ตอนที่65
มีอะไรให้ฉันกินไหม
“การผ่าตัดเป็นไปได้ด้วยดี แต่ก็ยังไม่พ้นขีดอันตรายนะครับ คนไข้ต้องพักฟื้นดูอาการอย่างใกล้ชิด เพราะร่างกายอาจจะเกิดการต่อต้านอวัยวะได้ จึงต้องงดเยี่ยมไปก่อนนะครับ”
ดวงตาที่เลื่อนลอยของโสภา หยุดนิ่งอยู่ที่ใบหน้าของอาจารย์หมอ ก่อนที่น้ำตาจะไหลรินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มอันสวยงาม
“หมายความว่าลูกสาวของฉันรอดตายแล้วใช่ไหมคะคุณหมอ” โสภาเอ่ยถามด้วยความดีใจ และเป็นการพูดคุยที่เป็นเรื่องเป็นราวครั้งแรก หลังจากฟื้นจากการกินยาฆ่าตัวตาย
วิชัยถอนหายใจอย่างโล่งอกเขาคิดว่าจะสูญเสียภรรยาคนที่อ่อนหวานอ่อนโยนไปแล้วเสียอีก
“ใช่ครับ แต่ว่ายังต้องอยู่ในความดูแลของหมอนะครับ” นักศึกษาแพทย์ตอบแทนอาจารย์ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม จนอาจารย์หมอต้องมองด้วยสายตาดุ ๆ เพราะคนที่เป็นหมอไม่ควรแสดงอารมณ์ใด ๆ ทางสีหน้าให้ญาติเห็น แต่ลืมไปว่าบางครั้งอาจารย์หมอเองก็ควบคุมไว้ไม่อยู่เช่นกัน
“เห็นไหมคุณ หนูวุ้นไม่เป็นอะไรแล้ว คุณเองก็รีบหายนะเราจะได้กลับบ้านไปรอหนูวุ้นกัน” วิชัยพูดขึ้นด้วยความดีใจ พร้อมทั้งกอดโสภาไว้แน่น
โสภาพนมมือไหว้อาจารย์หมอก่อนจะกล่าวขอบคุณ
“ขอบคุณมากนะคะคุณหมอ ที่ช่วยชีวิตลูกสาวฉันไว้”
“เป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้วครับ แต่ต่อให้หมอเก่งแค่ไหน ถ้าไม่มีผู้บริจาคหัวใจหมอก็คงช่วยลูกสาวของคุณไม่สำเร็จ เพราะฉะนั้นช่วยทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่ผู้บริจาคด้วยนะครับ”
“ได้ค่ะ ฉันจะทำบุญทันทีที่ออกจากโรงพยาล แต่ฉันอยากทราบชื่อผู้บริจาคหัวใจให้ลูกสาวของฉันจะได้ไหมคะคุณหมอ เวลาทำบุญจะได้กรวดน้ำไปให้”
โสภารับคำเรื่องทำบุญแต่ในความคิดของเธอไม่ใช่เป็นการทำบุญเล็ก ๆ แน่นอน เพราะถ้าไม่มีหัวใจดวงนี้เธอก็คงจะไม่ได้ลูกสาวกลับมา จึงต้องการรู้จักชื่อของเจ้าหัวใจ แต่อาจารย์หมอกลับส่ายหน้าเบา ๆ
“หมอบอกไม่ได้ครับมันเป็นกฎของทางโรงพยาบาลและเป็นจริยธรรมของแพทย์ที่จะต้องปกปิดชื่อของผู้ที่บริจาคไม่ให้ผู้ที่รับบริจาครับรู้ เพื่อป้องกันอาการบางอย่างที่อาจจะเกิดขึ้นกับผู้รับบริจาค เช่นภาวะซึมเศร้าจาการรู้สึกผิด ที่ทำให้อีกคนหนึ่งต้องตายเพื่อให้ตัวเองรอด การเป็นหนี้ชีวิตอะไรแบบนี้ครับ”
“อ๋อหรือคะ ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณหมอ” โสภาพยักหน้าเข้าใจพร้อมกับกล่าวคำขอบคุณ
อาจารย์หมอและทีมแพทย์ออกไปจากห้องแล้ว โสภาก็หันมาหาวิชัย พร้อมกับพูดทั้งน้ำตา
“คุณคะ ฉันหิวจังเลยค่ะ มีอะไรให้ฉันกินไหมคะ”
วิชัยยิ้มกว้าง ก่อนจะตอบเสียงสั่นด้วยความดีใจ
