Share

บทที่ 14

Penulis: หูเทียนเสี่ยว
เมื่อทุกคนได้ยินสิ่งที่ไทเฮาพูด ทุกคนก็อดไม่ได้ที่ต้องมองไปที่ท่านอ๋องเฟิง

เฟิงเหยียนมองจั๋วซือหรานอย่างไม่กระตือรือร้น

จั๋วซือหรานรู้สึกดวงตาที่เย็นชาและลึกล้ำของชายคนนี้ดูเหมือนสื่อสานได้ ราวกับว่า เขากำลังเยาะเย้ยนางอย่างเงียบ ๆ เหมือนเขากำลังเยาะเย้ยนางตอบแทนความเมตตาด้วยความเกลียดชัง และนางกลับคำพูดของนาง

ทั้ง ๆ ที่เมื่อสองวันก่อน นางยังบอกเขาว่า จะไม่กวนเขาและจะไม่ให้เขารับผิดชอบ

จั๋วหรูซินกำลังอยากโล่งอก อย่างน้อยนางก็ไม่ต้องคู่กับฉินตวนหยาง

แต่นางยังไม่ทันโลง่อก และจั๋วซือหรานจะไม่ยอมให้นางสมหวังแน่นอน "ขอบพระทัยที่ไทเฮาเมตตา แต่สิ่งที่หม่อมฉันต้องการไม่ใช่พระราชโองการการสมรสกับท่านอ๋องเฟิงเพคะ"

ทันใดนั้นจั๋วหรูซินตกตะลึงจนดวงตาของนางเบิกกว้างขึ้น และนางก็จ้องมองไปที่จั๋วซือหราน

ไทเฮาตรัสว่า “หรือ”

จั๋วซือหรานยังคงสัมผัสได้ถึงการจ้องมองของชายคนนั้น สายตานั้นราวกับเป็นประกาย เหมือนมีไฟลุกอยู่แผ่นหลังของนาง แต่เมื่อคิดถึงภัยคุกคามครั้งก่อนของผู้อาวุโสใหญ่ นางทำได้เพียงกัดกระสุนและพูดซ้ำสิ่งที่นางพูดในวันงานเลี้ยงแต่งงาน "หม่อมฉันมีความรักที่หยั่งรากลึกต่อท่านอ๋องเฟิงโดยไม่มีวันเสียใจภายหลังเพคะ”

แล้วนางก็พูดอย่างไร้ยางอาย "อีกอย่าง หม่อมฉันกับเขายังต่างรักซึ่งกันและกัน เลยไม่จำเป็นต้องมีพระราชโองการก็สามารถครองคู่กันได้"

ทุกคนจ้องมองสีหน้าของท่านอ๋องเฟิง

แต่สีหน้าของเฟิงเหยียนไร้ความรู้สึก และเขาก็ไม่เสนอความคิดเห็นกับคำพูดของจั๋วซือหราน สายตาของเขาจ้องมองไปที่แผ่นหลังผอมเพรียวของหญิงสาวที่ใส่ชุดขาวตลอดเวลา และทุกคนไม่สามารถบอกได้ว่าเขาหมายถึงอะไร

จั๋วซือหรานถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นเขาไม่ได้ปฏิเสธ

“เป็นผู้ชายที่มีความสามารถและเป็นผู้หญิงที่สวยจริง ๆ” ไทเฮาทรงชมแล้วตรัสถามว่า “เจ้าต้องการพระราชโองการกาสมรสของใคร”

จั๋วหรูซินที่อยู่ข้าง ๆ เริ่มกังวล ใบหน้าของนางเริ่มซีดขาว และนางมองจั๋วซือหรานด้วยความกังวล

จั๋วซือหรานเห็นจั๋วหรูซินไม่มีความสุขเยี่ยงนี้ จั๋วซือหรานกลับรู้สึกมีความสุข

จั๋วหรูซินตกอยู่ในความกังวลตลอด นางไม่สนใจ ดังนั้นนางจึงพูดกับไทเฮาว่า "หม่อมฉันขอเก็บพระราชโองการนี้ไว้ทีหลังเพคะ และขอพระคุณนี้จากไทเฮาให้แก่พี่น้องในครอบครัวได้หรือไม่ "

