Share

บทที่ 3

Author: หูเทียนเสี่ยว
แววตาของจั๋วซือหรานเต็มไปด้วยความสับสน มีพลังที่มองไม่เห็นกำลังล่อลวงหัวใจของนาง เพื่อให้นางทำตามคำพูดของฉินตวนหยาง

นางพยายามทรงตัวไว้และอดความเจ็บปวดไว้

ไม่แปลกเลย ชะตากรรมอันเดิมของเจ้าของร่างคนนี้ราวกับคนตาบอด นางรักคนไร้ความสามารถอย่างฉินตวนหยางขนาดนี้ แท้จริงแล้ว นางถูกอาคมหนอนพิษกู่ควบคุมสติไว้

พิษแปลก ๆ ดังกล่าวแปลกอย่างมากจนทำให้เจ้าของร่างเดิมโดนอาคมหนอนพิษกู่โดยไม่รู้ตัว แม้ตายไปก็ไม่ทราบว่าตัวเองโดนหนอนพิษกู่ หากจั๋วซือหรานไม่ได้เดินทางข้ามเวลามา ร่างเดิมคงใช้ชีวิตอันน่าสงเวชอย่างชะตากรรมอันเดิมที่กำหนดไว้

แต่ในเมื่อจั๋วซือหรานมาแล้ว นางจะไม่มีวันฉินตวนหยางสมหวัง

ฉินตวนหยางเห็นนางไม่ตอบ จึงเสกเป่าอีกที "เสี่ยวจิ่ว เจ้าเชื่อข้าไหมขอรับ"

จั๋วซือหรานมองไปที่ฉินตวนหยาง นางค่อย ๆ อ้าริมฝีปากอันสีแดงให้กว้างขึ้น

“เจ้าฝันไปเสียเถิด”

เสียง 'คลิก'ดังขึ้น

“อา”ขาของฉินตวนหยางถูกคนหัก และเขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

เขาตกใจด้วยความเจ็บปวดทรมาน ผู้นั้นได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า ตราบใดเสน่ห์หนอนพิษกู่นี้ยังคงอยู่ จั๋วซือหรานก็สามารถเชื่อฟังเขาไปตลอดชีวิต ทำไมหนอนพิษกู่จึงใช้งานไม่ได้ล่ะ

“พี่ฉิน” จวงเหยาเหยาร้องไห้และพูดว่า “พี่จั๋ว โปรดไว้ชีวิตด้วยเถิด”

“นางจั๋ว เจ้านี่มันช่างใจร้ายเสียจริง”

“เจ้านี่เป็นผู้หญิงร้ายกาจ กล้าก็ทำลงมืออย่างโหดกับสามีของเจ้า”

บิดาและมารดาของฉินรุ่ยหยางร้องไห้และตะโกนออกมา บรรยากาศในเวลานี้ช่างสนุกเสียจริง

แขกต่างพากันกระซิบกระซาบ

“เห้อ ข้าได้ยินมาว่า เพื่อที่จะแต่งงานกับผู้ชายคนนี้ จั๋วจิ่วไม่เพียงแต่ต่อต้านตระกูลจั๋วเท่านั้น นางยังถอนการหมั้นระหว่างนางกับเฟิงเหยียน ข้ายังคิดอยู่ว่า พวกเขาจะรักกันมากเสียอีก ทว่าตอนนี้ดูไปดูมา พวกเขาคงไม่ไม่ได้รักกันมาก”

“ทีนี้จั๋วจิ่วมีสติกลับมาแล้ว หรือว่านางรู้เสียดายภายหลังนะ”

ทันใดนั้นก็มีเสียงเยาะเย้ยมาจากประตู

“นางอยากเสียใจภายหลัง แล้วจะให้นางเสียใจจริง ๆ หรือ เจ้าคิดว่าตระกูลเฟิงของพวกข้าเป็นคนอะไร”

มีเด็กผู้หญิงที่มีอายุประมาณสิบห้า หรือสิบหกปีเดินเข้ามาฃ

เอวของนางห้อยกระบี่สั้นที่มีความยาวราวปลายแขน ระหว่างด้ามกับใบมีดได้ติดทับทิมหนึ่งเม็ดไว้ และที่ปลาย้ามได้สลักคำว่า “หร่าน”