“โอ้! คุณกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วจริง ๆ ผมกลัวแทบแย่ กลัวที่จะต้องเสียคุณไป คุณหิวเหรอ ผมเตรียมโจ๊กไว้ให้แล้ว จะรีบไปอุ่นมาให้เดี๋ยวนี้นะ รอผมครู่เดียวนะ” วิชัยพูดจบก็รีบเอาโจ๊กที่แม่บ้านเอามาส่งให้ออกจากตู้เย็น แล้วเอาเข้าไมโครเวฟทันที เพราะตั้งแต่โสภาตื่นขึ้นมาแล้วคลุ้มคลั่งวันนั้น ก็ไม่พูดและแทบไม่แตะอาหารเลย สร้างความทุกข์ใจให้กับเขาเป็นอย่างมาก รู้เลยว่าความรักของแม่ที่มีต่อลูกนั้นยิ่งใหญ่แค่ไหน
คิดมาถึงตอนนี้ ก็อดเป็นห่วงญาดากับภากรไม่ได้ ไม่รู้ว่าหัวใจจะแตกสลายแค่ไหน ภากรนั้นคงจะพอทำใจได้บ้างเพราะได้บวชได้เรียนมา คงจะมีวธีการจัดการกับความทุกข์และพรัดพราก แต่ญาดาแม้จะเคยปฏิบัติธรรมอยู่บ้างเหมือนกับโสภาก็จริง แต่อารมณ์ของคนเป็นแม่ที่ต้องสูญเสียลูกก่อนวัยอันควร คงมีอาการไม่ต่างจากโสภา และอาจจะรุนแรงกว่าเพราะญาดานั้นไม่มีความหวังที่จะได้กอดลูกเหมือนโสภาอีกแล้ว
ติ้ง! ไมโครเวฟดังขึ้น วิชัยรีบสวมถุงมือกันร้อนแล้วยกชามโจ๊กที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่นออกมาจากเตาทันที
“มาแล้วครับ โจ๊กร้อน ๆ เดี๋ยวผมป้อนให้นะ” วิชัยวางชามโจ๊กลงบนรถเข็น ก่อนจะเข็นเข้าไปที่เตียงคนไข้ แล้วเริ่มตักโจ๊กเป่าและป้อนให้โสภา แต่อีกฝ่ายส่ายหน้าปฏิเสธ
“ให้ฉันกินเองเถอะค่ะ คุณไปพักผ่อนบ้างเถอะ หลายวันมานี้คุณคงต้องเหนื่อยแย่เลย ที่ต้องดูแลฉัน”
เธอพูดพร้อมกับตักโจ๊กกินอย่างเอร็ดอร่อยทั้งที่แทบจะไม่รู้รสชาติของมันเพราะสภาพจิตใจที่ยังไม่ดีเท่าไหร่นัก แต่เธอต้องกินเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง จะได้ดูแลวุ้นเย็นได้ ในเมื่อหมอก็เคยบอกว่าถึงแม้จะได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจแต่วุ้นเย็นก็ต้องกินยากดภูมิไปตลอดชีวิต เพื่อไม่ให้ร่างกายต่อต้านหัวใจดวงใหม่ แล้วยังต้องใช้เวลาหนึ่งถึงสองปีกว่าที่ร่างกายจะเริ่มเป็นปกติ ระหว่างนั้นก็ต้องดูแลกันเป็นพิเศษ เธอขอแค่ได้วุ้นเย็นกลับมา ต่อให้ต้องดูแลกันไปจนตายก็ยอม
วิชัยนั่งมองภรรยากินโจ๊กเงียบ ๆ จนหมดชามด้วยความพอใจ ก่อนจะยื่นแก้วน้ำส่งให้ โสภารับมาแล้วดื่มไปจนเกือบหมดแก้ว
ในตอนนั้นหมอเจ้าของไข้ก็เข้ามาพอดี เมื่อเห็นว่าไม่มีอาหารเหลืออยู่ในชามเหมือนทุกวันก็ยิ้มอย่างยินดี
“โอโฮ! วันนี้คนไข้เก่งมากเลยค่ะ สีหน้าก็ดูสดใสขึ้น ถ้าอย่างนั้นวันนี้หมอจะไม่ให้ยานอนหลับแล้วนะคะ”
