พอได้ยินคำนี้ ปันอวิ๋นก็จุ๊ปากขึ้นสองที"อดพูดไม่ได้เลย เนี่ยคุนหลายปีนี้น่าจะทุจริตไปไม่น้อยเลย เรือนหลังนี้สร้างได้...อย่างกับเป็นวังจักรพรรดิ ในเมืองซื่อหนานที่แม้แต่ไก่ยังไม่ออกไข่เลยด้วยซ้ำ"ปันอวิ๋นในฐานะเจ้าหุบเขาหมื่นพิษ แน่นอนว่าไม่ใช่คนที่ไม่เคยเห็นโลก เขาพูดได้แบบนี้ ก็เห็นได้ถึงระดับความโอ่อ่าของจวนเจ้าเมืองแล้วตอนนี้ยังเป็นช่วงกลางคืน ก็ยังเห็นความโออ่าได้ไม่ยากพรุ่งนี้ตอนฟ้าสาง คงจะลานตาน่าดูพอได้ยินคำนนี้ของปันอวิ๋น จั๋วซือหรานก็หัวเราะขึ้นมา "ทุจริตนิดหน่อยเสียที่ไหน ราชสำนักเองก็ไม่ได้ให้เงินเขาน้อยนะ ยิ่งไปกว่านั้น..."พูดถึงจุดนี้ จั๋วซือหรานก็หรี่ตาลง เอ่ยขึ้นอย่างมีนัยยะ "...ข้ารู้สึกว่าเขาอาจจะไม่ได้รับเงินเดือนแค่ทางเดียวด้วย"ปันอวิ๋นตกตะลึง "นี่จริงหรือล้อเล่นกัน?"เฟิงเหยียนที่อยู่ข้างๆ เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ "ตำแหน่งของสถานที่นี้ค่อนข้างอ่อนไหว ถ้าหากข้าเป็นเนี่ยคุน ย่อมไม่คิดหาวิธีแค่ทางเดียวแน่นอน"เงินจากแคว้นเหยี่ยนกับดินแดนทางใต้ทางนั้น ก็ไม่ได้ยากที่จะรับมาเสียหน่อย...จั๋วซือหรานหัวเราะเอ่ยขึ้นว่า "ก็จริง ดังนั้นตอนนี้ข้าเลยอยากจะเห็น ว่าบัญชี
ปันอวิ๋นดึงเฟิงเหยียนกับชิ่งหมิงมายืนที่มุมหนึ่งข้างประตู มองดูฉากนี้น่าจะเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นจั๋วซือหรานเผชิญหน้ากับศัตรูตรงๆ แบบนี้นี่มัน...ได้อารมณ์จริงๆมีความรู้สึกเหมือนว่าคนที่เคยแพ้ให้กับนางก่อนหน้านั้น พ่ายแพ้ไปได้แบบสมเหตุสมผลมากเพราะนับตั้งแต่ที่นางปรากฏตัว แม้จะยืนเผชิญหน้ากับเนี่ยคุนเพียงคนเดียวอย่างดุเดือดแม้เนี่ยคุนจะถือดีว่าตนมีพลังอำนาจจากเมืองแห่งบาปทั้งเมืองนี้ก็ตามแต่กลับไม่ได้เปรียบนางเลยแม้แต่น้อยจังหวะทั้งหมดล้วนอยู่ในกำมือนาง!หญิงสาวเช่นนี้ ใครจะมองว่านางเป็นหญิงสาวอ่อนแอได้กัน?!โอ้ ปันอวิ๋นจู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ เหมือนว่าตนเอง...ก่อนหน้านี้เพราะเห็นว่านางกระอักเลือดอย่างอ่อนแออยู่บ่อยๆ ก็อดรู้สึกว่านางเป็นหญิงสาวอ่อนแอขึ้นมาแบบไม่รู้ตัวเหมือนกันนี่นะจั๋วซือหรานตอนนี้ยิ้มมองจี๋จ้ง "ในเมื่อเจ้าก็พูดว่าใช่แล้ว เจ้าเมืองเนี่ยทำหน้าที่เป็นขุนนางของราชสำนัก กินเงินเดือนจากราชสำนัก ก็ย่อมเป็นขุนนางของราชสำนักโดยปริยาย ในฐานะขุนนางราชสำนักที่ไม่มีตำแหน่งศักดินาเลยแม้แต่น้อย ด้วยเงินเดือนเพียงเท่านั้น จะมีทรัพย์สินส่วนตัวขนาดนี้ได้ยังไง? แถมยังเป็น...จวน