มีคนจำดาบประจำตระกูลที่อยู่บนเอวของนางได้

“นี่คือคุณหนูคนที่สิบของตระกูลเฟิง—เฟิงหร่าน”

“นางกับเฟิงเหยียนเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน เพราะจั๋วจิ่วถอนการหมั้นกับพี่ชายของนาง ทันทีที่นางฝึกซ้อมในตระกูลจบลง นางก็รีบมาที่นี่เพื่อแก้แค้นให้พี่ชายของนางหรือ”

เฟิงหร่านดึงกระบี่ออกจากเอวของนาง แล้วนำกระบี่ไปชี้ยังจั๋วซือหราน “จั๋วจิ่ว ก่อนหน้านี้เจ้าได้ยินว่าพี่ชายของข้าได้รับบาดเจ็บที่ขาระหว่างการซ้อม ก็เลยรีบหาข้ออ้างมาถอนการหมั้น ก็เพราะเจ้าต้องการชู้กับชายคนนี้มิใช่หรือ คนต้อยต่ำอย่างชายคนนี้ เอามาเปรียบเทียบกับพี่ชายข้าได้อย่างไร”

“เจ้าพูดถูก แน่นอนเลยว่าเขาสู้มิได้ ฝูซู ฝูซาน โยนคนของฉินตวนหยางออกไปให้หมด”

“...?” เฟิงหร่านตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจึงรู้ตัว “เดี๋ยวก่อน อย่างที่พวกเขาพูดกัน เจ้าเสียใจแล้วหรือ”

“ใช่สิ ข้าขอคืนคำ ข้ารักเฟิงเหยียนอย่างมากและข้าจะไม่เสียดายภายหลังแม้แต่น้อย อย่าว่าแค่เขาบาดเจ็บที่ขาเลย ต่อให้เขาสูญเสียขาไป ข้าก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจเด็ดขาด”

จั๋วซือหรานเจ็บปวดอย่างรุนแรง เนื่องจากนางต้องต่อต้านเสน่ห์ของหนอนพิษกู่

นางเพียงแค่อยากจบเรื่องที่น่าขันในตอนนี้โดยเร็วที่สุด แล้วค่อยมาศึกษาว่า เสน่ห์หนอนพิษกู่ในร่างนี้มาจากไหนกันแน่

นางพูดต่ออีกว่า "ความารักที่ข้ามีต่อเฟิงเหยียนสามารถพูดได้ว่า ไม่มีที่สิ้นสุดราวกับสายน้ำที่ทอดยาว มิเช่นนั้น ข้าคงไม่สามารถหลุดพ้นจากเสน่ห์หนอนพิษกู่ที่ฉินตวนหยางใส่ในร่างกายของข้า และมีสติกลับมาได้"

คำพูดของจั๋วซือหรานทำให้แขกต่างพากันตกใจ

“เสน่ห์หนอนพิษกู่หรือ ลัทธิกู่จากดินแดนใต้เป็นผู้ที่ขัดเกลาพิษนี้มาเพื่อควบคุมจิตใจของผู้คนมิใช่หรือ”

นางสังเกตถึงเสน่ห์หนอนพิษกู่แล้วหรือ

“เจ้า…เจ้ากำลังพูดบ้าบอเรื่องใด เสน่ห์หนอนพิษกู่อะไรกัน ข้าเป็นเพียงบัณฑิต ไม่รู้จักสิ่งเหล่านี้” ฉินตวนหยางตื่นตระหนกเล็กน้อย

แม่ฉินร้องไห้ "นางร้ายกาจ เจ้าเป็นคนร้องห่มร้องไห้ตะโกนขอแต่งงานกับลูกชายของข้าเอง ตอนนี้เจ้าลงมืออย่างหนัก แล้วยังอยากทำลายชื่อเสียงของเขาอีกหรือ"

แขกในงานพากันกระซิบ

“นั่นน่ะสิ เขาก็เป็นเพียงบัณฑิตที่ยากจน เขาจะมีเสน่ห์หนอนพิษดู่ได้อย่างไร”

“และข้าได้ยินมาว่า ผู้ที่หลุดจากเสน่ห์หนอนพิษกู่ต้องแบกรับความเจ็บปวดอย่างมาก จั๋วจิ่วกลับดูเหมือนไม่ได้เป็นอะไรนะ”

