หน้าหลัก / รักโบราณ / ยอดบุปผาโฉมสะคราญ / บทที่ 42 จัดการคน(เคยรัก)ที่แสนชั่วช้า

แชร์

บทที่ 42 จัดการคน(เคยรัก)ที่แสนชั่วช้า

ผู้เขียน: องค์หญิงโนเนม
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-21 15:17:13

กองทัพแคว้นซ่งพ่ายแพ้อย่างราบคาบ บรรดาเหล่าทหารที่ไม่ถูกฆ่าตายล้วนถูกจับเป็นเชลย แม้แต่ฉู่อี้เฉินยามนี้ก็ถูกลากตัวมาขังเอาไว้ในคุกที่เมืองสืออี้ชายแดนแคว้นฟงหลิง เขาตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ไม่คาดคิดว่าตนเองจะพ่ายแพ้ได้เช่นนี้

เจี่ยงหร่านรีบเข้าไปประคองเซียวจิ้งที่ร่างกายเต็มไปด้วยคราบโลหิตของผู้อื่น เขาหันมายิ้มให้นางอย่างภูมิอกภูมิใจ

"ฝีมือยิงธนูของเจ้ายอดเยี่ยมมาก"

เจี่ยงหร่านส่งยิ้มให้เซียวจิ้ง นางใช้มือเช็ดเหงื่อบนใบหน้าให้เขาอย่างอ่อนโยน ก่อนหน้านี้นางและเขาวางแผนเอาไว้ว่า เขาจะออกไปรบ ส่วนนางคอยดูสถานการณ์อยู่ด้านบน คอยหาจุดพลิกผันของฉู่อี้เฉินจากนั้นก็จัดการทันที หากผู้นำทัพล้ม แน่นอนว่าทั้งกองทัพย่อมย่อยยับไม่มีชิ้นดี

เมื่อกลับเข้ามาในเมืองแล้ว นางก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า และสั่งให้คนจัดการดูแลทหารที่ได้รับบาดเจ็บให้ดี แล้วเดินเข้ามาหาเซียวจิ้งที่นั่งอยู่ในห้องพัก ชายหนุ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เขาได้รับบาดเจ็บที่แขนเล็กน้อยเท่านั้น

"เซียวจิ้ง ท่านไหวหรือไม่"

เซียวจิ้งได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะออกมา

"ย่อมต้องไหวอยู่แล้ว เราออกไปดูสถานการณ์ข้างนอกกันเถิด"

"อืม"

เจี่ยงหร่านพยักหน้าเดิน
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   ตอนจบ

    เมื่อสงครามสงบลงแล้ว กองทัพทั้งหมดต่างยอมศิโรราบขึ้นตรงต่อแคว้นฟงหลิง แคว้นซ่งและแคว้นต้าฉี ผนวกเข้ารวมดินแดนเป็นหนึ่งเดียวกับแคว้นฟงหลิง ส่วนแคว้นฉู่ก็ยินดีสวามิภักดิ์และเปิดการค้าขายเชื่อมต่อทั้งสี่ชายแดน อีกทั้งยังส่งองค์หญิงมาเป็นสนมของฮ่องเต้เซียวหลางเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีอีกด้วย ผู้คนสามารถเดินทางค้าขายผ่านเมืองต่างๆ ได้โดยไม่ต้องเกรงกลัวสงครามอีกต่อไป แม่ทัพใหญ่จางและจางเฉวียนมุ่งหน้ากลับแคว้นฟงหลิงไปก่อน เพื่อกราบทูลเรื่องน่ายินดีนี้ให้ฝ่าบาททรงทราบ และบอกเซียวจิ้งและจางเหมี่ยวลี่ว่าหลังจากสถาณการณ์ที่นี่สงบเรียบร้อยแล้วก็ให้รีบตามกลับไปในภายหลังในยามนี้ เจี่ยงหร่านกำลังควบม้าเคียงข้างเซียวจิ้ง โดยมีเจี่ยงเฮ่าควบม้าตามหลังพร้อมกับสวีเฉินที่ติดตามมาด้วย เขาบอกว่าจะพานางมาดูสถานที่แห่งหนึ่ง แรกเริ่มเจี่ยงหร่านยังไม่เข้าใจ จนกระทั่งได้เห็นหลุมศพหลายหลุมตรงหน้า นางก็ถึงกับปล่อยโฮออกมาสวีเฉินเป็นคนฝังศพคนในตระกูลเจี่ยง เขาเขียนชื่อและทำสัญลักษณ์เอาไว้ จึงจำได้ว่าหลุมใดคือหลุมศพของแม่ทัพใหญ่เจี่ยง เขาขออภัยเจี่ยงหร่านที่ศพอื่นเขาไม่ได้ทำสัญลักษณ์เอาไว้ เพราเขาไม่เคยเห็นหน้าคนอื

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-21
  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   ตอนพิเศษ

