ทุกคนตกใจและไล่ตามนางไป“พระชายา พระชายา อย่านะเจ้าคะ!”“นี่เป็นความผิดของฟ่านซานเหอ มิเกี่ยวอะไรกับหลิ่วซิ่งเอ๋อร์!”“นางน่าสงสารพอแล้ว พระชายา โปรดปล่อยนางไปเถิดเจ้าค่ะ”ลั่วชิงยวนพูดอย่างเย็นชา “ข้าต้องพาหลิ่วซิ่งเอ๋อร์ออกไป หากเจ้ายังต้องการไปที่หอฝูเสวี่ยก็แค่หุบปากเสีย!”พวกนางมิสามารถหยุดลั่วชิงยวนได้ ดังนั้นพวกนางจึงเลิกล้มความพยายามที่จะเกลี้ยกล่อมคนในหออี๋ชุนหลายคนเห็นฉากนี้แม้แต่แม่เล้าแห่งอี๋ชุนหยวนก็ยังรีบมา นางจะปล่อยให้ลั่วชิงยวนพาคนออกไปง่าย ๆ ได้เยี่ยงไรกลุ่มคนมาล้อมรอบ แต่ลั่วชิงยวนเตะพวกเขาออกไปทีละคน ด้วยแรงผลักดันอันฮึกเหิม“วันนี้ข้าจะเอานางผู้นี้ไป! หากใครมิกลัวตายก็ดาหน้าเข้ามา!”ลั่วชิงยวนคว้าข้อมือของหลิ่วซิ่งเอ๋อร์ไว้แน่นจนหลิ่วซิ่งเอ๋อร์เจ็บปวด ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความทรมาน แต่นางก็มิสามารถดิ้นหลุด และถูกลากไปในตอนแรก มีคนต้องการหยุดนาง แต่ในฝูงชนเกิดกระซิบกันว่า “นี่คือพระชายาอ๋อง ท่านอ๋องก็อยู่ข้างหลังนาง ใครกล้าขวาง ก็มิต่างจากหาเรื่องตาย”ฟู่เฉินหวนเอามือไขว้หลังแล้วเดินตามลั่วชิงยวนไปอย่างช้า ๆแม้ว่าเขาจะมิได้พูดอะไรสักคำ แต่ใครก็สาม
หลิ่วซิ่งเอ๋อร์ดูตื่นตระหนกและก้มหน้าลงเมื่อเห็นสายตาหลบเลี่ยงในดวงตาของนาง ก็รู้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น“ข้า… ข้ามิรู้ บางทีข้าอาจฟังผิด...”หลิ่วซิ่งเอ๋อร์พูดติดอ่างและปกปิดเรื่องราวมิเก่งสักนิดปฏิกิริยาของนางเปิดเผยทุกสิ่งอย่างไรก็ตาม ลั่วชิงยวนมิรีบร้อน เพราะนางรู้ว่าอวี๋ซวี่หลินจะมาหาหลิ่วซิ่งเอ๋อร์แน่ ดังนั้นนางจึงเพียงรอให้อวี๋ซวี่หลินมาหานางถึงที่เองหลังท้องฟ้งมืดมิด เสียงกรีดร้องในสวนหลังบ้านยังคงดำเนินต่อไป จือเฉากรีดร้องขณะดื่มยาเพื่อบรรเทาอาการเจ็บคอของตัวเองในบางครั้ง เซียวชูจะเฆี่ยนหุ่นไล่กาด้วยแส้สองสามครั้งด้วยสิ่งเหล่านี้มีเพื่อสร้างภาพลวงตาว่าหลิ่วซิ่งเอ๋อร์ถูกลงโทษอย่างรุนแรงแน่นอนว่าอวี๋ซวี่หลินซึ่งซ่อนตัวอยู่ในตรอกด้านนอกโรงเตี๊ยมก็แทบทนฟังมิได้อวี๋ซวี่หลินใช้โอกาสตอนที่เซียวชูไปทานอาหารเย็น แอบเข้าไปในโรงเตี๊ยมหวังจะช่วยเหลือหลิ่วซิ่งเอ๋อร์แต่สิ่งที่เขาเห็นเมื่อเปิดประตู มิใช่หลิ่วซิ่งเอ๋อร์ที่ร่างกายชุ่มไปด้วยเลือด แต่กลับเป็นภาพของจือเฉาที่กำลังดื่มน้ำอยู่เมื่อตระหนักว่าเขาติดกับดัก อวี๋ซวี่หลินจึงหันหลังกลับและวิ่งหนีไปแต่เขาจะหนีไปได้เย
