จั๋วซือหรานมองจั๋วหรูซิน นางดูเหมือนยิ้มบ้าง แต่ก็ไม่ได้ยิ้ม"เช่นนั้นเขาค่อนข้างยุ่ง แต่ไม่ต้องกังวล อีกไม่นานก็จะไม่มีอะไรให้ยุ่ง"เมื่อมองดูสีหน้าอันยิ้มบ้างและไม่ยิ้มบางของจั๋วซือหราน จั๋วหรูซินรู้สึกกังวัลเล็กน้อยความภาคภูมิใจในตอนแรกเริ่มหายไปบ้าง “เจ้าไม่ต้องทำตัวขู่คน กาอนหน้านี้เจ้าบอกว่า ข้าต้องถูกกฏกระกูลลงโทษไม่ใช่หรือ ดูสิ เจ้าก็ไม่ได้เก่งสักเท่าไร ไม่เห็นคำพูดของเจ้าแม่นยำสักเท่าไร ข้ายังไม่ถูกกฏตระกูลลงโทษไม่ใช่หรือ ข้ารู้เจ้าไม่สบายใจเรื่องนี้มาก”สีหน้าของจั๋วซือหรานไม่ได้เปลี่ยนไปมากนักจั๋วหรูซินยื่นใบอะไรให้จั๋วซือหราน "พี่ชายให้ข้าเอามาให้ หากเจ้าไม่พอใจจริง ๆ เรามาแข่งขันกันในสนามฝึกฝนละกัน ถึงเวลานั้น ใครแพ้ คนผู้นั้นต้องยอมรับความพ่ายแพ้”เมื่อได้ยินคำพูดของจั๋วหรูซิน ในที่สุดจั๋วซือหรานก็อดหัวเราะไม่ได้จั๋วหรูซินโกรธเล็กน้อย "เจ้าหัวเราะทำไม"จั๋วซือหรานโบกมือและไม่ตอบ นางเพียงพยักหน้าใส่ฉวนคูน จากนั้นฉวนคูนก็เข้าไปรับใบเชิญจากจั๋วหรูซิน และมอบให้จั๋วซือหรานจั๋วซือหรานเหลือบมองใบเชิญนั้นอย่างไม่ให้ความสนใจมาก ใบเชิญนั้นถูกทำเครื่องหมายด้วยตราประจำตระก
ก่อนหน้านี้ จู่ ๆ จั๋วซือหรานก็นึกถึงงานเลี้ยงน้ำชาของอ๋องชินยวี่แม้ว่านางจะไม่รู้ว่าอ๋องชินยวี่ได้เตรียมกลอุบายอะไรไว้สำหรับงานเลี้ยงน้ำชานี้ แต่ในกรณีนี้ ปล่อยให้ศัตรูมารวมตัวกันจะดีกว่าเพียงแต่ด้วยความเกลียดชังที่จั๋วหรูซินมีต่อจั๋วซือหรานจั๋วซือหรานรู้สึกว่ายิ่งนางำม่ให้จั๋วหรูซินไปมากเท่าไร จั๋วหรูซิน ก็จะยิ่งไม่อยากไปมากเท่านั้นดังนั้น......“อย่าไปนะ ข้าไม่อยากเจอหน้าเจ้า” จั๋วซือหรานกล่าว“ข้าต้องไป” จั๋วหรูซินโกรธมากจั๋วซือหรานเม้มมุมของริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยโดยจั๋วหรูซินไม่ทันสังเกต - ยั่วยุได้ผลแล้วจนจั๋วหรูซินออกจากจวนของจั๋วซือหราน นางยังสาปแช่งจั๋วซือหรานอยู่เลย นางสาปแช่งประมาณว่านางไปงานเลี้ยงน้ำชานี้ให้ได้หลังจากจั๋วหรูซินจากไปฉวนคูนซึ่งอยู่ใกล้ ๆ ระมัดระวังอย่างมากแม้จะหายใจ เขาก็ระวัดระวังมาก เพื่อทำให้ตัวเองไม่เด่นมาก เขาแทบจะหวังว่าเขาเป็นเพียงพืชในพื้นดินในขณะนี้ เขาจึงพูดกับจั๋วซือหรานว่า " คุณหนูหกติดกับดักแล้วจริง ๆ หรือ"จั๋วซือหรานมองา "ฮะ ใช่สิ เจ้ามองออกแล้วด้วย"“ใช่ขอรับ มันค่อนข้างชัดเจนขอรับ” ฉวนคูนพยักหน้า“หากเป็น ฝูซู เด็กคนนั้นอ