ไทเฮาพยักหน้า “เจ้าให้ความสำคัญกับความเป็นพี่น้อง ดังนั้นข้าจึงตกลงตามคำขอของเจ้า”

“ขอบพระคุณไทเฮา” จั๋วซือหรานโค้งคำนับและกล่าวคำอำลา “หม่อมฉันจะไม่รบกวนไทเฮาพักผ่อน หม่อมฉันขอลาเพคะ”

แม่นมยวี่ถามจั๋วซือหราน "แม่นางจิ่วเจ้าคะ ไทเฮายังต้องการการรักษาอะใด ๆ และต้องการปรับแบบใด โปรดบอกข้าหน่อยเจ้าค่ะ"

หัวหน้าหมอหลวงในวังเหยียนชางอยู่ข้าง ๆ ตามมารยาท จั๋วซือหรานไม่ควรจ่ายยาแทนเขา

แต่ในขณะนี้ นางแค่อยากรีบไปจากที่นี่ เพราะนางอยากศึกษาว่า ทำไมแหวนเสวียนเหยียนปรากฏตัวอย่างกะทันหัน

นางจึงพยักหน้า แต่ทันใดที่นางกำลังอยากรบกวนแม่นมยวี่ไปหยิบปากกาและกระดาษมาจดใบสั่งยา นางก็ได้ยินไทเฮาพูดว่า "เช่นนั้น แม่นมยวี่ เอาป้ายประจำตราของข้าให้แม่นางจั๋วจิ่ว นับจากนี้เป็นต้นไป ข้าคงต้องรบกวนแม่นางจั๋วจิ่วเข้ามารักษาอาการข้าด้วย”

แต่เดิมจั๋วซือหรานแค่อยากเขียนใบสั่งยาให้ เพื่อช่วยกำจัดยาพิษที่ตกค้างในร่างกายของไทเฮา และนางไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องลับของราชวงศ์ แต่ตอนนี้กลายเป็นว่า นางกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่นางควบคุมไม่ได้ หากนางทำตามคำพูดของไทเฮา อาจมีคนโกรธแค้น หากนางปฏิเสธไทเฮา ไทเฮาคงโกรธด้วย

ไทเฮาตรัสอย่างอ่อนโยนว่า “ข้ารู้ดีว่าจวนของเจ้าไม่ขาดสิ่งใด ในวังก็ไม่มีอะไรที่เป็นเอกลักษณ์ที่สามารถประทานแก่เจ้า นอกเสียห้องหนังสือหลวง ได้ยินมาว่าเจ้ามีน้องชายจากแม่คนเดียวกันหรือ วันหลังเจ้าพาน้องชายมาเรียนที่ห้องหนังสือหลวงได้”

นี่เป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่ไม่คาดคิด ลูกหลานของตระกูลใหญ่ทั้งห้าก็ไม่ใช่ทุกคนสามารถเข้ามาเรียนที่ห้องหนังสือหลวงได้ ยิ่งไปกว่านั้น สตรีของตระกูลใหญ่ทั้งห้าแทบไม่มีโอกาสได้เข้าเรียนในห้องหนังสือหลวงเลย

จั๋วซือหรานคนเดิมมีความสามารถขั้นเทพ นางรอเสียนาน แต่นางไม่มีโอกาสเข้ามาศึกษาในห้องหนังสือหลวงได้

เหล่าสตรีและเหล่าสุภาพบุรุษชนชั้นสูงจำนวนมากที่อยู่ในตำหนักนี้ต่างมองจั๋วซือหรานด้วยความอิจฉาริษยา

“ หม่อมฉันขอขอบพระคุณสำหรับความรักของท่าน” จั๋วซือหรานจึงรับป้ายประจำตราของไทเฮาจากแม่นมยวี่ด้วยมือทั้งสองข้าง

“แม่นมยวี่ เจ้าออกไปส่งแม่นางจั๋วจิ่วเสียเถิด” ไทเฮาปัดมือ“ข้าเหนื่อยแล้ว แยกย้ายเถิด”

ทุกคนพากันเดินออกจากตำหนักหย่งโซ่ว ทุกคนเห็นได้ชัดว่า ไทเฮาไม่ได้ป่วยหนักแต่โดนยาพิษ แต่ไม่มีใครพูดอะไรอีกและทุกคนต่างรู้ความจริง