เฟิงหร่านมีอคติต่อจั๋วจิ่วอยู่แล้ว ดังนั้นแน่นอนว่านางไม่เชื่อเรื่องเสน่ห์หนอนพิษกู่ และนางมองว่า คำพูดของจั๋วซือหรานเป็นข้อแก้ตัวของจั๋วซือหรานเท่านั้น

นางยกกระบี่ประจำตระกูลของเธอไว้ในมือ ห้ามฝูซางและฝูซูพาคนออกไป นางจ้องมองที่จั๋วซือหราน ”เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นผู้ตัดสินความผิดหรือความถูกต้องหรือ ในเมื่อเจ้ายอมถอนการหมั้นเพื่อแต่งงานกับผู้นี้แล้ว วันนี้อย่างไรก็ตาม เจ้าต้องแต่งงานกับชายคนนี้ให้ได้ เจ้าจะได้ไม่มาพัวพันกับพี่ชายของข้าเสียที“

เฟิงหร่านลากฉินตวนหยางและกดเขาไว้หน้าโต๊ะ "คุกเข่าลง กราบไหว้ฟ้าดิน"

ฉินตวนหยางแอบดีใจมาก "ขอบคุณมากที่คุณหนูเฟิงสือช่วยดำเนินการพิธีให้สมบูรณ์"

เฟิงหร่านนำปลายกระบี่ของนางชี้ไปที่จั๋วซือหราน “จั๋วจิ่ว ถึงฤกษ์งามยามดีแล้ว”

ดวงตาของพ่อฉินและแม่ฉินเป็นประกาย

แม่ฉิน "ใช่สิ ถึงฤกษ์งามยามดีแล้ว เลิกสร้างปัญหาได้แล้ว รีบมาไหว้ฟ้าดิน"

พ่อฉิน "หลังจากแต่งงานกับลูกชายของข้าแล้ว เจ้าเชื่อฟังดี ๆ นะ พวกข้าจะลืมสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ไป และเจ้ายังคงเป็นภรรยาหลวงเช่นเดิม"

พวกเขาเห็นจั๋วซือหรานอยู่เฉย ๆ ฉินตวนหยางขยับริมฝีปากเล็กน้อยและท่องอาคมเสน่ห์หยอนพิษกู่ต่อโดยไม่ออกเสียงใด ๆ

ความเจ็บปวดค่อย ๆ กัดเซาะไปยังร่างกายและกระดูกเรื่อย ๆ และจั๋วซือหรานจ้องไปยังริมฝีปากของฉินตวนหยางอย่างเย็นชา บัดนี้ฉินรุ่ยหยางกำลังค่อยขยับริมฝีปาก

จั๋วซือหรานมีเจตนาที่อยากฆ่าชายคนนี้ และเจตนานี้หนักแน่นขึ้นเรื่อย ๆ

กระบี่ของเฟิงหร่านเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ กระบี่นั้นแทบชิดกับแก้มของจั๋วซือหราน เห็นได้ชัดว่าเฟิงหร่านกำลังบังคับจั๋วซือหราน

“จั๋วจิ่ว รีบไหว้ฟ้าดิน”

ทว่าจั๋วซือหรานเป็นวิญญาณของสายสืบที่มาจากยุคปัจจุบัน และนางได้สืบทอดศิลปะการต่อสู้โบราณด้วย และนางไม่เคยกลัวการต่อสู้เลยแม้แต่น้อย

เห็นแต่นางเอาสองนิ้วจับปลายกระบี่ของเฟิงหร่าน และค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น “เฟิงหร่าน เจ้ามายุ่งเรื่องส่วนตัวของข้ามากเกินไปหรือไม่ ข้าเคยบอกว่า ข้ามีความรู้สึกอันลึกซึ้งต่อเฟิงเหยียน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า ข้าจะอดทนกับเจ้าได้ทุกเรื่อง”

“เจ้าช่างไร้ยางอาย” เฟิงหร่านจ้องมองจั๋วซือหรานด้วยความโกรธแค้น และนางอยากจัดการจั๋วซือหรานให้รู้แล้วรู้รอด

