Share

ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง
ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง
Author: หูเทียนเสี่ยว

บทที่ 1

Author: หูเทียนเสี่ยว
“เสียวจิ่ว ผู้นี้คือจวงเหยาเหยา นางมีเลือดเนื้อเชื้อไขของข้าอยู่ในท้องของนางแล้ว ในเมื่อวันนี้เป็นพิธีงานแต่งระหว่างข้าและเจ้า ข้าไม่อยากปิดบังอะไรเจ้า ข้าได้วางแผนที่จะให้นางมาเป็นนางสนม และข้าจะแต่งเจ้ากับนางเข้าเรือนในวันนี้"

ฉินรุ่ยหยางไม่รู้สึกไร้ยางอายแม้แต่นิดเดียว

“เจ้า...เมื่อครู่นี้เจ้าพูดอะไรนะ เจ้าพูดอีกครั้งสิ…”

สีหน้าของจั๋วซือหรานดูซีดขาวมากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับชุดแต่งงานสีแดงสดและมงกุฎหงส์

นางจ้องเขม็งไปยังชายและหญิงที่อยู่ตรงหน้านาง

ฉินรุ่ยหยาง"เสียวจิ่ว เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไป เจ้าจะเป็นภรรยาหลวงที่มีเกียรติเสมอ ไม่มีใครมีอำนาจเหนือเจ้าได้ ในภายภาคหน้า เหยาเหยาจะเคารพเจ้าอันเป็นแท้ และลูกของนางก็จะเรียกเจ้าว่า แม่ใหญ่"

จั๋วซือหรานยิ้มเยาะ "ข้าเกลียดคำเรียกนี้เสียจริง เด็กเหี้ยอะไรกันกล้ามาเรียกข้าเป็นแม่"

ใบหน้าของฉินรุ่ยหยางนิ่งขรึม

จวงเหยาเหยาน้ำตาเอ่อคลอ " พี่จั๋วเจ้าคะ หนูรู้ดีว่าตนเองมีฐานะต่ำต้อย แต่เด็กที่อยู่ในท้องของข้านั้น เด็กไม่ได้ทำอะไรผิดด้วย โปรดเห็นแก่เด็กคนนี้ที่เป็นสายเลือดของพี่ฉินด้วยนะ... "

จั๋วซือหรานไม่มองนาง สายตาจ้องไปยังฉินรุ่ยหยางอย่างไม่กระพริบ

“ถ้าเกิดว่าข้าไม่ยอมล่ะ เจ้ายังอยากแต่นางและข้าในวันเดียวหรือ”

ฉินรุ่ยหยางพูดอย่างมีความมั่นใจ "เสียวจิ่ว เจ้าถอนการหมั้นกับตระกูลเฟิง และต่อต้านตระกูลจั๋ว เพียงเพื่อแต่งงานกับข้า และในงานแต่งงานของเราในวันนี้ หากเกิดเรื่องใด ๆ ... เจ้าคงไม่อยากเสียหน้าหรอกใช่ไหม"

จั๋วซือหรานโกรธอย่างมาก หน้าอกของนางราวกับว่า กำลังมีไฟป่าลุกลามเผาไหม้ ทันใดนั้น นางรู้สึกหน้ามืด และเส้นลมปราณของนางผิดปกติ

"ฟึ่บ--!"

มีเลือดที่แดงสด ๆ พุ่งออก และนางล้มลงบนเตียงในทันที

“อ้าว” จวงเหยาเหยากรีดร้องเบา ๆ ราวกับว่านางหวาดกลัว แต่ริมฝีปากของนางแอบมีรอยยิ้มอันดีใจเล็กน้อย "พี่ฉินเจ้าคะ พี่รีบตามหมอมาดูอาการของพี่จั๋วหน่อยนะ”

“ไม่ต้อง นางไม่ตายง่ายหรอก ในหลายร้อยปีของตระกูลจั๋วที่ผ่านมา นางเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ชั้นสูงสุดในด้านจิตวิญญาณและด้านการฝึกฝน มิเช่นนั้น เจ้าคิดว่า ก่อนหนัานี้ นางจะสามารถหมั้นกับลูกชายคนโตของตระกูลเฟิงได้หรือ”

ฉินรุ่ยหยางเหลือบมองหญิงที่อยู่บนพื้นด้วยความรังเกียจ "ถ้าจะตายก็ต้องรอจนกว่านางเสร็จพิธีการแต่งงานก่อน มิช่นนั้น นางมีสินสอดตั้งมากมาย ข้ามิได้สักนิด ข้าจะไม่ขาดทุนอย่างหนักเลยหรือ"

ไม่มีใครสนใจจั๋วซือหราน ในขณะนี้ นางกำลังนอนเงียบงันอยู่บนเตียงนอน ทว่าเดิมทีดวงตาทั้งสองของคนบนเตียงนั้นยังคงหลับอยู่ วินาทีต่อมา หญิงผู้นี้กลับลืมตาอย่างกะทันหัน

ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเย็นชา ความโศกเศร้าและความทุกข์ยากที่นางเคยมีในก่อนหน้านี้หายไปอย่างสิ้นเชิง

จั๋วซือหรานมองชายและหญิงที่ร้ายกาจที่อยู่ตรงหน้านางอย่างเย็นชา

เดิมทีนางเป็นสายสืบยอดฝีมือในยุคปัจจุบัน ซึ่งได้รับการส่งต่อวิชาศิลปะการต่อสู้โบาณและการแพทย์วิเศษ ยิ่งมากกว่านี้ นางยังเป็นผู้ที่ได้รับการสืบทอดและเป็นผู้ที่มีสิทธิ์ครอบครองเครื่องร่างวิเศษ ซึ่งเครื่องร่างวิเศษนี้ได้ถูกสืบทอดจากบรรพบุรุษ และมีนามว่า แหวนเสวียนเหยียน เนื่องจากแหวนเสวียนเหยียนเป็นที่ต้องการของทุกคน เขาจึงถูกเพื่อนร่วมสำนักลอบทำร้าย กระดูกของแหวนเสวียนเหยียนถูกคนร้ายวางระเบิด จนไหม้แหลกละเอียดเป็นผงคุลี

เมื่อจั๋วซือหรานลืมตาอีกครั้ง ความทรงจำก็ท่วมท้นอยู่ในสมองของนาง

เจ้าของร่างเดิมนี้คือคุณหนูจิ่วของตระกูลจั๋ว ซึ่งคุณหนูท่านนี้มีชื่อเดียวกับจั๋วซือหราน

คุณหนูจั๋วจิ่วมีความสามารถที่โดดเด่นในด้านศิลปะการต่อสู้ตั้งแต่นางยังเป็นเด็ก นางได้รับการยกย่องอย่างสูงจากตระกูลจั๋ว และทางบ้านให้คุณหนูจิ่วหมั้นหมายกับตระกูลเฟิงตั้งแต่เนิ่น ๆ

แต่ใครจะรู้ว่า เพื่อแต่งงานกับฉินรุ่ยหยาง ผู้ที่เป็นบัณฑิตจน คุณหนูจิ่วของตระกูลจั๋วไม่ลังเลเลยสักนิดยกเลิกการหมั้นกับตระกูลเฟิงและยอมตัดขาดกับครอบครัว

