Share

บทที่ 8

Author: หว่านชิงอิ๋น
ภายใต้คำวิจารณ์ สีหน้าของลั่วชิงยวนยังคงเรียบเฉย นางเดินตรงไปข้างหน้าคนรับใช้ที่คุกเข่าเหล่านั้น และถามอย่างใจเย็น "พวกเจ้าพูดว่าข้าเป็นคนสั่งอย่างนั้นรึ?"

“เช่นนั้นจงพูดมา ข้าไปสั่งให้พวกเจ้าที่ไหน เมื่อไหร่? แล้วให้เข้ามาในห้องนี้เวลาใด?”

“ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่คือห้องของพระชายา พวกเจ้าก็ตกลงเข้ามาอย่างง่ายดายเช่นนั้นเลยรึ? ข้าตั้งเงื่อนไขอะไรให้กับพวกเจ้ากัน? ถึงได้กล้าเสี่ยงชีวิตมาที่นี่?” เมื่อนางถามออกไปเช่นนั้น สีหน้าของคนรับใช้ที่คุกเข่าอยู่บนพื้นก็เปลี่ยนไปอย่างมาก พวกเขาจ้องไปที่เมิ่งจิ่นอวี่ เห็นได้ชัดว่ากำลังขอความช่วยเหลือจากเมิ่งจิ่นอวี่พวกเขาควรตอบอย่างไรดี

ฟู่เฉินหวนหรี่ตาลงเล็กน้อย มองดูฉากนี้อย่างเงียบ ๆ

เขายังมองไปที่ลั่วชิงยวน ในสถานการณ์ที่มีศัตรูจำนวนมาก แต่นางยังสามารถควบวคุมสติอารมณ์ได้ ลั่วชิงยวนผู้นี้ค่อนข้างฉลาดเลยทีเดียว

"พูดมาสิ? ข้าเป็นคนสั่งพวกเจ้าใช่หรือไม่? ข้าพูดอะไรกับพวกเจ้า เล่ามันออกมา?" ลั่วชิงยวนตะคอกเบา ๆ

เห็นดังนั้นเมิ่งจิ่นอวี่ก็รู้สึกเป็นกังวล แผนของพวกนางผิดเพี้ยนไปหมด นางไม่สามารถเชื่อมโยงคำถามเหล่านี้ได้เลย

เมื่อนึกอะไรขึ้นได้ นางก็รีบกล่าวอย่างกระตือรือร้น "ยา! นางจะต้องวางยางหม่อมฉันแน่เพคะ! ท่านอ๋อง นางเคยทำแบบนี้กับท่านมาก่อน เป็นเรื่องปกติสำหรับนางที่จะทำเช่นนี้!" ดวงตาของฟู่เฉินหวนเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที

ลั่วชิงยวนดูเหมือนจะรู้ว่าฟู่เฉินหวนกำลังจะพูดอะไร นางจึงรีบพูดแทรกขึ้นมาก่อน "ท่านอ๋อง หากหม่อมฉันวางยาแบบนี้ต่อท่านในคืนวันแต่งงาน ท่านจะยังสามารถตื่นขึ้นมาได้อีกหรือ?"

“ยิ่งไปกว่านั้น กำยานที่หม่อมฉันนำมาในคืนนั้น ก็ถูกใช้ไปจนหมดแล้ว หม่อมฉันตัวคนเดียวในตำหนัก จะไปหายาเช่นนี้ได้จากที่ใดเล่า?”

ในคืนนั้นลั่วชิงยวนใช้เพียงกำยานปลุกกำหนัดเท่านั้น และผลของมันก็ด้อยกว่าผงมหาสุขนี้มาก เมิ่งจิ่นอวี่ขนาดถูกโยนเข้าไปในลาน นางยังไม่ได้สติ และยังจมอยู่ในโลกแห่งภาพลวงตา เห็นได้ชัดว่ายานี้แรงแค่ไหน

หากใช้ผงมหาสุขในคืนวันแต่งงาน ลั่วชิงยวนคงได้หลับนอนกับฟู่เฉินหวนไปแล้ว

เมิ่งจิ่นอวี่รู้สึกสิ้นหวัง "ท่านอ๋อง สิ่งที่นางพูดหมายความว่า นางรู้ว่ามันเป็นยาชนิดใด! ถ้านางรู้! แสดงว่านางต้องเป็นคนทำแน่เพคะ!"