แต่ทันใดนั้นนางตระหนักขึ้นได้ว่า นางไม่สามารถดึงกระบี่กลับได้

เป็นไปได้อย่างไร

จั๋วจิ่วใช้เพียงสองนิ้วเท่านั้น

ในขณะที่เฟิงหร่านกำลังต่อสู้กับจั๋วซือหราน ฉินตวนหยางคุกเข่าบนพื้นและรีบท่องอาคมเสน่ห์หนอนพิษด้วยความโกรธแค้น

“เอ่อ...แค้ก”

จั๋วซือหรานรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงในทันที นางได้กลิ่นโลหิตที่คาวและหวานในลำคอ นางไอคราบเลือดสีแดงก่ำออก และเลือดนั้นเปื้อนริมฝีปากของนาง

นิ้วของจั๋วซือหรานสูญเสียเรี่ยวแรงไปชั่วขณะ กระบี่ของเฟิงหร่านก็สูญเสียแรงบังคับและแทงไปข้างหน้า

แม้ว่าจั๋วซือหรานจะเอียงศีรษะอย่างรวดเร็ว แต่กระดูกโหนกแก้มของนางยังถูกบาดจนมีแผลเล็ก ๆ

เลือดไหลไหลตามแก้มของนาง เลือดนั้นเสมือนน้ำตาที่เปื้อนเลือด

สะท้อนกับสีของผ้าคลุมไหล่ได้สวยงามอย่างน่าอัศจรรย์

เฟิงหร่านตกตะลึงและกัดริมฝีปาก "เจ้า ที่เจ้าอาเจียนเป็นเลือดออกมา ข้าไม่เกี่ยวนะ"

จั๋วซือหรานไม่มีเจตนาที่จะโต้เถียงกับเฟิงหร่าน นางหรี่ตาลงแล้วมองไปที่ฉินตวนหยางด้วยความเย็นชา "ฉินตวนหยาง เจ้าคิดว่าข้าอ่อนแอ ข้าเป็นคนที่ถูกรังแกง่าย ๆ จนไม่กล้าฆ่าเจ้าเลยหรือ"

ฉินตวนหยางหวาดกลัว "เกี่ยว เกี่ยวอะไรกับข้า เจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้าอีกนะ เสน่ห์หนอนพิษกู่ที่เจ้าพูดถึง ข้าไม่รู้มันคืออะไร"

แต่จั๋วซือหรานยังไม่ทันลงมือ

"อ๊าก——!"

ทันใดนั้นฉินตวนหยางก็กรีดร้องอย่ากะทันหัน

ผู้ที่มาสวมชุดสีดำ เขารูปร่างอันงดงาม

วินาทีที่เขาปรากฏตัวอย่างรวดเร็ว เขาเสมือนภูตผี คุณหนูสิบของตระกูลเฟิงที่มีการกระทำอย่างเผด็จการก่อนหน้านี้กลับไม่กล้าทำตัวเช่นนั้นอีก บัดนี้นางทำตัวเสมือนกระต่ายน้อย ๆ ที่เชื่อฟัง

“พี่ชายเจ้าคะ หนูรู้ตัวทำผิดแล้วเจ้าค่ะ”

พี่ชายหรือ นั่นหมายความว่า...ไม่ใช่หรือ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (2)
goodnovel comment avatar
ออนกนก โพธิรักษ์
อ่านเรื่องเดิมตรงไหนคะ
goodnovel comment avatar
ออนกนก โพธิรักษ์
ดูชื่อเรื่องทั้งหมดคะ
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1457