    หนึ่งปีหลังแต่งงานหลังจากแต่งงานกันหนึ่งปี เซียวจิ้งและเจี่ยงหร่านมีชีวิตหลังแต่งงานที่มีความสุขเป็นอย่างมาก ในทุกๆ วันเขาและนางมักจะมีรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นให้แก่กันมีครั้งหนึ่งเซียวจิ้งเปิดไปเจอกล่องที่จางเหมี่ยวลี่เจ้าของร่างเดิมเก็บยันต์และสมุดบันทึกเอาไว้ เจี่ยงหร่านที่มาเห็นก็ถึงกับร้องว่าแย่แล้ว เดิมทีนางคิดจะทิ้งไป แต่ผู้ใดจะรู้ว่าเยว่ซินกลับนำกล่องใบนั้นมาพร้อมสินเดิมของนางด้วย นางรีบเอ่ยปรามไม่ให้เขาดูแต่เซียวจิ้งกลับเปิดอ่านและบอกว่าดีจริง จางเหมี่ยวลี่เขียนท่วงท่าอันเผ็ดร้อนทิ้งไว้ให้เขาอ่านเช่นนี้นับว่าดีมากและยังบอกอีกว่าคืนนี้จะนำท่วงท่าเหล่านั้นมาใช้กับนาง!ให้ตายเถอะ! คนผีทะเล!วันนี้เป็นวันที่เซียวจิ้งพาเจี่ยงหร่านกลับมาที่จวนตระกูลจาง ตั้งแต่แต่งงานกันเขาและนางไม่ได้ยึดถือกฎระเบียบตายตัวใดมากนัก อยากจะกลับจวนตระกูลจางเมื่อใดก็กลับมาได้เสมอแม่ทัพใหญ่จางและจางฮูหยินนั้นดีใจยิ่งนักที่บุตรสาวกลับมาเยี่ยมเยือนตน ยามนี้เซียวหลิงตั้งครรภ์ใกล้จะคลอดเต็มทีแล้ว จางเฉวียนก็คอยดูแลนางเป็นอย่างดี จางฮูหยินนั้นแม้จะดีใจที่ลูกสะใภ้กำลังจะมีหลาน แต่นางกลับไม่สบายใจเรื่องที่จางเหมี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-21
  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทนำ 1-1

    แคว้นฟงหลิงยามราตรีเสียงลมกระโชกที่โหมกระหน่ำรุนแรง ต้นไม้ทุกต้นโยกไหวไปตามแรงลม คล้ายกับมีมือหลายมือเสมือนเงามืดที่จับต้นไม้เหล่านั้นให้เอนไหวไปตามทิศทางลม จันทราสาดแสงส่องลงมาทำให้เห็นทุกสรรพสิ่งได้อย่างเลือนราง ยามนี้ภายในจวนตระกูลจาง ทุกคนต่างเข้าสู่ห้วงนิทรารมณ์กันหมดแล้ว จะเหลือก็เพียงเรือนเหลียนฮวา ที่ตอนนี้ยังคงมีแสงเทียนวับแวมให้พอมองเห็นได้อยู่บ้าง ภายในห้องมีหญิงสาววัยสิบเจ็ดปีกำลังนั่งพนมมืออยู่ในอ่างน้ำ ที่มีกลิ่นสมุนไพรเข้มข้น พลางขยับริมฝีปากแดงฉ่ำท่องสวดคาถาบางอย่างไม่ยอมลดละ พร้อมกับยกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ บรรยากาศโดยรอบพลันเย็นยะเยือกลงจนหนาวสะท้าน ก่อนที่นางจะขยับริมฝีปากบางเอ่ยวาจาออกมา"ขอให้ข้างามที่สุด งามเป็นหนึ่งในแคว้นฟงหลิง สตรีใดก็มิอาจเทียบเคียงข้าได้แม้แต่ปลายเส้นผม"กล่าวจบนางก็คลี่รอยยิ้ม ใบหน้างดงามล่มเมือง ทว่ากลับแฝงเอาไว้ด้วยความเย็นชาอำมหิต"คุณหนูเจ้าคะ ยามนี้ดึกมากแล้ว รีบเข้านอนเถิดเจ้าค่ะ"เสียงสาวใช้นางหนึ่งกล่าวขึ้นด้วยท่าทีหวาดหวั่น หญิงสาวพลันปรายตามามองสาวใช้อย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะตวาดเสียงดัง"พูดมาก นังคนชั้นต่ำ!"สิ้นเสียงหญิงสาวก็ลุก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-05
  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทนำ 1-2