“นางไม่ได้ก่อปัญหาอะไรใช่ไหม ข้าให้เจ้าไปหานาง เพื่อบรรเทาความสัมพันธ์อันแย่ระหว่างเจ้ากับจั๋วจิ่ว ” จั๋วหยุนชิน กล่าวจั๋วหรูซินรีบพยักหน้า "ข้าทราบเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้สร้างปัญหาใด ๆ "เมื่อเห็นว่าใบหน้าของพี่ชายของนางดูเหมือนถูกปกคลุมไปด้วยเมฆดำ จั๋วหรูซินไม่กล้าพูดถึงงานเลี้ยงน้ำชานางเพียงพูดอย่างระมัดระวังว่า "ท่านพี่เจ้าคะ ท่านพี่ไม่ต้องกังวล ตราบใดที่ข้ามีคำแนะนำและยาเม็ดของท่านพี่ ข้าต้องสามารถเอาชนะจั๋วซือหรานได้ในการฝึกฝนอย่างแน่นอน ข้าจะไม่ทำให้ท่านพี่และท่านพ่อเสียหน้าแน่ ๆ "ปกติแล้ว เมื่อนางพูดเช่นนี้ สีหน้าของท่านพี่ต้องดูดีขึ้นหน่อยมิใช่หรือแต่จั๋วหรูซินเห็นใบหน้าของพี่ชายของนางยังคงถูกปกคลุมไปด้วยเมฆเช่นเดิม นางอดไม่ได้ที่ต้องถาม "ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้น ท่านพี่ดูสีหน้าไม่ดีมาก"ทันใดนั้น จั๋วหรูซินจึงตระหนักด้วยว่า ไม่เพียงแต่ท่านพี่ของนางเท่านั้น แต่สีหน้าของท่านพ่อก็ไม่ได้ดูดีมากด้วย มันเป็นเพียงเพราะร่างกายของท่านพ่อของยังไม่ดีขึ้นหลังจากท่านพ่อถูกลงโทษตามกฎตระกูล สีหน้าของท่านพ่อเลยไม่ค่อยดีนัก ดังนั้น เมื่อครู่นี้ นางจึงไม่ได้สังเกตคุณท่านจั๋วลิ่วพูดด้วยน้ำเสี
คุณท่านจั๋วลิ่วตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเมื่อได้ยินคำพูดของจั๋วหรูซิน "ใช่สิ จั๋วจิ่ว... "จั๋วหยุนชินขมวดคิ้วและมองคุณท่านจั๋วลิ่ว "ท่านพ่อ จั๋วจิ่วเคยตกลงเรื่องนี้กับตระกูลเหยียนหรือขอรับ""ใช่ มีข้อตกลงนี้จริง ๆ " คุณท่านจั๋วลิ่วนึกถึงการแข่งขันระหว่าง จั๋วซือหรานกับตระกูลเหยียน "นางถูกตระกูลเหยียนบีบบังคับ และเดิมพันสูงขึ้นเรื่อย ๆ นางไม่เพียงแต่ต้องการให้ศูนย์การแพทย์ตระกูลเหยียนปิดตัวลง แต่ยังให้ตระกูลเหยียนตอบสนองความต้องการของนางด้วย”จั๋วหยุนชินเยาะเย้ย "ข้าไม่คิดเลยว่ามีเงื่อนไขเช่นนี้ เช่นนั้นทุกอย่างง่ายขึ้น ไม่ต้องใช้ความพยายามมากเท่าไร และเมื่อมีนาง ไม่จำเป็นต้องกังวลระกูลเหยียนขึ้นราคายาอีก"เมื่อคุณท่านจั๋วลิ่วได้ยินคำพูดของจั๋วหยุนชิน เขาก็เดาแผนของเขาได้คร่าว ๆ แต่เขาก็ยังกังวลเล็กน้อย "แต่นางไม่ได้เป็นสมาชิกของสำนักงานใหญ่ของตระกูลอีกแล้ว และนางอาจจะรู้สึกขุ่นเคืองเพราะนางถูกกฎตระกูลลงโทษ นางคงไม่ฟังเราหรอกนะ”“เชอะ นั่นไม่ได้ขึ้นอยู่กับนาง” จั๋วหยุนชินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นางใช้ทรัพยากรและชีวิตที่ตระกูลมอบให้นางมานานกว่าสิบปี นางควรช่วยเหลือตระกูล นางคิดว่าทุกอย