ทว่าการกระทำของนางไม่ได้รับการตอบแทนที่ดีจากผู้ใด ในวันพิธีแต่งงาน ฉินตวนหยางพาภรรยาน้อยที่ตั้งท้องของเขา ทั้งให้ภรรยาหลวงกับภรรยาน้อยแต่งงานพร้อมกัน คุณหนูจั๋วจิ่วจึงโกรธอย่างมากจนกลายเป็นปีศาจ

ต่อมา คุณหนูจิ่วของตระกูลจั๋วถูกฉินตวนหยางหลอกลวงต่อเนื่อง และในที่สุดครอบครัวของนางก็ถูกทำลายจนกระทั่งต้องสูญเสียหายสมาชิกครอบครัว สุดท้ายนางก็เสียชีวิตด้วยภาวะซึมเศร้า คุณหนูจิ่วของตระกูลจั๋วถูกเอาเปรียบอย่างชัดเจน

สำหรับจั๋วซือหราน ทันทีที่นางลืมตา นางก็ข้ามเวลาและถูกส่งไปยังวันแต่งงานของคุณหนูจิ่วของตระกูลจั๋วและชายเจ้าเล่ห์ ซึ่งเหตุการณ์เลวร้ายทุกเรื่องยังไม่ได้เกิดขึ้น

เมื่อจั๋วซือหรานนึกถึงสิ่งนี้ นางยกมือขึ้นเพื่อถอดมงกุฎหงส์อันหนักบนหัวออก และดึงมีดยาวที่อยู่ในมือออกมา

“เจ้า...เจ้า เจ้าดึงมีดมาทำอะไร พวกเราตงกันอย่างดีแล้วว่า เจ้าจะไม่เล่นมีดเช่นนี้มิใช่หรือ เจ้ากระทำเช่นนี้ ช่างไร้มารยาทเสียจริง“

ฉินตวนหยางตระหนกตกใจ จวงเหยาเหยายิ่งหวาดกลัวจนหน้าซีดขาว

เมื่อก่อน ฉินตวนหยางมีความคิดเช่นนี้มาโดยตลอดว่า ผู้หญิงที่ตะโกนจะทุบตีและฆ่ากันไร้ความเป็นสุภาพสตรี และเจ้าของร่างนี้ยอมทำตรามความต้องการของชายผู้นี้

จนกระทั่งฉินตวนหยางลืมไปว่า ตัวจริงของจั๋วซือหรานไม่ใช่คนอ่อนแอและไม่ได้เป็นคนที่ไร้เรี่ยวแรง

เวลานี้ แม่นางที่มีความสามารถอย่างสุงส่งผู้นี้เต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง

“นางยังอยากแต่งงานอยู่ไหม รีบวางมีดลง” ฉินตวนหยางขู่ด้วยสีหน้าอันเกรงขาม

เมื่อจั๋วซือหรานได้ยินคำพูดของฉินรุ่ยหยาง นางพลิกข้อมือไป ๆ มา ๆ มีดที่อยู่ในมือของนางกลายเป็นดอกอันแสนสวยงามออกมา “สุภาพสตรีหรือ เจ้ากล้าเอ่ยคำนี้กับข้าหรือ พอดีเลย ข้ากับเจ้ายังไม่ทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดิน ดังนั้นก็ไม่จำเป็นต้องเขียนจดหมายหย่า”

ฉินตวนหยางตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาโการธอเคืองและรู้สึกอับอายจนใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ

“จั๋วซือหราน ถึงอย่างไร ข้าก็เป็นสามีของเจ้า ข้าก็แค่อยากแต่งภรรยาน้อยเพิ่ม นี่เจ้าเป็นอะไรของเจ้า…”

“เจ้าอยากแต่งใครเป็นภรรยาน้อยแล้วแต่เจ้าเลย ข้าไม่สน จั๋วซือหรานขัดจังหวะการพูดของชายคนนี้อย่างเย็นชา “สายหัวไปประเดี๋ยวนี้เลย!”

จวงเหยาเหยาคุกเข่าต่อหน้าจั๋วซือหราน "พี่จั๋วเจ้าคะ ข้าจะไม่กล้าเพ้อฝันที่จะแต่งกับพี่ฉินอีกต่อไป ท่านอย่าโกรธไปเลยนะ ท่านเป็นคนใจกว้าง อย่าโกรธพี่ฉินเลย"

จั๋วซือหรานก้มตัวลงและมองจวงเหยาเหยาด้วยรอยยิ้มที่แฝงด้วยความหมายอันลึกลับ

จวงเหยาเหยาสะอึกสะอึ้น "ข้าขอท่านพี่อภัยข้าเจ้าค่ะ"

จั๋วซือหรานยกนิ้วขึ้นหนึ่งนิ้ว จวงเหยาเหยาสะดุ้งทันที

“ประการแรก ข้าไม่ใช่พี่สาวของเจ้า”

จั๋วซือหรานยกนิ้วขึ้นอีกนิ้วหนึ่งแล้วยกมุมปากขึ้น "ประการที่สอง ข้าไม่เพียงแต่ให้อภัยเจ้าเท่านั้น ข้ายังอยากจะขอบคุณเจ้าด้วย"

“ขอบคุณข้าหรือ” จวงเหยาเหยาไม่อยากจะเชื่อคำพูดของจั๋วซือหราน

“ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าคงไม่มีโอกาสเห็นสภาพที่น่ารังเกียจของฉินตวนหยางหรอก คนยากจนและน่าหมั่นไส้อย่างผู้ชายคนนี้ยังกล้าเพ้อฝันว่าเขาสูงส่ง และยังกล้าได้ภรรยาหลายคน”

จั๋วซือหรานยืนขึ้นและพูดเสริม"เจ้าทำให้ข้าได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา ข้าต้องขอบคุณเจ้ามาก"

ทัศนคติที่ไม่แยแสของนางทำให้ฉินตวนหยางตื่นตระหนก "เจ้ากำลังพูดไร้สาระอะไร หากเจ้าไม่แต่งงานกับข้า เจ้ายังอยากจะแต่งงานกับใครอีก ก่อนหน้านี้เจ้าเคยยกเลิกการแต่งงานระหว่างเจ้ากับเฟิงเหยียนอย่างโจ่งแจ้ง เจ้าคิดว่าตระกูลเฟิงจะยังอยากได้เจ้าอีกหรือ”

จั๋วซือหรานหัวเราะเยาะ "เรื่องนี้ คงไม่ต้องรบกวนเจ้าหรอกนะ"

เฟิงเหยียน—เป็นคู่แต่งงานที่ตระกูลจั๋วจัดให้จั๋วซือหราน

กระกูลเฟิงเป็นผู้นำของห้าตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง และเฟิงเหยียนเป็นทายาทที่ได้รับความสนใจมาที่สุดในรุ่นนี้

เขาเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อ อัจฉริยะที่ตระกูลเฟิงไม่เคยเจอในเวลานับศตวรรษ นอกจากนี้แล้ว เขายังเป็นผู้ที่มีใบหน้าอันหล่อเหลาอย่างยิ่งแทบไม่เหมือนคนทั่วไปในใต้หล้า

ในบรรดาลูกหลานของห้าตระกูลใหญ่นี้ เขามีชื่อเสียงและมีนามว่า สุภาพบุนุษขั้นเทพ

เจ้าของร่างนี้ทิ้งสุภาพบุรุษอันหล่อเหลานี้ไป แต่กลับไปเลือกผู้ที่มีฐานะต้อยต่ำอย่างฉินตวนหยาง