ทันทีที่คำพูดดังกล่าวหลุดออกมา ลั่วชิงยวนก็ตกตะลึงกบฏ!สมาคมการค้าเฟิงตูกล้าเกินไปแล้ว“เล่ารายละเอียดมา” ฟู่เฉินหวนดูวางแผน สีหน้าดูกำลังคิดคำนวณอย่างหนักเขามิได้พูดอะไรมาก เพียงต้องการข่มขวัญให้อวี๋ซวี่หลินบอกเกี่ยวกับทุกสิ่งที่เขารู้มา“สมาคมการค้าเฟิงตูสร้างฐานะในซีหยาง ดึงดูดคนมากมายให้เข้าร่วมสมาคมเพื่อสร้างกิจการ โดยบอกว่าแม้ว่าพวกเขาจะมิรู้วิธีบริหาร พวกเขาก็สามารถพาเรามาทำเงินร่วมกันได้”“ข้าถูกหลอกมาเช่นนี้!”“ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาหลอกให้เราไปทำการค้าและหารือเรื่องกิจการถึงต่างแดน แต่จริง ๆ แล้วเพื่อไปซื้ออาวุธจำนวนมากต่างหาก!”“แต่ข้ามีไหวพริบ จึงแอบเปิดกล่องที่ซ่อนอยู่แล้วแอบมองลงไปในกล่อง!”“ตอนนั้นข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ใครทำธุรกิจซื้อและขายอาวุธกันเล่า?”“ปรากฏว่าสินค้ากลับถูกขโมยไป! แล้วพวกเขาขอให้เรากลับมาซีหยางเพียงเท่านั้น”“ข้ารู้สึกมิสบายใจจริง ๆ จึงคอยจับตาดู คืนนั้นมีคนมาฆ่าข้า แน่นอนว่าข้าหนีออกมาจากรูด้านหลังเตียง”“ผลก็คือน้องชายของข้าถูก...” “เฮ้อ......”อวี๋ซวี่หลินถอนหายใจขณะที่เขาพูดลั่วชิงยวนแอบตกใจ มันตรงกับสิ่งที่พวกเขาพบและคาด
“ฟ่านซานเหอไร้ความสามารถและมิสามารถควบคุมกิจการของครอบครัวได้ ดังนั้นเฉินซวนอี๋จึงเป็นผู้รับผิดชอบแทน”“เงินทั้งหมดของตระกูลฟ่านอยู่ภายใต้การควบคุมของเฉินซวนอี๋”อวี๋ซวี่หลินพลางยิ้มอย่างดูถูกในขณะที่พูด “นี่คือวิธีการของสมาคมการค้าเฟิงตู”“คนนอกเมื่อมาอยู่ในซีหยางก็ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเขา”ลั่วชิงยวนรู้สึกเสียวสันหลังอยู่ในใจขณะฟังพวกกระหายเลือดเหล่านี้ใช้กลอุบายดังกล่าวเพื่อเอาเงินของตระกูลฟ่านไปลั่วชิงยวนถามต่อว่า “เจ้าทำอะไรลงไปอีก ทางที่ดีที่สุดคือบอกทุกสิ่งที่เจ้ารู้มา เราจะได้หาทางออกให้กับเจ้าและหลิ่วซิ่งเอ๋อร์"“ร่างกายของนางได้รับความเสียหายสาหัสนัก และร่างกายของนางยิ่งทรุดเนื่องจากการกินยาล่าช้า ยาทั่วไปทำให้นางมีชีวิตต่อไปได้มากที่สุดสองหรือสามปีเท่านั้น”“แต่ข้าสามารถรักษานางได้”เมื่อได้ยินเช่นนี้ อวี๋ซวี่หลินก็กำมือแน่นด้วยความประหม่าเขากล่าวว่า “ดูเหมือนว่าเฉินซวนอี๋จะให้ฟ่านซานเหอกินยาอะไรบางอย่าง”“ฟ่านซานเหอกินมันผ่านมือของหลิ่วซิ่งเอ๋อร์!”“หลิ่วซิ่งเอ๋อร์บอกว่า ตอนนั้นนางเหมือนจะเห็นแมลงอยู่ในน้ำ...”ราวกับสายฟ้าฟาดลงมาคิ้วของลั่วชิงยวนกร
ก่อนที่นางจะพูดจบ ฟู่เฉินหวนก็คว้าภาพนั้นออกไปและมองดูมันด้วยความหน้านิ่วคิ้วขมวด “ดูอย่างไรก็น่าเกลียด สายตาเจ้าเป็นอะไรไปแล้ว”หลังจากบ่นด้วยความมิพอใจ ฟู่เฉินหวนก็เดินจากไปแถมเขายังหยิบรูปนั้นออกไปด้วย“หากท่านว่าน่าเกลียด เหตุใดท่านจึงต้องเอารูปนี้ออกไปด้วยเล่า?”