Share

บทที่ 2

Author: หูเทียนเสี่ยว
ฉินตวนหยางงและจวงเหยาเหยาถูกมัดอย่างแน่น

จั๋วซือหรานก้าวขาเดินออกจากห้องด้วยความมั่นใจ

นางสวมชุดแต่งงานสีแดงอันสดใสและงดงาม เสมือนนางกำลังสวมชุดสู้รบ นางดูทรงมีพลังและองอาจ

หลังจากที่คุณหนูและคนใช้ทั้งสามเดินออกจากห้องไป บนหลังคามีเสียงหัวเราะดังขึ้น

แผ่นกระเบื้องที่มุมหลังคาที่มิอาจได้รู้ว่า ถูกเปิดออกมาเมื่อใดเวลานี้กำลังถูกค่อย ๆ เคลื่อนกลับไปอยู่ที่เดิม

ร่างของสองคนค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนหลังคา

ชายหนุ่มทางด้านซ้ายแต่งกายด้วยชุดสีดำ เขามีใบหน้าเรียวงาม

ส่วนชายหนุ่มทางด้านขวา เขายิ้มและมองเฟิงเหยียนที่อันหล่อเหลา บัดนี้เฟิงเหยียนกำลังเมินเฉย

ชายหนุ่มทางด้านขวาหัวเราะและพูด"เดิมทีข้าแค่อยากรู้ว่าจั๋วซือหรานที่ถอนหมั้นกับเจ้าจะงามเช่นใด ไม่คิดเลยว่า ภรรยาในอนาคตของเจ้าจะน่าสนใจขเช่นนี้หรอกนะ"

ใบหน้าของเฟิงเหยียนนิ่งเฉย “เหยียนฉี เจ้าลากข้ามาที่นี่เพื่อปีนหลังคาของบ้านคนอื่นหรือ”

แววตาของเฟิงเหยียนเย็นชา บุคคลิกของเขาประกายอารมณ์ที่ปฏิเสธผู้อื่นเข้าใกล้ชิดอย่างหนักแน่น "อีกอย่าง นางไม่ใช่คู่หมั้นของข้า"

“เชอะ อย่าเย็นชาขนาดนี้สิ” ดวงตากลมโตของเหยียนฉีหรี่ลง “จั๋วจิ่วเพิ่งพูดไปเมื่อครู่นี้มิใช่หรือ นางบอกว่าจะขอเจ้า…อีกครั้ง”

เหยียนฉีอดขันมิได้ จึงหัวเราะเบา ๆ "...แค้ก ๆ ขอเจ้ารักนางอีกครั้ง...?"

ก่อนนห้านี้ชายสองคนนี้ได้เห็นเรื่องที่น่าขันด้วยดวงตาของตัวเองแล้ว

สิ่งที่จั๋วซือหรานได้พูดออกมานั้น แน่นอนว่าต่างก็ได้ยินอย่างชัดถ้อยชัดคำ

ในที่สุดสีหน้าของเฟิงเหยียนมีการเปลี่ยนแปลงเสียที เขาขมวดคิ้วแบะพูด "ไร้ยางอาย"

เหยียนฉียิ้มและกล่าวว่า "นี่ ข้าจะไปดูที่ลานหน้าเรือน เจ้าไปด้วยไหม"

*

ลานกว้างหน้าเรือนประดับประดาด้วยผ้าและโคมไฟระย้า เมื่อคนเดินเข้ามา เห็นได้ชัดว่าทั่วทั้งจวนกำลังจัดงานมงคล

เมื่อใกล้ถึงฤกษ์อันเป็นมงคลแล้ว แขกต่างพากันกระซิบกระซาบกัน

“ข้าได้ยินมาว่า เพื่อแต่งงานกับนักปราชญ์ คุณหนูจั๋วจิ่วถอนการหมั้นกับลูกชายคนโตของตระกูลเฟิง”