จั๋วซือหรานมองฉินรุ่ยหยาง จิตใจของนางเต็มไปด้วยความดูถูก

“ข้าไปคุกเข่าต่อหน้าประตูบ้านของตระกูลเฟิงเป็นเวลานาน และขอเฟิงเหยียนรักข้าอีกครั้งอย่างไร้ยางอาย ข้าไม่เห็นเป็นอะไรเลย มีอะไรจะน่าอายมากกว่าที่ข้าต้องแต่งงานกับเจ้าหรือ”

ทันใดที่จั๋วซือหรานพูดจบ นางก็ทุบโต๊ะ "ใครก็ได้ ไล่ชายและหญิงที่ชู้กันออกไปจากที่นี่ที"

ไม่มีใครเข้ามา

เห็นได้ชัดว่า ที่นี่คือจวนของนาง แต่นางไม่สามารถเรียกใช้คนรับใช้ได้อย่างนั้นหรือ

จั๋วซือพูดต่ออย่างเย็นชา "คนตายกันหมดแล้วหรือ ฝูซางและฝูซูอยู่ไหน ทำไมไม่เข้ามา"

แต่มีเพียงสาวใช้หลิ่วเย่เท่านั้นที่เดินเข้ามาและพูดว่า "คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูโปรดใจเย็น ๆ มีอะไรคุยกับคุณท่านดี ๆ อย่าโกรธคุณท่านเลย"

จั๋วซือหรานถาม " ฝูซางและฝูซูอยู่ไหน"

หลิ่วเย่ฟังคำถามของจั๋วซือหราน นางรู้สึกลำบากใจ"คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูเองเป็นคนที่บอกว่า พวกเขาทรยศและไม่มีศักดิ์ศรี ดังนั้นคุณหนูจึงไล่พวกเขาไปอยู่ลานด้านนอกแล้ว ... "

เมื่อได้ยินคำพูดของหลิวเย่ จั๋วซือหรานสะดุ้งและนึกขึ้นได้

เจ้าของร่างนี้ไล่ฝูซางและฝูซูไปที่ลานด้านนอกแล้ว ซึ่งสองคนนี้ได้เติบโตกับนางมาด้วยกันและภักดีต่อนางอย่างมาก

หากเจ้าของร่างนี้ไม่ฟังคำใส่ร้ายของฉินรุ่ยหยาง ฝูซางและฝูซูถึงต้องมีฐานะที่ต่ำเช่นนี้หรือ

หลิ่วเย่ที่อยู่ตรงหน้านางต่างหากคือผู้ที่ทรยศคน

จั๋วซือหรานสั่งหลิวเย่ "ไปตามพวกเขามา"

หลิ่วเย่ยังคิดอยู่ว่า นางยังคงเป็นคุณหนูคนเดิม "คุณหนูเจ้าคะ พวกเขาทรยศคุณหนูเอง ท่านอย่าใจอ่อนเกินไป"

วินาทีต่อมา นางถูกจั๋วซือหรานจ้องมองอย่างเย็นชา นางหวาดกลัวจนตัวสั่น

หลิ่วเย่ตกตะลึงแววตาอันเย็นชาของจั๋วซือหราน นางกลัวและพูดต่อ "ข้าน้อยไปตามหาเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ"

หลังจากนั้นไม่นาน ฝูซูและฝูซางก็มา พวกเขาสองคนมองจั๋วซือหรานด้วยความวิตกกังวล "คุณหนู"

“เอาไอ้พวกนี้ออกไป”

ฝูซางและฝูดีใจ ทั้งคู่ทำท่าคำนับให้กับจั๋วซือหราน

“ตามที่ท่านสั่ง”

หลิ่วเย่รีบโน้มน้าวจั๋วซือหราน "คุณหนูเจ้าคะ แขกทุกคนมารอข้างนอกพร้อมกันแล้วเจ้าค่ะ ทุกคนกำลังรอคุณหนูและคุณท่านทำพิธีการกัน ทีนี้ คุณหนูก่อความวุ่นวายเช่นนี้ จะไม่ทำให้ทุกคนหัวเราะเยาะหรือเจ้าคะ"

“เจ้าอยากตัดสินใจแทนข้าหรือ” จั๋วซือหรานถามกลับอย่างไร้อารมณ์ กลิ่นอายอันดุร้ายของนางทำให้หลิ่วเย่วหวาดกลัวจนหน้าซีด

การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ทำให้ฉินตวนหยางตื่นตระหนก และเขาทำได้เพียงประนีประนอมเท่านั้น

“เสียวจิ่ว เจ้าอย่าโกรธนเลย มันเป็นความผิดของข้าเอง ข้าจะไม่นางเข้ามาละกัน หลังจากที่ลูกเกิดแล้ว ข้าจะอุ้มเด็กมาให้เจ้าเลี้ยงทันที”

เมื่อจวงเหยาเหยาได้ยินคำพูดของฉินรุ่ยหยาง นางหน้าซีดทันที

จั๋วซือหรานรู้สึกหมั่นไส้ "ใครอยากได้ไอ้สารเลวของเจ้า"

เมื่อฉินรุ่ยหยางเห็นจั๋วซือหรานไม่ยอมเสียที ฉินตวนหยางก็โกรธและพูดว่า "จั๋วซือหราน ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็รอเป็นตัวตลกของทั้งเมืองหลวงละกัน"

จั๋วซือหรานได้ยินคำพูดของฉินรุ่ยหยาง นางยกมือขึ้นเพื่อส่งสัญญาณให้ฝูซางและฝูซูหยุด

ทั้งสองพูดด้วยความกังวล"คุณหนู คุณหนูอย่าไปฟังคำพูดของเขา"

ฉินต้วนหยาง "หุบปากเดี๋ยวนี้เลย ทาสสองคนนี้จะกล้ามากเกินไปแล้วนะ"

"ข้าคิดว่า เจ้าเป็นคนกล้าหาญมากกว่า" จั๋วซือหรานมองเขาอย่างเย็นชา "ข้าอยากรู้เสียจริงว่า ใครกันแน่ที่เป็นตัวตลกในเมืองหลวงกันแน่"

แต่เดิมจั๋วซือหรานแค่อยากไล่สองคนนี้ออกไป แต่ทีนี้นางตัดสินใจเปลี่ยนแผน

“มัดพวกมันไว้ ลากพวกมันไปที่ห้องโถง”
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (8)
goodnovel comment avatar
Jocky Tagool
ฉินรุ่ยหยาง กับ ฉินตวนหยาง ใช่คนเดียวกันรึป่าว มึนไปหมดแล้ว
goodnovel comment avatar
ออนกนก โพธิรักษ์
อ่านต่อเรื่องที่ค้าง
goodnovel comment avatar
Bunny Beamz
คำที่ใช้ไม่ตรงกับที่บรรยายเลย ดูขัดๆกันไปหมด อ่านแล้วภาษาดูไม่ค่อยลื่นไหลเท่าไหร่ รู้สึกขัดๆตบอดเลย
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 2