นี่คือเสวี่ยชวนเฟิง คุณชายใหญ่ตระกูลเสวี่ยมิรู้ว่าพฤติกรรมสุรุ่ยสุร่ายของนางดึงดูดความสนใจของตระกูลเสวี่ยหรือไม่หากพวกเขากล้าโจมตีลั่วหลางหลาง ก็อาจลองหันมาเล่นงานนางซึ่งเป็นพระชายาอ๋องได้เช่นกันท้ายที่สุดแล้ว เงินของนางมากกว่าสินเดิมของลั่วหลางหลางมากเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ลั่วชิงยวนจึงตัดสินใจไปที่หออี๋ชุนอีกครั้งขณะออกจากโรงเตี๊ยม นางมิเห็นฟู่เฉินหวน ดังนั้นนางจึงทักทายเซียวชูและบอกถึงที่หมายของนางตอนที่นางไปถึงหออี๋ชุนอีกครั้ง เหล่าสตรีต่างก็มองนางด้วยความหวาดกลัวลั่วชิงยวนสตรีสองสามคนที่นางได้พบเมื่อวานนี้เพียงลำพังนางเขียนจดหมายให้สตรีเหล่านั้นทีละคนก่อนยื่นให้พวกนางตามลำดับ "แค่เอาจดหมายพวกนี้ไปที่หอฝูเสวี่ยในเมืองหลวง แล้วพวกเขาจะช่วยจัดการให้เจ้าเอง"หลายคนหยิบซองจดหมายไปหงฝูลังเลและเอ่ยถาม
“ได้สิ” ลั่วชิงยวนยกยิ้ม ดวงตาเต็มไปด้วยความดีใจอย่างยิ่งเมื่อเห็นสายตาของลั่วชิงยวนที่จ้องมองมาที่เขา เสวี่ยชวนเฟิงก็รู้สึกภูมิใจมาก เขาผายมือเชิญชวนและพาลั่วชิงยวนออกจากหออี๋ชุน ไปยังโรงน้ำชา“ข้ายังมิรู้เลยว่าแม่นางชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไร”ลั่วชิงยวนตอบอย่างใจเย็น “คุณชาย เรียกข้าว่าฝูเสวี่ยก็ได้”เมื่อได้ยินสิ่งนี้เสวี่ยชวนเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ฝูเสวี่ย? ท่านคือแม่นางฝูเสวี่ยจากหอฝูเสวี่ยงั้นหรือ?”ลั่วชิงยวนยิ้มและมิพูดอะไรเสวี่ยชวนเฟิงพูดด้วยความประหลาดใจ “มิน่าแปลกใจที่แม่นางมาปรากฏตัวที่หออี๋ชุน”“ข้าคิดว่าแม่นางมีพรสวรรค์ในการร้องเพลงและร่ายรำนัก และข้าก็ชอบการร้องเพลงและร่ายรำด้วย หากมีโอกาส ข้าหวังว่าจะได้หารือเรื่องนี้กับแม่นางฝูเสวี่ย”ลั่วชิงยวนหัวเราะเบา ๆ “ได้สิ”เมื่อมาถึงโรงน้ำชา พวกเขาสั่งชาและของว่าง จากนั้นทั้งสองก็เริ่มพูดคุยกันจากบทกวีและเพลง สู่หัวข้อเรื่องความรักและความฝันทั้งสองคุยกันอย่างสนุกสนาน ราวกับว่าพวกเขามีหัวข้อให้พูดคุยกันอย่างมิรู้จบพวกเขาทั้งสองทานอาหารกลางวันที่ร้านน้ำชาโดยตรงและพูดคุยกันต่อเสวี่ยชวนเฟิงรู้ว่านางคือพระชา
ลั่วชิงยวนตัวแข็ง เหลือบมองดอกหอมหมื่นลี้อันหอมหวานในถ้วยชา จากนั้นจึงมองไปที่ฟู่เฉินหวน ซึ่งขณะนี้ดวงตาเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร“ดื่มสิ”“รสหวานแปลกใหม่มากมิใช่หรือ?”รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของฟู่เฉินหวนยิ้มเยือกเย็น ทำให้คนที่เห็นหนาวสั่นไปถึงกระดูกลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว “นี่ท่านสะกดรอยตามหม่อมฉันหรือ?”ฟู่เฉินหวนพูดอย่างมั่นใจ “เจ้าอยู่กับเสวี่ยชวนเฟิงที่โรงน้ำชากันอย่างเปิดเผยเช่นนั้น ต้องให้ข้าสะกดรอยตามด้วยรึ?”