“บัณฑิตอะไรกันล่ะ เขาก็เป็นเพียงแค่คนไร้ความสามารถผู้หนึ่ง เป็นผู้ที่ไร้พลังวิเศษหรือพรสวรรค์ในการฝึกฝนวิชา ”

“นางบ้าไปแล้วหรือ เพื่อผู้ชายที่ไม่ได้เรื่องเช่นนี้นะ มันเท่ากับทำให้ตระกูลเฟิงเสียหน้าชัด ๆ เลยนะ”

“ข้าไม่รู้ว่านางบ้าหรือเปล่า แต่ข้าได้ยินมาว่า ผู้อาวุโสของตระกูลจั๋วกำลังจะบ้าไปแล้ว”

“ถือว่าตระกูลจั๋วไว้หน้าให้แล้ว อย่างน้อยตระกูลจั๋วให้สินสอดมากพอแล้ว บางทีพวกเขาอาจกลัวตระกูลเสียหน้า เลยไม่อยากให้นางแต่งงานแบบซอมซ่อเหลือเกิน”

“ข้าแค่อยากรู้ว่า จั๋วจิ่วยอมทิ้งท่านอ๋องของตระกูลเฟิง แล้วไปชอบชายคนอื่น แล้วชายผู้นี้เป็นคนเช่นใดกันแน่”

“เชอะ เมื่อเปรียบเทียบกับท่านอ๋องเฟิงเหยียนแล้ว ทุกคนต่างก็ล้วนกลายเป็นผู้ไร้ความสามารถมิใช่หรือ…”

“นั่นน่ะสิ ข้าไม่สนใจพวกเจ้าจะมาที่นี่เพื่อร่วมความสนุกสนานหรือมาเพื่อดูเรื่องที่น่าขัน อย่างไรก็ตามข้ามาที่นี่เพื่อดูเรื่องตลก”

แขกที่ลานหน้าเรือนต่างพากันรอดูเรื่องตลกด้วยกัน บรรยายกาศกลับดูคึกคักอย่างมาก

ในขณะเดียวกัน เสียงครวญครางและเสียงตะโกนสาปแช่งก็ดังขึ้นมาจากที่ไกล ๆ

“ฮือ ๆ …ฮือ ๆ...พี่จั๋วเจ้าคะ ข้ารู้ข้าทำผิดไปแล้ว ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย เด็กในท้องของข้าไม่ได้เกี่ยวอะไรเลยเจ้าคะ”

"จั๋วจิ่ว จั๋วซือหราน ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้เลย เจ้าบ้าไปแล้วหรือ เจ้าทำให้ตระกูลเฟิงต้องขุ่นเคืองเพราะข้า แม้ว่าเจ้าจะไม่แต่งงานกับข้า เจ้าก็เสียชื่อเสียงแล้ว เจ้าคิดว่ายังจะมีใครอยากแต่งงานกับเจ้าอยู่หรือ!"

อ๊ะ ทีนี่น่าตื่นเต้นเสียที

ประเดี๋ยวนี้ มีหญิงสาวผู้หนึ่งสวมชุดแต่งงานโดยไม่ประดับด้วยมงกุฎหงส์ หญิงสาวผู้นี้กำลังเผชิญกับสายตาของทุกคนและกำลังเดินไปยังเทียนคู่มังกรและหงส์ที่จุดไฟอยู่

ต่อมา ฉินตวนหยางและจวงเหยาเหยาก็ถูกลากเข้ามา

จั๋วซือหรานหันตัวและนั่งลงที่ที่นั่งที่อยู่ข้างธูปในห้องใหญ่ เวลานี้ ฉินตวนหยางถูกกดลงและคุกเข่าต่อหน้านาง

ฉินตวนหยางโกรธอย่างมากจนต้องกัดฟันแล้วพูดว่า "นั่นคือที่นั่งสำหรับท่านพ่อและท่านแม่ของข้า"

