านจึงรีบออกมาดู” เธอเล่าพร้อมกับนึกย้อนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนที่เธอจะออกมากับเมธัช.........................................................................สองชั่วโมงก่อนออกจากบ้าน “โอ้ตายแล้ว! ขโมยเข้าบ้าน ๆ” ยายวันนาร้องลั่น เมื่อเห็นรอยรองเท้าที่เปื้อนดิน มาทางประตูห้องของหลานสาว เป็นทางยาวออกไปที่ประตูบ้านวุ้นเย็นที่กำลังหลับอย่างสบายก็สะดุ้งตื่น และรีบเปิดประตูห้อง ร้องถามด้วยความตกใจ “เกิดอะไรขึ้นหรือคะคุณยาย เสียงดังแต่เช้าเชียวค่ะ”ยายวันนาหันไปที่หลานสาว แล้วจ้ำอ้าวเข้าไปหา พร้อมกับดึงร่างบางมาใกล้ ๆ กวาดตาสำรวจมองไปทั่วร่าง ด้วยสีหน้าที่ตื่นตระหนก ท่ามกลางความงุนงงของวุ้นเย็น “หนูเป็นอะไรหรือเปล่า
ตอนที่39 เราจะไม่กลับบ้าน “เพื่ออะไร” เธอเอ่ยถามและจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเขาอย่างค้นหา “พี่แค่อยากชดเชยแปดปีที่ผ่านมา และเก็บความรู้สึกนี้ไว้ในความทรงจำตลอดไป เพราะหลังแต่งงาน พี่คงไม่มีเวลาพาน้องไปเล่นซนกันอีกแล้ว” “พี่ชาย...” เธออยากปฏิเสธ แต่แววตาคู่นั้นกลับทำให้เธอเปลี่ยนใจและตอบตกลง “ก็ได้ค่ะ งั้นเราก็กลับบ้านกัน เดี๋ยวหนูจะพาพี่ชายกางเต็นท์ออกค่ายเอง” เธอพูดด้วยแววตาที่ซุกซน พร้อมกับรอยยิ้มแป้นเหมือนตอนเป็นเด็กไม่มีผิดเมธัชส่ายหน้าเบา ๆ พร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน “ไม่ เราจะไม่กลับบ้าน แต่พี่จะพาน้องไปเที่ยวทะเล เราสองคนยังไม่เคยไปเที่ยวทะเลด้วยกันเลยนะ”&nb
ตอนที่38ปีนรั้วเข้ามาแสงดาวที่พร่างพราวอยู่บนท้องฟ้า ทอแสงระยิบระยับดูสวยงาม ราวกับผืนผ้าแพรสีนิลประดับเพชรเม็ดงามวุ้นเย็นถอนหายใจยาว แม้ตากลมจะทอดมองดูดาวบนท้องฟ้า แต่ในใจกลับเห็นแต่ใบหน้าของใครบางคน เปลือกตาบางหลุบมองมือถือเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วน เพราะตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ซึ่งเป็นวันที่สามแล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววว่าเมธัชจะทักหรือโทรมาเธอ “เฮ้อ! สงสัยจะยุ่งเรื่องเตรียมงานแต่ง จนลืมน้องแล้วมั้ง”เธอบ่นพึมพำคนเดียว ท่ามกลางแสงดาวที่เริ่มหายไป เมื่อเมฆดำอุ้มฝนเข้ามาแทนที่ สายลมเบา ๆ ในตอนแรกก็เริ่มพัดแรงขึ้นเรื่อย ๆ เพียงไม่กี่นาทีต่อมา สายฝนก็เทกระหน่ำลงมาอย่างหนัก วุ้นเย็นกอดเข่า ก่อนจะวางใบหน้าเล็ก ๆ ลงบนเข่าเนียน นั่งมองสายฝนผ่านหน้าต่างบานกระจก แต่นั่งได้ไม่นาน จู่ ๆ ใบหน้าของเมธัชก็โผล่ขึ้นมาที่หน้าต่าง “พะพี่ชาย!” เธอร้องออกมาด้วยความตกใจ แล้วยกมือขยี้ตาตัวเองแรง ๆ เพื่อให้แน่ใจว่