    ฉินตวนหยางงและจวงเหยาเหยาถูกมัดอย่างแน่นจั๋วซือหรานก้าวขาเดินออกจากห้องด้วยความมั่นใจนางสวมชุดแต่งงานสีแดงอันสดใสและงดงาม เสมือนนางกำลังสวมชุดสู้รบ นางดูทรงมีพลังและองอาจหลังจากที่คุณหนูและคนใช้ทั้งสามเดินออกจากห้องไป บนหลังคามีเสียงหัวเราะดังขึ้นแผ่นกระเบื้องที่มุมหลังคาที่มิอาจได้รู้ว่า ถูกเปิดออกมาเมื่อใดเวลานี้กำลังถูกค่อย ๆ เคลื่อนกลับไปอยู่ที่เดิมร่างของสองคนค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนหลังคาชายหนุ่มทางด้านซ้ายแต่งกายด้วยชุดสีดำ เขามีใบหน้าเรียวงามส่วนชายหนุ่มทางด้านขวา เขายิ้มและมองเฟิงเหยียนที่อันหล่อเหลา บัดนี้เฟิงเหยียนกำลังเมินเฉยชายหนุ่มทางด้านขวาหัวเราะและพูด"เดิมทีข้าแค่อยากรู้ว่าจั๋วซือหรานที่ถอนหมั้นกับเจ้าจะงามเช่นใด ไม่คิดเลยว่า ภรรยาในอนาคตของเจ้าจะน่าสนใจขเช่นนี้หรอกนะ"ใบหน้าของเฟิงเหยียนนิ่งเฉย “เหยียนฉี เจ้าลากข้ามาที่นี่เพื่อปีนหลังคาของบ้านคนอื่นหรือ”แววตาของเฟิงเหยียนเย็นชา บุคคลิกของเขาประกายอารมณ์ที่ปฏิเสธผู้อื่นเข้าใกล้ชิดอย่างหนักแน่น "อีกอย่าง นางไม่ใช่คู่หมั้นของข้า"“เชอะ อย่าเย็นชาขนาดนี้สิ” ดวงตากลมโตของเหยียนฉีหรี่ลง “จั๋วจิ่วเพิ่งพูดไปเมื่

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 3

    แววตาของจั๋วซือหรานเต็มไปด้วยความสับสน มีพลังที่มองไม่เห็นกำลังล่อลวงหัวใจของนาง เพื่อให้นางทำตามคำพูดของฉินตวนหยางนางพยายามทรงตัวไว้และอดความเจ็บปวดไว้ไม่แปลกเลย ชะตากรรมอันเดิมของเจ้าของร่างคนนี้ราวกับคนตาบอด นางรักคนไร้ความสามารถอย่างฉินตวนหยางขนาดนี้ แท้จริงแล้ว นางถูกอาคมหนอนพิษกู่ควบคุมสติไว้พิษแปลก ๆ ดังกล่าวแปลกอย่างมากจนทำให้เจ้าของร่างเดิมโดนอาคมหนอนพิษกู่โดยไม่รู้ตัว แม้ตายไปก็ไม่ทราบว่าตัวเองโดนหนอนพิษกู่ หากจั๋วซือหรานไม่ได้เดินทางข้ามเวลามา ร่างเดิมคงใช้ชีวิตอันน่าสงเวชอย่างชะตากรรมอันเดิมที่กำหนดไว้แต่ในเมื่อจั๋วซือหรานมาแล้ว นางจะไม่มีวันฉินตวนหยางสมหวังฉินตวนหยางเห็นนางไม่ตอบ จึงเสกเป่าอีกที "เสี่ยวจิ่ว เจ้าเชื่อข้าไหมขอรับ"จั๋วซือหรานมองไปที่ฉินตวนหยาง นางค่อย ๆ อ้าริมฝีปากอันสีแดงให้กว้างขึ้น“เจ้าฝันไปเสียเถิด”เสียง 'คลิก'ดังขึ้น“อา”ขาของฉินตวนหยางถูกคนหัก และเขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวดเขาตกใจด้วยความเจ็บปวดทรมาน ผู้นั้นได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า ตราบใดเสน่ห์หนอนพิษกู่นี้ยังคงอยู่ จั๋วซือหรานก็สามารถเชื่อฟังเขาไปตลอดชีวิต ทำไมหนอนพิษกู่จึงใช้งานไม่ไ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 4

    น้ำเสียงทุ้มต่ำของเฟิงเหยียนเต็มไปด้วยความเย็นชาและเสน่ห์"น่าอับอายเสียจริง เรื่องไร้สาระสิ้นดี"จั๋วซือหรานเงยหน้ามองชายผู้นี้ด้วยความเจ็บปวดอย่างมากใต้หล้ามีคนหน้าตาดีตั้งมากมายเฟิงเหยีนกลับมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร ความหล่อเหลาของเขาผสมด้วยความกล้าหาญที่ฮึกเหิมทันทีที่จั๋วซือหรานเห็นใบหน้านี้ นางหายความเจ็บปวดทันทีแต่จั๋วซือหรานหายเจ็บปวด ไม่ใช่เป็นเพราะนางเห็นหน้าตาอันหล่อเหลาแต่เป็นเพราะวินาทีที่ชายผู้นี้ปรากฏตัวอย่างรวดเร็ว เขาวางมือบนไหล่ฉินตวนหยาง"อ๊าก ๆ——!“ฉินตวนหยางกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง เสียงร้องนั้นดังเป็นสิบ ๆ เท่าเมื่อเทียบกับตอนที่เขาถูกหักขาในก่อนหน้านี้ และบัดนี้เขากำลังล้มบนพื้นและกระตุกไปทั้งตัวสายเลือดของตระกูลเฟิงเป็นเช่นนี้ สายเลือดนี้เป็นธาตุไฟที่รุนแรงที่สุด ยิ่งเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์อันยอดเยี่ยม พลังทางจิตวิญญาณก็ยิ่งเผด็จการมาขึ้นเท่านั้นหากถูกพลังทางจิตวิญญาณนั้นรุกราน จะมีความรู้สึกอย่างร่างกายกำลังถูกไฟเผา ซึ่งความเจ็บปวดนั้นพอ ๆ กันกับความเจ็บปวดที่เสน่ห์หนอนพิษกู่นำมาในขณะเดียวกัน ฉินตวนหยางหลั่งน้ำอย่างหนัก เขาดูน่าเกลียดอย่า

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 5

    ทันทีที่เฟิงเหยียนเดินออกจากจวนของจั๋วซือหราน หลังจากนั้นไม่นาน ข้างเฟิงเหยียนมีร่างสีดำสองร่างปรากฏตัวอย่างเงียบ ๆ“ท่านอ๋องขอรับ” ชายที่สวมชุดดำทั้งสองแสดงความเคารพเฟิงเหยียนมีสีหน้าอย่างไม่มีอารมณ์ "ไปสืบมา ข้าต้องการรู้เสน่ห์หนอนพิษกู่ที่จั๋วจิ่วถูกวาง ใครเป็นคนสั่งการเบื้อหลัง"ไม่มีใครเชื่อหรอกว่าบัณฑิตที่ไร้ประโยชน์ผู้นั้นจะเป็นผู้กระทำความผิดนี้*จั๋วซือหรานกำลังนั่งอยู่ในห้อง ฝูซางกังวลอย่างมาก และรีบเช็ดเลือดที่ริมฝีปากของคุณหนูของนาง "คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูจะปล่อยเป็นเช่นนี้อีกต่อไปมิได้หรอกนะ ข้าน้อยว่า เราควรรีบไปตามคุณหมอมาตรวจเถิดนะ"“ข้าแค่อาเจียนออกมาเป็นเลือดเพียงเท่านั้น กังวลอะไรล่ะ” จั๋วซือหรานดึงเข็มเงินที่นางสอดไว้ก่อนหน้านี้ออกมาอย่างใจเย็น “หากไม่บีบเลือดที่ติดพิษกู่ออกไป อาการบาดเจ็บภายในจะไม่มีทางหายหรอก”ฝูซาง: “ว่าแต่คุณหนูไปเรียนทักษะการรักษามาโรคตั้งแต่เมื่อไรกัน"จั๋วซือหรานยิ้มเบา ๆ และไม่ตอบ ”ยิ่งไปกว่านี้ ข้าอยากรู้ว่าใครกันแน่ที่เกลียดข้ามากจนใช้เสน่ห์หนอนพิษกู่ มิฉะนั้น ต่อให้ฉินตวนหยางมีความกล้าหาญมากเท่าไร เขาก็ไม่กล้าำเช่นนี้กับข้าหรอก แม้