จั๋วซือหรานจ้องมองเขาเพียงแวบเดียว นางไม่สนใจคำพูดของชายผู้นี้และพูดกับทุกคนว่า

“ฉินตวนหยางและจวงเหยาเหยาแอบชู้กัน และพวกเขาสองคนกำลังมีลูกกัน วันนี้ฉินตวนหยางยังอยากแต่งภรรยาหลวงและภรรยาน้อยภายเข้าเรือนในวันเดียวกัน มันไร้สาระอย่างยิ่ง ข้าโปรดทุกคนเป็นพยานในวันนี้ด้วยว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้ากับฉินต้วนหยางจะตัดขาดเยื่อใยสิ้น”

“ของขวัญทั้งหมดที่พวกเจ้ามอบมา ข้าจะให้คนตรวจสอบตามรายชื่อและจะให้คนส่งคืนที่จวนของทุกท่าน จั๋วจิ่วรู้สึกละอายใจที่ปล่อยให้แขกทุกท่านมาเข้าร่วมงานเสียเที่ยว”

แขกต่างมองหน้ากันด้วยความตื่นตระหนกตดใจ พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่า คนไร้ความสามารถอย่างฉินตวนหยางจะกล้าหาญเช่นนี้

เขาล้อหัวใจของจั๋วจิ่ว ซึ่งเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์และได้รับความเมตตาอย่างสูงส่งจากตระกูลจั๋ว เขายังกล้าแต่งภรรยาหลวงและภรรยาน้อยเข้าเรือนในวันเดียวกัน

“ท่าทางของนางคือ... จะไม่ไหว้ฟ้าดินแล้วหรือ” แขกในงานกระซิบกัน

“ผู้ใดบอกว่าจะไม่ไหว้ฟ้าดินแล้ว”

หลิ่วเย่พยุงหญิงชราเดินเข้ามาจากประตู ถัดจากหญิงชราคือชายชรา ผู้ซึ่งเป็นบิดาและมารดาของฉินตวนหยาง

แม้ว่าทั้งสองคนจะแต่งตัวหรูหรา ทว่าใบหน้าของพวกเขาดูแก่และโทรม ซึ่งเป็นเพราะพวกเขาทำงานหนักมาหลายปี

ลูกชายสอบผ่านและมียศฐาบรรดาศักดิ์ หญิงสาวในตระกูลที่สูงศักดิ์ในเมืองนี้ต่างมุ่งมั่นตั้งใจที่จะแต่งงานกับเขา คู่สามีภรรยาชราค่อนข้างภาคภูมิใจในเรื่องนี้มาโดยตลอด

พวกเขาได้ยินจากลูกชายมาว่า จั๋วซือหรานเป็นคนพูดง่ายอย่างมาก พวกเขาตั้งใจมาที่นี้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

แต่พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่า ผู้หญิงผู้นี้จะไม่กราบไหว้ฟ้าดินแล้ว ทำแบบนั้นได้อย่างไร

“นางจั๋ว ทำไมยังไม่รีบลุกขึ้นไปไหว้ฟ้าดินเพื่อเสร็จพิธีของงานแต่งอีกล่ะ เจ้าอย่าพลาดช่วงเวลาอันเป็นมงคลนี้” แม่ฉินเดินไปยังด้านหน้าของจั๋วซือหราน

จั๋วซือหรานไม่ตอบโต้ใด ๆ เพียงแต่ยิ้มประชดประชัน

ใบหน้าของแม่ฉินชะงัก “นางจั๋ว ผู้ชายที่ไหนกันจะไม่รับเมียน้อย ยิ่งไปกว่านั้น ลูกชายของข้ามีชื่อเสียงโด่งดัง ในอนาคต เมื่อเขาได้ขึ้นเป็นข้าราชการระดับสูง เป็นไปได้หรือที่เขาไม่รับภรรยาน้อย ภรรยาน้อยไม่ได้มีอำนาจเหนือกว่าเจ้าหรอก เหตุใดเจ้าต้องกังวลคอยคิดเล็กคิดน้อย”