“สัญชาตญาณ สัญชาตญาณอะไร” ผู้อาวุโสห้าขมวดคิ้วและถาม เห็นได้ชัดว่านางไม่สนใจคำตอบสีหน้าของผู้อาวุโสใหญ่ยังคงเคร่งขรึม และเขาพูดอย่างสงบ "ข้ามีลางสังหรณ์ว่า หากคงบังคับสาวน้อยคนนั้นต่อ สักวันหนึ่งจะเกิดผลร้าย แต่ในเมื่อพวกเจ้าทุกคนคิดว่าแผนนี้ดี ข้าพูดอะไรก็ไม่ได้"ผู้อาวุโสสามขมวดคิ้ว "ข้าคิดว่าเจ้ากังวลมากเกินไป นางเป็นผู้หญิงและนางไม่มีสำนักงานใหญ่ของตระกูลที่จะพึ่งพา นางเป็นเพียงแหนที่ไม่มีกิ่งก้านให้พึ่งพา นางจะเปลี่ยนโลกหรือ หากเจ้าไม่อยากทำเรื่องนี้ ให้ข้าทำละกัน ข้าไปเป็นผู้ร้ายเอง ดีไหม”“แล้วแต่เจ้าเลย” ผู้อาวุโสใหญ่เลิกมองพวกเขาแล้วเดินจากไปผู้อาวุโสสามถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นผู้อาวุโสใหญ่ ที่เป็นคนที่ไม่เห็นด้วยกับพวกเขาจากไป เขาเริ่มปรึกษาแผนรับมือกับผู้อาวุโสท่านอื่น“...ใช่ ทำตามที่หยุนชินบอก ข้าจะไปที่นั่นเอง อย่างที่หยุนชิน บอก แม่และน้องชายของเด็กผู้หญิงคนนั้นก็อยู่ในบ้านทั้งคู่ ทำไมต้องกังวลว่านางไม่เชื่อฟังด้วย”จั๋วซือหรานไม่รู้ข่าวที่นี่นางอยู่ในบ้าน กำลังยุ่งกลั่นยาอย่างไม่เร่งรีบ ไม่เพียงแต่มียาเม็ดกู้หยวนและยาเม็ดเผยหยวนเท่านั้น แต่ยังมียาอื่น ๆ
“นางออกมาได้ด้วยหรือ”ไม่แปลกใจเลยที่จั๋วซือหรานนึกออกไม่ได้ในตอนแรก นางไม่คิดว่าหลิ่วเย่จะฟื้นตัวเร็วขนาดนี้และสามารถลุกจากเตียงได้ตอนนี้ฉวนคูนกล่าวว่า "หากคุณหนูไม่อยากเจอนาง ข้าจะให้นางออกไป"จั๋วซือหรานคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า "ไม่ต้อง ให้นางเข้ามาเลย ข้าอยากฟังนางจะพูดอะไร"“รับทราบ”ฉวนคูนใช้เวลาครุ่หนึ่ง จึงพาบุคคลนั้นเข้ามา ไม่ใช่เพราะเขาช้า แต่เป็นเพราะอาการของหลิ่วเย่ นางเดินเร็วไม่ได้ นางเกือบต้องหยุดพักหลังจากเดินไปไม่กี่ก้าวฉวนคูนต้องสงสัย นางออกจากจวนจั๋วตั้งแต่เมื่อไร ใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะมาถึงที่นี่?ฉวนคูนกลัวเดินช้าเกินไป จะทำให้คุณหนูโกรธ เขาจึงพยอง หลิ่วเย่ และพูดว่า "ข้าพยุงเจ้าด้วยรีบไปกันเถิด อย่าให้คุณหนุรอนาน"หลิ่วเย่ไม่ปฏิเสธในที่สุด เดินถึงสวนหลังบ้านสักที หลิ่วเย่เห็นสาวสวยที่สวมชุดแดงนั่งอยู่บนขั้นบันไดหน้าห้อง สาวสวยผู้นี้เอาข้อศอกวางไว้บนเข่า เอาคางวางไว้บนฝ่ามือ มองดูนางอย่างไม่คิดอะไร"... คุณหนู" หลิ่วเย่เรียกสาวสวยผู้นี้จั๋วซือหรานยิ้มเบา ๆ และพูดว่า "ดูท่าทาง เจ้าฟื้นตัวได้ดีและลงเตียงเร็วจัง"หลิ่วเย่หายใจเข้าเล็กน้อย สีหน้าซีดเซี
นางไม่ได้ประหลาดใจหรือเหมือนในฝันเพราะได้รับความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสใหญ่ แต่นางแค่รู้สึกมหัศจรรย์เล็กน้อย“ผู้อาวุโสใหญ่พูดเช่นนี้จริง ๆ หรือ” จั๋วซือหรานถามหลิ่วเย่พยักหน้า "ใช่ นี่เป็นคำพูดของท่านทั้งหมด"“คงต้องเกิดอาเพสอะไรสักอย่างแน่เลย…” จั๋วซือหรานพึมพำหลิ่วเย่กล่าวต่อ " ผู้อาวุโสใหญ่ยังมีประโยคหนึ่งด้วย ให้ข้าบอกคุณหนูด้วย"ไหน ๆ ก็พูดถึงเช่นนี้แล้ว จั๋วซือหรานถามนาง "ว่ามา"" ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวว่า ท่านจะไม่เข้าร่วมในเรื่องเหล่านี้อีกต่อไป และจะไม่แสดงจุดยืนของท่านอีก ยิ่งไม่เข้าข้างพวกเขาด้วย ดังนั้น ท่านหวังว่าสักวันหนึ่ง เมื่อมีความจำเป็นอย่างยิ่ง หากเป็นไปได้ หวังว่าคุณหนูเห็นแก่หน้าของท่าน ช่วยตระกูลจั๋วหน่อยเจ้าค่ะ ”หลังจากได้ยินคำพูดนี้ ดวงตาของจั๋วซือหรานก็เปล่งประกายด้วยความประหลาดใจแม้ว่านางยังไม่เข้าใจผู้อาวุโสใหญ่มองเห็นอนาคตไกลแค่ไหนแต่จั๋วซือหรานมีร่องรอยและความทรงจำทั้งหมดที่เกี่ยวกับเส้นโชคชะตาของเจ้าของร่างเดิม ดังนั้นนางจึงรู้ว่าความกังวลของผู้อาวุโสใหญ่ไม่ใช่ไม่มีเหตุผล เพราะในเส้นโชคชะตาเจ้าของร่างเดิมนั้น ตระกูลจั๋วถูกทำลายจนเสียชีวิตไปหมด
ฉวนคูนรีบกระโดดขึ้นและไปเตรียมม้า เขายังถามจั๋วซือหราน ต้องการใช้รถม้าไหมจั๋วซือหรานคิดอยู่พักหนึ่งแล้วตอบ "ไม่ต้องก็ได้ สวมอาน ข้าขี่ไปที่นั่นเอง จะได้ถึงเร็ว ๆ ข้าต้องรีบไปรีบกลับ มิเช่นนั้น เดี๋ยวคนของตระกูลจั๋วจะมาอีก"เมื่อฉวนคูนได้ยินคำพูดของคุณหนู เขาก็เลยรู้ว่านางมีแผนรับมือในใจอยู่แล้วจั๋วซือหรานขี่ม้าไปจวนของตระกูลเหยียนอย่างรวดเร็วเมื่อนางหยุดที่ประตูจวนของตระกูลเหยียน นางดูน่ากลัวมากจนยามเฝ้าจวนสะดุ้งและรีบเข้าไปรายงานหลังจากนั้นไม่นาน เหยียนฉีเดินออกมาต้อนรับนางด้วยตนเองอาจเป็นเพราะเขารีบเดินออกมา เหยียนฉีหายใจเร็วเล็กน้อย " แม่นางจิ่ว เจ้ามาที่นี่มีธุระอันใด"จั๋วซือหรานยิ้มและพูด "เข้าไปคุยกันเลยไหม ข้ากังวลว่าจะหน้าบ้านมีคนเดินไปเดินมาบ่อย ๆ เดี๋ยวมีคนนินทา"“เชิญเข้าบ้านขอรับ” เหยียนฉีเชิญนางเข้าบ้านทันทีเมื่อเดินเข้าไปในประตูตระกูลเหยียน เหยียนฉี ฃก็พูดว่า "เจ้ากังวลพวกเราไม่ได้ทำตามอย่างที่เจ้าพูดหรือไม่ เจ้าไม่ต้องกังวล พวกเราทำตามแผนของเจ้า และทำเสร็จแล้วด้วย"จั๋วซือหรานยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า "ไม่เป็นเช่นนั้น ข้าอาจไม่สามารถไว้วางใจผู้อื่นในตระกูลเห
พอได้ยินคำนี้ของจั๋วหวาย สีหน้าจั๋วซือหรานก็ชะงักไปพอนึกถึงจั๋วเฮ่ออิงที่สีหน้าเปลี่ยนแล้วรีบร้อนออกไปวันนั้นนางรู้สึกว่าการคาดเดาของเสี่ยวหวาย...ดูสมเหตุสมผลดียังไม่ต้องพูดถึงว่าจั๋วเฮ่ออิงไปหาเซี่ยอวิ๋นซี แล้วจะมีผลลัพธ์อย่างไรจั๋วซือหรานแม้จะไม่ใช่เจ้าของร่างเดิม แต่ก็มีความรู้สึกรักอย่างจริงใจต่อเซี่ยอวิ๋นซีด้วยความเข้าใจต่อตัวเซี่ยอวิ๋นซีของนาง จั๋วซือหรานรู้สึกว่า เซี่ยอวิ๋นซีเป็นคนที่อ่อนนอกแข็งในการที่นางสามารถเลี้ยงลูกสองคนจนโตได้เพียงลำพังก็มองออกได้ไม่ยากคนแบบนี้ ในสถานการณ์ปกติขีดจำกัดจะชัดเจนมากนางจะอ่อนโยนกับคนของตนเอง