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 6

    จั๋วซือหรานแต่งกายด้วยชุดสีขาวบาง คุกเข่าอยู่ที่หน้าประตูของจวนจั๋วนางพูดกับผู้ที่เฝ้าหน้าประตูว่า "กรุณาบอกผู้อาวุโสใหญ่ว่า จั๋วจิ่วกลับมาเพื่อขออภัยโทษแล้ว"องครักษ์กำลังจะเข้าไปรายงาน ทว่ากลับถูกใครบางคนห้ามไว้“ห้ามไป” เจียงซาน ซึ่งเป็นคนของบิดาจั๋วหรูซิน เขาห้ามยามที่เฝ้าหน้าประตูไว้เจียงซานพูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ว่า "คุณหนูจิ่วไม่เชื่อฟังแม้แต่ผู้อาวุโส ทั้งยังไม่สนใจชื่อเสียงของตระกูลด้วยซ้ำมิใช่หรือ ในเมื่อตอนนี้ออกเรือนแล้ว กลับมาด้วยเหตุใด"จั๋วซือหรานเกิดมาพร้อมกับผิวพรรณเกลี้ยงเกลา คิ้วงดงามดังภาพวาด ด้วยรูปลักษณ์สตรีเช่นนี้ จึงเป็นเรื่องง่ายที่ถูกมองเป็นสตรีผู้แสนน่าสงสารและอ่อนแอแต่นางไม่ใช่สตรีอ่อนแอเห็นได้ชัดว่า นางกำลังคุกเข่าอยู่ แต่บุคลลิกของนางดูสูงส่งกว่าตอนที่นางยืนด้วยซ้ำ นางพูดอย่างเย็นชา "เจ้ามีฐานะเช่นใด เจ้ากล้าเยาะเย้ยข้าหรือ เหรือจ้าคิดว่า ข้าเป็นคนอ่อนแอที่กลั่นแกล้งง่ายเช่นนั้นหรือ"เจียงซาน "ผู้อาวุโสไม่อยากเห็นหน้าเจ้าเลย ต่อให้เจ้าคุกเข่าที่หน้าประตูจนตายก็ไร้ประโยชน์"จั๋วซือหรานพูดอย่างเย็นชา"เจ้าควรพิจารณาให้ดีเสียก่อนว่า ผู้อาวุโสไ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 7

    จั๋วหรูซินตะโกนด้วยความโกรธ "จั๋วซือหราน เจ้า"“พอแล้ว” ผู้อาวุโสใหญ่ขมวดคิ้วและตะโกนจั๋วหรูซินยังอยากฟ้องต่อ "ผู้อาวุโสใหญ่ นาง..."จั๋วซือหรานกลับโค้งคำนับเล็กน้อยเพื่อทำความเคารพ "ข้าจะไปรับการลงโทษที่ห้องโถงบรรพบุรุษเจ้าค่ะ"ทิ้งจั๋วหรูซินอยู่นั่นผู้เดียว ปล่อยนางโกรธจนหน้าซีดระหว่างทางไปห้องโถงบรรพบุรุษ จั๋วซือหรานเจอฝูซูและฝูซาง“หลิ่วเย่ล่ะ” จั๋วซือหรานถามฝูซางตอบ “พวกเราหลบสายตาของผู้อื่น พานางเข้าเดินผ่านประตูหลังและเดินเข้าจวน มัดนางไปหาผู้อาวุโสใหญ่เพื่ออธิบายรายละเอียดต่าง ๆ จากนั้นผู้อาวุโสใหญ่ก็สั่งให้ขังนางไว้ในห้องเก็บฟืนที่ลานด้านข้างจนกว่าเขาจะสอบปากคำ”ฝูซูถาม "คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูลิ่วกำจัดหลิ่วเย่หรือไม่เจ้าคะ มิเช่นนั้นข้าไปคอยคุ้มกันไว้ดีไหมเจ้าคะ"จั๋วซือหรานยกริมฝีปากขึ้นและยิ้ม "หากนางฆ่าอีนังนั้นเสียจริง นั่นก็หมายความว่า หาเรื่องใส่ตัวแล้วน่ะสิ ในเมื่อผู้อาวุโสใหญ่สั่งขังหลิ่วเย่อยู่ในห้องเก็บฟืนที่ลานด้านข้าง แสดงว่าท่านต้องแผนไว้ตั้งแต่แรกแล้ว"หากจั๋วหรูซินจิตใจลุกลี้ลุกลน แล้วไปฆ่าหลิ่วเย่จริง ๆ เรื่องน่าจะสนุกน่าดูสินะฝูซางกังวล"คุณหนูเจ้าค

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 8

    เมื่อจั๋วซือหรานเห็นฝูซูกลับมา นางคิดว่าฝูซูพาคุณหมอมาถึงบ้านแล้ว ผู้ใดจะทราบได้ว่า ชายหนุ่มแสนหล่อเหลาที่กล่าวถึงในเมื่อวานนี้ว่า จะต่างคนต่างอยู่ เวลานี้ชายผู้นี้แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีดำและกำลังนั่งหน้าโต๊ะแปดเซียนจั๋วซือหราน "ทำไมถึงเป็นเจ้าล่ะ"เฟิงเหยียนเหลือบมองถ้วยชาในมือของเขา "ผู้ดูแลของเจ้าไปตามคุรหมอที่เรือนหมอของตระกูลเหยียน"“ข้าไปตามคุณหมอที่บ้านมิได้หรือเจ้าคะ” จั๋วซือหรานลากเก้าอี้หนึ่งตัวออกมาแล้วนั่งลง ใบหน้าของนางซีดเซียว นางริมชาเองและดื่มหมดถ้วย“เพราะคนที่ไปเชิญคุณหมอเป็นผู้ติดตามของเจ้า ดังนั้นตระกูลเหยียนจึงส่งข่าวข้า ข้านึกว่าเจ้าจะมีกลอุบายใหม่ ๆ ดังนั้นจึงเข้ามาดูเสียหน่อย” เฟิงเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีอารมณ์ใด ๆ“แล้วคุณหมอล่ะ เจ้าไม่ได้ให้คุณหมอตามมาด้วยหรือ ” จั๋วซือหรานถามเฟิงเกยียนไม่ได้พูดอะไร นั่นหมายถึงจั๋วซือหรานพูดได้ถูกเพราะเมื่อวานเหยียนฉีบอกว่า ชีพจรของนางแข็งแรงมากและถึงแม้จะมีอาการบาดเจ็บภายใน แต่ปัญหาก็ไม่ร้ายแรง ยิ่งไปกว่านั้น พลังทางจิตวิญญาณและความสามารถในการฟื้นฟูของลูกหลานตระกูลจั๋วนั้นเหนือกว่าคนทั่วไปมากเมื่อรวมกับยาน้ำค้