ทันใดนั้นตำหนักหย่งโซ่วเงียบลง

ฮองเฮาทรงยิ้มแห้ง ๆ และตรัสว่า “ท่านแม่ ว่าแต่ว่า แม่นางจั๋วจิ่วยังเด็กเกินไป ให้หัวหน้าหมอหลวงเหยียนมาวินิจฉัยและรักษาท่าน จะปลอดภัยกว่า”

ไทเฮาเหลือบมองพวกเขา แล้วพูดว่า "ไม่จำเป็น หมอหลวงเหยียนเจิ้งที่ว่าปลอดภัยใช้เวลาเป็นครึ่งเดือนก็รักษาข้าไม่หาย และแม่นางจั๋วจิ่วรักษาให้หายขาดได้ภายในเจ็ดนาที ความจริงเป็นอย่างไร ข้ารู้อยู่แก่ใจ ข้ากับพวกเจ้าไม่มีอะไรที่ต้องคุยต่อ ไปกันเถอะ ข้าจะพักผ่อน”

ฮองเฮาและเหยียนชางทำได้เพียงเดินออกจากตำหนักหย่งโซ่วได้เท่านั้น

เหยียนชางพูดด้วยใบหน้าเย็นชา “เกิดเรื่องจนได้ อยู่ดี ๆ เจ้าพาจั๋วจิ่วมารักษาไทเฮาทำไม”

“ในเวลานั้น จั๋วลิ่วก็เสนอจั๋วจิ่วต่อหน้าทุกคนอย่างกะทันหัน ข้าจะปฏิเสธต่อหน้าผู้คนมากมายได้อย่างไร และข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่า นางจะรักษาได้จริง” สีหน้าของฮองเฮาแย่ลง และเริ่มเกลียดจั๋วหรูซิน “ต้องโทษจั๋วลิ่ว นางเรื่องเยอะ"

จั๋วซือหรานไม่ได้กลับไปที่ห้องที่จัดงานดอกไม้ในวัง นางขอลาก่อน และเร่งฝีเท้าไปที่ประตูพระราชวัง

เงาร่างสูงที่สวมชุดสีดำเดินตามข้างหลังนาง ราวกับเขากำลังเดินเล่นอยู่ แต่ไม่มีใครสังเกตเขา

จั๋วหรูซินวิ่งตามจั๋วซือหราน นางยังไม่ได้สังเกตเขาเลย

“จั๋วซือหราน เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้”

จั๋วซือหรานทำเป็นไม่ได้ยินและเดินต่อไปอย่างรวดเร็ว

จั๋วหรูซินเอื้อมมือไปคว้านาง แต่จั๋วซือหรานเดินไวเหลือเกิน นางไม่สามารถแตะมุมเสื้อผ้าของจั๋วซือหรานได้

จั๋วซือหรานพูดด้วยเสียงที่เย็นชา "จั๋วหรูซิน เจ้าความจำสั้นหรือ เจ้าคิดว่าข้าเก็บพระราชโองการการหมั้นที่ไทเฮาพระราชทานไว้ เจ้าจะไม่ต้องแต่งงานกับฉินตวนหยางหรือ หากข้าเป็นเจ้า สิ่งที่ข้าควรทำมากที่สุดก็คือ อย่าหาเรื่องข้า”

จั๋วซือหรานห่วงแหวนเสวียนเหยียนของนาง นางไม่อยากเสียเวลากับจั๋วหรูซิน น้ำเสียงของนางไม่ดี

นางขยับตัวไปด้านหลังจั๋วหรูซินอย่างรวดเร็ว นางเอาเข็มยาวชี้ไปที่คอของจั๋วหรูซิน

ใบหน้าของจั๋วหรูซินซีดลง แต่นางยังคงแข็งคอและพูดว่า "เจ้าไม่ต้องมาขู่ข้า งานหมั้นหมายของพวกเราต้องฟังท่านอาวุโสจัดการ เรื่องที่เจ้าต้องไปขอพระราชทานพระราชโองการการหมั้นของเจ้า หากเจ้าเล่นงานการหมั้นของข้า ผู้อาวุโสก็จะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ น้องชายเจ้าก็อย่าคิดที่ยังได้รับการฝึกฝนจากตระกูลเลย