เมื่อได้ยินน้ำเสียงของฟู่เฉินหวน ลั่วชิงยวนก็วางถ้วยชาลงบนโต๊ะด้วยความโกรธ จนน้ำชากระเด็นออกมา“ท่านคิดว่าหม่อมฉันเต็มใจหรือ? เสวี่ยชวนเฟิงผู้นั้นน่ารังเกียจปานใด หากมิใช่เพราะท่าน หม่อมฉันจะทักทายเขาด้วยรอยยิ้มเช่นนั้นหรือ? หม่อมฉันยิ้มจนปากจะค้างอยู่แล้ว!”“หม่อมฉันทุ่มเทถึงเพียงนั้น ท่านยังทำเป็นประชดประชันใส่! หาไม่ท่านไปจัดการเสวี่ยชวนเฟิงเองสิ ไฉนหม่อมฉันต้องทำสิ่งที่ท่านมิเห็นค่าเช่นนี้ด้วย!”น้ำเสียงของลั่วชิงยวนฟังดูมิพอใจแต่หลังจากที่ได้ยินสิ่งนี้ ฟู่เฉินหวนก็ขมวดคิ้ว แต่ในที่สุดก็รู้สึกโล่งใจมากขึ้นปรากฏว่าเป็นเช่นนี้เองเขาคิดว่าลั่วชิงยวนชอบคนที่มีห
“จะตีหรือด่าทอข้าอย่างไรก็ได้ แต่อย่าหลบเลี่ยงข้าเยี่ยงนี้ได้หรือมิ?”เฉินซวนอี๋ทักทายด้วยรอยยิ้มโดยถือกล่องไม้ไว้อยู่ในมือแล้วยื่นมันไปข้างหน้า “เป็นเพราะข้าท้องและบางครั้งอารมณ์ของข้าก็แปรปรวน ทำให้เจ้าได้รับความลำบาก เป็นความผิดของข้าเอง”“ข้าเตรียมของขวัญมาให้เจ้าโดยเฉพาะ เปิดดูสิว่าเจ้าชอบหรือมิ”“ขอให้เจ้าอดทนหน่อย เมื่อเด็กเกิดมา ข้าจะให้เด็กจำเจ้าเป็นแม่ทูนหัวของเขา ตกลงหรือมิ?”เฉินซวนอี๋แสดงท่าทีจริงใจเมื่อเปิดกล่องออกมา ก็มีสร้อยข้อมือลูกปัดอยู่ข้างในมันดูคล้ายจะเป็นของขวัญอันล้ำค่าลั่วหลางหลางตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นสร้อยข้อมือลูกปัดดังกล่าว นางกำฝ่ามือโดยมิรู้ตัว“ข้าจะกลับไปกับพวกเจ้า” ลั่วหลางหลางรับคำแต่ลั่วชิงยวนมองไปที่ลั่วหลางหลางด้วยสีหน้าประหลาดใจฟ่านซานเหอมีความสุขมากและรีบเกลี้ยกล่อม "หลางหลาง เชื่อข้าเถอะ ข้าจะไม่มีวันทำเช่นนั้นอีก! ข้าจะเลิกกินเหล้าตั้งแต่วันนี้ ข้าจะไม่กินอีก! จากนี้ไป ข้ามิขอกินเหล้าอีกแล้ว!”ลั่วหลางหลางมิได้พูดอะไรนางเพียงหันมามองลั่วชิงยวน “ชิงยวน ข้าจะกลับไปก่อน อยู่โรงเตี๊ยมตลอดก็มิใช่เรื่องดี"“มิต้องห่วงข้า”“หากคิดถึง
“ท่านอยู่ต่อ ส่วนคนอื่น ๆ ออกไปก่อนเถิด” ลั่วชิงยวนกล่าวกับชายชราจากนั้นคนอื่น ๆ ก็ทยอยออกไปชายชราลุกขึ้นเดินมายืนตรงหน้าลั่วชิงยวน “ท่านเจ้าเมืองมีสิ่งใดจะสั่งหรือขอรับ?”ลั่วชิงยวนถามว่า “บนเขาแห่งนี้มีคนมาแย่งชิงยาสมุนไพรไปจริงหรือ? ที่ส่งคนไปตามหา มีเบาะแสอะไรบ้างหรือไม่?”“มีคนมาจริง ๆ ขอรับ พรรคพวกของพวกมันมีประมาณสิบคนได้ แต่พวกมันหนีไปเร็วมาก ตอนนั้นทุกคนมัวแต่สนใจด้านหน้า ไม่มีใครสังเกตว่ามีคนบุกเข้าไปในคลังโอสถ”“พวกเขาถึงได้หนีรอดไปได้ขอรับ”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ยิ่งสงสัยว่าเป็นคนของสำนักเทียนฉยง และจงใจมาเป็นปฏิปักษ์กับนาง จึงได้ชิงบัวถวายไปก่อนมองดูชายชราตรงหน้าแล้ว ลั่วชิงยวนก็ยังมิเข้าใจเขาดีนักนางจึงถามว่า “บนหลังของท่านมีรอยประทับทาสหรือไม่?”เมื่อได้ยินดังนั้น ชายชราก็ตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้า “มีขอรับ”ลั่วชิงยวนรู้ว่าคำพูดของนางย่อมทำให้เขาเคลือบแคลงใจว่านางมิใช่อวี๋ตันเฟิ่งแต่นางก็มิได้คิดจะแสร้งเป็นอวี๋ตันเฟิ่งเพื่อเข้าควบคุมเมืองแห่งภูตผีแห่งนี้“ท่านควรรู้ว่าข้ามิใช่อวี๋ตันเฟิ่ง”ชายชราผู้นั้นอึ้งไป มิรู้ว่าจะพูดอย่างไรดี ในเมื่อ