    จั๋วซือหรานพูดถึงตรงนี้ ก็หัวเราะขึ้นมา แต่ไม่ใช่หัวเราะใส่เฟิงเหยียนหรือปันอวิ๋นถ้าให้พูดจริงๆ น่าจะเป็นเจ้าสภาผู้อาวุโสสมควรตายนั่นมากกว่าจั๋วซือหรานหัวเราะเสียงเย็นชา "พวกเขาพอได้ลิ้มลองของดีแล้ว ต้องไม่ยอมปล่อยวางพลังสัตว์เทพไปแน่นอน"พลังแห่งมังกรครามสามารถทำให้เกาะมังกรลอยบนท้องฟ้าได้ ทำให้ฐานที่มั่นพวกเขาดูราวกับเป็นปาฏิหาริย์แห่งทวยเทพได้อย่าว่าแต่สภาผู้อาวุโสพวกนี้เลยจั๋วซือหรานลองสมมติว่าถ้าตนเองเป็นแบบนั้น ก็คงรู้สึกอยากจะรู้ว่าพลังของสัตว์เทพอื่นๆ จะเป็นเช่นไร"ใช่เลย" ปันอวิ๋นถอนหายใจ "เพียงแต่ว่า พลังสัตว์เทพมันหาได้ง่ายๆ เสียที่ไหนกัน"ถังฉือที่อยู่ข้างๆ ก็พูดต่อมาว่า "พวกเราหามาตั้งหลายปี ไอ้ที่หาเจอจริงๆ ก็มีแค่หงส์แดงกับพยัคฆ์ขาวเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นแค่พวกน้ำไร้รากด้วย"จั๋วซือหรานรู้สึกสนใจกับคำพูดนี้ของถังฉือ"น้ำไร้ราก..."ประหลาด จั๋วซือหรานเข้าใจความหมายคำนี้ของถังฉือขึ้นทันทีพลังแห่งพยัคฆ์ขาวที่ถังฉือพูดถึงเป็นอย่างไร จั๋วซือหรานไม่รู้แต่ที่นางรู้คือบนตัวเฟิงเหยียน หรือก็คือพลังหงส์แดงที่สืบทอดมาของตระกูลเฟิงมันก็ดูเป็นน้ำไร้รากจริงๆ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1456

    เขาพยักหน้า "พวกเขาสะสมมานานหลายปี มีทรัพยากรที่ดีที่สุด มีเส้นสายที่ดีที่สุดกับสำนักต่างๆ"ถังฉือพูดต่อไปและเพราะมีทรัพยากรเช่นนี้ พวกเขาจึงมีสายข่าวที่เยอะถึงเยอะมากๆสัตว์เทพเอย สัตว์ชั่วร้ายเอย สิ่งที่คนปรารถนาแต่ไม่อาจเอื้อมถึง แค่คิดก็ยังไม่กล้าจะคิด ทว่าสำหรับพวกเขาแล้ว กลับเป็นสิ่งที่ได้มาง่ายดายและเพราะได้มาง่ายดาย จึงไม่ได้ดูมีคุณค่าขนาดนั้นดังนั้น จึงมีทะเลทรายทางเหนือขึ้นมาทะเลทรายทางเหนือก็เหมือนกับเป็นศูนย์พักพิงแห่งหนึ่งของสภาผู้อาวุโส รวบรวมตัวตนอันตรายจำนวนมากไว้ เป็นตัวตนที่สภาผู้อาวุโสรู้สึกว่าเก็บไว้ก็ไม่ได้ประโยชน์ แต่จะทิ้งก็เสียดายถ้าบอกว่าให้ทิ้งไป พวกเขาก็ยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง แต่ถ้าจะบอกว่ามีค่า...ก็เหมือนไม่ได้ไปถึงขนาดนั้นดังนั้นจึงให้พวกเขาอยู่กันที่ทะเลทรายทางเหนือ อยู่ในเมืองโม่ทั้งใช้งานต่อได้ และไม่ส่งผลกระทบกับชีวิตของสภาผู้อาวุโสด้วยจั๋วซือหรานฟังออกถึงความหมายในคำพูดนี้"ดังนั้นก็คือ...ที่พวกเขาเอาคนเหล่านี้มาทำงานในเมืองโม่ อันที่จริงก็เพื่อไม่ให้พวกเขาไปยังฐานที่มั่นสภาผู้อาวุโส แต่ยังสามารถใช้ประโยชน์จากพลังของพวกเขาต่อไปได้"

