ปันอวิ๋นจ้องมองนาง จากนั้นก็หัวเราะขึ้น "ได้ๆๆ รู้แล้ว เฟิงเหยียนเด็ดมาให้เจ้าสินะ? ยังต้องซ่อนเสียด้วย ใครเขาสนกัน..."จั๋วซือหรานมองเขา "เจ้าไม่สนหรือ? ก็ดี"นางเลยไม่ซ่อนแล้ว หยิบออกมากินต่อปันอวิ๋นขบฟัน ในใจก็คิดว่าไม่แปลกใจเลยที่เฟิงเหยียนถูกหญิงสวคนี้ทำให้ยอมจำนนขนาดความจำเสื่อมไปรอบแล้วก็ยังหนีไม่พ้นชะตาถูกกลืนกินแบบนี้ กินรวบหัวรวมหางเลยทีเดียวปันอวิ๋นสูดหายใจลึก จากนั้นก็เอ่ยต่อว่า "เมืองซื่อหนานน่าจะค่อนข้างยุ่งยากหน่อย"กระบองในมือปันอวิ๋นลากต่อไปบนพื้นจั๋วซือหรานมองออกว่าเขาวาดแผนที่ง่ายๆ บนพื้น หรืออาจจะเป็นเส้นการเดินทางปันอวิ๋นเอ่ยต่อว่า "ตามหลักแล้วถ้าเดินอีกทาง น่าจะไปถึงเฉวียนหนาน ผิงหนาน จากนั้นถึงจะไปถึงซื่อหนาน แต่เนื่องจากซื่อหนานยุ่งยากที่สุด ข้าคิดว่า สู้เอามาไว้หน้าสุดเลยดีกว่า"จั๋วซือหรานได้ยินคำพูดนี้ของปันอวิ๋น ก็ไม่ได้มีข้อโต้แย้งอะไรกับคำนี้ของปันอวิ๋น พยักหน้าเอ่ยว่า "ก็จริง ตอนที่มีกำลังทั้งหมดเข้ารับมือกับความยุ่งยากที่สุด มันดีกว่าตอนที่รับมือกับที่อื่นแล้วเหลือแรงอยู่นิดหน่อยค่อยไปรับมือกับความยุ่งยากมากที่สุดอยู่แล้ว"ปันอวิ๋นฟังคำพูด
จั๋วซือหรานโบกไม้โบกมือ "ไม่มีไม่มี"ชิ่งหมิงไม่ได้ถามอะไรต่อ นางบอกว่าไม่มีเขาพยักหน้าเบาๆ แต่สีหน้าบนหน้ากลับเปลี่ยนเป็นจนใจ "ไม่มีก็ไม่มี ซือหราน ความรังเกียจในสายตาเจ้านั่นมันอะไรน่ะ...""เฮ้อ" จั๋วซือหรานโบกไม้โบกมือ บ่นพึมพำ พลางเดินตรงไปที่กองไฟ "พอเด็กโตแล้ว ก็ไม่น่ารักแล้วสิน่า..."จวงอี๋ไห่ได้ยินเสียงฝีเท้าจั๋วซือหรานเดินมา จึงหันมามอง "คุณหนู!"จากนั้นหางตาก็เห็นชิ่งหมิงที่อยู่ด้านหลังไม่ห่างออกไปนักสายตาของจวงอี๋ไห่ เพียงไม่นานก็หันกลับไปอย่างไม่ใส่ใจยิ้มให้กับจั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นว่า "คุณหนู ท่านสั่งการมาก็พอ ไม่ต้องถึงกับให้ท่านลงมือเองหรอก มือจะได้ไม่เลอะด้วย..."จั๋วซือหรานคิดๆ แล้วจึงพยักหน้า นั่งลงข้างๆ ชี้แนะให้จวงอี๋ไห่ต้องหมักยังไง ปรุงอย่างไร เหมือนกับอาจารย์ตามหลักแล้วคนที่ทำอาหาร สิ่งที่กลัวที่สุดก็คือมีคนมาคอยชี้มือชี้ไม้อยู่ข้างๆแต่จวงอี๋ไห่กลับอดทนอย่างมาก ทำตาม...วิธีการของจั๋วซือหรานจั๋วซือหรานสั่งการไปพอประมาณ "เอาล่ะ เอาขึ้นไปย่างบนไฟแบบนี้ก็พอ""ได้เลย" จวงอี๋ไห่พยักหน้า เตรียมเรียกลูกชายทั้งสองคนเข้ามาช่วยยกขึ้นไปบนกองไฟยังไม่ทันที่เขา