หวังเพียงว่าจะกักขังโหยวจิ้งเฉิงไว้บนเขาได้ เพราะหากเขาไปสิงอยู่ในร่างผู้อื่นแล้วหนีลงเขาไปได้ก็จะเป็นเรื่องยุ่งยากเพียงแต่ในตอนนี้ นางไม่มีแรงพอที่จะไล่ตามแล้ว จึงไปหายาในคลังกับคนใบ้เมื่อไปถึง โฉวสือชีและอวี๋โหรวก็อยู่ที่นั่นอวี๋โหรวปรุงโอสถเสร็จแล้วโฉวสือชีกำลังค้นหาสมุนไพรอยู่ข้าง ๆ“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” โฉวสือชีถามด้วยความเป็นห่วงลั่วชิงยวนส่ายหน้า “ข้ามิเป็นอะไร”โฉวสือชียื่นกล่องในมือออกมา แล้วพูดว่า “เจอโสมมังกรเพียงกิ่งเดียวเอง”ลั่วชิงยวนรับกล่องมา แล้วส่งให้คนใบ้ “รอจัดการเรื่องนี้เสร็จก่อน ข้าจะจัดยาให้เจ้าชุดหนึ่ง แม้จะมิสามารถรักษาอาการของเจ้าให้หายขาดได้ แต่ก็พอจะยืดชีวิตได้”คนใบ้พยักหน้า รับโสมมังกรมาด้วยสีหน้าซับซ้อนภายใต้หน้ากากโฉวสือชีกล่าวเสียงหนักแน่น “คลังโอสถนี่ใหญ่โตเกินไป ข้าหาบัวถวายมิเจอจริง ๆ”“และเมื่อดูแล้วในนี้ก็มีร่องรอยการถูกรื้อค้น ต่งอวิ๋นซิ่วคงมิได้หลอกพวกเรา บัวถวายคงถูกใครบางคนชิงไปแล้ว”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ขมวดคิ้วแน่น “บังเอิญเกินไปแล้ว บัวถวายถูกชิงไปตอนที่เรามาถึงพอดี”“แถมยังถูกกวาดไปจนเกลี้ยง”“สมุนไพรอื่นก็มิ
ร่างที่ไร้ศีรษะร่างหนึ่งถือกระบี่เดินเข้ามาหาลั่วชิงยวน โซ่เหล็กด้านหลังลากคนสามคนไว้แม้จะออกแรงสุดกำลังแล้วก็ยังฉุดรั้งโหยวจิ้งเฉิงไว้มิได้แต่ร่างของโหยวจิ้งเฉิงในตอนนี้ไม่มีศีรษะแล้ว ยากที่จะควบคุมร่างกายได้ลั่วชิงยวนถือกระบี่เงื้อฟันไปยังร่างของฝูเหมิ่ง เช่นเดียวกับตอนที่โหยวจิ้งเฉิงตัดแขนขาของอวี๋ตันเฟิ่งนางกำลังแก้แค้นและระบายความแค้นอย่างบ้าคลั่งตัดแขนของเขาขาดทีละข้างกระบี่ห้วงสวรรค์ร่วงลงสู่พื้นไปพร้อมกับแขนจากนั้นขาทั้งสองข้างของเขาก็ขาดกระเด็นอวี๋ตันเฟิ่งอาละวาดแก้แค้นอย่างบ้าคลั่งเมื่อมองไปยังซากศพที่กองอยู่บนพื้น ดวงตาของลั่วชิงยวนก็ราวกับถูกย้อมไปด้วยสีแดงฉานใต้หล้าเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดทั้งสามที่อยู่มิไกลต่างตกตะลึงมิเคยเห็นฉากที่นองเลือดเช่นนี้มาก่อนแต่ถึงแม้ร่างกายจะแหลกละเอียด โหยวจิ้งเฉิงก็ยังมิตายทันใดนั้นมีร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากซากศพ แล้วลอยละลิ่วไปอวี๋ตันเฟิ่งกรีดร้องแหลม “โหยวจิ้งเฉิง เจ้าอย่าหวังว่าจะหนีไปไหนได้อีก! ข้าจะทำให้เจ้ามิได้ผุดได้เกิด!”พลังในร่างของนางพลันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นลมพายุโหมกระหน่ำ ลั่วชิงยวนรู้สึกราว