จั๋วซือหรานยิ้มเยาะ "ก็ไม่แน่นะ เจ้าได้เล่นงานข้าในเรื่องการหมั้นของข้ามิใช่หรือ เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าบอกว่าจะเอาฉินตวนหยางแก่เจ้า ข้าจะเอาให้แน่ ๆ "

จั๋วซือหรานเคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน ดังนั้นนางจึงไม่ขอพระราชโองการการหมั้นของตัวเองทันที แต่เก็บไว้จนกว่าจะมีโอกาสที่เหมาะสมมาปฏิบัติต่อจั๋วหรูซินตาต่อตาและฟันต่อฟัน

จั๋วหรูซินไม่กลัวคำพูดของจั๋วซือหราน หากนางต้องแต่งงานกับฉินตวนหยางจริง ๆ แย่สุด นางหาโอกาสฆ่าฉินตวนหยาง ก็จบปัญหาได้ หากไม่ใช่เป็นเพราะนางเห็น ว่าสามารถใช้ฉินตวนหยางเป็นมีดชี้ไปที่จั๋วซือหราน นางคงฆ่าเขาไปนานแล้ว คนตายจะเป็นภัยคุกคามอะไรได้อีก

ดังนั้นเวลานี้นางจึงไม่สนใจคำพูดของจั๋วซือหรานมากนัก และนางยังคงพูดถึงจุดประสงค์ของนางต่อ "เจ้าให้ข้าไปเรียนที่ห้องหนังสือหลวง"

จั๋วซือหรานพูด "เจ้าตื่นได้แล้ว เจ้าต้องให้ข้าตบหน้าเจ้าสักสองทีไหม เจ้าจะได้สติสักที"

นางขี้เกียจสนใจจั๋วหรูซินอีก และเดินไปที่ประตูพระราชวัง จู่ ๆนางได้ยินเสียงของจั๋วหรูซินดังขึ้นจากข้างหลังนาง "เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน เจ้าบอกข้ามาว่า ทำไมผู้อาวุโสและตระกูลเฟิงต้องให้เจ้าแต่งงานกับท่านอ๋องเฟิง "

จั๋วซือหรานหยุดและพูด "โอ้"

จั๋วหรูซินเห็นจั๋วซือหรานหยุดฝีเท้า นางคิดว่าต่อรองได้ “เป็นอย่างไร”

จั๋วซือหรานส่ายหัว "ไม่เห็นเป็นอะไร"

จั๋วหรูซินโกรธ “ไม่เห็นเป็นอะไร แล้วทำไมเจ้าหยุดฝีเท้า"

“อ้าว ข้าอยากให้เจ้าคิดว่า มีอะไรต่อรองได้น่ะ แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่ แล้วเจ้ารู้สึกอย่างไร รู้สึกแย่ไหม” จั๋วซือหรานกระพริบตาอย่างเจ้าเล่ห์ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยการแกล้ง “ถ้าเจ้ารู้สึกไม่ดี ข้าก็จะรู้สึกดี”

จั๋วหรูซินโกรธมากจนอยากจะอาเจียนเป็นเลือด และกัดฟันพูดออกมาเป็นพยางค์ “เจ้าไม่อยากรู้ว่าทำไมหรือ”

“เพราะข้าดึงกระบี่ประจำตระกูลของเฟิงเหยียนออกมาได้หรือ” ทันทีที่จั๋วซือหรานพูดจบ สีหน้าของจั๋วหรูซินก็แข็งทื่อ

จั๋วซือหรานเลิกคิ้ว "อ้าว แสดงว่าข้าเดาถูกใช่ไหม"
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1460

