Share

บทที่ 9

Author: หว่านชิงอิ๋น
ลั่วชิงยวนเห็นว่าคิ้วของฟู่เฉินหวนล้อมรอบด้วยวิญญาณชั่วร้าย รอบดวงตาค้ำ นางขมวดคิ้ว และอดไม่ได้ที่จะเตือนเขาอีกครั้ง "ท่านอ๋อง แล้วแต่ว่าท่านจะเชื่อหรือไม่ ก็ไม่มีความหวังจริง ๆ ! ข้าแนะนำว่าอย่าออกไปไหนเป็นเวลาสองวัน มิเช่นนั้นจะเกิดการนองเลือด!"

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ฟู่เฉินหวนได้ยินคำพูดของนาง เขาก็ไม่ได้เก็บมันมาคิดเลย แถมยังขู่กลับไปอีกด้วยว่า "หากเจ้ายังคงสร้างความสับสนให้กับผู้คนในตำหนักด้วยเรื่องไร้สาระนี้ และพูดชื่อของลั่วเยวี่ยอิงอีกแม้แต่คำเดียว ข้าจะตัดลิ้นและหัวของเจ้าซะ!”

ลั่วชิงยวนสถบเบา ๆ นางอุตส่าห์เตือนด้วยความหวังดี แต่ในสายตาของฟู่เฉินหวนกลับคิดว่านางกำลังใส่ร้ายลั่วเยวี่ยอิง

ไม่น้อมรับน้ำใจคนก็แล้วไป เขาจะอยู่หรือตายก็ไม่เกี่ยวกับนางเสียหน่อย! หากเขาตาย นางจะได้ไม่ต้องขอใบหย่า! นางเองก็ขี้เกียจเปลืองน้ำลายกับเขาแล้ว จึงก้าวเท้าเดินกลับห้องไป

ด้วยสถานะคุณหนูใหญ่ของจวนอัครเสนาบดี ฟู่เฉินหวนจึงจะยังไม่ฆ่านาง แต่เขาก็จะไม่ปล่อยให้นางมีชีวิตที่ดีเช่นกัน

นางต้องรอดูก่อนว่าฟู่เฉินหวนจะรอดจากหายนะครั้งนี้ได้หรือไม่ เพราะในตัวเขามีพลังงานมังกรอยู่ บางทีเขาอาจจะมีสิทธิ์รอดก็ได้

ถ้าหากเขารอดกลับมา นางจะต้องวางแผนใหม่

กลับมาที่ห้อง นางเปลี่ยนผ้านวมทั้งหมดด้วยตัวเอง เมื่อทำเสร็จก็เป็นเวลาเที่ยงคืนพอดี

นางนั่งไขว่ห้างพิงกำแพง และปรับลมหายใจกำลังภายในตามวิธีที่นางได้ร่ำเรียนมา ร่างกายนี้มีขนาดใหญ่เกินไป เนื่องจากความอ้วน นางจะต้องเปิดเส้นลมปราณเสียก่อน การฝึกทำสมาธิและฝึกกำลังภายในทุกคืน น่าจะเป็นประโยชน์ต่อการฝึกวรยุทธในอนาคต

แต่อย่างไรก็ตาม การนั่งสมาธิจนรุ่งสางด้วยพลังของนางนั้นไม่มีปัญหา แต่คราวนี้ หลังจากทำสมาธิได้เพียงแค่สองชั่วโมง นางก็ผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว

นางฝันถึงใบหน้าคนคนหนึ่งที่พร่ามัว พูดกับนางด้วยน้ำเสียงดุร้าย "มอบเข็มทิศแห่งโชคชะตามาซะ!"

"ไม่!" นางกำสิ่งที่ซ่อนอยู่ในอกอย่างสุดชีวิต

จู่ ๆ ใบหน้าที่พร่าเลือนนั้นกลายเป็นปีศาจ ยื่นกรงเล็บอันแหลมคมออกมาและฉีกท้องของนางออก "ถึงแม้ว่าจะต้องฉีกร่างเจ้า ข้าก็จะหาเข็มทิศแห่งโชคชะตาให้พบ!"

นางไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด แต่ถูกปกคลุมด้วยความกลัว และไม่สามารถตื่นจากฝันร้ายตลอดทั้งคืน

"มันเป็นของข้า! เข็มทิศเป็นของข้า! เป็นของข้า!" ลั่วชิงยวนเหงื่อชุ่มตัว นางพึมพำบางอย่าง มือกำหน้าอกแน่น ข้อนิ้วที่กำแน่นเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาว

ในตอนเช้าตรู่ ร่างที่เคร่งขรึมมาที่ห้องตำรา

“ท่านอ๋อง” เซียวชูก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ส่งหมั่นโถวสกปรกและห่อผงยาให้เขา

“นี่คือหมั่นโถวที่พบในห้องของพระชายา และยาที่ยังใช้ไม่หมดในห้องของเมิ่งจิ่นหวี๋ มันคือผงแห่งมหาสุขพ่ะย่ะค่ะ ยาตัวนี้แรงมาก ออกฤทธิ์สี่ชั่วโมง ทำให้คนตกอยู่ในภาพลวงตา ไม่สามารถแยกแม้กระทั่งสัตว์หรือมนุษย์ได้พ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของฟู่เฉินหวนก็เคร่งขรึมทันที "ยาพิษร้ายแรงเช่นนี้ เมิ่งจิ่นหวี๋เป็นคนหามาจริง ๆ รึ? ยานี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับฟู่อวิ๋นโจวหรือไม่?"

เซียวชูส่ายหัว "ถึงแม้ว่ากำยานจุดกำหนัดที่พระชายาใช้ในคืนแต่งงานจะมาจากองค์ชายห้า แต่ผู้ใต้บังคับบัญชาได้ตรวจสอบห้องขององค์ชายห้าอย่างเงียบ ๆ แล้ว ไม่พบผงมหาสุขพ่ะย่ะค่ะ"

"และ… ตามการคาดเดาของผู้ใต้บังคับบัญชา หากองค์ชายห้ามีผงมหาสุข พระองค์คงจะไม่ได้มอบกำยานจุดกำหนัดให้กับพระชายาตั้งแต่ตอนแรก"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฟู่เฉินหวนก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นอย่างเงียบ ๆ "เจ้าลองมอบผงมหาสุขนี้ให้ฟู่อวิ๋นโจว และคอยดูปฏิกิริยา"

"น้องห้าของข้าคนนี้ มิได้เป็นองค์ชายที่ดูไร้พิษสงอย่างที่เห็นภายนอก ถึงขนาดส่งสายลับมาสอดแนมรอบตัวข้าก็ยังเคย"

เซียวชูรับคำสั่ง และเมื่อเขากำลังจะจากไป เขาก็นึกสิ่งหนึ่งขึ้นมาได้ ก่อนจะพูดขึ้นว่า "ตอนที่กระหม่อมอยู่ในห้องของพระชายาเมื่อสักครู่ ดูเหมือนว่าพระชายาจะทรงฝันร้าย พระองค์เอาแต่ตะโกนเกี่ยวกับเข็มทิศพ่ะย่ะค่ะ"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ฟู่เฉินหวนก็สบถขึ้นเบา ๆ "เพราะทำสิ่งไม่ดีมากเกินไปถึงได้ฝันร้ายน่ะสิ"

"แต่ลองสังเกตเข็มทิศที่นางพูดถึง มันอาจเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักของพวกเขาก็ได้"

หากลั่วชิงยวนต้องการเพียงการแต่งงานชั่วคราว แค่นั้นจริง ๆ

น่าเสียดายที่คนของเขาได้เห็นการหารือส่วนตัวหลายครั้งระหว่างลั่วชิงยวนและฟู่อวิ๋นโจว ขนาดกำยานจุดกำหนัดยังมาจากฟู่อวิ๋นโจว พูดว่ารักเขา แต่ความจริงแล้วก็ไม่ต่างจากสายลับในอดีต

แม้แต่ข้อแก้ตัวที่ใช้ก็ยังดูมีพิรุธเป็นร้อยเท่า คิดว่าจะหลอกเขาได้จริง ๆ หรือไง?

ไม่รู้ว่าน้องห้าของเขามีแผนการอย่างไร ในเมื่อส่งสายลับเข้ามา เช่นนั้นเขาก็จะรับไว้เพื่อดูว่าเขาต้องการกระทำอันใด

ตะวันโด่งฟ้า ลั่วชิงยวนที่นอนอยู่บนเตียงยังไม่สามารถตื่นจากฝันร้ายได้ นางรับใช้จากในตำหนักเดินเข้ามา แต่มิได้สนใจนาง หลังจากที่วางขันน้ำไว้ในห้องก็จากไปอย่างมิสนใจ

จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงหลังเที่ยง แม่นมเติ้งกลับมาที่ตำหนัก นางรีบเดินมาที่ประตูห้องของลั่วชิงยวน เคาะประตูแล้วไม่มีใครตอบ จึงผลักประตูเปิดเข้าไป

ใบหน้าของแม่นมเติ้งยังคงเต็มไปด้วยความสุข แต่ก็ต้องตกใจ เมื่อนางเห็นลั่วชิงยวนที่บนเตียง

"พระชายา! พระชายา! ตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ!" แม่นมเติ้งตกใจกลัว นางเขย่าลั่วชิงยวนอย่างรุนแรง ทำให้นางตื่นขึ้นมา

เมื่อลืมตาขึ้นอย่างกะทันหัน ลั่วชิงยวนรู้สึกเหมือนฟื้นคืนชีพ นางหอบหายใจเร็วอย่างหนักหน่วง ใบหน้าของนางซีดเซียว ร่างกายเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ผมเผ้าติดเต็มหน้าผาก

"ฮู้ว พระชายานี่ท่านเป็นอะไรไป?" แม่นมเติ้งรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดเหงื่อที่ศีรษะของนาง

ลั่วชิงยวนส่ายหัว และต้องการที่จะลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะตระหนักได้ว่ามือของนางยังคงกำเสื้ออยู่ที่หน้าอก นิ้วของนางชาไปหมด และเมื่อคลี่มันออก นางก็รู้สึกเจ็บปวดยิ่งนัก แม่นมเติ้งค่อย ๆ พยุงนางลุกขึ้นนั่ง

ทันใดนั้นสิ่งที่อยู่ในอ้อมแขนของนางก็หลุดออก เข็มทิศแห่งโชคชะตาที่นางรักษาอย่างสุดชีวิตในความฝันร่วงลงมาบนเตียง นางตกตะลึงไปนาน เมื่อได้สัมผัสกับสิ่งนี้ นางก็ถือมันไว้ในอุ้งมือด้วยความรู้สึกตื่นเต้นดีใจ

เข็มทิศแห่งโชคชะตา! เข็มทิศแห่งโชคชะตาจริง ๆ ด้วย! ทำไมสิ่งที่อยู่ในความฝันถึงได้ปรากฏขึ้นในมือของนางจริง! นี่เป็นของของบรรพบุรุษของนาง มีหลายคนที่ต้องการจะฉกฉวยสิ่งนี้ไป นางคิดว่ามันตกไปอยู่ในมือของคนอื่นแล้วเสียอีก แต่จู่ ๆ มันก็กลับมาอยู่ในมือของนางโดยไม่คาดคิด

ต้องเป็นบรรพบุรุษที่คอยปกป้องนางแน่ ๆ "พระชายา?" แม่นมเติ้งค่อนข้างตกใจกับท่าทางของนาง

เมื่อสติกลับมา ลั่วชิงยวนแสร้งทำเป็นเก็บเข็มทิศโดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วลุกขึ้นไปที่ชั้นวางของเพื่อล้างหน้าล้างตา พลางถามขึ้นว่า "เจ้ากลับมาเมื่อไหร่? อาการป่วยของแม่เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?"

แม่นมเติ้งพูดด้วยใบหน้ามีความสุขว่า "บ่าวทำตามที่ท่านบอกแล้วเจ้าค่ะ แม่ของบ่าวกินยาแล้ว อาการส่วนใหญ่ของนางก็หายเป็นปกติแล้ว! บ่าวยังเรียกหมอไปตรวจดู ท่านหมอก็บอกว่าไม่มีปัญหา แถมยังบอกอีกว่า บ่าวได้พบกับปรมาจารย์เข้าให้แล้ว!"

น้ำเสียงของแม่นมเติ้งไม่สามารถซ่อนความตื่นเต้นของนางได้ และนางก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างกระตือรือร้นเพื่อช่วยพระชายาแต่งตัว "ครั้งนี้ต้องขอบพระคุณพระชายามากจริง ๆ เจ้าค่ะ!"