ใบหน้านั้นบ่งบอกชัดเจนว่าเป็นโหยวจิ้งเฉิง“ต่อไปก็ถึงตาพวกเจ้าแล้ว” เขาเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้งเย็นเยือกโฉวสือชีกำกระบี่ในมือแน่น ปกป้องคนใบ้และอวี๋โหรวไว้ส่วนลั่วชิงยวนค่อย ๆ ก้าวเท้าไปข้างหน้าในดวงตาค่อย ๆ ก่อเกิดจิตสังหารนางหลับตาลง แล้วกล่าวว่า “อวี๋ตันเฟิ่ง ไปแก้แค้นของเจ้าเถิด”ลั่วชิงยวนมอบร่างของตนให้อวี๋ตันเฟิ่งโดยสมบูรณ์เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าของนางยังคงเป็นใบหน้าเดิม เพียงแต่แววตานั้นกลับดุดันยิ่งนัก ดวงตาสีแดงก่ำเต็มไปด้วยความแค้นเสียงของอวี๋ตันเฟิ่งดังขึ้น “โหยวจิ้งเฉิง ความแค้นระหว่างข้ากับเจ้า วันนี้ถึงคราวสะสางแล้ว”“สิบกว่าปีที่ผ่านมา ข้าคิดอยู่ตลอดเวลาว่าจะฉีกร่างเจ้าเป็นชิ้น ๆ อย่างไรถึงจะสาสมกับความแค้นในใจข้า”“แต่คาดมิถึงว่าเจ้าจะตายไปแล้ว”“แต่ก็มิเป็นไร วันนี้ข้าจะฉีกร่างเจ้าให้เป็นชิ้น ๆ ให้ได้!”เมื่อกล่าวจบ ลั่วชิงยวนก็กระโจนเข้าไปเสียงอาวุธปะทะกันอย่างรุนแรงดังขึ้นแต่ในเวลานี้เอง โหยวจิ้งเฉิงก็พุ่งไปยังกำแพง คว้ากระบี่ห้วงสวรรค์มาได้ จากนั้นกระโจนออกนอกห้องไปอวี๋ตันเฟิ่งรีบไล่ตามไปสีหน้าคนใบ้เปลี่ยนไป กระบี่ห้วงสวรรค์! หากฝูเหมิ่ง
ต่งอวิ๋นซิ่วตกใจจนหน้าซีดเผือด รีบยกมือขึ้นมาป้องกัน แล้วต่อสู้กับฝูเหมิ่งแต่พลังในตอนนี้ของต่งอวิ๋นซิ่วเทียบกับฝูเหมิ่งแล้วยังอ่อนแอกว่ามากนักสุดท้ายก็ถูกฝูเหมิ่งบีบคอไว้แน่นลั่วชิงยวนเห็นชัดเจนว่าในร่างของฝูเหมิ่งตอนนี้คือโหยวจิ้งเฉิง!เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือ? เขาจะฆ่าต่งอวิ๋นซิ่วภรรยาของตนหรือ?เมื่อเห็นดังนั้น โหยวเซียงก็ชักกระบี่พุ่งเข้าไปหมายจะช่วยต่งอวิ๋นซิ่ว แต่ฝูเหมิ่งกลับมิหลบเลยแม้แต่น้อย ปล่อยให้กระบี่ในมือนางแทงทะลุร่างจากนั้นฝูเหมิ่งก็ฟาดมือไปทีหนึ่ง โหยวเซียงจึงกระเด็นปลิวไปโหยวเซียงกระอักเลือดออกมาต่งอวิ๋นซิ่วร้อนใจยิ่งนัก “เซียงเอ๋อร์ มิต้องสนใจแม่ รีบหนีไป!”โหยวเซียงจะทนมองดูมารดาของตนถูกฆ่าได้อย่างไร นางพยายามลุกขึ้นมาสู้ต่อแต่ฝูเหมิ่งกลับมองโหยวเซียงอย่างดุดัน แล้วกล่าวขู่ “คนที่ข้าต้องการฆ่ามีเพียงต่งอวิ๋นซิ่วเท่านั้น เจ้าจงหลีกไป”“มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้ามิเห็นแก่ความเป็นพ่อลูก”เมื่อได้ยินดังนั้น โหยวเซียงก็ตกใจจนยืนอึ้งไปกับที่ แล้วกล่าวเสียงสั่นเครือ “พ่อ… พ่อลูกหรือ?”ตอนนี้เสียงของฝูเหมิ่งก็มิใช่เสียงของฝูเหมิ่งอีกต่อไปแล้วเมื่อต่งอวิ๋นซิ่ว