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1455

    ถังฉือชอบจั๋วซือหราน ไม่ใช่ความรู้สึกชอบแบบหนุ่มสาว แต่เป็นความชอบแบบบริสุทธิ์ใจดังนั้น ขอแค่จั๋วซือหรานอยากรู้ ถังฉือก็จะตอบสิ่งที่รู้ออกมาทั้งหมดดังนั้นจั๋วซือหรานจึงมีความเข้าใจต่อสภาผู้อาวุโส และทะเลทรายทางเหนือพอควรแล้วสภาผู้อาวุโส ตอนแรกสุดที่ก่อตั้ง ไม่ได้มีเจตนาไม่ดี และไม่มีการกดขี่ข่มเหงตอนนั้น แผ่นดินใหญ่แตกแยกล่มสลายแคว้นเล็กต่างๆ สับสนวุ่นวายไม่พัก สู้กันไปสู้กันมาตอนนั้นลัทธิยังไม่เรียกเป็นลัทธิ แต่ยังเรียกเป็นแค่กลุ่มสำนัก และกลุ่มสำนักภูเขาหรือกลุ่มสำนักริมน้ำก็ผุดขึ้นมาไม่ขาดสายและก็มีการช่วงชิงระหว่างกันทั้งที่ลับที่แจ้งอยู่ไม่น้อยพูดแบบนี้ดีกว่า เป็นยุคสมัยที่ค่อนข้างวุ่นวายเลยทีเดียวระหว่างแคว้นรบราต่อสู้กัน วุ่นวายไม่หยุดหย่อนระหว่างสำนักเองก็ต่อสู้กัน มีคนตายไปไม่น้อยสถานการณ์เช่นนี้ยืดยาวต่อมาเป็นเวลานาน กินเวลาหลายสิบปีเลยทีเดียวต่อมาไม่รู้เนื่องจากโอกาสอะไร โดยรวมคือ มีสำนักอันดับแรกที่ก่อตั้งขึ้นจากการร่วมตัวเป็นพันธมิตรพลังของสำนักเช่นนี้แน่นอนว่าไม่ใช่ธรรมดา ดีกว่ากลุ่มสำนักแต่ก่อนมากมายดังนั้น เพื่อจะต่อสู้กับสำนักนี้ สำนักอื่นๆ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1454

    ตอนที่ฟ้ากำลังจะสาง จั๋วซือหรานก็เรียกให้เฟิงเหยียนเข้ามาอยู่บนรถม้ารถม้าของนางเดิมทีก็เตรียมไว้เพื่อเขาโดยเฉพาะ ไม่เช่นนั้น อันที่จริงพวกเขาจะขี่ม้าเร่งระยะทางกันเสียหน่อยก็ไม่ใช่ปัญหาเลยหลักๆ คือยังกังวลอาการบาดเจ็บของเฟิงเหยียนในรถม้าท่ามกลางความมืด เฟิงเหยียนโอบกอดนางเบาๆจั๋วซือหรานพิงไปที่อกเขา "อีกเดี๋ยวท่านก็พักผ่อนให้ดีๆ""อืม" เฟิงเหยียนดูเชื่อฟังนางมากจั๋วซือหรานคิด เอ่ยถามเสียงต่ำว่า "พวกเขาขังคนพวกนี้ไว้ที่ทะเลทรายทางเหนือหรือ?"เฟิงเหยียนขานรับอืม "ถือว่าใช่นั่นล่ะ ตอนแรกสุดคนทั้งหมด จะคิดว่าตนเองได้ไปเข้าร่วมกับองค์กรที่ใหญ่โตมาก อยู่ไปจึงได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ว่าไปเข้าร่วม แต่ไปให้บริการต่างหาก..."จั๋วซือหรานรู้สึกว่า ใช้คำว่าให้บริการนี่ อาจจะเป็นคำที่เฟิงเหยียนใช้แบบอ้อมๆ หน่อยแล้วกระทั่งเรียกได้ว่าเป็นทาสเลยด้วยซ้ำจั๋วซือหรานพอได้ยินจากคำพูดเฟิงเหยียน ภาพของทะเลทรายทางเหนือ ก็ค่อยๆ มีเค้าโครงขึ้นมาบ้างแล้วคนเหล่านั้น ล้วนเป็นอัจฉริยะที่สภาผู้อาวุโสรวบรวมมาจากทั่วสารทิศอัจฉริยะเหล่านี้ ล้วนมาให้บริการแก่พวกเขาเหมือนอย่างซงซี สิ่งของที่ถูกหลอมออก