ตอนที่37น้องไม่ได้บอกเมื่อเห็นสีหน้าของเมธัช ยังไม่ดีขึ้น วุ้นเย็นจึงถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะพูดออกมาอย่างจริงจัง “พี่ชาย ตอนนี้หนูไม่ได้เป็นอะไรค่ะ ไม่ต้องไปตรวจหรอก หนูอยู่กับโรคนี้มานาน จนรู้จักคุ้นเคยกันดีแล้วล่ะ”เมื่อเห็นว่าวุ้นเย็นยืนยันหนักแน่น เมธัชก็เริ่มผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง “แล้วนี่ยังไม่มีข่าวเรื่องผู้บริจาคหัวใจอีกหรือ”คำถามนี้ทำให้วุ้นเย็นมีสีหน้าสลดลงเล็กน้อย แต่ก็ยังฝืนยิ้มบาง ๆ ออกมา “ยังไม่มีวี่แววเลยค่ะ แต่ช่างเถอะหนูไม่หวังอะไรมาก เพราะการที่เอาหัวใจคนอื่นมาต่อชีวิตเรา นั่นก็หมายถึงเขาจะต้องตายแทน แบบนั้นหนูก็ไม่อยากได้หรอกค่ะ ถึงหนูจะอยากมีชีวิตอยู่ แต่ก็ไม่ได้อยากให้ใครต้องตายนี่คะ แค่อยู่ได้อุ้มหลาน ก็พอใจแล้ว”น้ำเสียงที่สดใสแต่ปนเศร้านั้นทำให้เมธัชสะเทือนใจเป็นอย่างมาก &
ตอนที่36 อย่าลืมซิคะว่าหนูเป็นโรคอะไร “อ้อ!อย่างนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นก็นอนเถอะ พี่ไม่รบกวนแล้ว” เขาพูดพลาง ช่วยประคองหญิงสาวให้นอนลง แต่วุ้นเย็นก็ทำตัวแข็ง ไม่ยอมนอน เมธัชจึงมองอย่างไม่เข้าใจ “ไหนว่าจะนอนไม่ใช่หรือไง” เขาถามสั้น ๆ แต่น้ำเสียงนั้นก็ไม่ได้แสดงความหงุดหงิดออกมาแม้แต่น้อย “ใช่ แต่ยังนอนไม่ได้” วุ้นเย็นพูดไม่ได้มองหน้า “ทำไมถึงยังนอนไม่ได้” “ก็หนูยังไม่ได้กินยาหลังอาหารน่ะซิ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ เย็นชาชายหนุ่มจึงเอื้อมไปหยิบยา กับรินน้ำสะอาดส่งให้อย่างใจเย็นหญิงสาวรับยามาโยนเข้าปาก พร้อมกับดื่มน้ำตามเกือบหมดแก้ว แล้วส่งคืนให้เขา ก่อนจะนอนหันหลังให้โดยไม่กล่าวขอบคุณแม้แต่คำเดียวเมธัชไม่ได้สนใจท่าทีที่วุ้นเย็นแสดงออกมา เขาดึงผ้าห่มคลุมให้อย่างอ่อนโยน เพราะแค่วุ้นเย็นไม่ไล่ตะเพ
ตอนที่35 ลบเรื่องของพี่ชายออกจากสมองวุ้นเย็นได้ยินคำพูดของโสภาแล้ว ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงดีใจจนน้ำตาไหล แต่หลังจากฟื้นตื่นในครั้งนี้ เธอก็ไม่ได้รู้สึกยินดีอีกแล้ว “ช่างเถอะค่ะ จะให้อภัยหรือไม่หนูก็ไม่ได้สนใจอีกแล้ว ต่อจากนี้ไปหนูจะลบเรื่องของพี่ชายออกจากสมอง ไม่ไปยุ่ง ไม่เข้าใกล้อีกแล้วค่ะ”ตึก!พูดจบหัวใจของเธอก็กระตุกขึ้นมา เมื่อสายตาสบเข้ากับดวงตาคมลึกของเมธัชเข้าอย่างจัง “อ้าวคุณธัช มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” โสภาที่มองตามสายตาของลูกสาว ก็หน้าเสียไปนิดหนึ่งเมื่อเห็นว่าเมธัชเข้ามาโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง ไม่รู้ว่าได้ยินที่วุ้นเย็นพูดหรือเปล่า หากได้ยินก็กลัวจะโกรธจนไม่มองหน้ากันอีก “เพิ่งมาถึงครับคุณน้า” เขาตอบโสภาแต่ดวงตายังจับอยู่ที่ใบหน้าเรียวเล็กของวุ้นเย็น พร้อมทั้งค่อย ๆ เดินเข้าไปหา และหยุดยืนอยู่ข้าง