ขณะนี้เอง โหยวเซียงก็ฉวยโอกาสหลบหนีจากมือของลั่วชิงยวนไปได้ต่งอวิ๋นซิ่วมองพวกเขาอย่างเย็นชา “ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้วก็เตรียมตัวตายได้เลย!”ทันใดนั้นบนคานเรือนก็ปรากฏชายชุดดำจำนวนมากพร้อมถือหน้าไม้เล็งมาที่พวกเขาลูกดอกอันคมกริบประกายแสงเย็นลั่วชิงยวนยกยิ้มมุมปาก หัวเราะอย่างเย็นชา “ดูเหมือนว่าเจ้าจะเตรียมการมาอย่างดี ตอนนี้พวกข้าคงหนีออกจากห้องนี้ไปมิได้แล้วใช่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนสังเกตประตูห้อง รวมถึงผนังห้องทุกด้าน แล้วพบว่ามีกลไกบนประตูเหนือศีรษะ ต่งอวิ๋นซิ่วหัวเราะเบา ๆ “แน่นอน นี่คือห้องกลไกที่สร้างขึ้นมาเพื่อรับมือพวกเจ้าที่บุกรุกเข้ามาบนเขา”“วันนี้พวกเจ้าอย่าหวังว่าจะได้ออกไปแม้แต่คนเดียว!”ลั่วชิงยวนจับกระบี่ห้วงสวรรค์แน่นแล้วพุ่งไปที่กลไกจุดหนึ่งบนผนังห้อง ฟาดฟันกระบี่ลงไปอย่างแรงต่งอวิ๋นซิ่วรีบดึงโหยวเซียงหลบหลีกไปแต่ใครเล่าจะรู้ว่าลั่วชิงยวนมิได้โจมตีพวกนาง แต่กลับฟันกลไกบนผนังห้องทำให้ประตูห้องลงกลอนอย่างสมบูรณ์เมื่อเห็นเช่นนั้น ต่งอวิ๋นซิ่วก็หัวเราะเยาะ “เจ้าช่างรนหาที่ตายยิ่งนัก”ลั่วชิงยวนยกยิ้มอย่างมีความหมาย “เช่นนั้นรึ? ยังมิรู้เลยว่าใครกันแน่ที่จะ
ร่างที่เดินออกมาจากฝูงชนนั้นมีท่าทางคุกคามยิ่งนักลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย นั่นคือสตรีที่นางเห็นในความทรงจำของอวี๋ตันเฟิ่งต่งอวิ๋นซิ่ว!โหยวเซียงดิ้นรนพลางเงยหน้ามองต่งอวิ๋นซิ่วด้วยดวงตาแดงก่ำ “ท่านแม่… เป็นความผิดของลูกเองที่ปล่อยให้พวกมันขึ้นเขามาได้”หากมิใช่เพราะลั่วชิงยวนรู้ทางลับของวัดร้างแห่งนั้น พวกนางคงไม่มีทางขึ้นเขามาได้ง่ายดายถึงเพียงนี้!ต่งอวิ๋นซิ่วมองด้วยความเจ็บปวดแล้วตวาดใส่ลั่วชิงยวน “ปล่อยลูกสาวข้าเดี๋ยวนี้! มิเช่นนั้นข้าจะทำให้พวกเจ้าตายเยี่ยงไร้ที่ฝัง!”ลั่วชิงยวนหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม “เมื่อคืนยังพยายามทำลายวิญญาณที่เหลือของอวี๋ตันเฟิ่งอยู่เลย วันนี้เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าศัตรูของเจ้าคือใคร?”“ใครกันแน่ที่จะตายแบบไร้ที่ฝัง ยังบอกมิได้หรอก”เมื่อได้ยินดังนั้น ต่งอวิ๋นซิ่วก็สะดุ้งเฮือก สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากท่าทางของนางดูตึงเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังพยายามซ่อนไว้ได้ดีนางมองลั่วชิงยวนอย่างใจเย็น แล้วกล่าวว่า “ในเมื่อพวกเจ้ามาถึงเมืองแห่งภูตผี ก็คงต้องการของล้ำค่าของเมืองแห่งภูตผีสินะ”“พวกเจ้าอยากได้อะไร ข้าสามารถให้เจ