    จั๋วซือหรานคิดๆ เสริมเข้ามาอีกประโยคหนึ่ง "ไม่ว่าอย่างไร ต่อให้ต้องหนี ก็ต้องไปทำความเข้าใจสถานการณ์แบบรูปธรรมมาก่อน"รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้งยิ่งไปกว่านั้นจั๋วซือหรานหลังจากที่รู้เป้าหมายของสภาผู้อาวุโส ในใจก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นรางๆอันที่จริงนางเองก็อยากรู้เหมือนกัน ว่ามิติในแหวนเสวียนเหยียนของตนเองมันคืออะไรกันแน่ไม่แน่ การเดินทางครั้งนี้อาจจะได้คำตอบเส้นทางไปยังเมืองโม่ ยาวไกลมากจริงๆ ระหว่างทางก็เจอสถานการณ์หลายอย่าง ทั้งคนปล้นกับสัตว์ประหลาด เจอมาหมดถ้านี่เป็นกลุ่มอื่นคงจะจบลงที่กลางทางแล้วแต่โจรพวกนี้ก็ดวงไม่ดี ดันมาเจอกับกลุ่มของพวกเขาขั้นตอนโดยพื้นฐานจะเป็นปันอวิ๋นกับถังฉือสองคน ซึ่งหารือกันอย่างเกียจคร้านถังฉือ: "เจ้าไปไหม?"ปันอวิ๋น: "ข้าขี้เกียจ เจ้าไปแล้วกัน"ถังฉือ: "ข้าเองก็ขี้เกียจ"ปันอวิ๋น: "คืนนี้ข้าจะให้ซือหรานย่างปลา น้ำจิ้มผลไม้ปลาย่างของนางนี่อย่างเด็ด"ถังฉือ: "ข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้"จากนั้นถังฉือก็ออกไปไม่ถึงสองนาที การต่อสู้ก็สิ้นสุดลงจั๋วซือหรานบางครั้งตอนที่นอนกลางวันก็ไม่รู้เรื่องนี้เลย! เพิ่งมารู้เรื่องเอาตอนย่างปลาช่วง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1459

    ถังฉือน่าจะไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้จริงๆ ดังนั้นจึงรู้เนื้อหาไม่ค่อยมากนักถ้าหากเป็นจั๋วซือหรานล่ะก็ คงจะตรวจสอบเป้าหมาย แผนการ ของอีกฝ่ายมาจนหมดแล้วยังดีที่ถึงแม้ข้อมูลของถังฉือจะไม่เยอะมาก แต่พอบวกกับข้อมูลที่ปันอวิ๋นรู้บางส่วนรวมส่วนต่างๆ เข้าด้วยกัน ก็พอปะติดปะต่อเรื่องราวออกมาได้จั๋วซือหรานรวบรวมข้อมูลคร่าวๆ แล้วจึงสรุปออกมา"สรุปก็คือ ในเรื่องที่สภาผู้อาวุโสลิ้มรสความหอมหวานจากเกาะลอยฟ้าด้วยพลังแห่งมังกรคราม เลยคิดอยากจะได้พลังแห่งสัตว์เทพที่มากกว่า หวังว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิม ต้องการ...แดนอุดมคติบนโลกมนุษย์"พูดถึงจุดนี้ จั๋วซือหรานก็หัวเราะเบาๆ ขึ้นมาทีหนึ่ง ทั้งเหมือนประชดและเหมือนไม่มี นางเสริมขึ้นมาคำหนึ่ง "แดนอุดมคติบนโลกมนุษย์ที่เป็นของพวกเขาเท่านั้น"น่าจะประมาณนี้นั่นล่ะเพียงแต่ว่าล้มเหลวไปแล้ว เพราะพลังสัตว์เทพที่ได้รับมาจากการพันธนาการ มันไม่ได้ผลลัพธ์แบบที่พวกเขาคาดหวังเอาไว้"หลักๆ คือเจ้าเสียวหม่านี่รู้ข้อมูลมาน้อยเกินไปแล้ว" ปันอวิ๋นเอ่ยขึ้น "ดังนั้นพวกเรารีบไปที่เมืองโม่ดีกว่า ชิงตัวซงซีกับเยี่ยนเหวยมาก่อน ข้อมูลที่พวกเขารู้ต้องมากกว่านี้แน่นอน"จั