    วังหลวงแห่งแคว้นซ่ง"นางตายหรือยัง?""ยังพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท"เสียงพูดคุยสนทนาที่อยู่ด้านนอกไม่ไกลนัก ทำให้หญิงสาวที่ถูกขังอยู่ในคุกหลวงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาช้าๆ นางรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย หญิงสาวค่อยๆ หยัดกายลุกขึ้นนั่งพิงกำแพง ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เมื่อนางเงยหน้าขึ้นไปมองก็พบคนผู้หนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาหยุดอยู่ที่หน้าคุกคุมขังและมองนางด้วยแววตาเรียบเฉย"ฉู่อี้เฉิน เหตุใดท่านจึงทำกับข้าเช่นนี้""เพราะเจ้าหมดประโยชน์แล้วอย่างไรเล่า"ฉู่อี้เฉินตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา เดิมทีเขาและนางเคยสัญญาว่าจะแต่งงานกันหญิงสาวที่ถูกคุมขัง มีนามว่าเจี่ยงหร่าน เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของแม่ทัพใหญ่แคว้นซ่ง มีความสามารถทั้งบุ๋นและบู๊เพราะแคว้นซ่งเปิดกว้างเรื่องสตรีอยู่ไม่น้อย เจี่ยงหร่านจึงได้เข้าค่ายทหารตามบิดา ไม่นานก็รั้งตำแหน่งรองแม่ทัพแห่งกองทัพหวังหย่ง เป็นสตรีคนแรกที่มีตำแหน่งสูงสุดในกองทัพการที่เขาเข้าหานาง เดิมทีก็เพื่อผลประโยชน์ ก่อนหน้านี้คนตระกูลเจี่ยงไม่เห็นด้วยที่เจี่ยงหร่านใกล้ชิดสนิทสนมกับเขา เนื่องจากคนในตระกูลเจี่ยงขึ้นตรงต่อฮ่องเต้แคว้นซ่งบิดาของเขา ไม่ขึ้นตรงต่อองค์

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-05
  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 1-1สิงศพคืนชีพ

    ยามนี้สงครามระหว่างแคว้นฟงหลิงและแคว้นต้าฉีมาถึงบทสรุปแล้ว ท้ายที่สุดฮ่องเต้แคว้นต้าฉีเจรจาของสงบศึกชั่วคราว เนื่องจากสูญเสียกำลังทหารไปร่วมหลายหมื่นนายแล้ว หากว่ายังคงดึงดันที่จะต่อสู้อีก ย่อมไม่ส่งผลดีต่อแคว้นต้าฉีเป็นแน่ผู้นำศึกในครั้งนี้คือแม่ทัพใหญ่จางและรองแม่ทัพเซียวจิ้ง หลานชายของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ซึ่งมีฝีมือเก่งกาจเป็นอย่างยิ่ง"ซื่อจื่อ ยามนี้แคว้นต้าฉียอมสงบศึกแล้ว ข้าจะส่งคนไปรายงานเรื่องนี้กับฝ่าบาทโดยด่วน"“เป็นเพราะครั้งนี้ มีท่านแม่ทัพใหญ่ร่วมออกศึก เราจึงสามารถมีชัยอีกครั้ง" เซียวซื่อจื่อตอบรับคำอย่างอารมณ์ดีแม่ทัพใหญ่จางที่ได้ยินเช่นนั้นก็แย้มยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้นมา"จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ท่านเองมีฝีมือยอดเยี่ยม แคว้นฟงหลิงมีท่านอยู่ วันใดข้าตายไปย่อมหมดห่วงแล้ว""อย่าได้เอ่ยวาจาเช่นนี้ ท่านแม่ทัพจะต้องมีอายุยืนยาว"สองคนพูดคุยสนทนากันอย่างสนุกสนาน ก่อนจะอนุญาตให้เหล่าทหารดื่มสุราเฉลิมฉลองให้กับชัยชนะในครั้งนี้ แม้จะยังไม่สามารถยึดแคว้นต้าฉีมาได้ แต่ฮ่องเต้แค้นต้าฉีย่อมไม่อาจจะก่อคลื่นลมได้ในเวลาอันรวดเร็วเช่นนี้เป็นแน่เซียวจิ้งมองดูเหล่าทหารที่ร่วม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-05
  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 1-2 สิงศพคืนชีพ

    "ซื่อจื่อ ไม่ดื่มหน่อยหรือ"เสียงของแม่ทัพใหญ่จางทำให้เซียวจิ้งหลุดพ้นจากภวังค์ ก่อนจะหันมายิ้มน้อยๆ"ไม่ล่ะ ข้าต้องเฝ้าดูสถานการณ์ อีกอย่างข้าไม่ค่อยอยากดื่มเท่าไหร่"แม่ทัพใหญ่จางพยักหน้า พลางกล่าวขึ้นมา"ซื่อจื่อ หากท่านกลับไปเมืองหลวงครั้งนี้ คงต้องแต่งงานกับเหมี่ยวเอ๋อร์ ข้ารู้ว่าท่านไม่เต็มใจ แต่สมรสพระราชทานย่อมมิอาจยกเลิกได้ หากท่านไม่รักนาง ก็ช่วยดีต่อนางได้หรือไม่ ข้ามีบุตรสาวเพียงคนเดียวเท่านั้น"เซียวจิ้งมองแม่ทัพใหญ่จางก่อนจะนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง และตอบรับคำ"ข้ารับปาก ข้าจะพยายาม"แม่ทัพใหญ่จางที่ได้ยินก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย"เวลานี้เฉวียนเอ๋อร์ได้รับบาดเจ็บเพิ่งจะฟื้นตัว กลับไปเมืองหลวงข้าจะหาหมอเก่งๆ มารักษาเขา""ข้าจะให้เสด็จลุงส่งหมอหลวงไปรักษาเขา อย่างไรเขาก็เป็นสหายของข้า""ขอบคุณซื่อจื่อยิ่งนัก"เซียวจิ้งพยักหน้าและขอตัวจากมา จางเฉวียนเป็นบุตรชายคนโตของแม่ทัพใหญ่จาง อีกทั้งยังเป็นสหายร่วมเรียนกับเขาตั้งแต่วัยเยาว์จึงสนิทสนมกันเป็นอย่างยิ่งชะตาสวรรค์กำหนดมาเช่นนี้แล้ว เขาเองก็ไม่อยากฝืนลิขิตสวรรค์เขาและสหายแดนไกลผู้นั้นคงมีวาสนาเพียงได้พบแต่ไม่ได้ครองคู่กันสวรรค์ช่า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-05
  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 2-1 ร่างใหม่