ลั่วชิงยวนพยักหน้า "ดีขึ้นก็ดีแล้ว เจ้าต้องกำชับแม่ของเจ้าให้หลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ด้วย"

ขณะที่นางพูด นางเงยหน้าขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่จู่ ๆ ก็เห็นหน้าแม่นมเติ้งผ่านในกระจก ใบหน้าครึ่งหนึ่งของนางเต็มไปด้วยเกล็ดสีฟ้า

คิ้วของนางกระตุกขึ้น
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1545

    ทั้งสองฝ่ายต่างชักกระบี่ออกมา จ้องมองหน้ากันด้วยความเป็นศัตรูลั่วชิงยวนเห็นว่าพวกเขากำลังจะต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งแม่ทัพคนต่อไปแต่นางไม่มีเวลาให้เสียไปอีกแล้ว“แม่ทัพจี้ ข้ามีธุระอื่น เรื่องที่นี่ข้าขอฝากท่านไว้ ไม่มีปัญหาใช่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนถามจี้เฉียนตอบตกลงโดยมิลังเล “ไม่มีปัญหา!”จากนั้นลั่วชิงยวนก็พาโฉวสือชีและหุ่นเชิดสองตัวรีบออกจากจวนตระกูลฉีไปวังเหิงมองแผ่นหลังของลั่วชิงยวนที่ออกไปอย่างโกรธเคือง “จับตัวพวกนั้นมา! อย่าให้ออกไปได้!”ในขณะที่วังเหิงเงื้อกระบี่ฟาดฟัน จี้เฉียนก็รีบพุ่งเข้าไปขวางวังเหิงไว้ทั้งสองฝ่ายเข้าสู่การต่อสู้อย่างดุเดือดในทันทีส่วนพวกลั่วชิงยวนนั้นฉวยโอกาสช่วงชุลมุนหนีออกไปมิไกลนัก จูลั่วและสือโท่วกำลังพาคนมาสมทบสือโท่วถามด้วยความร้อนใจ “คุณหนูเล่า? คุณหนูใหญ่อยู่ที่ใด?”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว “ฉีอวี้มิได้อยู่ที่นั่น”“ขบวนเจ้าสาวที่เราเห็นบนถนนก่อนหน้านี้น่าจะเป็นฉีอวี้!”การที่ใช้ฉีอวี้ข่มขู่ลั่วชิงยวนให้มาติดกับดักเป็นเพียงกลลวงเท่านั้นประการแรกคือ เพื่อถ่วงเวลา ประการที่สองคือ เพื่อสังหารลั่วชิงยวน“สือโท่ว เจ้าไปหาที่ปลอดภัย จัดการสองคนนี้ไว้ก่อน จำไ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1544

    ลั่วชิงยวนจ้องมองนายท่านฉีด้วยสายตาคมกริบพลางกำกระบี่ในมือแน่น ในดวงตาฉายแววมุ่งสังหาร“จะรอดชีวิตไปได้หรือไม่มิใช่ท่านเป็นคนตัดสิน!”กล่าวจบ ลั่วชิงยวนก็มองโฉวสือชี “ไปมัดสองคนนี้ไว้”“อย่าให้พวกเขาลุกขึ้นยืนได้”โฉวสือชีพยักหน้า เขารีบไปหาเชือกแล้วจับหุ่นเชิดสองตัวที่ยังดิ้นรนอยู่บนพื้นมัดไว้แน่นลั่วชิงยวนเงื้อกระบี่พุ่งเข้าใส่นายท่านฉีอย่างดุร้ายน่าเกรงขามนายท่านฉีรีบลงมือโต้กลับ เข้าต่อสู้กับลั่วชิงยวนขณะนั้นเอง เสียงฝีเท้าดุดันก็ดังมาจากภายนอกในวินาทีต่อมา จวนตระกูลฉีก็ถูกล้อมไว้ทั้งหมดประตูใหญ่ก็ถูกถีบเปิดออกโฉวสือชีเพิ่งมัดหุ่นเชิดทั้งสองเสร็จ เขาเงยหน้าขึ้นพร้อมกำกระบี่แน่นด้วยท่าทางตื่นตัวเห็นบุรุษสวมเกราะนำผู้คนเดินเข้ามาด้วยท่าทางดุดันนายท่านฉีปัดฝ่ามือของลั่วชิงยวนออก แล้วกล่าวอย่างสงบ “แม่ทัพจี้ ในที่สุดเจ้าก็มาถึงแล้ว”“ใครก็ได้ จับสตรีผู้นี้ให้ข้า!”นายท่านฉีออกคำสั่งทว่าแม่ทัพจี้กลับไพล่มือไว้ด้านหลังพลางยกยิ้มโดยมิได้สั่งการ ไม่มีผู้ใดสนใจนายท่านฉีเลย“จี้เฉียน! ลงมือสิ!” นายท่านฉีตวาดด้วยความโกรธทว่าจี้เฉียนกลับโบกมือ ทหารที่อยู่ด้านหลังก็วิ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1543