แต่มีนิสัยที่แข็งกร้าวในสายตาไม่อาจทนเห็นสิ่งไม่ดีได้ ยอมหักแต่ไม่ยอมงอตอนที่นางรักจั๋วเฮ่ออิงก็คือรักจริงๆ ถ้าหากไม่มีลูกน้อยสองคนคอยรั้งนางไว้ นางคงฆ่าตัวตายตามจั๋วเฮ่ออิงไปตั้งแต่ตอนรู้ว่าเขาตายแล้วแต่พอมีตัวตนอย่างสุ่ยจิ้งหลาน เซี่ยอวิ๋นซีก็ไม่แน่ว่าจะอดทนต่อจั๋วเฮ่ออิงได้อีกตอนที่ไม่รัก ก็อาจจะไม่รักได้จริงๆแต่แล้วทำไมล่ะ แค่จั๋วเฮ่ออิงไปบอกเรื่องของนาง ด้วยนิสัยของเซี่ยอวิ๋นซี ต่อให้ฟ้าถล่มก็คงจะรีบมาหาอยู่ดีจั๋วซือหรานถอนห
ตอนนี้ จั๋วซือหรานเห็นหน้าตนเองในน้ำได้เห็นสภาพของตนเองชัดๆ ดีขึ้นมากแล้วจริงๆแต่นางยังรู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าสภาพของตนเองก็กำลังแย่ลงอย่างรวดเร็วดังนั้น ตนเองตอนนี้...อยู่ห่างจากชายคนนั้นไม่ได้จริงๆถ้าแค่ห่างจากชายคนนั้น ตนเองก็อาจจะทนต่อไปไม่ไหว แล้วกลับไปอยู่ในสภาพก่อนหน้านี้อีก นั่นมันอันตรายเอามากๆส่วนตนเองถ้าหากยังตามชายคนนี้อยู่ตลอดล่ะก็...จั๋วซือหรานขมวดคิ้ว ในใจก็อดคิดไม่ได้ ตอนนี้ตนเองอย่างน้อยยังพอทนไหว ไม่ต้องตัวติดกับเขาตลอดเวลาก็ได้แต่...นี่มันเพิ่งจะเริ่มต้นนะจั๋วซือหรานเป็นคนที่เตรียมพร้อมล่วงหน้าอยู่เสมอ นางยกมือขึ้นลูบท้องน้อยเบาๆในใจยังคิดขึ้นอย่างกังวล ถ้าหากอายุครรภ์มากขึ้น สถานการณ์แบบนี้ก็น่าจะยิ่งรุนแรงขึ้นด้วยถึงตอนนั้นหากตนเองต้องอยู่กับเขาตลอดเวลาถึงจะรักษาสภาพให้คงที่ได้ล่ะ?ถ้าตนเองเป็นอย่างที่เขาบอกล่ะ ที่ว่าต้องการแสงแดดแล้วในเวลากลางวันแบบนั้น...คนนึงต้องการแสงแดด แต่อีกคนกลับถูกแสงแดดทำร้ายสถานการณ์แบบนี้ มันเป็นสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆนางผ่อนคลายลงหน่อย แต่เขากลับทรมานขึ้นมาถ้าพอนางทรมาน เขาถึงจะผ่อนคลายลงมาได
ขณะที่ตระหนักถึงจุดนี้ จั๋วซือหรานก็ตระหนักได้ถึงอีกจุดหนึ่งถ้าบอกว่า ตนเองหลังจากนี้อยู่ห่างเขาไม่ได้ แต่หลังจากนี้ยังต้องการแสงแดดล่ะก็เช่นนั้นก็เท่ากับว่า...นางมองชายหนุ่มที่โผล่หัวออกมาจากผ้าห่ม เห็นอักขระคำสาปประหลาดบนหน้าตาคนสมองทื่อนี้ ปรากฏขึ้นมาต่อเนื่อง หายไป แล้วก็โผล่ออกมารักษาแผลไฟไหม้...จั๋วซือหรานจึงเดินเข้าไปสองก้าวอย่างอดไม่อยู่ พอมาถึงตรงหน้าเขา ก็ยกมือขึ้นมาเบาๆเขาไม่ขยับ จ้องมองนางนิ่งจั๋วซือหรานแตะลงไปบนหน้าเขาเบาๆ ราวกับว่าแค่สัมผัสเพียงเล็กน้อยเท่านั้นนางขมวดคิ้วแน่นเขามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานนิ่งงันไปครู่หนึ่ง จึงเอ่ยเสียงต่ำขึ้นว่า "พลังวิญญาณของข้า ช่วยอะไรท่านไม่ได้แล้วหรือ"น่าจะเพราะตนเองตั้งท้องจนงงๆ ไปแล้วจริงๆ หรืออาจเป็นเพราะไม่พอใจเจ้าคนสมองมีปัญหาตรงหน้านี้ ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจอะไรมากกระทั่งถึงตอนนี้ จั๋วซือหรานจึงเพิ่งรู้สึกตัวพลังของตนเองก่อนหน้านี้ ทั้งๆ ที่สามารถบรรเทาอาการทำร้ายตนเองของเฟิงเหยียนได้แท้ๆ แล้วยังทำให้เขาต้านทานแสงแดดได้ระดับหนึ่งอีกด้วยแต่ตอนนี้ทำไมเหมือน...มันไม่มีประโยชน์แล้วล่ะ?ทว่าเฟิงเหยียน ดูเหมือนจะ