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1458

    สายตาของปันอวิ๋นก็มองมาทางเขา รู้สึกทอดถอนใจหน่อยๆถังฉือไม่พูดต่อ แต่ปันอวิ๋นก็เห็นได้ชัดว่ารู้เรื่องราวหลังจากนั้นจึงหันมาบอกกับจั๋วซือหรานว่า "พยัคฆ์ขาวนั่นตอนนั้นก็เป็นเขานี่ล่ะที่จับไป""..." จั๋วซือหรานเข้าใจความหมายความเงียบงันของถังฉือเมื่อครู่ทันทีมิน่า น่าจะตอนนั้นสินะ เขาถึงได้เข้าใจต่อเรื่องนี้ขึ้นมาบ้าง"สรุปคือ..." ถังฉือเนื่องจากมีนิสัยแบบนั้น ดังนั้นต่อให้รู้สึกเชิงขอโทษอยู่บ้าง แต่มันก็เพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้นเขาพูดต่อว่า "สรุปคือ หลังจากข้าพาเขาไป พวกเขาก็หาวิธีคิดจะใช้พลังแห่งพยัคฆ์ขาว ข้าเข้าใจไม่มากนัก จำได้ลางๆ ว่า พวกเขาหวังจะมีพลังแห่งสัตว์เทพ แล้วจะสร้างปาฏิหาริย์เหมือนเกาะลอยฟ้าขึ้นมา"ฟังถึงตรงนี้ จั๋วซือหรานรู้สึกประหลาดใจหน่อยๆ แต่ก็พอเข้าใจได้ถึงอย่างไร คนที่เคยลิ้มรสความหอมหวานมาแล้ว ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่อยากจะลิ้มรสความหอมหวานมากขึ้นเรื่อยๆ นี่เป็นเรื่องปกติของมนุษย์เพียงแต่ว่า จั๋วซือหรานเพิ่งจะคิดแบบนี้ ก็เห็นถังฉือขมวดคิ้ว เหมือนจะดูไม่ค่อยพอใจกับเนื้อหาคำพูดของตัวเองราวกับว่า รู้สึกว่าคำพูดของตัวเอง ยังแสดงความหมายที่อยากจะบอกออกมาไ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1457

    จั๋วซือหรานพูดถึงตรงนี้ ก็หัวเราะขึ้นมา แต่ไม่ใช่หัวเราะใส่เฟิงเหยียนหรือปันอวิ๋นถ้าให้พูดจริงๆ น่าจะเป็นเจ้าสภาผู้อาวุโสสมควรตายนั่นมากกว่าจั๋วซือหรานหัวเราะเสียงเย็นชา "พวกเขาพอได้ลิ้มลองของดีแล้ว ต้องไม่ยอมปล่อยวางพลังสัตว์เทพไปแน่นอน"พลังแห่งมังกรครามสามารถทำให้เกาะมังกรลอยบนท้องฟ้าได้ ทำให้ฐานที่มั่นพวกเขาดูราวกับเป็นปาฏิหาริย์แห่งทวยเทพได้อย่าว่าแต่สภาผู้อาวุโสพวกนี้เลยจั๋วซือหรานลองสมมติว่าถ้าตนเองเป็นแบบนั้น ก็คงรู้สึกอยากจะรู้ว่าพลังของสัตว์เทพอื่นๆ จะเป็นเช่นไร"ใช่เลย" ปันอวิ๋นถอนหายใจ "เพียงแต่ว่า พลังสัตว์เทพมันหาได้ง่ายๆ เสียที่ไหนกัน"ถังฉือที่อยู่ข้างๆ ก็พูดต่อมาว่า "พวกเราหามาตั้งหลายปี ไอ้ที่หาเจอจริงๆ ก็มีแค่หงส์แดงกับพยัคฆ์ขาวเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นแค่พวกน้ำไร้รากด้วย"จั๋วซือหรานรู้สึกสนใจกับคำพูดนี้ของถังฉือ"น้ำไร้ราก..."ประหลาด จั๋วซือหรานเข้าใจความหมายคำนี้ของถังฉือขึ้นทันทีพลังแห่งพยัคฆ์ขาวที่ถังฉือพูดถึงเป็นอย่างไร จั๋วซือหรานไม่รู้แต่ที่นางรู้คือบนตัวเฟิงเหยียน หรือก็คือพลังหงส์แดงที่สืบทอดมาของตระกูลเฟิงมันก็ดูเป็นน้ำไร้รากจริงๆ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1456