    เซียวจิ้งที่ได้เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าก็พลันนิ่วหน้า เขามองจางเหมี่ยวลี่ที่ยามนี้มองมาที่ตนด้วยแววตามีทั้งความตกตะลึงและคาดไม่ถึง อีกทั้งยังแฝงเอาไว้ด้วยความดีใจอีกหลายส่วนเขาไม่เคยชอบจางเหมี่ยวลี่ เพราะนางไม่ใช่คนนิสัยดีเท่าใดนักเขาจำได้ว่า ก่อนที่เขาจะเดินทางมาชายแดน เมื่อสองปีก่อน เสด็จลุงพระราชทานสมรสให้เขาและนาง หากชนะสงครามกลับเมืองหลวงเมื่อใด ก็ให้แต่งงานกันทันที ยามนั้นจางเหมี่ยวลี่พยายามจัดฉากเพื่อพบหน้าเขา นางนำขนมและอาหารที่ทำเองกับมือมาให้เขากิน มีครั้งหนึ่งเขาเห็นว่านางพนมมือขึ้นไหว้ไปที่อาหารและพึมพำบางอย่าง ก่อนจะเป่าลงไปในอาหารที่นำมาให้เขา เซียวจิ้งถอนหายใจออกมา และไม่แตะต้องของที่นางทำให้แม้แต่คำเดียวจางเหมี่ยวลี่หลงใหลวิชาบัดซบพวกนี้จนเสียสติไปแล้วหรืออย่างไรและมีอีกเหตุการณ์หนึ่ง เขาไปดื่มชาที่โรงน้ำชา และมีสตรีนางหนึ่งลอบส่งสายตาให้เขา เดิมทีเขาก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าใดนัก แต่ไม่รู้ว่าจางเหมี่ยวลี่มาแอบตามเขามาตั้งแต่เมื่อใด เมื่อนางเห็นว่าสตรีผู้นั้นยั่วยวนเขา นางก็ตรงเข้ามาตบตีสตรีผู้นั้นอีกทั้งยังพังโรงน้ำชาจนย่อยยับ และเอ่ยทิ้งท้ายว่า"บุรุษของข้าใครกล้าแตะตายสถานเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-05
  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 2-2 ร่างใหม่

    เจี่ยงหร่านที่ได้ยินดังนั้นก็ลุกพรวดพราดขึ้นมา ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่หน้ากระจกทองเหลืองบานใหญ่ ภาพของหญิงสาวนางหนึ่งพลันปรากฏสู่สายตาของนางอย่างชัดเจนสตรีนางนี้มีใบหน้างดงามล่มเมือง งามเสียจนร่างเดิมนางเทียบไม่ติด ผิวพรรณขาวนวลเนียนราวหิมะ แต่งกายด้วยผ้าแพรพรรณเนื้อดี ดูสูงส่งเป็นอย่างมากแตกต่างจากนางโดยสิ้นเชิงนี่มันเรื่องอะไรกัน!เจี่ยงหร่านใจเต้นถี่ระรัว ภาพก่อนตายปรากฏขึ้นมารวมไปถึงภาพที่นางปลิดชีพตนเอง เรื่องราวทั้งหมดไหลวนกลับมา ก่อนที่นางจะเบิกตากว้างด้วยความคาดไม่ถึงสวรรค์! ข้ามาเกิดใหม่ในร่างของบุตรสาวแม่ทัพใหญ่แคว้นฟงหลิงเช่นนั้นหรือ เดิมทีนางตายไปแล้ว นางจึงเข้ามาอยู่ในร่างของสตรีนางนี้เมื่อคิดได้เช่นนั้น นางก็ทรุดกายลงบนเตียง ก่อนจะหลับตาลงช้าๆ ในใจมีทั้งความดีใจและเสียใจนางดีใจที่สวรรค์มีเมตตาให้นางได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งแต่สิ่งที่่เสียใจก็คือ นางกลับต้องมาอยู่ในร่างของสตรีอื่น ซ้ำยังเป็นสตรีในแคว้นศัตรู ต้องอยู่ภายใต้เงาของคนอื่นไปจนวันตายนี่คือบทลงโทษจากสวรรค์ที่นางอกตัญญูต่อบิดามารดาใช่หรือไม่แม่ทัพใหญ่จางและจางฮูหยินที่เห็นว่าอยู่ๆ บุตรสาวก็เงียบงันไปทั้งยังร้อง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-05