ตอนที่65มีอะไรให้ฉันกินไหม “การผ่าตัดเป็นไปได้ด้วยดี แต่ก็ยังไม่พ้นขีดอันตรายนะครับ คนไข้ต้องพักฟื้นดูอาการอย่างใกล้ชิด เพราะร่างกายอาจจะเกิดการต่อต้านอวัยวะได้ จึงต้องงดเยี่ยมไปก่อนนะครับ”ดวงตาที่เลื่อนลอยของโสภา หยุดนิ่งอยู่ที่ใบหน้าของอาจารย์หมอ ก่อนที่น้ำตาจะไหลรินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มอันสวยงาม “หมายความว่าลูกสาวของฉันรอดตายแล้วใช่ไหมคะคุณหมอ” โสภาเอ่ยถามด้วยความดีใจ และเป็นการพูดคุยที่เป็นเรื่องเป็นราวครั้งแรก หลังจากฟื้นจากการกินยาฆ่าตัวตายวิชัยถอนหายใจอย่างโล่งอกเขาคิดว่าจะสูญเสียภรรยาคนที่อ่อนหวานอ่อนโยนไปแล้วเสียอีก “ใช่ครับ แต่ว่ายังต้องอยู่ในความดูแลของหมอนะครับ” นักศึกษาแพทย์ตอบแทนอาจารย์ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม จนอาจารย์หมอต้องมองด้วยสายตาดุ ๆ เพราะคนที่เป็นหมอไม่ควรแสดงอารมณ์ใด ๆ ทา
ตอนที่63ความตายมันสบายเกินไปญาดาเล่ามาถึงตอนนี้ก็ร้องไห้โฮออกมาอีก ในขณะที่ภากรและเมธัชปล่อยให้น้ำตาไหลเงียบ ๆ ต่างรู้สึกเทิดทูนบูชาในน้ำใจอันประเสริฐของดุจดาว ที่คิดดีทำดีและมีจิตใจที่เข้มแข็ง กล้าหาญกว่าใครอีกหลายคนญาดาพยายาม ตั้งสติก่อนจะพูดต่อด้วยเสียงที่ปนสะอื้น “ตอนนั้นยายดาวพูดจนฉันและคุณภากรเข้าใจและยอมเซ็นเอกสารฉบับนี้ให้ แต่ไม่คิดเลยสักนิดว่าสุดท้ายยายดาวจะได้บริจาคหัวหัวใจให้หนูวุ้นจริง ๆ ฮือ...” ญาดาสะอื้นฮักออกมาอีกจนภากรต้องดึงมากอดไว้ ทั้งที่หัวใจของเขาก็แหลกสลายแล้วเช่นกัน “ถึงแม้ว่าจะมีเอกสารที่ชัดเจน แต่ทางโรงพยาบาลก็ต้องได้รับความยินยอมจากญาติอีกครั้งนะครับ หมอจะให้เวลาได้ตัดสินใจ แต่ก็ไม่ควนจะนานเกินไปนะครับ เพราะเมื่อสมองหยุดทำงานร่างกายก็จะค่อย ๆ หยุดการทำงานไปด้วยเช่นกัน ถึงตอนนั้นก็ไม่สามารถนำอวัยวะของคุณดุจดาวไปบริจาคเพื่อช่วยใครได้อีก ก็จะเป็นการขัดเจตจำนงค์ของเธอ”
ตอนที่63ความตายมาถึงเราในวันหนึ่งแน่นอน “บริจาคอวัยวะอย่างนั้นหรือ” เมธัชลืมตาขึ้น ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ เพราะเขาไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน “ใช่ครับ เราตรวจสอบกับศูนย์รับบริจาค พบว่าเธอระบุชัดว่า หากเข้าสู่ภาวะสมองตาย ขอบริจาคอวัยวะทุกส่วนในร่างกายที่ยังสมบูรณ์ดีให้กับผู้ป่วยที่ต้องปลูกถ่ายอวัยวะ หมอได้ตรวจเช็คดูแล้วก็พบว่า มีตับกับไตหนึ่งข้างที่ยังสมบูรณ์แต่อีกข้างเสียหาย และหัวใจของเธอที่ยังแข็งแรงมากครับ”ห้องเงียบลงอีกครั้ง เหลือเพียงเสียงสะอื้นเบา ๆ“จุดประสงค์ของผู้บริจาคอวัยวะ คือการให้ที่ยิ่งใหญ่เป็นครั้งสุดท้าย และนี่คือเอกสารที่คุณดุจดาวได้ทำเอาไว้เมื่อสองปีก่อนครับ”อาจารย์หมอพูดจบก็ยื่นเอกสารที่เป็นรายละเอียดในการบริจาคอวัยวะ และลายเซ็นของดุจดาว ส่วนเอกสารอีกใบเป็นการบริจาคหัวใจที่ระบุชื่อของผู้รับบริจาคอย่างชัดเจน ทั้งยังมีลายเซ็นของภากรและญาดาเป็นพยานอีกด้วย รูม่านตาข