พ่อฉินที่อยู่ด้านข้างเห็นคล้อยตามว่า "ถึงอย่างไร ในอนาคต เด็ก ๆ จะเรียกเจ้าว่าแม่ใหญ่ ทำไมเจ้าถึงเป็นผู้หญิงที่โง่เขลาขนาดนี้ อย่าทำตัวเหมือนผู้หญิงที่ชอบอิจฉาริษยาเช่นนี้"

จั๋วซือหรานค่อย ๆ ยืนขึ้น นางวางตัวหยิ่ง "ผู้หญิงที่ชอบอิจฉาริษยาหรือ ทำไมเจ้าไม่เรียกข้าว่า ผู้หญิงที่ร้ายกาจเลยล่ะ ใครก็ได้ หักขาของฉินตวนหยาง และไล่พ่อแม่ของเขาออกไปด้วย"

ฉินตวนหยางสะดุ้ง เขารีบแอบเอาอะไรจิ้มปลายนิ้วของตนเอง มีเลือดสองสามหยดไหลออกมา

จากนั้นเขาขยับริมฝีปากของเขาสองสามครั้งและท่องหนอนพิษกู่โกยไม่ออกเสียง

จากนั้นเขาก็มองไปที่จั๋วซือหรานอีกครั้ง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรักและน้ำเสียงอ้อนวอน"เสี่ยวจิ่ว เจ้าอย่าโกรธเลยนะ ข้ารู้ข้าผิดไปแล้ว ต่อจากนี้ไป ข้าจะรักเจ้าคนเดียว ครั้งนี้โปรดยกโทษให้ข้าได้ไหมขอรับ"

จั๋วซือหรานไม่ทันระวังตัวและได้รับความเจ็บปวดอย่างรุนแรงในหัวใจและสมองในเวลาเดียวกัน...
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (4)
goodnovel comment avatar
Nong Thepwong
อ่านแล้วงง
goodnovel comment avatar
Nicky Narathonathiwat
เห็นด้วยจ้า
goodnovel comment avatar
Nicky Narathonathiwat
ควรแก้ไข รูปประโยคให้สมบูรณ์ มากกว่านี้ เป็นกำลังใจให้นะคะ
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1457

    จั๋วซือหรานพูดถึงตรงนี้ ก็หัวเราะขึ้นมา แต่ไม่ใช่หัวเราะใส่เฟิงเหยียนหรือปันอวิ๋นถ้าให้พูดจริงๆ น่าจะเป็นเจ้าสภาผู้อาวุโสสมควรตายนั่นมากกว่าจั๋วซือหรานหัวเราะเสียงเย็นชา "พวกเขาพอได้ลิ้มลองของดีแล้ว ต้องไม่ยอมปล่อยวางพลังสัตว์เทพไปแน่นอน"พลังแห่งมังกรครามสามารถทำให้เกาะมังกรลอยบนท้องฟ้าได้ ทำให้ฐานที่มั่นพวกเขาดูราวกับเป็นปาฏิหาริย์แห่งทวยเทพได้อย่าว่าแต่สภาผู้อาวุโสพวกนี้เลยจั๋วซือหรานลองสมมติว่าถ้าตนเองเป็นแบบนั้น ก็คงรู้สึกอยากจะรู้ว่าพลังของสัตว์เทพอื่นๆ จะเป็นเช่นไร"ใช่เลย" ปันอวิ๋นถอนหายใจ "เพียงแต่ว่า พลังสัตว์เทพมันหาได้ง่ายๆ เสียที่ไหนกัน"ถังฉือที่อยู่ข้างๆ ก็พูดต่อมาว่า "พวกเราหามาตั้งหลายปี ไอ้ที่หาเจอจริงๆ ก็มีแค่หงส์แดงกับพยัคฆ์ขาวเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นแค่พวกน้ำไร้รากด้วย"จั๋วซือหรานรู้สึกสนใจกับคำพูดนี้ของถังฉือ"น้ำไร้ราก..."ประหลาด จั๋วซือหรานเข้าใจความหมายคำนี้ของถังฉือขึ้นทันทีพลังแห่งพยัคฆ์ขาวที่ถังฉือพูดถึงเป็นอย่างไร จั๋วซือหรานไม่รู้แต่ที่นางรู้คือบนตัวเฟิงเหยียน หรือก็คือพลังหงส์แดงที่สืบทอดมาของตระกูลเฟิงมันก็ดูเป็นน้ำไร้รากจริงๆ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1456