ขณะที่จั๋วซือหรานขมวดคิ้วคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ทำไมถึงมุดเข้ามาด้วยกัน...กับเขาในผ้าห่มที่มืดสนิทนี้ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มๆ ดังขึ้นเสียงหัวเราะทุ้มต่ำ ในผ้าห่มมืดๆ ภายใต้ระยะใกล้ชิดที่แทบจะเบียดกันของคนทั้งสองนี้ จึงยิ่งชัดเจนเป็นพิเศษ...กระทั่งความหยาบกร้านแหบพร่าเล็กๆ ในน้ำเสียง ก็ยังชัดเจน ชัดเจนเอามากๆ!ยิ่งไปกว่านั้น เพราะความใกล้ชิดมากๆ ยังมีกระแสลมแผ่วๆ ที่เหมือนจะพัดผ่านข้างหูนางไปเหมือนกับแม้กระทั่งตอนที่เขาหัวเราะเสียงทุ้ม การสั่นสะเทือนของทรวงอก ตนเองก็ยังสัมผัสได้อย่างชัดเจนด้วย!จั๋วซือหรานกัดริมฝีปากเบาๆจึงได้ยินเสียงของตาคนสมองทื่อ ยังคงเป็นเส้นเสียงหยาบๆ ที่ชวนหลงใหลนั่นอยู่บอกกับนางว่า "นี่เจ้ากำลัง...เชื้อเชิญข้าหรือ?"จั๋วซือหรานเพิ่งตื่นขึ้นจากความฝันที่อยู่กับคนรัก ถือว่าถูกกวนให้ตื่นก็ได้ มีอารมณ์ขุ่นเคืองอยู่บ้างก็เรื่องปกติดังนั้นนางจึงไม่มีเวลามาปรับอารมณ์กับตาคนสมองทื่อนี่จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นว่า "ข้าควรจะมองท่านถูกเผาตายทั้งเป็นไปซะ"ตาสมองทื่อนี่ก็ไม่รู้ทำไมผ่านไปคืนนึงนิสัยก็เปลี่ยนไป จู่ๆ อารมณ์ก็ดีขึ้นมาเสียอย่างนั้นบางทีคงเพร
จั๋วซือหรานได้ยินอารมณ์เจ็บปวดจากในน้ำเสียงเขา และได้ยินถึงอารมณ์เสียใจด้วยอันที่จริงสำหรับสำหรับอาการข้าหึงตัวข้าเองที่แปลกใหม่นี้ จั๋วซือหรานก็รู้สึกจนใจอยู่หน่อยๆ แล้วยังดูน่าขำอีกด้วยผลลัพธ์คือพอแหงนตามอง สีหน้ารอยยิ้มบนหน้าจั๋วซือหรานเหล่านั้น ก็แข็งทื่อไปทันทีอารมณ์ที่เรียกว่าความกังวล ก่อตัวขึ้นมาในดวงตามิน่าในน้ำเสียงเขาถึงมีความเจ็บปวดอยู่ตอนนี้ อักขระคำสาปปรากฏขึ้นบนตัวเขาแล้ว แสดงรูปลักษณ์ที่ประหลาดออกมา"นี่คือ..." จั๋วซือหรานยกมือมากำข้อมือเขาแต่นี่ไม่ใช่ความจริง เป็นแค่เขตแดนจิตใต้สำนึกบางอย่าง เป็นแค่ในความฝันเท่านั้น แน่นอนว่าจับชีพจรเขาไม่ได้"ไม่เป็นไร" บนสีหน้าชายหนุ่มแม้จะเต็มไปด้วยอักขระคำสาปประหลาด สายตาที่ก้มลงมามองนางกลับดูอบอุ่น "ไม่เป็นไร"เหมือนกลัวว่านางจะกังวล เขาจึงบอกว่าไม่เป็นไรขึ้นมาอีกครั้งจั๋วซือหรานตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง ขมวดคิ้วขึ้นมานิ้วโป้งของชายหนุ่มกดลงเบาๆ ที่หว่างคิ้วนาง นวดๆ เหมือนติดจะนวดคลายสีหน้าอารมณ์ที่ยุ่งเหยิงเหล่านั้นออก"พักผ่อนให้ดี กินข้าวให้ดีด้วย" เขาเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานเบ้ปากเบาๆ เหลือบมองเขา "ถ้าหากเจ้าส