บทล่าสุด

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   ตอนพิเศษ

    หนึ่งปีหลังแต่งงานหลังจากแต่งงานกันหนึ่งปี เซียวจิ้งและเจี่ยงหร่านมีชีวิตหลังแต่งงานที่มีความสุขเป็นอย่างมาก ในทุกๆ วันเขาและนางมักจะมีรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นให้แก่กันมีครั้งหนึ่งเซียวจิ้งเปิดไปเจอกล่องที่จางเหมี่ยวลี่เจ้าของร่างเดิมเก็บยันต์และสมุดบันทึกเอาไว้ เจี่ยงหร่านที่มาเห็นก็ถึงกับร้องว่าแย่แล้ว เดิมทีนางคิดจะทิ้งไป แต่ผู้ใดจะรู้ว่าเยว่ซินกลับนำกล่องใบนั้นมาพร้อมสินเดิมของนางด้วย นางรีบเอ่ยปรามไม่ให้เขาดูแต่เซียวจิ้งกลับเปิดอ่านและบอกว่าดีจริง จางเหมี่ยวลี่เขียนท่วงท่าอันเผ็ดร้อนทิ้งไว้ให้เขาอ่านเช่นนี้นับว่าดีมากและยังบอกอีกว่าคืนนี้จะนำท่วงท่าเหล่านั้นมาใช้กับนาง!ให้ตายเถอะ! คนผีทะเล!วันนี้เป็นวันที่เซียวจิ้งพาเจี่ยงหร่านกลับมาที่จวนตระกูลจาง ตั้งแต่แต่งงานกันเขาและนางไม่ได้ยึดถือกฎระเบียบตายตัวใดมากนัก อยากจะกลับจวนตระกูลจางเมื่อใดก็กลับมาได้เสมอแม่ทัพใหญ่จางและจางฮูหยินนั้นดีใจยิ่งนักที่บุตรสาวกลับมาเยี่ยมเยือนตน ยามนี้เซียวหลิงตั้งครรภ์ใกล้จะคลอดเต็มทีแล้ว จางเฉวียนก็คอยดูแลนางเป็นอย่างดี จางฮูหยินนั้นแม้จะดีใจที่ลูกสะใภ้กำลังจะมีหลาน แต่นางกลับไม่สบายใจเรื่องที่จางเหมี

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   ตอนจบ

    เมื่อสงครามสงบลงแล้ว กองทัพทั้งหมดต่างยอมศิโรราบขึ้นตรงต่อแคว้นฟงหลิง แคว้นซ่งและแคว้นต้าฉี ผนวกเข้ารวมดินแดนเป็นหนึ่งเดียวกับแคว้นฟงหลิง ส่วนแคว้นฉู่ก็ยินดีสวามิภักดิ์และเปิดการค้าขายเชื่อมต่อทั้งสี่ชายแดน อีกทั้งยังส่งองค์หญิงมาเป็นสนมของฮ่องเต้เซียวหลางเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีอีกด้วย ผู้คนสามารถเดินทางค้าขายผ่านเมืองต่างๆ ได้โดยไม่ต้องเกรงกลัวสงครามอีกต่อไป แม่ทัพใหญ่จางและจางเฉวียนมุ่งหน้ากลับแคว้นฟงหลิงไปก่อน เพื่อกราบทูลเรื่องน่ายินดีนี้ให้ฝ่าบาททรงทราบ และบอกเซียวจิ้งและจางเหมี่ยวลี่ว่าหลังจากสถาณการณ์ที่นี่สงบเรียบร้อยแล้วก็ให้รีบตามกลับไปในภายหลังในยามนี้ เจี่ยงหร่านกำลังควบม้าเคียงข้างเซียวจิ้ง โดยมีเจี่ยงเฮ่าควบม้าตามหลังพร้อมกับสวีเฉินที่ติดตามมาด้วย เขาบอกว่าจะพานางมาดูสถานที่แห่งหนึ่ง แรกเริ่มเจี่ยงหร่านยังไม่เข้าใจ จนกระทั่งได้เห็นหลุมศพหลายหลุมตรงหน้า นางก็ถึงกับปล่อยโฮออกมาสวีเฉินเป็นคนฝังศพคนในตระกูลเจี่ยง เขาเขียนชื่อและทำสัญลักษณ์เอาไว้ จึงจำได้ว่าหลุมใดคือหลุมศพของแม่ทัพใหญ่เจี่ยง เขาขออภัยเจี่ยงหร่านที่ศพอื่นเขาไม่ได้ทำสัญลักษณ์เอาไว้ เพราเขาไม่เคยเห็นหน้าคนอื

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 42 จัดการคน(เคยรัก)ที่แสนชั่วช้า