ลั่วชิงยวนเหลือบมองเมิ่งจิ่นอวี่และพูดอย่างใจเย็น “ตำหนักอ๋องนี้ไม่เล็กไม่ใหญ่ ลองค้นหาดูว่าใครมียานี้ก็สิ้นเรื่อง? ข้ามาที่นี่เพื่อแต่งงานแทน มิได้เอาอะไรมาด้วย เชิญพวกเจ้าค้นได้ตามสบาย!”

เมิ่งจิ่นอวี่ตกใจ นางหรี่ตาลงด้วยความรู้สึกผิด ผงมหาสุขยังใช้ไม่หมด ครึ่งหนึ่งที่เหลือยังซ่อนอยู่ใต้เตียงของนาง หากพวกเขาค้นหามันจริง ๆ ทุกอย่างคงถูกเปิดเผยเป็นแน่…

ลั่วเยวี่ยอิงเองก็ตกใจเช่นกัน ลั่วชิงยวนคนโง่คนนี้มีฝีปากเก่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? หากเป็นเมื่อก่อน แค่ถูกคนรุมล้อมและชี้มา นางก็ทนไม่ไหวจนต้องวิ่งกลับไปซ่อนตัวที่ห้องแล้ว แต่วันนี้กลับโต้เถียงเมิ่งจิ่นอวี่ที่สำคัญคือ นางยังรอบคอบ ไม่ได้แถไปเรื่อยอีกด้วย

นางมองไปที่ฟู่เฉินหวนอย่างเป็นกังวล ท่านอ๋องยังคงไม่ออกคำสั่งใด เห็นชัดว่า เขากำลังคิดตามคำพูดของลั่วชิงยวน ข้าควรทำอย่างไรดี!

ลั่วชิงยวนเลิกคิ้วมองไปที่ฟู่เฉินหวน จงใจยั่วยุด้วยคำพูด “ท่านอ๋องผู้ฉลาดปราดเปรื่อง ท่านคงไม่ปล่อยให้ผู้บริสุทธิ์ถูกทำร้ายหรอกใช่หรือไม่เพคะ?”

ดวงตาของฟู่เฉินหวนเคร่งขรึม คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อย แน่นอนว่าเขาสามารถรับรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น

"ใครก็ได้ เอาตัวเมิ่งจิ่นอวี่..." เมื่อได้ยินเช่นนี้ หัวใจของลั่วเยวี่ยอิงก็บีบแน่น แผนการของนางล้มเหลว นางจึงรีบขัดจังหวะขึ้นทันที "ท่านอ๋อง… เมิ่งจิ่นอวี่ได้เจอกับเรื่องเลวร้ายมามากพอแล้ว เรื่องนี้ถือเป็นความอัปยศของผู้หญิง ได้โปรดเมตานางเถิดนะเพคะ?" เมื่อฟังจบ ฟู่เฉินหวนก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ยอมไว้ชีวิตเมิ่งจิ่นอวี่ “เอาตัวนางไปขังที่หลังตำหนัก"

ดวงตาที่เย็นชาของเขาสบเข้ากับคนรับใช้ที่คุกเข่าอยู่บนพื้นอีกครั้ง ก่อนจะออกคำสั่งเสียงเย็น "คนพวกนี้ ฆ่าทิ้งซะ"

ทันทีที่สิ้นเสียง คนรับใช้ต่างร้องอย่างตื่นตระหนก "่ท่านอ๋อง ได้โปรดไว้ชีวิตพวกบ่าวด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง ท่านอ๋อง พวกเราจะสารภาพ เราทุกคนจะสารภาพพ่ะย่ะค่ะ!" แต่ฟู่เฉินหวนไม่ต้องการไว้ชีวิตคนพวกนี้ เขายืนเอามือไพล่หลัง และพูดด้วยสีหน้าเย็นชา "กล้าสร้างปัญหาในตำหนัก ก็มีเพียงจุดจบเดียวเท่านั้น"

คนรับใช้หลายคนยังคงตะโกนขอความเมตตา ซูโหยวขมวดคิ้ว และเรียกองครักษ์มาทันที "ลากพวกมันออกไปให้หมด!"