    เขาพยักหน้า "พวกเขาสะสมมานานหลายปี มีทรัพยากรที่ดีที่สุด มีเส้นสายที่ดีที่สุดกับสำนักต่างๆ"ถังฉือพูดต่อไปและเพราะมีทรัพยากรเช่นนี้ พวกเขาจึงมีสายข่าวที่เยอะถึงเยอะมากๆสัตว์เทพเอย สัตว์ชั่วร้ายเอย สิ่งที่คนปรารถนาแต่ไม่อาจเอื้อมถึง แค่คิดก็ยังไม่กล้าจะคิด ทว่าสำหรับพวกเขาแล้ว กลับเป็นสิ่งที่ได้มาง่ายดายและเพราะได้มาง่ายดาย จึงไม่ได้ดูมีคุณค่าขนาดนั้นดังนั้น จึงมีทะเลทรายทางเหนือขึ้นมาทะเลทรายทางเหนือก็เหมือนกับเป็นศูนย์พักพิงแห่งหนึ่งของสภาผู้อาวุโส รวบรวมตัวตนอันตรายจำนวนมากไว้ เป็นตัวตนที่สภาผู้อาวุโสรู้สึกว่าเก็บไว้ก็ไม่ได้ประโยชน์ แต่จะทิ้งก็เสียดายถ้าบอกว่าให้ทิ้งไป พวกเขาก็ยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง แต่ถ้าจะบอกว่ามีค่า...ก็เหมือนไม่ได้ไปถึงขนาดนั้นดังนั้นจึงให้พวกเขาอยู่กันที่ทะเลทรายทางเหนือ อยู่ในเมืองโม่ทั้งใช้งานต่อได้ และไม่ส่งผลกระทบกับชีวิตของสภาผู้อาวุโสด้วยจั๋วซือหรานฟังออกถึงความหมายในคำพูดนี้"ดังนั้นก็คือ...ที่พวกเขาเอาคนเหล่านี้มาทำงานในเมืองโม่ อันที่จริงก็เพื่อไม่ให้พวกเขาไปยังฐานที่มั่นสภาผู้อาวุโส แต่ยังสามารถใช้ประโยชน์จากพลังของพวกเขาต่อไปได้"

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1455

    ถังฉือชอบจั๋วซือหราน ไม่ใช่ความรู้สึกชอบแบบหนุ่มสาว แต่เป็นความชอบแบบบริสุทธิ์ใจดังนั้น ขอแค่จั๋วซือหรานอยากรู้ ถังฉือก็จะตอบสิ่งที่รู้ออกมาทั้งหมดดังนั้นจั๋วซือหรานจึงมีความเข้าใจต่อสภาผู้อาวุโส และทะเลทรายทางเหนือพอควรแล้วสภาผู้อาวุโส ตอนแรกสุดที่ก่อตั้ง ไม่ได้มีเจตนาไม่ดี และไม่มีการกดขี่ข่มเหงตอนนั้น แผ่นดินใหญ่แตกแยกล่มสลายแคว้นเล็กต่างๆ สับสนวุ่นวายไม่พัก สู้กันไปสู้กันมาตอนนั้นลัทธิยังไม่เรียกเป็นลัทธิ แต่ยังเรียกเป็นแค่กลุ่มสำนัก และกลุ่มสำนักภูเขาหรือกลุ่มสำนักริมน้ำก็ผุดขึ้นมาไม่ขาดสายและก็มีการช่วงชิงระหว่างกันทั้งที่ลับที่แจ้งอยู่ไม่น้อยพูดแบบนี้ดีกว่า เป็นยุคสมัยที่ค่อนข้างวุ่นวายเลยทีเดียวระหว่างแคว้นรบราต่อสู้กัน วุ่นวายไม่หยุดหย่อนระหว่างสำนักเองก็ต่อสู้กัน มีคนตายไปไม่น้อยสถานการณ์เช่นนี้ยืดยาวต่อมาเป็นเวลานาน กินเวลาหลายสิบปีเลยทีเดียวต่อมาไม่รู้เนื่องจากโอกาสอะไร โดยรวมคือ มีสำนักอันดับแรกที่ก่อตั้งขึ้นจากการร่วมตัวเป็นพันธมิตรพลังของสำนักเช่นนี้แน่นอนว่าไม่ใช่ธรรมดา ดีกว่ากลุ่มสำนักแต่ก่อนมากมายดังนั้น เพื่อจะต่อสู้กับสำนักนี้ สำนักอื่นๆ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1454