"เมืองซื่อหนานเป็นของหลวนหนานหรือไม่?" จั๋วซือหรานถามขึ้นเสียงเรียบจี๋จ้งในฐานะที่ปรึกษา เดิมทีต้องคิดให้มากหน่อย และพอรู้ถึงความร้ายกาจหญิงสาวตรงหน้า ดังนั้นก่อนหน้าที่จะตอบ ในใจก็ต้องครุ่นคิดหลายตลบกลัวว่าถ้าพูดอะไรไม่ดีออกไป จะถูกนางจับจุดอ่อนเข้าได้ใครจะรู้ ว่าเขาที่กำลังครุ่นคิดหลายตลบอยู่แบบนี้ ยังไม่ได้ให้คำตอบออกไปกลับได้ยินเสียงของนางเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา"คำถามง่ายๆ แค่นี้ก็ยังตอบไม่ได้ แล้วเจ้ายังเป็นที่ปรึกษาอะไรบ้าบออะไรได้อีกๆ ตายๆ ไปดีกว่ากระมัง"พริบตาต่อมา จี๋จ้งก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่คอ มีของเหลวอุ่นๆ บางอย่างไหลออกมาเขาลนลานเอ่ยขึ้นเสียงดังลั่น "ใช่ขอรับ เป็นขอรับ! ซื่อหนานเป็นของหลวนหนาน!""แล้วหลวนหนานเป็นพื้นที่ศักดินาของข้า ซื่อหนานถือว่าเป็นของข้าไหม?" จั๋วซือหรานถามขึ้นอีกคำ จากนั้นมุมปากก็ยกขึ้น "ถ้านับเกินสิบแล้วยังไม่ตอบ หลังจากนี้เจ้าก็ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว"พอได้ยินคำนี้ของนาง จี๋จ้งก็ทำได้แค่ตอบเสียงแข็ง "แน่นอน...เป็นของท่านขอรับ""แล้วจวนเจ้าเมืองนี้ก็อยู่ในพื้นที่ศักดินาของข้า ข้าอยากจะได้มาทำไมถึงจะทำไม่ได้?" จั๋วซือหรานพูดประโยคนี้ต
บนหน้านางกระทั่งยังยิ้มตาโค้งอยู่ "เจ้าเมืองเองก็น่าจะรู้ เฉวียนหนาน ผิงหนาน ฉงหนานกับซิงหนานสี่เมืองนี้ เนื่องจากถูกควบรวมไปแล้ว ดังนั้นราชสำนักจึงส่งขุนนางไปบริหารดูแลแล้ว"นางพูด พลางโบกไม้โบกมืออย่างรังเกียจ "สถานที่ชายแดนแบบนี้ อยู่ใกล้กับค่ายทหารด้วย ไม่ได้มีเงินทองอะไรนัก ขุนนางพวกนั้นต่อให้จะทุจริต ก็ทุจริตไปได้ไม่เท่าไรหรอก อัตคัตจะตายไป..."เนี่ยคุนฟังถึงจุดนี้ ยังฟังไม่ออกเสียที่ไหน หญิงสาวชั่วร้ายคนนี้ จับจ้องที่ความโออ่าของจวนเจ้าเมืองอยู่!คิดจะยึดไปเปล่าๆ ง่ายๆ!มันง่ายแบบนั้นเสียที่ไหน!เนี่ยคุนเอ่ยขึ้นสีหน้าแข็งขืน "ใต้เท้า แต่จวนเจ้าเมืองนี้ เป็นทรัพย์สินส่วนตัวของข้า เป็นมรดกของบรรพบุรุษข้าน้อย! ใต้เท้าจะมาฮุบมรดกข้าไปแบบนี้ไม่ได้กระมัง?"จั๋วซือหรานหัวเราะเอ่ยขึ้น "ไอ๊หยา เจ้าเมืองอย่ามาหลอกข้าเลย ท่านเป็นคนตงโจว อยู่ห่างจากที่นี่ตั้งไกล จะมามีมรดกบรรบุรุษอยู่ในสถานที่ห่างไกลแบบนี้ได้ยังไงกัน..."เนี่ยคุนไม่เคยเจอคนที่ไร้เหตุผลแบบนี้มาก่อน! ถึงแม้อันที่จริงเขาเองก็ไม่ค่อยมีเหตุผลก็ตามแต่บางคนก็เป็นอย่างเนี่ยคุน พอยึดครองของคนอื่นมา ก็รู้สึกว่านี่เป็นเรื่อง