จั๋วซือหรานไม่ส่งเสียง ครู่เดียว จึงถอนใจเบาๆ เอ่ยขึ้นว่า "อันที่จริง ข้าเองก็ไม่ได้ยืนหยัดขนาดนั้น แค่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาจนตรอกจริงๆ ข้าก็ยังไม่อยากละทิ้งทั้งที่ยังไม่ได้ลอง"เฟิงเหยียนกอดนาง ในสีหน้ามีความเจ็บปวดเสียงยิ่งแหบพร่า เอ่ยขึ้นว่า "ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องมาเหยียบซ้ำรอยมารดาของข้า และข้าก็ไม่อยากให้ลูกของเราเติบโตมาเป็นเหมือนข้าด้วย หากเรื่องนี้ ไม่มีวิธีอื่นแก้ไขได้นอกจากปล่อยให้มีฝันร้ายแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ...ข้าก็หวังให้ฝันร้ายนี้หยุดลงที่ตัวข้าพอ"เสียงของชายหนุ่มแหบพร่ามาก ในน้ำเสียง...ก็มีความสิ้นหวังที่ปิดไว้ไม่มิดอยู่ ทิ่มแทงเข้ามาที่ใจของจั๋วซือหรานต้องเป็นแบบไหนกันนะ...ถึงบีบคั้นให้คนดีๆ ที่หยิ่งทะนงและยอดเยี่ยมคนหนึ่งตกอยู่ในสภาพนี้...ราวกับสัตว์ที่ถูกกักขังไว้จั๋วซือหรานมองเขา ครู่ต่อมา ก็ถอนหายใจเบาๆเอ่ยขึ้นว่า "จริงๆ แล้ว...เดิมทีข้าเองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ การวางแผนและความคิดของข้าจึงไม่ได้เล่าใด้คนอื่นฟัง"เฟิงเหยียนไม่พูดอะไร แค่แหงนตามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานยิ้มๆ "ข้ารู้สึกจริงๆ ว่าไม่แน่ข้าอาจมีวิธี แม้ตอนนี้ข้ายังพูดถึงเหตุผลออกมาให้ชัดเจนไม่ได้ แต
แม้จะบอกว่าเป็นความฝัน แต่อันที่จริงจั๋วซือหรานก็ค่อยๆ เข้าใจแล้ว ว่าเพราะอะไรหลังจากฝันถึงเขาครั้งที่แล้วจนมาถึงครั้งนี้ นานมากแล้วที่ไม่ได้ฝันถึงเขาอีกพอมาคิดอย่างละเอียด เหมือนว่าตอนฝันถึงเขาครั้งที่แล้ว จะเป็นหลังจากที่นางมีสัมพันธ์ทางกายกับเขาดังนั้นจั๋วซือหรานจึงค่อยๆ เข้าใจ บางทีน่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้การดูดหยางบำรุงหยินของนางก็ดูดซับมาจนพอเข้าใจแล้ว เหมือนว่าพอดูดซับมาถึงระดับหนึ่ง ก็จะเกิด...ถ้าจะพูดว่าเป็นความฝัน สู้บอกว่าเป็นการสื่อสารทางจิตใต้สำนึกกับความทรงจำของเฟิงเหยียนส่วนที่ถูกผนึกไปจะดีกว่า?และไม่ว่าจะ 'ความฝัน' ครั้งที่แล้ว หรือว่าครั้งนี้ก็มองออกได้ไม่ยากเฟิงเหยียนน่าจะเข้าใจต่อสถานการณ์อยู่ ดังนั้นบางทีจิตใต้สำนึกเขายังคงอยู่มาตลอด เพียงแต่ถูกสมองทื่อๆ นี่กดเอาไว้ หรือบางทีคงถูกสภาผู้อาวุโสลงมือสะกดเอาไว้ไม่แน่ว่า อาจจะต้องมีชนวนเหตุบางอย่าง ถึงจะสามารถปลุกขึ้นมาได้จั๋วซือหรานอยากจะรู้ชนวนเหตุนั้นว่าคืออะไรกันแน่"ต้องทำยังไงเจ้าถึงจะดีขึ้นมา?" จั๋วซือหรานถามแต่เฟิงเหยียนกลับเหมือนจะจำจุดสำคัญนั้นไม่ได้แล้ว ขมวดคิ้ว สีหน้าดูเหมือนขมขื่น เหมือนว