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1453

    เฟิงเหยียนรู้ความหมายของถังฉือจั๋วซือหรานหัวเราะเอ่ยขึ้น "ตอนนี้ข้ายังต้องกลัวผิดใจพวกเขาอีกหรือ?"ถังฉือคิดๆ รู้สึกว่ามันก็จริงนางขโมยอาเหยียนมาแล้ว จากนั้นเกลี้ยกล่อมอวิ๋นให้เปลี่ยนข้าง จากนั้นก็ตัวเขาตอนนี้ยังจะไปขโมยตัวซงซีกับเยี่ยนเหวยอีกไม่ว่าจะมองจากจุดไหน ความสามารถของนางจะเปิดโปงหรือไม่ ก็เหมือนไม่ต่างกันถึงอย่างไรสภาผู้อาวุโสก็ต้องอยากให้นางตายอยู่แล้วแล้วถังฉือก็เห็นนางเป่าปากติดต่อกันหลายครั้ง เรียกสัตว์ประหลาดออกมาหลายตัวเป็นพาหนะให้พวกเขาทั้งห้าคนออกเดินทางกันแล้วพาหนะเหล่านั้นก็เชื่องกันมาก ไม่ใช่แค่เพราะวิชาควบคุมสัตว์กับพลังวิญญาณที่ควบคุมของจั๋วซือหรานเท่านั้นแต่เป็นเพราะ เฟิงเหยียนเองก็มีพลังหงส์แดงอยู่ในตัว ปันอวิ๋นมีพลังกู่วิญญาณในตัวนี่ตัวล้วนเป็นตัวตนสูงสุดในห่วงโซ่อาหารแล้ว และตัวตนเช่นนี้...พลังการคุกคามและแรงกดดันต่อสัตว์ประหลาดทั่วไป ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลยส่วนถังฉือ จิตสังหารบนตัวเขา แม้ตอนที่ยังไม่ชักกระบี่ ก็เหมือนจะเก็บงำไว้อย่างดีจนสัมผัสไม่ได้ทว่าการรับรู้ของสัตว์ประหลาดนั้นเฉียบคมกว่ามนุษย์มาแต่ไหนแต่ไร สัมผัสได้อย่างแน่นอนสัต

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1452

    รู้สึกประหลาดใจ และก็กลัวนิดๆ ด้วยเยว่จานเอ่ยถามเสียงขรึมขึ้นข้างๆ "ใต้เท้า ไม่ทราบว่าทดสอบอะไรหรือ?""พวกเจ้าเองก็เห็นแล้ว ทหารของเย่เจิงเข้ามารับช่วงดูแลซื่อหนานต่อ ส่วนในซื่อหนานเดิมทีก็เป็นพวกที่ไม่ค่อยมีระเบียบวินัยนัก ดังนั้นต่อให้พวกเจ้าจะมีความผิดติดตัว พวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์มาตำหนิพวกเจ้าได้ข้าเอาเมืองแห่งนี้ให้พวกเจ้าดูแล ตอนที่ข้ากลับมา ถ้าพวกเจ้าบริหารซื่อหนานได้เป็นอย่างดี ก็จะถือว่าพวกเจ้าผ่านการทดสอบจั๋วซือหรานยิ้มๆ "เช่นนั้นหลังจากนี้ ตอนที่ข้าส่งเมืองอื่นให้พวกเจ้าดูแล ข้าก็จะวางใจได้ ถ้าหากมีใครกล้าสร้างปัญหาเพราะความผิดในอดีตพวกเจ้า ข้าจะช่วยจัดการให้"ทว่าพอพูดไป รอยยิ้มบนหน้านางก็ค่อยๆ หายไป "แต่ถ้าพวกเจ้าทำได้ไม่ดี เช่นนั้นก็อธิบายได้ว่าพวกเจ้าไม่มีคุณค่า ข้าจะไม่ลงโทษพวกเจ้า หลังจากนี้พวกเจ้าก็เป็นทาสรับใช้ในจวนนี้ต่อไปก็แล้วกัน"ดวงตาของเยว่จานเปล่งประกายขึ้นมาจะฟังคำพูดในนี้ไม่ออกได้อย่างไร พวกเขาถ้าทำได้ดี ในอนาคตก็สามารถไม่ต้องมีสถานะทาสติดตัวแล้ว กระทั่งความผิดก่อนหน้านี้ ใต้เท้าก็จะช่วยหาวิธีให้พวกเขา...เยว่จานคุกเข่าลงพื้น โขกศีรษะให้กับจั๋วซือหร

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status