องครักษ์ทุบตีจนคนรับใช้พวกนั้นจนสลบไป ก่อนจะลากพวกนั้นออกไปจากตำหนัก

บรรยากาศเย็นยะเยือกทำให้ผู้คนในลานหวาดกลัวจนไม่กล้าหายใจ และความเงียบก็เข้าปกคลุม

เมิ่งจิ่นอวี่ถูกลากออกไปจากลานเช่นเดียวกัน นางมิกล้าแม้แต่จะร้องขอความเมตตา แต่ตอนที่นางถูกลากออกไป นางมองไปที่ลั่วชิงยวนด้วยสายตาอาฆาตแค้น

ขณะนั้นเอง ลั่วชิงยวนมองเห็นพลังความตายจากจุดยิ้นถางของเมิ่งจิ่นอวี่ไม่ว่าจะจ้องมองนางหนักแค่ไหน ก็มีแต่ความมืดมน ไม่เหลือพลังเลยแม้แต่น้อย นางจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน

ความอัปยศอดสูในคืนนี้ มันเป็นตราบาปต่อผู้หญิงทุกคน ถึงแม้ว่าฟู่เฉินหวนจะไม่ฆ่านาง แต่มันก็คงเป็นเรื่องยากสำหรับนางที่จะมีชีวิตรอด

จากนั้นซูโหยวก็ให้ทุกคนออกไปจากลาน

ลั่วเยวี่ยอิงดูหวาดกลัวมากกว่าปกติ นางยกมือขึ้นกุมหน้าผากก่อนจะเป็นลมล้มพับไป แต่ฟู่เฉินหวนรับไว้ได้ทัน เขามองนางด้วยความกังวล "เจ้าไหวหรือไม่?"

ลั่วเยวี่ยอิงพยักหน้าเบา ๆ อย่างเขินอาย "ข้าไม่เป็นไร ท่านอ๋องคงจะเหนื่อยเช่นกัน ท่านรีบเสด็จกลับห้องไปพักผ่อนเถิดเพคะ”

สิ่งที่แอบแฝงในคำพูดของลั่วเยวี่ยอิงคือ การขอให้ฟู่เฉินหวนพานางกลับห้อง ฟู่เฉินหวนคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า "ซูโหยว เจ้าจงไปส่งคุณหนูลั่วเยวี่ยอิงที่ห้อง แล้วเรียกหมอกู้มาดูอาการ พร้อมกับสั่งยาช่วยให้นอนหลับแก่นางด้วย "

"ขอบพระทัยสำหรับความห่วงใยเพคะ ท่านอ๋อง"

ทันใดนั้น ซูโหยวก็ก้าวไปข้างหน้า และพาลั่วเยว่อิ่งกลับห้อง

ลานตำหนักกลับสู่ความเงียบอีกครั้ง ตอนนี้เหลือเพียงลั่วชิงยวนและฟู่เฉินหวนสองคนเท่านั้น

ทั้งสองยืนเผชิญหน้ากัน ดวงตาของฟู่เฉินหวนดูเยือกเย็นเล็กน้อย ประโยคแรกที่เขาพูดคือคำเตือน "หากมีเรื่องแบบนี้อีกครั้ง ตำหนักอ๋องจะไม่ผ่อนปรนต่อเจ้าอีกเด็ดขาด!"

ลั่วชิงยวนอดมิได้ที่จะยิ้มเยาะ เมื่อได้ยินคำพูดนั้น "หากมีเรื่องแบบนี้อีกครั้ง? หากท่านคิดว่าหม่อมฉันเป็นคนทำ เหตุใดถึงได้ขังเมิ่งจิ่นอวี่เล่าเพคะ? ท่านควรจะจัดการหม่อมฉันไม่ใช่หรือไง?”