    กองทัพแคว้นซ่งพ่ายแพ้อย่างราบคาบ บรรดาเหล่าทหารที่ไม่ถูกฆ่าตายล้วนถูกจับเป็นเชลย แม้แต่ฉู่อี้เฉินยามนี้ก็ถูกลากตัวมาขังเอาไว้ในคุกที่เมืองสืออี้ชายแดนแคว้นฟงหลิง เขาตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ไม่คาดคิดว่าตนเองจะพ่ายแพ้ได้เช่นนี้เจี่ยงหร่านรีบเข้าไปประคองเซียวจิ้งที่ร่างกายเต็มไปด้วยคราบโลหิตของผู้อื่น เขาหันมายิ้มให้นางอย่างภูมิอกภูมิใจ"ฝีมือยิงธนูของเจ้ายอดเยี่ยมมาก"เจี่ยงหร่านส่งยิ้มให้เซียวจิ้ง นางใช้มือเช็ดเหงื่อบนใบหน้าให้เขาอย่างอ่อนโยน ก่อนหน้านี้นางและเขาวางแผนเอาไว้ว่า เขาจะออกไปรบ ส่วนนางคอยดูสถานการณ์อยู่ด้านบน คอยหาจุดพลิกผันของฉู่อี้เฉินจากนั้นก็จัดการทันที หากผู้นำทัพล้ม แน่นอนว่าทั้งกองทัพย่อมย่อยยับไม่มีชิ้นดีเมื่อกลับเข้ามาในเมืองแล้ว นางก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า และสั่งให้คนจัดการดูแลทหารที่ได้รับบาดเจ็บให้ดี แล้วเดินเข้ามาหาเซียวจิ้งที่นั่งอยู่ในห้องพัก ชายหนุ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เขาได้รับบาดเจ็บที่แขนเล็กน้อยเท่านั้น"เซียวจิ้ง ท่านไหวหรือไม่"เซียวจิ้งได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะออกมา"ย่อมต้องไหวอยู่แล้ว เราออกไปดูสถานการณ์ข้างนอกกันเถิด""อืม"เจี่ยงหร่านพยักหน้าเดิน

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 41 กลยุทธ์ลดทอนกำลังทหาร

    นับตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นกับบิดา ฟ่านเหยาไม่เคยนอนหลับสนิทได้เลยสักคืน ทุกครั้งที่นางหลับตาลงมักจะฝันเห็นว่าบิดาร้องขอความช่วยเหลือจากนาง ได้ยินเสียงฟ่านเยียนญาติผู้พี่ กำลังดิ้นรนด้วยความทุกข์ทรมาน พร้อมกับร่ำร้องขอให้นางช่วย นานวันเข้าฟ่านเหยาร่างกายก็ย่ำแย่ลง จากที่เคยงดงามเฉิดฉาย แต่เวลานี้ใบหน้าซูบตอบผอมแห้งราวกับคนป่วยหนักที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ นางฝันเห็นเจี่ยงหร่าน ฝันว่าสตรีผู้นั้นเดินเข้ามาบีบปลายคางของนางและกระซิบว่า บุตรของนางยามนี้กำลังไปคอยรับใช้บุตรเจี่ยงหร่านในปรโลกแล้ว และยังบอกอีกว่านับแต่นี้นางอย่าได้ฝันว่าจะสามารถตั้งครรภ์ได้อีกชั่วชีวิต!ครั้งแรกฝันเช่นนี้ฟ่านเหยาด่าทอสาปแช่งเจี่ยงหร่านอย่างเกลียดชัง แต่เมื่อนานวันเข้าความกลัวเริ่มกัดกินจิตใจของนาง ฟ่านเหยาหวาดระแวงไม่กล้าอยู่คนเดียวต้องใช้ชีวิตอยู่บนความทุกข์ราวกับคนตายทั้งเป็นระยะหลังมานี้ไม่รู้เพราะเหตุใด นางกับฉู่อี้เฉินจากแต่ก่อนที่เคยรักกันหวานซึ้ง ตอนนี้กลับทะเลาะกันทุกวัน เขาเอาแต่ตะโกนเรียกหาเจี่ยงหร่านนางแพศยานั่น อีกทั้งยังถามนางว่าตระกูลฟ่านคิดไม่ซื่อกับเขาจริงหรือไม่ เขาถามนางซ้ำๆ อยู่เช่นนั้นราวกับค