ที่เนี่ยคุนพูดคำนี้ อันที่จริงก็รู้สึกอ่อนข้อให้บ้างแล้ว แต่ก็มีอาการกล้ำกลืนแฝงอยู่ภายในภายใต้สถานการณ์ปกติ พออีกฝ่ายอ่อนข้อให้แล้ว ถึงยังไงก็มีห้องพักให้พักแล้วจะยังไงก็ต้องไว้หน้าบ้าง อย่างน้อยก็คงไม่ถึงกับกัดเรื่องนี้ไม่ยอมปล่อยแต่จั๋วซือหรานใช่คนธรรมดาเสียที่ไหน? สถานการณ์ตรงหน้านี้ เป็นสถานการณ์ธรรมดาหรือ? แน่นอนว่าไม่ใช่ดังนั้นจั๋วซือหรานจึงไม่เพียงแค่ไม่หยุดตอนได้เปรียบแต่กลับยังไล่จี้ถามเนี่ยคุนต่อว่า "เช่นนั้นเจ้าเมืองเนี่ยจะไปฆ่าเอง? หรือว่าให้ข้าไปฆ่าดีล่ะ?"ในดวงตานางเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม "ข้าเห็นว่าเจ้าเมืองเองก็ไม่เหมือนพวกจอมเชือดด้วยสิ..." คำพูดนี้ของนาง พูดจนคนที่ได้ยินรู้สึกได้ถึงการเสียดสีเลยทีเดียว!นางเอ่ยต่อว่า "ดังนั้นถ้าหากเจ้าเมอืงไม่อยากลงมือ ข้าช่วยท่านได้นะ"จั๋วซือหรานยักไหล่ ดูเหมือนไม่ได้ใส่ใจเนี่ยคุนได้ยินนางเอ่ยขึ้นด้วยเสียงสบายๆ "ถึงยังไงตอนที่ข้ายังอยู่ในเมืองหลวง ก็สังหารคนไปไม่น้อย ชินไปนานแล้ว ลงมือได้สบาย ไม่ได้เป็นภาระอะไรเลย เจ้าเมืองคิดว่ายังไงล่ะ?"เนี่ยคุนแทบจะกระอักเลือดในใจ เขาแอบด่าในใจว่า จะให้ข้าดูอะไรจากเจ้ากันแน่ห๊ะ!
แต่เนี่ยคุนเองก็แตกต่างออกไป ใบหน้านั้นเหมือนมีคำว่าเจ้าเล่ห์แผ่ออกมาอยู่รางๆสีหน้าบนหน้าเนี่ยคุน แสดงท่าทีจงใจตกใจออกมาฉับพลัน จากนั้นก็เผยรอยยิ้มออกมา"ท่านคือ...ใต้เท้าโหวคนนั้นหรือ?" เนี่ยคุนถามขึ้นทหารคุ้มกันที่มารายงานก่อนหน้าคนนั้นพอได้ยินคำนี้ ก็ถลึงตาโตเท่าตาวัวใต้เท้าโหว? ใต้เท้าโหวไหนกัน...?และเพิ่งตระหนักขึ้นได้ภายหลัง ว่าก่อนหน้านี้เหมือนเคยได้ยินมาจริงๆ ว่าราชสำนักยกเมืองซื่อหนานของพวกเขาให้เป็นพื้นที่ศักดินาของขุนนางคนนึง เหมือนจะเป็นหญิงสาวด้วย...ตอนนั้นหลังจากพวกเขาได้ยิน ก็รู้สึกว่าน่าขำมากหัวเราะร่าบอกว่าหญิงสาวคนนี้ถ้ามาเมืองซื่อหนาน คงได้ถูกกินจนไม่เหลือกระทั่งกระดูกแน่และตินนี้หญิงสาวคนนี้ก็อยู่ตรงหน้าแล้ว ไม่มีริ้วรอยใดเลย กระทั่งแค่ชายเสื้อก็ยังไม่ยับอีกต่างหากจั๋วซือหรานหัวเราะขึ้นมา "ได้ยินชื่อเสียงเจ้าเมืองซื่อหนานมานาน ว่ามีอำนาจมาก ผู้คนในเมืองยอมรับแต่เจ้าเมือง กระทั่งจักรพรรดิก็ยังไม่ยอมรับ พอได้มาเห็นกับตา ก็สมคำร่ำลือจริงๆ"สีหน้าของเนี่ยคุนดูกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เอ่ยต่อว่า "ใต้เท้าโหว! ท่านพูดแบบนี้จะชมข้าเกินไปแล้ว!"เขายิ้มประจบ "เ