สายตาที่ยั่วยุของนางดึงดูดสายตาฟู่เฉินหวนเป็นพิเศษ เขาเอ่ยเสียงเย็น "เจ้านึกว่าข้าดูไม่ออกจริง ๆ อย่างนั้นรึ? เมิ่งจิ่นอวี่อาจต้องการที่จะทำร้ายเจ้า แต่สุดท้ายเป็นนางที่โดนกระทำ เจ้าไม่ใช่คนก่อปัญหานี้ไม่ใช่รึ?”

“คราวนี้ลืมมันไปซะ ครั้งหน้าถ้าเจ้ายังเล่นอุบายเหล่านี้ ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าแน่!” คำพูดของฟู่เฉินหวนทำให้นางรู้สึกโกรธในใจ นางมองเขาอย่างเฉียบขาด “เช่นนั้น ท่านอ๋องหมายถึง ถ้าคนอื่นต้องการทำร้ายหม่อมฉัน หม่อมฉันทำได้เพียงน้อมรับมันอย่างนั้นหรอกรึ? ถ้าหากท่านมองออกทุกอย่างจริง เช่นนั้นท่านมองไม่ออกหรือว่า ลั่วเยวี่ยอิงร่วมมือกับเมิ่งจิ่นอวี่? เรื่องในคืนนี้มันเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ ขนาดนั้นเลย!"

“ท่านอ๋องเกลียดหม่อมฉัน เพราะหม่อมฉันแต่งงานแทน แต่ท่านไม่เคยคิดเลยหรือว่า คนไร้อำนาจอย่างหม่อมฉัน เข้ามาในตำหนักที่มีการป้องกันอย่างแน่นหนานี้ได้อย่างไร?”

นี่อาจเป็นเพราะคับแค้นใจของเจ้าของร่างเดิม

ตัวนางเองรู้สึกถึงความไม่ยุติธรรมของลั่วชิงยวน และอดไม่ได้ที่จะอธิบายอีกสองสามคำ

ลั่วชิงยวนค่อนข้างโง่เขลา แต่ลั่วเยวี่ยอิงเป็นคนออกความคิดเรื่องการแต่งงานแทน ทำไมเขาถึงโยนความผิดทั้งหมดมาที่นาง ตอนนี้ไม่ว่านางจะทำอะไรก็ผิดไปหมด!

เมื่อได้ยินคำพูดของนาง ฟู่เฉินหวนก็มีสีหน้าที่ยุ่งเหยิง เขามองนางอย่างเฉียบขาด เต็มไปด้วยการคุกคาม "ข้าเตือนเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย! หากเจ้ายังต้องการมีชีวิตอยู่ก็จงเงียบซะ!"

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1545

    ทั้งสองฝ่ายต่างชักกระบี่ออกมา จ้องมองหน้ากันด้วยความเป็นศัตรูลั่วชิงยวนเห็นว่าพวกเขากำลังจะต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งแม่ทัพคนต่อไปแต่นางไม่มีเวลาให้เสียไปอีกแล้ว“แม่ทัพจี้ ข้ามีธุระอื่น เรื่องที่นี่ข้าขอฝากท่านไว้ ไม่มีปัญหาใช่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนถามจี้เฉียนตอบตกลงโดยมิลังเล “ไม่มีปัญหา!”จากนั้นลั่วชิงยวนก็พาโฉวสือชีและหุ่นเชิดสองตัวรีบออกจากจวนตระกูลฉีไปวังเหิงมองแผ่นหลังของลั่วชิงยวนที่ออกไปอย่างโกรธเคือง “จับตัวพวกนั้นมา! อย่าให้ออกไปได้!”ในขณะที่วังเหิงเงื้อกระบี่ฟาดฟัน จี้เฉียนก็รีบพุ่งเข้าไปขวางวังเหิงไว้ทั้งสองฝ่ายเข้าสู่การต่อสู้อย่างดุเดือดในทันทีส่วนพวกลั่วชิงยวนนั้นฉวยโอกาสช่วงชุลมุนหนีออกไปมิไกลนัก จูลั่วและสือโท่วกำลังพาคนมาสมทบสือโท่วถามด้วยความร้อนใจ “คุณหนูเล่า? คุณหนูใหญ่อยู่ที่ใด?”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว “ฉีอวี้มิได้อยู่ที่นั่น”“ขบวนเจ้าสาวที่เราเห็นบนถนนก่อนหน้านี้น่าจะเป็นฉีอวี้!”การที่ใช้ฉีอวี้ข่มขู่ลั่วชิงยวนให้มาติดกับดักเป็นเพียงกลลวงเท่านั้นประการแรกคือ เพื่อถ่วงเวลา ประการที่สองคือ เพื่อสังหารลั่วชิงยวน“สือโท่ว เจ้าไปหาที่ปลอดภัย จัดการสองคนนี้ไว้ก่อน จำไ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1544