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 40 หลุมศพ

    หลังจากที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เซียวจิ้งและเจี่ยงหรานรวมถึงเจี่ยงเฮ่าก็เร่งเดินทางข้ามเขตชายแดนในทันที เจี่ยงเฮ่านั้นก่อนหน้านี้เจี่ยงหร่านไม่อยากให้เขาติดตามมาด้วย เพราะเกรงว่าจะเกิดอันตรายที่คาดไม่ถึง ทว่าเจี่ยงเฮ่ากลับลอบปะปนมากับกองทัพทหาร ด้วยเวลานี้อาการบาดเจ็บที่ขาของเขาเริ่มดีขึ้นบ้างแล้ว แต่เพราะเดินทางมาไกลจึงทำให้อาการกำเริบขึ้น แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงเท่าใดนักเจี่ยงหร่านในเวลานี้กำลังยืนอยู่บนหอสังเกตการณ์ ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปยังเบื้องหน้าด้วยแววตาที่ราบเรียบ สายลมพัดเข้ามาปะทะใบหน้าของนางเป็นระยะตอนนี้นางสังหารพวกมันไปสองคนแล้ว หากบอกว่าการที่ฟ่านเยียนตายคือพายุลูกแรกที่สร้างผลกระทบต่อแคว้นซ่ง การตายของราชครูฟ่านก็เปรียบได้กับคลื่นยักษ์ที่สาดซัดเข้าสู่แคว้นซ่ง คนสำคัญที่เป็นคนคอยชี้แนะฉู่อี้เฉินและสนับสนุนเขายามนี้ตายแล้ว ย่อมทำให้เหล่าบรรดาแม่ทัพทหารแคว้นซ่งและขุนนางในราชสำนักหวาดหวั่นพรั่นพรึงไม่น้อยและยังส่งผลทำให้บัลลังก์มังกรของฉู่อี้เฉินสั่นคลอนเป็นอย่างยิ่งในขณะที่นางกำลังคิดไปเรื่อยเปื่อย ฉับพลันก็มีซาลาเปาลูกหนึ่งยื่นมาตรงหน้าของนาง เมื่อนางหันไปมองก็ยิ้มออก

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 39 ส่งมอบของขวัญ

    ราชครูฟ่านถูกจับตัวเอาไว้ เหล่าผู้ติดตามก็ถูกรวบตัวไว้ทั้งหมดเช่นเดียวกัน พวกเขาบางส่วนที่คิดขัดขืนล้วนถูกทุบตีจนไร้ทางสู้ ราชครูฟ่านเงยหน้ามามองเจี่ยงหร่านในร่างของจางเหมี่ยวลี่ ด่าทอด้วยความโกรธเกรี้ยว"นังแพศยา เป็นเจ้าใช่หรือไม่ที่สังหารหลานชายของข้า วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้าเอง"เมื่อถูกจับได้แล้วก็ย่อมไม่จำเป็นต้องรักษาท่าทีอีกต่อไป เขาพ่นคำหยาบสารพัด ด่าทอทุกคนไม่เหลือท่าทีของราชครูผู้สูงส่ง เช่นในกาลก่อนอีกแล้ว เจี่ยงหร่านยิ้มตาหยี กล่าวกับเขาด้วยน้ำเสียงที่เยาะหยัน"ใจเย็นๆ สิราชครูฟ่าน ท่านทำแบบนี้เท่ากับไม่รักษาหน้าตาของตนเลย ท่านเป็นถึงราชครูฟ่านผู้ขาวสะอาดดุจเทพเซียนของแคว้นซ่งเชียวนะ ทำเช่นนี้น่าอับอายจริงเชียว"ราชครูฟ่านเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักไปครู่หนึ่ง นางรู้ได้อย่างไรว่ายามอยู่ที่แคว้นซ่ง เขาได้รับฉายาว่าบัณฑิตผู้สูงส่งขาวสะอาดดุจเทพเซียนด้วยเหตุนี้ราชครูฟ่านจ้องมองดูหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาที่วูบไหว ทว่านางกลับยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยนอ่อนโยนเสียจนน่าขนลุก!คนทั้งหมดถูกจับตัวเอาไว้ ส่วนหลี่ฟางนั้นยามนี้ถูกพาตัวมาไต่สวนในวังหลวง อย่างไรนางก็ได้ชื่อว่าเป็นพระชายาเอกของชินอ

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 38 หลอกล่อปลามาติดแห

    หลายวันต่อมา ฮ่องเต้เซียวหลางก็มีรับสั่งให้คณะทูตของแคว้นซ่งเข้าเฝ้า จัดงานเลี้ยงฉลองต้อนรับอย่างสมเกียรติ และยังให้ขุนนางชั้นสูงรวมถึงบุตรสาวและฮูหยินเอกเข้าร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ได้ แน่นอนว่าเจี่ยงหร่านเองก็ต้องร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ด้วยเช่นเดียวกันเจี่ยงหร่านวันนี้สวมชุดขุนนางหญิง ที่ทางราชสำนักเพิ่งตัดส่งมาให้เข้าร่วมงานตามตำแหน่งทางการทหารของนาง หญิงสาวเดินเข้ามาในงานเลี้ยงด้วยท่าทีองอาจผึ่งผาย เซียวหลิงที่เห็นเช่นนั้นก็รีบเข้ามาทักทายนาง ก่อนจะดึงนางให้ไปลองชิมขนมที่ตนเพิ่งทำขึ้นมาใหม่ เจี่ยงหร่านอยู่สนทนากับเซียวหลิงได้ไม่นาน ก็ต้องกลับมานั่งประจำตำแหน่งที่เดิมของตน ไม่นานนัก ขันทีก็ประกาศว่าฮ่องเต้เซียวหลางเสด็จมาถึงแล้ว ทุกคนจึงรีบลุกขึ้นและอยู่ในความสงบฮ่องเต้เซียวหลางเดินเข้ามาพร้อมกับฮองเฮาของตน ส่วนเซียวจิ้งนั้นยามเดินอยู่ด้านหลังพร้อมกับบิดาและมารดาเลี้ยง ทั้งยังมีเซียวกั๋วมาร่วมงานด้วย อย่างไรเสียก็เป็นถึงเชื้อพระวงศ์ แม้ในยามปกติจะไม่ลงรอยกันมากเพียงใด แต่เมื่อมีคนต่างแคว้นเข้ามา ย่อมต้องแสดงออกว่าพี่น้องรักใคร่กันดีเพื่อไม่ให้ศัตรูมองเห็นจุดอ่อนได้"ทุกคนลุกขึ้นเถ