    ตอนที่ฟ้ากำลังจะสาง จั๋วซือหรานก็เรียกให้เฟิงเหยียนเข้ามาอยู่บนรถม้ารถม้าของนางเดิมทีก็เตรียมไว้เพื่อเขาโดยเฉพาะ ไม่เช่นนั้น อันที่จริงพวกเขาจะขี่ม้าเร่งระยะทางกันเสียหน่อยก็ไม่ใช่ปัญหาเลยหลักๆ คือยังกังวลอาการบาดเจ็บของเฟิงเหยียนในรถม้าท่ามกลางความมืด เฟิงเหยียนโอบกอดนางเบาๆจั๋วซือหรานพิงไปที่อกเขา "อีกเดี๋ยวท่านก็พักผ่อนให้ดีๆ""อืม" เฟิงเหยียนดูเชื่อฟังนางมากจั๋วซือหรานคิด เอ่ยถามเสียงต่ำว่า "พวกเขาขังคนพวกนี้ไว้ที่ทะเลทรายทางเหนือหรือ?"เฟิงเหยียนขานรับอืม "ถือว่าใช่นั่นล่ะ ตอนแรกสุดคนทั้งหมด จะคิดว่าตนเองได้ไปเข้าร่วมกับองค์กรที่ใหญ่โตมาก อยู่ไปจึงได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ว่าไปเข้าร่วม แต่ไปให้บริการต่างหาก..."จั๋วซือหรานรู้สึกว่า ใช้คำว่าให้บริการนี่ อาจจะเป็นคำที่เฟิงเหยียนใช้แบบอ้อมๆ หน่อยแล้วกระทั่งเรียกได้ว่าเป็นทาสเลยด้วยซ้ำจั๋วซือหรานพอได้ยินจากคำพูดเฟิงเหยียน ภาพของทะเลทรายทางเหนือ ก็ค่อยๆ มีเค้าโครงขึ้นมาบ้างแล้วคนเหล่านั้น ล้วนเป็นอัจฉริยะที่สภาผู้อาวุโสรวบรวมมาจากทั่วสารทิศอัจฉริยะเหล่านี้ ล้วนมาให้บริการแก่พวกเขาเหมือนอย่างซงซี สิ่งของที่ถูกหลอมออก