ตอนที่62ภรรยาของผมยังไม่ตายในที่สุดเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง เมื่อประตูห้องผ่าตัดเปิดออก หมอเดินเข้ามาพร้อมกับรถเข็ญ ที่มีเด็กทารกฝาแฝดหญิงชายส่งเสียงร้องไห้จ้าทั้งสามคนดีดตัวลุกขึ้นแล้วปรี่เข้าไปหาทันที ญาดาเห็นทารกแล้วก็ร้องไห้โฮออกมาอีก “หนู ๆ แข็งแรงดีนะคะ แต่เนื่องจากผ่าตัดคลอดก่อนกำหนด หมอจะพาหนู ๆ ไปเข้าตู้อบก่อนเพื่อความปลอดภัยค่ะ” หมอแจ้งด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ แต่สีหน้าเต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยอย่างเห็นได้ชัดเมธัชยืนมองทารกน้อยนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามหมอ โดยไม่ได้ละสายตาไปจากทารกน้อย “ภรรยาของผมเป็นอย่างไรบ้าง เธอดีขึ้นแล้วใช่ไหม ผมจะเข้าไปหาเธอได้หรือยัง” “ตอนนี้อาจารย์หมอกำลังทำการประเมินเพื่อที่จะทำการรักษาค่ะ ญาติสามารถสอบถามได้จากอาจารย์ได้เลยนะคะ อีกไม่ช้าคงออกมา ส่วนหมอต้องขอตัวพาหนู ๆ ไปดูแลก่อนนะคะ” หมอสาวพูดจบก็เดินจากไปพร้อมกับผู้ช่วยและทารกแฝดภากรประคองญาดากลับไป
ตอนที่61อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดโสภาลืมตาขึ้นช้า ๆ จำได้ว่าก่อนหน้านี้เธอเจ็บปวดทรมานอย่างหนัก ในท้องของเธอปวดแสบไปหมด หลังจากนั้นก็เหมือนมีอะไรสอดเข้าทางจมูก ในตอนนั้นมันคือความทรมานจนแทบจะขาดใจตายตาย? ใช่เธอเรียกร้องคำนี้ด้วยตัวเอง เพื่อที่จะบริจาคหัวใจให้วุ้นเย็น และตอนนี้เธอตื่นขึ้นมาอีกครั้ง และภาวนาว่าให้ตื่นมาภพภูมิของความตาย แต่ทว่า!เธอกลับผิดหวังอย่างรุนแรง “โสภาคุณฟื้นแล้ว โอ้!ผมดีใจเหลือเกิน อย่าทำอะไรแบบนี้อีกนะ”วิชัยร้องขึ้นด้วยความดีใจ พร้อมกับโน้มตัวลงไปจุมพิตที่หน้าผากของโสภาเบา ๆ แต่อีกฝ่ายกลับผลักใบหน้าของเขาออกด้วยความไม่พอใจ “นี่ฉันยังอยู่เหรอ เพราะคุณใช่มั้ย ทำไม ทำไมไม่ปล่อยให้ฉันตาย ฉันอยากตายเข้าใจมั้ยว่าฉันอยากตาย ฮือ...ฉันอยากตาย...ฮือ..หมอได้โปรดทำให้ฉันตาย แล้วเอาหัวใจของฉันไปให้ลูกสาวฉันด้วยเถิด...ฮือ...ฉันใช้ชีวิตมาพอแล้ว แต่ลูกของฉันเพิ่งได้ใช้เพียงไม่กี่ปีเอง...
ตอนที่60 ต้องกลับมาดูแลลูกนะ “แต่อะไรคะคุณหมอ” โสภาเอ่ยถามอย่างร้อนรนอาจารย์หมอถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล “แต่เรายื้อไว้ได้แค่ชั่วคราวเท่านั้นนะครับ เพราะต้องทำการปลูกถ่ายหัวใจภายในเจ็ดวัน หากไม่ได้รับการปลูกถ่ายหัวใจ เราก็คง....เอาเป็นว่าหมอจะพยายามจนสุดความสามารถก็แล้วกันนะครับ” “คุณหมอหมายความว่า...หากไม่มีผู้บริจาคหัวใจภายในเจ็ดวันนี้ลูกสาวของฉันก็จะไม่ตื่นขึ้นมาอีกแล้วใช่ไหมคะ” “ครับ ถ้ายังไงผมขอตัวเข้าไปดูแลคนไข้ก่อนนะครับ”อาจารย์หมอพูดจบก็เดินจากไป โสภาเซไปข้างหลังก้าวหนึ่ง วิชัยรีบพยุงไว้แล้วบีบไหล่บางเบา ๆ ก่อนจะปลอบด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นอ่อนโยน แม้จะรู้สึกใจหายไม่แพ้กันและยังนึกหาหนทางช่วยไม่เจอเลย &n