ในห้วงฝันนางมองมือตัวเอง สับสนไปหมดทั้งตัว เหมือนยังตั้งตัวกลับมาไม่ได้เพราะนางถ้าไม่หลับลึก ก็จะเอาจิตใต้สำนึกส่งเข้าไปในมิติ จึงฝันน้อยครั้งมากดังนั้นตอนที่ดำดิ่งสู่ห้วงฝัน นางยังรู้สึกไม่คุ้นอยู่หน่อยๆ มองมือตนเอง รู้สึกไม่คอ่ยเป็นจริงสักเท่าไรวินาทีต่อมา มือข้างหนึ่งก็ทาบมาบนมือของนางมือข้างนั้น ข้อต่อกระดูกชัดเจน นิ้วเรียวยาว เล็บตัดมาดูสะอาดสะอ้าน ผิวหนังขาวซีดเย็นเหมือนไม่โดนแดดมานานสายตาของจั๋วซือหรานจ้องนิ่งอยู่บนมือข้างนี้ จากนั้นจึงค่อยๆ ยกขึ้นมามองไปยังเจ้าของมือนี้ ใบหน้าหล่อเหลาไม่มีที่ตินั่นทั้งที่เป็นใบหน้าที่เพิ่งเห็นไปก่อนหลับตาลงเมื่อครู่แท้ๆ แต่ตอนนี้พอมอง กลับยังคงทำให้นางรู้สึกเหมือนไม่เจอกันเสียนานสายตาของชายหนุ่มอบอุ่น ด้านในมีความรู้สึกอารมณ์เหมือนความเจ็บปวดแฝงอยู่"จั๋วเสียวจิ่ว..." เขาก้มหน้าลงเรียกนางจั๋วซือหรานมองเขา จากนั้นจึงออกแรงบีบมือเขา และน่าจะเพราะออกแรงมากเกินไปปลายเล็บจึงเหมือนจิกลงไปในเนื้อเขาฝันถึงเขาอีกแล้วจั๋วซือหรานมีปฏิกิริยาขึ้นมา ครั้งนี้เหมือนกับครั้งนั้นเลย ฝันถึงเฟิงเหยียนยิ่งไปกว่านั้นยังดูเหมือนจริงเป็นพิ
กลางดึก จั๋วซือหรานกัดริมฝีปาก กอดหมอน เดินเท้าเปล่าจากห้องด้านนอกเข้าไปยังห้องด้านใน!คิ้วงามของนางขมวดแน่น สีหน้าที่มีสีเลือดฟื้นมาบ้างแล้ว ตอนนี้กลับขาวซีดขึ้นมาในใจนางเองก็พูดไม่ออก เดิมทีตอนที่หลับก็ยังดีอยู่ พอกลางดึกจู่ๆ ก็ไม่ไหวขึ้นมาเสียแล้วหน้าอกปั่นป่วนอย่างรุนแรง เป็นความรู้สึกทรมานแบบที่นางผ่านมาก่อนหน้าไม่ผิดเพี้ยนถ้าบอกว่าคนคนนี้ไม่เข้ามาก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ก็เข้ามาแล้วว่ากันว่าพอเคยสบายแล้ว จะยากที่จะกลับไปลำบากตอนนี้จะให้นางปล่อยชายหนุ่มที่เหมือนกับ 'ยาบำรุงครรภ์' นี้ไว้ข้างในเฉยๆ โดยไม่ใช้ แล้วต้องมานั่งทนกระอักเลือดต่อล่ะก็...ขอโทษด้วย สกุลจั๋วอย่างนางไม่ใช่คนประเภทนั้นนางเข้าใจแล้ว ก่อนที่จะหลับไปเมื่อคืนนี้ ตอนที่เฟิงเหยียนบอกว่าจะนอนด้านนอก ริมฝีปากที่เม้มแน่นนั้นกำลังอดกลั้นเรื่องอะไรน่าจะคิดไว้แล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้สารเลว!จั๋วซือหรานครั่นเนื้อครั่นตัวตื่นมากลางดึก ต่อให้เป็นคนที่มีสติเยือกเย็นแค่ไหน ก็ยังมีอาการหงุดหงิดงัวเงียหลังตื่นนอนนางเดินเท้าเปล่าเข้าไปห้องด้านใน อากาศในหุบเขาตอนกลางคืนเย็นมากนางสวมแค่เสื้อบางๆ ชุดหนึ่ง ทั้งตัวเย