    ลั่วชิงยวนจ้องมองนายท่านฉีด้วยสายตาคมกริบพลางกำกระบี่ในมือแน่น ในดวงตาฉายแววมุ่งสังหาร“จะรอดชีวิตไปได้หรือไม่มิใช่ท่านเป็นคนตัดสิน!”กล่าวจบ ลั่วชิงยวนก็มองโฉวสือชี “ไปมัดสองคนนี้ไว้”“อย่าให้พวกเขาลุกขึ้นยืนได้”โฉวสือชีพยักหน้า เขารีบไปหาเชือกแล้วจับหุ่นเชิดสองตัวที่ยังดิ้นรนอยู่บนพื้นมัดไว้แน่นลั่วชิงยวนเงื้อกระบี่พุ่งเข้าใส่นายท่านฉีอย่างดุร้ายน่าเกรงขามนายท่านฉีรีบลงมือโต้กลับ เข้าต่อสู้กับลั่วชิงยวนขณะนั้นเอง เสียงฝีเท้าดุดันก็ดังมาจากภายนอกในวินาทีต่อมา จวนตระกูลฉีก็ถูกล้อมไว้ทั้งหมดประตูใหญ่ก็ถูกถีบเปิดออกโฉวสือชีเพิ่งมัดหุ่นเชิดทั้งสองเสร็จ เขาเงยหน้าขึ้นพร้อมกำกระบี่แน่นด้วยท่าทางตื่นตัวเห็นบุรุษสวมเกราะนำผู้คนเดินเข้ามาด้วยท่าทางดุดันนายท่านฉีปัดฝ่ามือของลั่วชิงยวนออก แล้วกล่าวอย่างสงบ “แม่ทัพจี้ ในที่สุดเจ้าก็มาถึงแล้ว”“ใครก็ได้ จับสตรีผู้นี้ให้ข้า!”นายท่านฉีออกคำสั่งทว่าแม่ทัพจี้กลับไพล่มือไว้ด้านหลังพลางยกยิ้มโดยมิได้สั่งการ ไม่มีผู้ใดสนใจนายท่านฉีเลย“จี้เฉียน! ลงมือสิ!” นายท่านฉีตวาดด้วยความโกรธทว่าจี้เฉียนกลับโบกมือ ทหารที่อยู่ด้านหลังก็วิ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1543