    “เช่นนั้นฉีอวี้ก็ยังมีชีวิตอยู่!”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในใจพลันเกิดข้อสันนิษฐานหนึ่งขึ้นมาจากนั้นทั้งสองก็ลุกขึ้น รีบไปดูคนที่อยู่ในโลงศพในขณะที่เปิดโลงศพ ลั่วชิงยวนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเป็นบิดาของฉีอวี้ เจ้าเมืองฉีเพิ่งจะถอนหายใจอย่างโล่งอก จู่ ๆ คนในโลงศพก็ลืมตาขึ้นมา แล้วยื่นมือทั้งสองข้างออกมาบีบคอของลั่วชิงยวนทันใดนั้นก็พุ่งกระโดดออกมาจากโลงศพลั่วชิงยวนถูกบีบคอจนถอยกรูดออกไป ก่อนจะถูกอีกฝ่ายใช้แรงมหาศาลกระแทกเข้ากับกำแพงเต็มแรงเมื่อมองเจ้าเมืองฉีที่อยู่ตรงหน้า ปรากฏว่าดวงตาของเขาแดงก่ำขุ่นมัว เต็มไปด้วยโทสะ ไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะโดยเฉพาะที่คอของเขา มีรอยเย็บปะติดปะต่อกัน แสดงว่าหัวนี้ถูกเย็บติดกลับไปเขามิใช่มนุษย์แล้วมือที่บีบคอของนางนั้นออกแรงมาก ลั่วชิงยวนใกล้จะหายใจมิออกแล้วส่วนโฉวสือชีก็ประสบสถานการณ์เดียวกัน บัดนี้ทั้งสองถูกบีบคอติดกำแพงจึงดิ้นมิหลุดในเวลานั้นเอง นายท่านฉีก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งเขาเดินเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผยพร้อมกับหัวเราะเยาะ “ลั่วชิงยวน พวกเจ้ามิได้มาช่วยฉีอวี้หรอกรึ หากพวกเจ้ากล้าสังหารบิดามารดาของฉีอวี้ ข้าจะดูว่

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1542

    ด้วยการปิดล้อมของผู้คนมากมายถึงเพียงนี้ วันนี้ลั่วชิงยวนย่อมต้องตายเป็นแน่!ทว่าสิ่งที่นายท่านฉีและฮูหยินฉีคาดมิถึงคือ กระบี่เพลิงรักในมือของลั่วชิงยวนนั้นทรงพลังยิ่งนักเมื่อลูกธนูนับหมื่นพุ่งเข้ามา ลั่วชิงยวนก็กวาดกระบี่เพลิงรักในมือออกไปฟันลูกธนูนับมิถ้วนขาดสะบั้นทันใดปราณกระบี่สั่นสะเทือนทำให้ลูกธนูที่พุ่งมาสะท้อนกลับไปมีผู้คนล้มลงด้วยคมธนูในทุกทิศทางโฉวสือชีปกป้องฉีอวี้ไว้ทั้งกายเมื่อฮูหยินฉีเห็นภาพนั้นก็ตกใจมาก แล้วตวาดว่า “พวกไร้ค่า!”“นำธนูมา!”ฮูหยินฉีหยิบธนูขึ้นมา แล้วเล็งไปที่ลั่วชิงยวนทันใดนั้น ลูกธนูก็พุ่งเข้ามาโฉวสือชีอุทาน “ระวัง!”สายตาของลั่วชิงยวนเปลี่ยนเป็นเย็นชา นางหันกายวูบหนึ่ง คมธนูในดวงตาพลันขยายใหญ่ขึ้นนัยน์ตาของลั่วชิงยวนเย็นชา ร่างกายเปี่ยมจิตสังหาร ชักกระบี่ฟันออกไปอย่างแรงนางคว้าปลายคมธนูไว้ แล้วหันกายโยนกลับไป พลังโจมตีอันดุดันพุ่งตรงเข้าใส่ฮูหยินฉีฮูหยินฉีกำลังจะยิงลูกธนูดอกที่สอง แต่ถูกคมธนูที่หักแล้วปักเข้าที่ไหล่อย่างแรงร่างกายทรงตัวมิอยู่ พลันถอยหลังไปหลายก้าว“ฮูหยิน!” นายท่านฉีตกใจ รีบเข้าไปประคองฮูหยินฉี“ฆ่านาง! จัดการ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1541