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 9

    มีใบมีดคมที่เย็นเฉียบขึ้นจากหลังคอ และบัดนี้กระบี่เล่มนั้นกำลังถูกวางที่คอขององครักษ์เขาไม่กล้าขยับตัว เสียงของเขาก็สั่นเครือ “ จิ่ว คุณหนูจิ่ว ท่าน…มีอะไรจะพูด…ก็พูดกันดี ๆ เสียก่อน อย่าหุนหันพลันแล่นไปเลย... ““ข้าไม่ได้หุนหันพลันแล่น ข้าใจเย็นแล้วนะ” จั๋วซือหรานเสาะยิ้ม “แต่พวกเจ้าต่างหาก ตอนนี้พร้อมจะคุยกับข้าดี ๆ ยัง”“จิ่ว คุณหนูจิ่ว ท่านเป็นคนใจกว้าง อย่า อย่าคิดเล็กคิดน้อยกับพวกข้าเลยขอรับ” ยามอ่อนแรงจนขาสั่น เขากลัวมือของจั๋วซือหรานจะสั่น“ตอนนี้ ข้าถามอะไร พวกเจ้าต้องตอบ เข้าใจหรือไม่”"เข้า เข้าใจแล้วขอรับ"“น้องชายของข้าอยู่ที่ไหน”“คุณท่านลิ่วนำตัวไปแล้ว”“นำตัวไปที่ไหน”“พวกเราไม่ทราบขอรับ” องครักษ์เกรงว่านางจะไม่เชื่อ จึงย้ำอีกครั้งว่า "พวกเราไม่รู้จริง ๆ และคุณท่านลิ่วก็ไม่จำเป็นต้องให้พวกเราทราบการเดินทางของท่าน"“คำถามสุดท้าย จั๋วหรูซินอยู่ที่ไหน พาข้าไปหานางหน่อย” จั๋วหรูซินพูดอย่างเย็นชาโดยไม่ให้โอกาสผู้คุมปฏิเสธ นางกดกระบี่ลงจนทำให้เกิดรอยเลือดขึ้น*"ไร้ประโยชน์ ไร้ประโยชน์ทั้งสิ้น"ในห้องด้านใน จั๋วหรูซินทุบถ้วยชาในมือของนางออย่างแรง "ถังหยวนอ่อนให้

Latest chapter

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1275

    จั๋วซือหรานได้ยินอารมณ์เจ็บปวดจากในน้ำเสียงเขา และได้ยินถึงอารมณ์เสียใจด้วยอันที่จริงสำหรับสำหรับอาการข้าหึงตัวข้าเองที่แปลกใหม่นี้ จั๋วซือหรานก็รู้สึกจนใจอยู่หน่อยๆ แล้วยังดูน่าขำอีกด้วยผลลัพธ์คือพอแหงนตามอง สีหน้ารอยยิ้มบนหน้าจั๋วซือหรานเหล่านั้น ก็แข็งทื่อไปทันทีอารมณ์ที่เรียกว่าความกังวล ก่อตัวขึ้นมาในดวงตามิน่าในน้ำเสียงเขาถึงมีความเจ็บปวดอยู่ตอนนี้ อักขระคำสาปปรากฏขึ้นบนตัวเขาแล้ว แสดงรูปลักษณ์ที่ประหลาดออกมา"นี่คือ..." จั๋วซือหรานยกมือมากำข้อมือเขาแต่นี่ไม่ใช่ความจริง เป็นแค่เขตแดนจิตใต้สำนึกบางอย่าง เป็นแค่ในความฝันเท่านั้น แน่นอนว่าจับชีพจรเขาไม่ได้"ไม่เป็นไร" บนสีหน้าชายหนุ่มแม้จะเต็มไปด้วยอักขระคำสาปประหลาด สายตาที่ก้มลงมามองนางกลับดูอบอุ่น "ไม่เป็นไร"เหมือนกลัวว่านางจะกังวล เขาจึงบอกว่าไม่เป็นไรขึ้นมาอีกครั้งจั๋วซือหรานตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง ขมวดคิ้วขึ้นมานิ้วโป้งของชายหนุ่มกดลงเบาๆ ที่หว่างคิ้วนาง นวดๆ เหมือนติดจะนวดคลายสีหน้าอารมณ์ที่ยุ่งเหยิงเหล่านั้นออก"พักผ่อนให้ดี กินข้าวให้ดีด้วย" เขาเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานเบ้ปากเบาๆ เหลือบมองเขา "ถ้าหากเจ้าส

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1274

    จั๋วซือหรานไม่ส่งเสียง ครู่เดียว จึงถอนใจเบาๆ เอ่ยขึ้นว่า "อันที่จริง ข้าเองก็ไม่ได้ยืนหยัดขนาดนั้น แค่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาจนตรอกจริงๆ ข้าก็ยังไม่อยากละทิ้งทั้งที่ยังไม่ได้ลอง"เฟิงเหยียนกอดนาง ในสีหน้ามีความเจ็บปวดเสียงยิ่งแหบพร่า เอ่ยขึ้นว่า "ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องมาเหยียบซ้ำรอยมารดาของข้า และข้าก็ไม่อยากให้ลูกของเราเติบโตมาเป็นเหมือนข้าด้วย หากเรื่องนี้ ไม่มีวิธีอื่นแก้ไขได้นอกจากปล่อยให้มีฝันร้ายแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ...ข้าก็หวังให้ฝันร้ายนี้หยุดลงที่ตัวข้าพอ"เสียงของชายหนุ่มแหบพร่ามาก ในน้ำเสียง...ก็มีความสิ้นหวังที่ปิดไว้ไม่มิดอยู่ ทิ่มแทงเข้ามาที่ใจของจั๋วซือหรานต้องเป็นแบบไหนกันนะ...ถึงบีบคั้นให้คนดีๆ ที่หยิ่งทะนงและยอดเยี่ยมคนหนึ่งตกอยู่ในสภาพนี้...ราวกับสัตว์ที่ถูกกักขังไว้จั๋วซือหรานมองเขา ครู่ต่อมา ก็ถอนหายใจเบาๆเอ่ยขึ้นว่า "จริงๆ แล้ว...เดิมทีข้าเองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ การวางแผนและความคิดของข้าจึงไม่ได้เล่าใด้คนอื่นฟัง"เฟิงเหยียนไม่พูดอะไร แค่แหงนตามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานยิ้มๆ "ข้ารู้สึกจริงๆ ว่าไม่แน่ข้าอาจมีวิธี แม้ตอนนี้ข้ายังพูดถึงเหตุผลออกมาให้ชัดเจนไม่ได้ แต