    “เช่นนั้นฉีอวี้ก็ยังมีชีวิตอยู่!”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในใจพลันเกิดข้อสันนิษฐานหนึ่งขึ้นมาจากนั้นทั้งสองก็ลุกขึ้น รีบไปดูคนที่อยู่ในโลงศพในขณะที่เปิดโลงศพ ลั่วชิงยวนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเป็นบิดาของฉีอวี้ เจ้าเมืองฉีเพิ่งจะถอนหายใจอย่างโล่งอก จู่ ๆ คนในโลงศพก็ลืมตาขึ้นมา แล้วยื่นมือทั้งสองข้างออกมาบีบคอของลั่วชิงยวนทันใดนั้นก็พุ่งกระโดดออกมาจากโลงศพลั่วชิงยวนถูกบีบคอจนถอยกรูดออกไป ก่อนจะถูกอีกฝ่ายใช้แรงมหาศาลกระแทกเข้ากับกำแพงเต็มแรงเมื่อมองเจ้าเมืองฉีที่อยู่ตรงหน้า ปรากฏว่าดวงตาของเขาแดงก่ำขุ่นมัว เต็มไปด้วยโทสะ ไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะโดยเฉพาะที่คอของเขา มีรอยเย็บปะติดปะต่อกัน แสดงว่าหัวนี้ถูกเย็บติดกลับไปเขามิใช่มนุษย์แล้วมือที่บีบคอของนางนั้นออกแรงมาก ลั่วชิงยวนใกล้จะหายใจมิออกแล้วส่วนโฉวสือชีก็ประสบสถานการณ์เดียวกัน บัดนี้ทั้งสองถูกบีบคอติดกำแพงจึงดิ้นมิหลุดในเวลานั้นเอง นายท่านฉีก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งเขาเดินเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผยพร้อมกับหัวเราะเยาะ “ลั่วชิงยวน พวกเจ้ามิได้มาช่วยฉีอวี้หรอกรึ หากพวกเจ้ากล้าสังหารบิดามารดาของฉีอวี้ ข้าจะดูว่

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1542

    ด้วยการปิดล้อมของผู้คนมากมายถึงเพียงนี้ วันนี้ลั่วชิงยวนย่อมต้องตายเป็นแน่!ทว่าสิ่งที่นายท่านฉีและฮูหยินฉีคาดมิถึงคือ กระบี่เพลิงรักในมือของลั่วชิงยวนนั้นทรงพลังยิ่งนักเมื่อลูกธนูนับหมื่นพุ่งเข้ามา ลั่วชิงยวนก็กวาดกระบี่เพลิงรักในมือออกไปฟันลูกธนูนับมิถ้วนขาดสะบั้นทันใดปราณกระบี่สั่นสะเทือนทำให้ลูกธนูที่พุ่งมาสะท้อนกลับไปมีผู้คนล้มลงด้วยคมธนูในทุกทิศทางโฉวสือชีปกป้องฉีอวี้ไว้ทั้งกายเมื่อฮูหยินฉีเห็นภาพนั้นก็ตกใจมาก แล้วตวาดว่า “พวกไร้ค่า!”“นำธนูมา!”ฮูหยินฉีหยิบธนูขึ้นมา แล้วเล็งไปที่ลั่วชิงยวนทันใดนั้น ลูกธนูก็พุ่งเข้ามาโฉวสือชีอุทาน “ระวัง!”สายตาของลั่วชิงยวนเปลี่ยนเป็นเย็นชา นางหันกายวูบหนึ่ง คมธนูในดวงตาพลันขยายใหญ่ขึ้นนัยน์ตาของลั่วชิงยวนเย็นชา ร่างกายเปี่ยมจิตสังหาร ชักกระบี่ฟันออกไปอย่างแรงนางคว้าปลายคมธนูไว้ แล้วหันกายโยนกลับไป พลังโจมตีอันดุดันพุ่งตรงเข้าใส่ฮูหยินฉีฮูหยินฉีกำลังจะยิงลูกธนูดอกที่สอง แต่ถูกคมธนูที่หักแล้วปักเข้าที่ไหล่อย่างแรงร่างกายทรงตัวมิอยู่ พลันถอยหลังไปหลายก้าว“ฮูหยิน!” นายท่านฉีตกใจ รีบเข้าไปประคองฮูหยินฉี“ฆ่านาง! จัดการ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1541