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 37 ตลบหลัง

    ด้านเจี่ยงหร่านที่ได้รับทราบว่าผู้นำคณะทูตเดินทางมาสวามิภักดิ์ในครั้งนี้ก็คือราชครูฟ่านบิดาของฟ่านเหยา ถ้วยชาในมือถูกกำเอาไว้แน่น นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเดินออกจากเรือนมุ่งหน้าไปที่รถม้า นางบอกเยว่ซินว่าจะไปที่หอสุราจิ๋นฮวา อีกทั้งยังไม่ให้เยว่ซินตามไปด้วยเมื่อมาถึงนางมุ่งขึ้นไปบนชั้นสอง ลุงหม่าเองระยะหลังมานี้ เริ่มจะคุ้นเคยกับเจี่ยงหรานมากขึ้น เมื่อนางมาถึงเขามักจะจัดห้องที่ด่ีที่สุดให้ และสั่งให้คนนำสุราชั้นดีส่งให้นางอย่างรู้งานวันนี้เซียวจิ้งเองก็มิได้มีงานเร่งด่วน เมื่อได้ยินว่าเจี่ยงหร่านต้องการพบเขา และรออยู่ชั้นสองของเหลาสุรา ชายหนุ่มก็รีบตรงมาหานางทันที เมื่อมาถึงก็พบว่า ในห้องมีเจี่ยงเฮ่าอยู่ด้วย เจี่ยงเฮ่ายิ้มให้เซียวจิ้งอย่างนอบน้อม เซียวจิ้งเองก็ยิ้มตอบอย่างมีมารยาท แล้วเดินเข้ามานั่งลงข้างกายของเจี่ยงหร่านและถามขึ้นมา"เจ้ามาหาข้ามีเรื่องใดหรือ ให้คนส่งจดหมายมาก็ได้ ข้าจะรีบไปหาเจ้าเอง"เจี่ยงหร่านเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาได้ แล้วพูดว่า"เซียวจิ้ง ที่ข้ามาพบท่านครั้งนี้เพราะมีเรื่องที่อยากขอร้องท่านเรื่องหนึ่ง เรื่องนี้ข้าคิดไตร่ตรองมาทั้งคืนแล้ว"เซียวจิ้ง

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 36 คณะทูต

    เซียวจิ้งเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้เจี่ยงหร่าน อย่างแผ่วเบา เอ่ยกับนางว่า"อาหร่าน เจ้าอย่าให้ความเกลียดชังกัดกินจิตใจเจ้าจนทุกข์ทรมานเลยนะ"เจี่ยงหร่านในร่างของจางเหมี่ยวลี่เงยหน้าขึ้นมามองเซียวจิ้งครู่หนึ่ง ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เมื่อครู่เพราะนางถูกความโกรธแค้นครอบงำจิตใจมากเกินไป จึงทำให้ควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ได้หญิงสาวพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ"ทำไมหรือสหายเซียว ท่านกลัวข้าถลำลึกเช่นนั้นหรือ""ข้ากลัวเจ้าไม่มีความสุข ข้าอยากเห็นเจ้ามีสุขไร้ทุกข์กังวล"เจี่ยงหร่านเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็พลันชะงักไปอึดใจ คลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย ไม่รู้เพราะเหตุใด ยามที่นางกำลังจะถลำลึกจนถูกความแค้นกัดกินครอบงำจิตใจ ทว่าเซียวจิ้งกลับสามารถดึงนางขึ้นมาจากหลุมดำภายในจิตใจได้ทุกครั้งเขาเหมือนแสงสว่างที่ส่องประกายเจิดจ้าและงดงามยิ่งนักเมื่อเห็นว่าเจี่ยงหร่านมีสีหน้าดีขึ้นมากแล้ว เขาจึงพูดขึ้นมาทันที"แม้นางจะตั้งครรภ์ แต่ได้ยินว่าระยะหลังมานี้สุขภาพไม่สู้ดีเท่าใดนัก มักจะอารมณ์เสียจนเจ็บป่วยอยู่บ่อยครั้ง แต่นางมีโทสะเรื่องใดนัั้นคนของข้ายังสืบได้ไม่แน่ชัด"เจี่ยงหร่านเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็เพียงยิ้มน้อยๆ"สหา

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status