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1273

    แม้จะบอกว่าเป็นความฝัน แต่อันที่จริงจั๋วซือหรานก็ค่อยๆ เข้าใจแล้ว ว่าเพราะอะไรหลังจากฝันถึงเขาครั้งที่แล้วจนมาถึงครั้งนี้ นานมากแล้วที่ไม่ได้ฝันถึงเขาอีกพอมาคิดอย่างละเอียด เหมือนว่าตอนฝันถึงเขาครั้งที่แล้ว จะเป็นหลังจากที่นางมีสัมพันธ์ทางกายกับเขาดังนั้นจั๋วซือหรานจึงค่อยๆ เข้าใจ บางทีน่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้การดูดหยางบำรุงหยินของนางก็ดูดซับมาจนพอเข้าใจแล้ว เหมือนว่าพอดูดซับมาถึงระดับหนึ่ง ก็จะเกิด...ถ้าจะพูดว่าเป็นความฝัน สู้บอกว่าเป็นการสื่อสารทางจิตใต้สำนึกกับความทรงจำของเฟิงเหยียนส่วนที่ถูกผนึกไปจะดีกว่า?และไม่ว่าจะ 'ความฝัน' ครั้งที่แล้ว หรือว่าครั้งนี้ก็มองออกได้ไม่ยากเฟิงเหยียนน่าจะเข้าใจต่อสถานการณ์อยู่ ดังนั้นบางทีจิตใต้สำนึกเขายังคงอยู่มาตลอด เพียงแต่ถูกสมองทื่อๆ นี่กดเอาไว้ หรือบางทีคงถูกสภาผู้อาวุโสลงมือสะกดเอาไว้ไม่แน่ว่า อาจจะต้องมีชนวนเหตุบางอย่าง ถึงจะสามารถปลุกขึ้นมาได้จั๋วซือหรานอยากจะรู้ชนวนเหตุนั้นว่าคืออะไรกันแน่"ต้องทำยังไงเจ้าถึงจะดีขึ้นมา?" จั๋วซือหรานถามแต่เฟิงเหยียนกลับเหมือนจะจำจุดสำคัญนั้นไม่ได้แล้ว ขมวดคิ้ว สีหน้าดูเหมือนขมขื่น เหมือนว

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1272

    ในห้วงฝันนางมองมือตัวเอง สับสนไปหมดทั้งตัว เหมือนยังตั้งตัวกลับมาไม่ได้เพราะนางถ้าไม่หลับลึก ก็จะเอาจิตใต้สำนึกส่งเข้าไปในมิติ จึงฝันน้อยครั้งมากดังนั้นตอนที่ดำดิ่งสู่ห้วงฝัน นางยังรู้สึกไม่คุ้นอยู่หน่อยๆ มองมือตนเอง รู้สึกไม่คอ่ยเป็นจริงสักเท่าไรวินาทีต่อมา มือข้างหนึ่งก็ทาบมาบนมือของนางมือข้างนั้น ข้อต่อกระดูกชัดเจน นิ้วเรียวยาว เล็บตัดมาดูสะอาดสะอ้าน ผิวหนังขาวซีดเย็นเหมือนไม่โดนแดดมานานสายตาของจั๋วซือหรานจ้องนิ่งอยู่บนมือข้างนี้ จากนั้นจึงค่อยๆ ยกขึ้นมามองไปยังเจ้าของมือนี้ ใบหน้าหล่อเหลาไม่มีที่ตินั่นทั้งที่เป็นใบหน้าที่เพิ่งเห็นไปก่อนหลับตาลงเมื่อครู่แท้ๆ แต่ตอนนี้พอมอง กลับยังคงทำให้นางรู้สึกเหมือนไม่เจอกันเสียนานสายตาของชายหนุ่มอบอุ่น ด้านในมีความรู้สึกอารมณ์เหมือนความเจ็บปวดแฝงอยู่"จั๋วเสียวจิ่ว..." เขาก้มหน้าลงเรียกนางจั๋วซือหรานมองเขา จากนั้นจึงออกแรงบีบมือเขา และน่าจะเพราะออกแรงมากเกินไปปลายเล็บจึงเหมือนจิกลงไปในเนื้อเขาฝันถึงเขาอีกแล้วจั๋วซือหรานมีปฏิกิริยาขึ้นมา ครั้งนี้เหมือนกับครั้งนั้นเลย ฝันถึงเฟิงเหยียนยิ่งไปกว่านั้นยังดูเหมือนจริงเป็นพิ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1271

    กลางดึก จั๋วซือหรานกัดริมฝีปาก กอดหมอน เดินเท้าเปล่าจากห้องด้านนอกเข้าไปยังห้องด้านใน!คิ้วงามของนางขมวดแน่น สีหน้าที่มีสีเลือดฟื้นมาบ้างแล้ว ตอนนี้กลับขาวซีดขึ้นมาในใจนางเองก็พูดไม่ออก เดิมทีตอนที่หลับก็ยังดีอยู่ พอกลางดึกจู่ๆ ก็ไม่ไหวขึ้นมาเสียแล้วหน้าอกปั่นป่วนอย่างรุนแรง เป็นความรู้สึกทรมานแบบที่นางผ่านมาก่อนหน้าไม่ผิดเพี้ยนถ้าบอกว่าคนคนนี้ไม่เข้ามาก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ก็เข้ามาแล้วว่ากันว่าพอเคยสบายแล้ว จะยากที่จะกลับไปลำบากตอนนี้จะให้นางปล่อยชายหนุ่มที่เหมือนกับ 'ยาบำรุงครรภ์' นี้ไว้ข้างในเฉยๆ โดยไม่ใช้ แล้วต้องมานั่งทนกระอักเลือดต่อล่ะก็...ขอโทษด้วย สกุลจั๋วอย่างนางไม่ใช่คนประเภทนั้นนางเข้าใจแล้ว ก่อนที่จะหลับไปเมื่อคืนนี้ ตอนที่เฟิงเหยียนบอกว่าจะนอนด้านนอก ริมฝีปากที่เม้มแน่นนั้นกำลังอดกลั้นเรื่องอะไรน่าจะคิดไว้แล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้สารเลว!จั๋วซือหรานครั่นเนื้อครั่นตัวตื่นมากลางดึก ต่อให้เป็นคนที่มีสติเยือกเย็นแค่ไหน ก็ยังมีอาการหงุดหงิดงัวเงียหลังตื่นนอนนางเดินเท้าเปล่าเข้าไปห้องด้านใน อากาศในหุบเขาตอนกลางคืนเย็นมากนางสวมแค่เสื้อบางๆ ชุดหนึ่ง ทั้งตัวเย

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1270

    แต่กลับรู้ตัวตนฐานะผู้ชายทรยศของเฟิงเหยียนได้ ไม่ต้องคิดเลยว่าคงเป็นจั๋วหวายพล่ามออกมาแน่"จั๋วหวายมาบอกเจ้าหรือ?" ปันอวิ๋นถามขึ้นคำหนึ่งจวงอี๋ไห่ พยักหน้าอย่างระมัดระวัง "คุณชายเสี่ยวหวายไม่หลอกข้าหรอก คุณชายเสี่ยวหวายบอกว่าเป็นผู้ชายทรยศ เช่นนั้นกว่าครึ่งก็ต้องเป็นผู้ชายทรยศแล้ว"ปันอวิ๋นถอนหายใจแผ่วเบาในห้อง จั๋วซือหรานนั่งลงข้างโต๊ะเฟิงเหยียนไม่พูดอะไร รินน้ำชาให้นางถ้วยหนึ่งจั๋วซือหรานกำถ้วยไว้ ใช้นิ้วมือลูบไล้ขอบถ้วยเบาๆ"อีกเดี๋ยวพออาหารส่งเข้ามา ก็กินสักหน่อยแล้วค่อยนอนพัก" เฟิงเหยียนเอ่ยขึ้นแต่ในน้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความหนักแน่นที่ห้ามปฏิเสธจั๋วซือหรานแหงนตามองเขา กำลังจะบอกว่ายังไม่หิวก็เห็นริมฝีปากบางของชายคนนี้เม้มเบาๆ เอ่ยเสียงต่ำว่า "ข้าไม่มีสิทธิ์จะมาหารือกับเจ้าจริงๆ นั่นล่ะ..." สายตาเขาทอดลงไปที่ท้องน้อยนาง แววตาลึกซึ้งจากนั้นจึงเอ่ยต่อว่า "แต่การจะเตือนให้เจ้ากินอะไรดีดีก็ยังพอมีสิทธิ์อยู่" สายตาเขายกขึ้นมาจากท้องน้อยจั๋วซือหรานเลื่อนมาที่ดวงตานาง จ้องมองดวงตานาง เอ่ยต่อว่า "ถึงอย่างไรเมื่อครู่ก็เพิ่งช่วยเจ้ากลับมา ยิ่งไปกว่นั้นเรื่องถูกพลังศักดิ์สิท