นางปฏิเสธอย่างหนักแน่นลั่วชิงยวนกลับยกยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วค่อย ๆ ลุกขึ้น “พานางไปด้วย ไปวัดร้าง!”พวกเนางมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ โหยวเซียงดิ้นรนตลอดทาง แต่โฉวสือชีและคนใบ้จ้องมองทุกการกระทำของนางอย่างใกล้ชิด มิเปิดโอกาสให้นางหลบหนีไปได้แม้แต่น้อยเมื่อเดินไปได้ไกลมากพอสมควร เสียงไก่ขันยามรุ่งอรุณก็ดังขึ้นแล้วในที่สุดพวกเขาก็มาถึงวัดร้างแห่งนั้นในวัดร้างมีพระพุทธรูปที่เป็นซากปรักหักพังล้มลงบนพื้น ดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่มีใครมานานแล้วเมื่อมองหาอย่างละเอียดก็พบรอยเท้าบนพื้นลั่วชิงยวนมั่นใจยิ่งขึ้น นี่คือสถานที่ที่ถูกต้อง!โหยวเซียงจ้องมองทุกการกระทำของลั่วชิงยวนอย่างกระวนกระวาย เกรงว่าลั่วชิงยวนจะพบกลไกเข้าแต่ลั่วชิงยวนกลับสังเกตปฏิกิริยาของโหยวเซียง ค่อย ๆ เดินไปในแต่ละที่โดยอาศัยการสังเกตปฏิกิริยาโหยวเซียงสุดท้ายลั่วชิงยวนจึงเพ่งเล็งไปที่ผนังด้านหนึ่งแล้วเริ่มค้นหากลไกเสียงเปิดกลไกดังแกร๊กดังขึ้นประตูบานหนึ่งบนพื้นพลันเปิดออกหลังจากที่ลั่วชิงยวนเปิดประตูแล้วก็พบว่าด้านล่างยังมีประตูอีกบานหนึ่ง และบนนั้นก็มีกลไกเช่นกันแต่สำหรับลั่วชิงยวนแล้วเรื่องนี้ง่ายมากเมื่อประต
“เจ้ารีบอะไรนักหนา รอมาตั้งนานแล้ว รออีกสักหน่อยจะเป็นกระไร”เมื่อได้ยินดังนั้น อวี๋ตันเฟิ่งก็หยุดมือลั่วชิงยวนเดินเข้าไปคว้าตัวโหยวเซียงไว้ให้โฉวสือชีมัดนางไว้แน่นหนา จากนั้นจึงปลุกโหยวเซียงให้ฟื้นขึ้นมาเมื่อฟื้นคืนสติ โหยวเซียงก็จ้องหน้าลั่วชิงยวนเขม็งอย่างโกรธแค้น “เจ้ากล้าจับข้า เจ้าคอยดูเถอะว่าจะตายอย่างไร!”ลั่วชิงยวนย่อตัวลงนั่งตรงหน้านาง แล้วหัวเราะเบา ๆ “ใช่แล้ว ใครจะกล้าแตะต้องคุณหนูใหญ่เมืองแห่งภูตผีเล่า”“น่าเสียดาย เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้ บิดามารดาของเจ้าไปปล้นเขามา มิใช่ของพวกเขามาแต่เดิม ย่อมมิใช่ของเจ้าเช่นกัน”“ถึงเวลาคืนเจ้าของตัวจริงแล้ว”โหยวเซียงจ้องเขม็งนางอย่างโกรธแค้น “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร! เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้เป็นของบิดามารดาข้ามาแต่เดิม!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ประหลาดใจ “หรือว่าต่งอวิ๋นซิ่วมิได้บอกความจริงแก่เจ้า”“ก็ถูกแล้ว เรื่องน่าอับอายเช่นนี้ นางจะบอกลูกสาวได้อย่างไร”“เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้มิใช่เพียงถูกบิดามารดาเจ้ายึดมาเท่านั้น แต่ยังใช้วิธีการที่น่ารังเกียจในการยึดครองด้วย!”“เดาว่าจนถึงตอนนี้เจ้าก็คงยังมิรู้เลยว่าศัตรูของเจ้าคือผ