    เขาพยักหน้า "พวกเขาสะสมมานานหลายปี มีทรัพยากรที่ดีที่สุด มีเส้นสายที่ดีที่สุดกับสำนักต่างๆ"ถังฉือพูดต่อไปและเพราะมีทรัพยากรเช่นนี้ พวกเขาจึงมีสายข่าวที่เยอะถึงเยอะมากๆสัตว์เทพเอย สัตว์ชั่วร้ายเอย สิ่งที่คนปรารถนาแต่ไม่อาจเอื้อมถึง แค่คิดก็ยังไม่กล้าจะคิด ทว่าสำหรับพวกเขาแล้ว กลับเป็นสิ่งที่ได้มาง่ายดายและเพราะได้มาง่ายดาย จึงไม่ได้ดูมีคุณค่าขนาดนั้นดังนั้น จึงมีทะเลทรายทางเหนือขึ้นมาทะเลทรายทางเหนือก็เหมือนกับเป็นศูนย์พักพิงแห่งหนึ่งของสภาผู้อาวุโส รวบรวมตัวตนอันตรายจำนวนมากไว้ เป็นตัวตนที่สภาผู้อาวุโสรู้สึกว่าเก็บไว้ก็ไม่ได้ประโยชน์ แต่จะทิ้งก็เสียดายถ้าบอกว่าให้ทิ้งไป พวกเขาก็ยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง แต่ถ้าจะบอกว่ามีค่า...ก็เหมือนไม่ได้ไปถึงขนาดนั้นดังนั้นจึงให้พวกเขาอยู่กันที่ทะเลทรายทางเหนือ อยู่ในเมืองโม่ทั้งใช้งานต่อได้ และไม่ส่งผลกระทบกับชีวิตของสภาผู้อาวุโสด้วยจั๋วซือหรานฟังออกถึงความหมายในคำพูดนี้"ดังนั้นก็คือ...ที่พวกเขาเอาคนเหล่านี้มาทำงานในเมืองโม่ อันที่จริงก็เพื่อไม่ให้พวกเขาไปยังฐานที่มั่นสภาผู้อาวุโส แต่ยังสามารถใช้ประโยชน์จากพลังของพวกเขาต่อไปได้"

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1455

    ถังฉือชอบจั๋วซือหราน ไม่ใช่ความรู้สึกชอบแบบหนุ่มสาว แต่เป็นความชอบแบบบริสุทธิ์ใจดังนั้น ขอแค่จั๋วซือหรานอยากรู้ ถังฉือก็จะตอบสิ่งที่รู้ออกมาทั้งหมดดังนั้นจั๋วซือหรานจึงมีความเข้าใจต่อสภาผู้อาวุโส และทะเลทรายทางเหนือพอควรแล้วสภาผู้อาวุโส ตอนแรกสุดที่ก่อตั้ง ไม่ได้มีเจตนาไม่ดี และไม่มีการกดขี่ข่มเหงตอนนั้น แผ่นดินใหญ่แตกแยกล่มสลายแคว้นเล็กต่างๆ สับสนวุ่นวายไม่พัก สู้กันไปสู้กันมาตอนนั้นลัทธิยังไม่เรียกเป็นลัทธิ แต่ยังเรียกเป็นแค่กลุ่มสำนัก และกลุ่มสำนักภูเขาหรือกลุ่มสำนักริมน้ำก็ผุดขึ้นมาไม่ขาดสายและก็มีการช่วงชิงระหว่างกันทั้งที่ลับที่แจ้งอยู่ไม่น้อยพูดแบบนี้ดีกว่า เป็นยุคสมัยที่ค่อนข้างวุ่นวายเลยทีเดียวระหว่างแคว้นรบราต่อสู้กัน วุ่นวายไม่หยุดหย่อนระหว่างสำนักเองก็ต่อสู้กัน มีคนตายไปไม่น้อยสถานการณ์เช่นนี้ยืดยาวต่อมาเป็นเวลานาน กินเวลาหลายสิบปีเลยทีเดียวต่อมาไม่รู้เนื่องจากโอกาสอะไร โดยรวมคือ มีสำนักอันดับแรกที่ก่อตั้งขึ้นจากการร่วมตัวเป็นพันธมิตรพลังของสำนักเช่นนี้แน่นอนว่าไม่ใช่ธรรมดา ดีกว่ากลุ่มสำนักแต่ก่อนมากมายดังนั้น เพื่อจะต่อสู้กับสำนักนี้ สำนักอื่นๆ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status