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1453

    เฟิงเหยียนรู้ความหมายของถังฉือจั๋วซือหรานหัวเราะเอ่ยขึ้น "ตอนนี้ข้ายังต้องกลัวผิดใจพวกเขาอีกหรือ?"ถังฉือคิดๆ รู้สึกว่ามันก็จริงนางขโมยอาเหยียนมาแล้ว จากนั้นเกลี้ยกล่อมอวิ๋นให้เปลี่ยนข้าง จากนั้นก็ตัวเขาตอนนี้ยังจะไปขโมยตัวซงซีกับเยี่ยนเหวยอีกไม่ว่าจะมองจากจุดไหน ความสามารถของนางจะเปิดโปงหรือไม่ ก็เหมือนไม่ต่างกันถึงอย่างไรสภาผู้อาวุโสก็ต้องอยากให้นางตายอยู่แล้วแล้วถังฉือก็เห็นนางเป่าปากติดต่อกันหลายครั้ง เรียกสัตว์ประหลาดออกมาหลายตัวเป็นพาหนะให้พวกเขาทั้งห้าคนออกเดินทางกันแล้วพาหนะเหล่านั้นก็เชื่องกันมาก ไม่ใช่แค่เพราะวิชาควบคุมสัตว์กับพลังวิญญาณที่ควบคุมของจั๋วซือหรานเท่านั้นแต่เป็นเพราะ เฟิงเหยียนเองก็มีพลังหงส์แดงอยู่ในตัว ปันอวิ๋นมีพลังกู่วิญญาณในตัวนี่ตัวล้วนเป็นตัวตนสูงสุดในห่วงโซ่อาหารแล้ว และตัวตนเช่นนี้...พลังการคุกคามและแรงกดดันต่อสัตว์ประหลาดทั่วไป ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลยส่วนถังฉือ จิตสังหารบนตัวเขา แม้ตอนที่ยังไม่ชักกระบี่ ก็เหมือนจะเก็บงำไว้อย่างดีจนสัมผัสไม่ได้ทว่าการรับรู้ของสัตว์ประหลาดนั้นเฉียบคมกว่ามนุษย์มาแต่ไหนแต่ไร สัมผัสได้อย่างแน่นอนสัต

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1452

    รู้สึกประหลาดใจ และก็กลัวนิดๆ ด้วยเยว่จานเอ่ยถามเสียงขรึมขึ้นข้างๆ "ใต้เท้า ไม่ทราบว่าทดสอบอะไรหรือ?""พวกเจ้าเองก็เห็นแล้ว ทหารของเย่เจิงเข้ามารับช่วงดูแลซื่อหนานต่อ ส่วนในซื่อหนานเดิมทีก็เป็นพวกที่ไม่ค่อยมีระเบียบวินัยนัก ดังนั้นต่อให้พวกเจ้าจะมีความผิดติดตัว พวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์มาตำหนิพวกเจ้าได้ข้าเอาเมืองแห่งนี้ให้พวกเจ้าดูแล ตอนที่ข้ากลับมา ถ้าพวกเจ้าบริหารซื่อหนานได้เป็นอย่างดี ก็จะถือว่าพวกเจ้าผ่านการทดสอบจั๋วซือหรานยิ้มๆ "เช่นนั้นหลังจากนี้ ตอนที่ข้าส่งเมืองอื่นให้พวกเจ้าดูแล ข้าก็จะวางใจได้ ถ้าหากมีใครกล้าสร้างปัญหาเพราะความผิดในอดีตพวกเจ้า ข้าจะช่วยจัดการให้"ทว่าพอพูดไป รอยยิ้มบนหน้านางก็ค่อยๆ หายไป "แต่ถ้าพวกเจ้าทำได้ไม่ดี เช่นนั้นก็อธิบายได้ว่าพวกเจ้าไม่มีคุณค่า ข้าจะไม่ลงโทษพวกเจ้า หลังจากนี้พวกเจ้าก็เป็นทาสรับใช้ในจวนนี้ต่อไปก็แล้วกัน"ดวงตาของเยว่จานเปล่งประกายขึ้นมาจะฟังคำพูดในนี้ไม่ออกได้อย่างไร พวกเขาถ้าทำได้ดี ในอนาคตก็สามารถไม่ต้องมีสถานะทาสติดตัวแล้ว กระทั่งความผิดก่อนหน้านี้ ใต้เท้าก็จะช่วยหาวิธีให้พวกเขา...เยว่จานคุกเข่าลงพื้น โขกศีรษะให้กับจั๋วซือหร

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status