ตามหลักการชิ่งหมิงเองก็มาถึงหุบเขาหมื่นพิษหลายวันแล้วแม้จะบอกว่าจั๋วซือหรานรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับชิ่งหมิงผ่านปากของจวงอี๋ไห่แล้วแต่จั๋วซือหรานอันที่จริงไม่รู้ว่าจวงอี๋ไห่กับชิ่งหมิงมาเจอกันยังไง พูดคุยกันแบบไหนดังนั้นจึงไม่รู้ว่าจวงอี๋ไห่บอกความจริงให้ชิ่งหมิงรู้หรือยังนางเองก็ไม่ได้ถามเพียงแต่ว่า ถ้าดูจากตอนที่ชิ่งหมิงช่วยกันหลอมสกัดกับนางก่อนหน้านี้ ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ชิ่งหมิงก็น่าจะยังไม่รู้ตัวตนฐานะของจวงอี๋ไห่จั๋วซือหรานเองก็ไม่คิดจะไปยุ่ง ก็เลยยังไม่พูดตอนนี้ พอเห็นสายตาชิ่งหมิงที่มองจวงอี๋อไห่ นางก็อดรู้สึกขึ้นมาไม่ได้...ว่าชิ่งหมิงรู้อะไรแล้วหรือเปล่า?จั๋วซือหรานเดินมาข้างกายชิ่งหมิง เอ่ยถามเสียงต่อ "เป็นอะไรไป?"สายตาของชิ่งหมิงจืดจาง มองดูจวงอี๋ไห่ที่อยู่ข้างๆ กองไฟ"ทักษะที่เขาใช้ตอนจุดไฟ" เสียงของชิ่งหมิงเรียบสงบ"อื๋อ?""เป็นทักษะของตระกูลจวง" ชิ่งหมิงเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานตะลึงงัน แต่ก็เข้าใจความหมายของชิ่งหมิงอย่างรวดเร็วจริงอยู่ ทักษะการจุดไฟมีอยู่หลายแบบแตกต่างกันถ้าหากคนที่ไม่รู้จักวิชา หรือคนที่ไม่รู้จักวิชาธาตุไฟ ตอนจุดไฟก็จะใช้เฉพาะแร
ทำเอาคนที่เห็นต้องจุ๊ปากอย่างประหลาดใจจั๋วหวายเสียงเล็กมาก เหมือนกลัวจะไปรบกวนสัตว์ประหลาดพวกนี้อย่างไรอย่างนั้นเอ่ยขึ้นเสียงเบากับจั๋วซือหราน "ท่านพี่ พวกมันเชื่องจัง ทำไมถึงเชื่องได้ขนาดนี้"จั๋วหวายตาเป็นประกาย "ท่านพี่เก่งกาจจริงๆ!"พอสิ้นเสียงเขา หัวใหญ่ที่มีขนปุยของหมาป่าน้ำแข็งก็หันมาทางเขา อ้าปากกว้างจั๋วหวายเห็นเขียวแหลมสีขาวของหมาป่าน้ำแข็งแล้วรู้สึกชาไปทั้งตัวแต่ก็อธิบายลำบาก น่าจะเพราะเขามีความเชื่อมั่นต่อตัวพี่สาวอย่างมากดังนั้นจั๋วหวายจึงไม่ขยับ และไม่ลนลานด้วยและจึงเห็นหัวที่ขนนุ่มฟูนั่นของหมาป่าน้ำแข็งเอนเข้ามาหา อ้าปากแต่ไม่ได้ใช้ฟันแหลมคม แต่ยื่นลิ้นยาวนุ่มๆ ออกมาแผลบๆๆ!เลียเข้าไปที่หน้าจั๋วหวายจั๋วหวายชาไปทั้งตัว แต่ยังคงไม่ขยับถึงจะตัวชา แต่ในใจกลับดีใจ ใบหน้าเผยรอยยิ้มทื่อๆ ออกมาจั๋วซือหรานเดิมทียังคิดว่าเสี่ยวหวายจะกลัวหรือเปล่า แต่พอหันไปก็เห็นรอยยิ้มทื่อๆ ของเจ้าเด็กคนนี้นางจึงหัวเราะขึ้นมา "ชมต่อไป หมาป่าน้อยชอบเจ้าชมข้า ดีกว่าชมมันเสียอีก"จั๋วหวายดีใจมาก เลยขดตัวอยู่ข้างๆ จั๋วซือหรานไม่ขยับไปไหนอีกถ้าสัตว์ประหลาดตัวอื่นให้เขาลูบ
ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันยังจำเหยื่อที่ถูกผ่าท้องเลือดท่วมกลับมาอีกด้วยจึงยิ่งดูนองเลือดเข้าไปอีกแต่ว่า พวกมันก็เข้าแถววางเหยื่อลงตรงหน้าจั๋วซือหราน จากนั้นก็ก้มหัวลงมาตรงหน้านางอย่างว่าง่ายอยู่ในสภาพเชื่องๆ ว่าง่าย รอให้นางมาลูบหัวทั้งที่ดูดุดันขนาดนั้นแท้ๆ! เหล่าสัตว์ประหลาดที่ไปที่ไหนก็ต่อสู้ได้!กลับมารอให้นาง...ลูบหัวเนี่ยนะ?!และจั๋วซือหรานก็ลูบหัวให้ทีละตัว พร้อมกับเอ่ยชมพวกมันด้วย"อื๋อ? หมาน้อยเอากวางกลับมาหรือ ดีมาก ข้าชอบกินเนื้อกวาง เดี๋ยวจะย่างขากวางให้เจ้าสักข้างหนึ่งแล้วกัน"จากนั้นก็ลูบหัวทุกคนต่างก็เห็นว่าหมาป่าน้ำแข็งที่ดูดุร้ายตัวนั้น ก้มหัวลงมาให้นางลูบก็เรื่องหนึ่งพอลูบเสร็จก็ยังทำเหมือนกับสุนัข ส่งเสียงร้องงื๊ดงื๊ด หู่ลู่ไปด้านหลัง ออดอ้อนน่าดูจากนั้นก็ครางหงุงหงิง ไปมอบลงด้านหลังจั๋วซือหรานอย่างว่าง่ายท่าทางนั้นเหมือนจะไปเป็นหมออิงหรือเบาะนั่งให้นาง จะยังไงมันก็ไม่ขยับไปไหนแล้วแน่นอน มันอาจจะรอขากวางย่างที่จั๋วซือหรานพูดเมื่อครู่อยู่ก็ได้หมาป่าน้ำแข็งไม่ใช่สัตว์ประหลาดระดับสูงอะไรมาก ตามหลัการแล้วสติปัญญาไม่ถึงระดับที่เข้าใจภาษามนุษย์แต่กลับ
เฟิงเหยียนถึงจะชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็หัวเราะบางๆ ขึ้นมาแทบจะในทันที "อิจฉาล่ะสิ"ปันอวิ๋นจุ๊ปาก ในใจก็คิดว่าคำที่เขาพูดเจ้าตัวดีมาได้ยินเสียนี่"ซวยจริง..." ปันอวิ๋นเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานอยู่ข้างๆ กลับอารมณ์ค่อนข้างดี แขนของนางยันอยู่กับขอบหน้าต่าง ใช้คางเกยมือ พูดกับปันอวิ๋นว่า "อย่าท้อใจไป เจ้าเองก็เจอกับข้านี่? บางทีข้าอาจจะมาเพื่อช่วยพวกเจ้าก็ได้นะ?"ปันอวิ๋นพอได้ยินก็คิดๆ พยักหน้า "ก็จใช่ พูดมาก็ถูกอยู่"เฟิงเหยียนควบม้าขึ้นมา เบียดปันอวิ๋นออกไปข้างๆ เอ่ยขึ้นเสียงเรียบว่า "อย่าไปป้อยอเขามากนัก""ซักวันข้าก็ต้องสู้กับเจ้า" ปันอวิ๋นถลึงตาใส่เขา บ่นกระปอดกระแปดควบม้าไปที่หน้าขบวนจั๋วซือหรานแหงนตามองเฟิงเหยียน เอ่ยถามว่า "จะเข้มาในรถม้าหน่อยไหม?"ฃนางยังคงเป็นห่วยสภาพของเฟิงเหยียนแม้ชุดของเขาจะรัดกุมดีแล้ว ป้องกันได้หมดจดแต่จั๋วซือหรานก็ยังไม่ค่อยวางใจเฟิงเหยียนส่ายหัว "ไม่รีบ"เขามองสีท้องฟ้าผาดหนึ่ง "ยังไม่ถึงช่วยกลางวัน ตอนนั้นค่อยว่ากัน"ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง เหลียนเจินก็หาที่เหมาะๆ หยุดพักได้แล้ว ขบวนม้าจึงค่อยๆ หยุดลงปันอวิ๋นยังคิดอยู่ ว่าจะออกไปล่าสัตว์อะไรรอบๆ นี้