    “หากมีคนฉลาดก็จะรู้เองว่าควรทำเช่นไร”ท้ายที่สุดแล้ว ฉีเฮ่าก็สิ้นชีพด้วยน้ำมือเฉินชี เหล่าแม่ทัพนายกองในค่ายทหารอวิ๋นโจวย่อมจ้องมองตำแหน่งแม่ทัพในเวลานี้ การเลือกข้างในยามนี้ย่อมส่งผลต่อชีวิตในภายหน้าของพวกเขาจูลั่วพลันเข้าใจ “ได้ ข้าจะไปบัดเดี๋ยวนี้”จากนั้นลั่วชิงยวนก็มองโฉวสือชี “เจ้าไปบุกเข้าตระกูลฉีกับข้า”“ให้สือโท่วคุมคนไปรอรับอยู่ด้านนอกตระกูลฉี”โฉวสือชีพยักหน้าจากนั้นลั่วชิงยวนก็มาถึงหน้าประตูใหญ่ของตระกูลฉีหน้าประตูใหญ่ที่ไร้ผู้คนกลับแฝงไว้ด้วยบรรยากาศที่เคร่งขรึมอย่างน่าประหลาดลั่วชิงยวนผลักประตูใหญ่เข้าไปทันทีในลานอันกว้างใหญ่มีโลงศพสองใบตั้งอยู่ บนโครงไม้มีสตรีผมเผ้ายุ่งเหยิงเปื้อนเลือดถูกมัดไว้ นางหมดสติไปแล้วบริเวณโดยรอบมีกองฟืนอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่งทันทีที่ก้าวเข้าสู่ประตูใหญ่ ลมที่พัดเข้ามาก็แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายโหดเหี้ยมทั้งสองเดินเข้าไปทางประตูใหญ่ ในพริบตาเดียวประตูก็ปิดลงองครักษ์นับสิบชีวิตปรากฏตัวขึ้นจากทุกสารทิศ ล้อมพวกเขาไว้ในทันทีเบื้องหน้ามีชายหญิงวัยกลางคนแต่งกายหรูหราเดินเข้ามา ทั้งสองคือบิดามารดาของฉีเฮ่าดวงตาของพวกเขาที่มองลั่วชิงยวนน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1540

    “เจ้าอยู่ในตระกูลฉีนานเท่าใดแล้ว คุ้นเคยกับตำแหน่งที่ตั้งของตระกูลฉีหรือไม่?” ลั่วชิงยวนถามจูลั่วตอบว่า “คุ้นเคย”จากนั้นจูลั่วก็วาดแผนที่เมืองอวิ๋นโจวแบบง่าย ๆ และแผนที่ของจวนตระกูลฉีแบบละเอียด แล้วมอบให้ลั่วชิงยวนหลังจากลั่วชิงยวนจดจำแผนที่ได้แล้วก็มอบแผนที่ให้โฉวสือชี“วันพรุ่งเมื่อเข้าไปในเมืองอวิ๋นโจวแล้ว จงติดต่อคนของเราให้พร้อมก่อน สือโท่วเป็นคนในเมืองอวิ๋นโจว เขาย่อมคุ้นเคยกับที่นี่ ถึงเวลานั้นก็ให้เขาพลิกแพลงตามสถานการณ์”“ต้องช่วยฉีอวี้ออกมาให้ได้”โฉวสือชีพยักหน้าจากนั้นทั้งสามก็รอจนฟ้าสาง แล้วจึงตามขบวนคาราวานของเถ้าแก่จี้เข้าสู่เมืองอวิ๋นโจวคืนนั้นอวิ๋นเฟิงก็มิกลับมา การที่ฉีอวี้ถูกจับตัวไปย่อมเป็นฝีมือเขาแน่นอนคณะเดินทางเข้าสู่เมืองอวิ๋นโจวได้อย่างราบรื่นบนถนนคึกคักเป็นพิเศษ มีเสียงฆ้องกลองดังขึ้นและมีขบวนเจ้าสาวกำลังเดินสวนมาท่าทางโอ่อ่าสง่างาม ผู้คนตามท้องถนนต่างหลีกทางไปสองข้างกลีบดอกไม้ปลิวว่อนไปทั่วฟ้า ขบวนทั้งหมดมีคนนับร้อยเกี้ยวเจ้าสาวหรูหราอลังการ ผ้าคลุมหน้าประดับลูกปัดระยิบระยับแกว่งไกวส่งเสียงกังวานเพียงแต่มองเห็นเงาร่างในเกี้ยวได้มิชัดเ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status