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1269

    เขาไม่เพียงแต่ไม่ใช่สามีของนาง เขายังเป็นคู่หมั้นในนามของหญิงสาวคนอื่นอีกด้วยสีหน้าของเฟิงเหยียนแข็งทื่อไปแล้ว แต่ท้ายสุดก็ยังพูดอะไรไม่ออกเพราะในคำพูดจั๋วซือหราน ไม่มีส่วนที่ผิดเลยแม้แต่น้อยแม้จะบอกว่าเด็กคนนี้ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาก็ตามแต่ครั้งก่อนหน้านั้น เป็นเพราะจั๋วซือหรานถูกวางแผนร้ายใส่ ถึงทำให้นางสับสนหลงใหลจนมีสัมพันธ์กับเขาถ้าจะบอกว่า เขาเอาเปรียบหญิงสาวไป ก็ไมไ่ด้พูดเกินเลยนักเอาเปรียบหญิงสาว จนทำนางตั้งท้อง ไม่เคยจะมารับผิดชอบอะไรตอนนี้กลับจะมาชี้มือชี้ไม้เรื่องของนางพอสรุปมาแบบนี้ มันก็ช่าง...แย่มากจริงๆเฟิงเหยียนเองก็รู้ว่าตนเองนั้นแย่มาก พูดอะไรออกมาไม่ได้ไปชั่วขณะปันอวิ๋นรู้สึกกระอักกระอ่วนแทนสหายเก่า เขากระแอมออกมาเบาๆ ทีหนึ่ง ไกล่เกลี่ยขึ้นว่า "เอาล่ะเอาล่ะ..."เขาเองก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร ถึงอย่างไร ทั้งสองคนตอนนี้จะไม่ได้เป็นคู่รัก แต่ความสัมพันธ์แบบนี้...มันก็ดูคลุมเครือ กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ นี่มันช่าง...ดังนั้นปันอวิ๋นเลยเปิดประเด็นขึ้น อึกอักในปากอยู่พักหนึ่ง กว่าจะพูดออกมาได้ "...พวกเจ้าหิวหรือยัง? ให้เหล่าจวนทำอะไรให้กินหน่อยดีไหม?"

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1268

    นางยืนเงียบๆ อยู่ตรงนั้น แหงนตาขึ้นมองพวกเขาสายตาของเฟิงเหยียนอึ้งไปเล็กน้อย เห็นนางยืนอยู่ในประตูด้วยสีหน้านิ่งขรึมเขารู้สึกลำคอแห้งผากอย่างประหลาด ความรู้สึกนั้น บางทีควรจะเรียกว่า...ตึงเครียดไหม?"เจ้า...ตื่นขึ้นมาตอนไหนน่ะ?" เฟิงเหยียนถามจั๋วซือหรานมองเขา "ไม่นานเท่าไร"เหมือจะมองออกถึงความกระอักกระอ่วนของเขา หรืออาจจะไม่สรุปคือ มุมปากจั๋วซือหรานยกขึ้นบางๆ พูดมาคำหนึ่ง "ท่านอ๋องน้อย ไม่เจอกันเสียนาน"นางทำแบบนี้โดยไม่เอ่ยถึงคำพูดก่อนหน้านั้นแม้แต่น้อยเฟิงเหยียนอ้าปากพะงาบ ต่อให้คิดจะพูดอะไร แต่ชั่วขณะหนึ่งก็เหมือนจะพูดออกมาไม่ได้จึงแค่ถามขึ้นอย่างเป็นห่วง "ดีขึ้นบ้างหรือยัง?"จั๋วซือหรานพยักหน้า "ดีขึ้นมากแล้ว"กระทั่งปันอวิ๋นก็ยังมองออกถึงเรื่องระหว่างพวกเขา ไม่รู้เพราะเจ้าสมองกลับนี่ไปแตะเนื้อต้องตัวทำอะไรนาง หรือเป็นเพราะคำพูดเมื่อครู่นางได้ยินคำพูดของเฟิงเหยียน...สรุปคือ ปันอวิ๋นมองพวกเขาทั้งสองคน แล้วก็รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแทนพวกเขาทั้งสองคนปันอวิ๋นคิดๆ ดู ตอนที่ตนเองอยู่กับจั๋วซือหรานก็ยังไม่ได้กลืนไม่เข้าคายไม่ออกขนาดนี้รู้สึกร้อนใจแทนเจ้าบ้านี่จร

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1267

    เพราะเป็นเพื่อนสนิท ปันอวิ๋นจึงเข้าใจความหมายที่เขาคิดจะแสดงออกมาหรือก็คือ ปันอวิ๋นเดาได้นานแล้วบางทีตอนนั้นเพื่อจะให้จั๋วซือหรานหลีกเลี่ยงโชคชะตาเช่นนี้ ตนเองจึงเลือกที่จะลืมเลือนแต่สุดท้ายพอวกไปวนมา ก็กลับมาเดินอยู่บนเส้นทางเดิมเจ้าสิ่งที่เรียกว่าโชคชะตานี่ ลึกลับเอามากๆบางครั้งเหมือนจะมีเมตตา แต่บางครั้งก็เหมือนไม่เคยปราณีใครผู้ใด"แล้วเจ้าตอนนี้...คิดจะทำอย่างไร?" ปันอวิ๋นถามเขาจ้องเฟิงเหยียนตาไม่กระพริบเอาจริงๆ ปันอวิ๋นใช้มองจากมุมมองคนนอกอย่างมีเหตุมีผล ยังหวังว่าจั๋วซือหรานจะสามารถปล่อยวางได้แต่พอคิดถึงว่าถ้าหากจั๋วซือหรานปล่อยวางแล้วล่ะก็ ด้วยโชคชะตาภาชนะพลังศักดิ์สิทธิ์หงส์แดงของเฟิงเหยียน ผลสรุปสุดท้าย ก็คือตายก่อนวัยอันควรอยู่ดีและเพราะรู้เรื่องนี้ ดังนั้นปันอวิ๋นจึงหยุดไปครู่หนึ่ง เอ่ยเสริมมาคำนึง "ถังฉือเคยบอกข้าไว้ ในโถงวิญญาณอสูร พวกสัตว์เทพที่ถูกเก็บกลับมาเหล่านั้น..."ปันอวิ๋นขมวดคิ้ว คิดถึงคำพูดของถังฉือถังฉือมีบาปหนาจากการฆ่าฟันคนมากมาย กลายเป็นคนเย็นชาไร้หัวใจไปแล้ว ถ้าหากไม่เย็นชาไร้หัวใจ ป่านนี้คงเป็นบ้าไปแล้วดังนั้นตอนที่เขาพูดถึงเรื่องเห

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status