    “หากมีคนฉลาดก็จะรู้เองว่าควรทำเช่นไร”ท้ายที่สุดแล้ว ฉีเฮ่าก็สิ้นชีพด้วยน้ำมือเฉินชี เหล่าแม่ทัพนายกองในค่ายทหารอวิ๋นโจวย่อมจ้องมองตำแหน่งแม่ทัพในเวลานี้ การเลือกข้างในยามนี้ย่อมส่งผลต่อชีวิตในภายหน้าของพวกเขาจูลั่วพลันเข้าใจ “ได้ ข้าจะไปบัดเดี๋ยวนี้”จากนั้นลั่วชิงยวนก็มองโฉวสือชี “เจ้าไปบุกเข้าตระกูลฉีกับข้า”“ให้สือโท่วคุมคนไปรอรับอยู่ด้านนอกตระกูลฉี”โฉวสือชีพยักหน้าจากนั้นลั่วชิงยวนก็มาถึงหน้าประตูใหญ่ของตระกูลฉีหน้าประตูใหญ่ที่ไร้ผู้คนกลับแฝงไว้ด้วยบรรยากาศที่เคร่งขรึมอย่างน่าประหลาดลั่วชิงยวนผลักประตูใหญ่เข้าไปทันทีในลานอันกว้างใหญ่มีโลงศพสองใบตั้งอยู่ บนโครงไม้มีสตรีผมเผ้ายุ่งเหยิงเปื้อนเลือดถูกมัดไว้ นางหมดสติไปแล้วบริเวณโดยรอบมีกองฟืนอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่งทันทีที่ก้าวเข้าสู่ประตูใหญ่ ลมที่พัดเข้ามาก็แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายโหดเหี้ยมทั้งสองเดินเข้าไปทางประตูใหญ่ ในพริบตาเดียวประตูก็ปิดลงองครักษ์นับสิบชีวิตปรากฏตัวขึ้นจากทุกสารทิศ ล้อมพวกเขาไว้ในทันทีเบื้องหน้ามีชายหญิงวัยกลางคนแต่งกายหรูหราเดินเข้ามา ทั้งสองคือบิดามารดาของฉีเฮ่าดวงตาของพวกเขาที่มองลั่วชิงยวนน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1540

    “เจ้าอยู่ในตระกูลฉีนานเท่าใดแล้ว คุ้นเคยกับตำแหน่งที่ตั้งของตระกูลฉีหรือไม่?” ลั่วชิงยวนถามจูลั่วตอบว่า “คุ้นเคย”จากนั้นจูลั่วก็วาดแผนที่เมืองอวิ๋นโจวแบบง่าย ๆ และแผนที่ของจวนตระกูลฉีแบบละเอียด แล้วมอบให้ลั่วชิงยวนหลังจากลั่วชิงยวนจดจำแผนที่ได้แล้วก็มอบแผนที่ให้โฉวสือชี“วันพรุ่งเมื่อเข้าไปในเมืองอวิ๋นโจวแล้ว จงติดต่อคนของเราให้พร้อมก่อน สือโท่วเป็นคนในเมืองอวิ๋นโจว เขาย่อมคุ้นเคยกับที่นี่ ถึงเวลานั้นก็ให้เขาพลิกแพลงตามสถานการณ์”“ต้องช่วยฉีอวี้ออกมาให้ได้”โฉวสือชีพยักหน้าจากนั้นทั้งสามก็รอจนฟ้าสาง แล้วจึงตามขบวนคาราวานของเถ้าแก่จี้เข้าสู่เมืองอวิ๋นโจวคืนนั้นอวิ๋นเฟิงก็มิกลับมา การที่ฉีอวี้ถูกจับตัวไปย่อมเป็นฝีมือเขาแน่นอนคณะเดินทางเข้าสู่เมืองอวิ๋นโจวได้อย่างราบรื่นบนถนนคึกคักเป็นพิเศษ มีเสียงฆ้องกลองดังขึ้นและมีขบวนเจ้าสาวกำลังเดินสวนมาท่าทางโอ่อ่าสง่างาม ผู้คนตามท้องถนนต่างหลีกทางไปสองข้างกลีบดอกไม้ปลิวว่อนไปทั่วฟ้า ขบวนทั้งหมดมีคนนับร้อยเกี้ยวเจ้าสาวหรูหราอลังการ ผ้าคลุมหน้าประดับลูกปัดระยิบระยับแกว่งไกวส่งเสียงกังวานเพียงแต่มองเห็นเงาร่างในเกี้ยวได้มิชัดเ

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status