Share

บทที่ 7

Author: หว่านชิงอิ๋น
เมิ่งจิ่นอวี่และคนรับใช้พวกนี้ไม่ควรปรากฏตัวในห้องของลั่วชิงยวน แต่คืนนี้กลับมารวมตัวกันในห้องของนาง แถมนางยังไม่ได้อยู่ในห้องอีก เลยทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่า หรือนี่อาจจะเป็นแผนการของลั่วชิงยวน

ลั่วชิงยวนรู้สึกสับสน นางขมวดคิ้วพร้อมพลางมองด้วยสายตาเย็นชา "ท่านกำลังสอบสวนนักโทษอยู่หรือเพคะ?"

เมื่อเห็นดังนั้น ลั่วเยวี่ยอิงก็รีบไปข้างหน้า และคว้าแขนของนาง จงใจใช้เสียงเบาที่ทุกคนได้ยินกล่าวว่า "ท่านพี่ อย่าพูดกับท่านอ๋องแบบนี้สิเจ้าคะ คืนนี้ท่านทำอะไร บอกความจริงกับท่านอ๋องเถิด มีข้าอยู่ ท่านอ๋องไม่ทำอะไรท่านพี่หรอก”

การกระทำของลั่วเยวี่ยอิง ยิ่งทำให้ดูเหมือนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้ลั่วชิงยวนเป็นคนทำจริง ๆ

ดวงตาของลั่วชิงยวนเย็นยะเยือก นางจงใจหลุบตาลงอย่างรู้สึกผิด และกระซิบตอบ "ข้ายอมรับว่าคืนนี้ข้าทำบางสิ่งที่ไม่สามารถบรรยายได้..."

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลั่วเยวี่ยอิงแสร้งทำเป็นตกใจ และเปล่งเสียงออกมา "อะไรนะเจ้าคะ? ท่านพี่สับสนขนาดนี้ได้อย่างไรกัน!"

ลั่วเยวี่ยอิงดึงลั่วชิงยวนไปข้างหน้า และพูดกับนางด้วยท่าทางเคร่งขรึม "ท่านพี่ ท่านยอมรับผิดต่อท่านอ๋องเถิด มีข้าอยู่ ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ!"

ลั่วเยวี่ยอิงลอบมองสีหน้าลั่วชิงยวน นางยังดูโง่เหมือนเดิม ใช้โอกาสนี้เพื่อให้นางพูดออกมาเองเป็นการดีที่สุด ยิ่งทำให้ท่านอ๋องโกรธยิ่งดี ท่านจะได้สั่งประหารชีวิตนางซะ!

ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้ว ใบหน้าของเขาเคร่งขรึมขึ้น

บรรยากาสเงียบสงบ สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ลั่วชิงยวน เพื่อรอฟังนางสารภาพความผิด

เมิ่งจิ่นอวี่คนนี้เป็นถึงลูกสาวของแมบ้านเมิ่งเมิ่ง และนางยังเป็นนางรับใช้ชั้นหนึ่งในตำหนักอ๋องอีกด้วย ถือว่าเป็นคนสนิทของท่านอ๋องไม่มากก็น้อย หากลั่วชิงยวนก่อเรื่องกับเมิ่งจิ่นอวี่ นางจะต้องรับผิดชอบถึงผลที่ตามมา!

ลั่วชิงยวนลดศีรษะลง ยกมือขึ้นสัมผัสหน้าท้องแบนราบของตนเอง พลางพูดขึ้นช้า ๆ "คืนนี้หม่อมฉันแอบไปที่ครัวเพื่อหาอาหาร แต่ในนั้นไม่มีข้าวเหลืออยู่ในหม้อแม้แต่เมล็ดเดียว หม่อมฉันไม่ได้ขโมยอะไรเลยนะเพคะ!"

"เรื่องก็มีเพียงเท่านี้ จำเป็นจะต้องระดมคนมาคาดคั้นหม่อมฉันด้วยหรือเพคะ?" นางเงยหน้าขึ้น และถามฟู่เฉินหวนกลับด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ

ทันทีที่นางพูดจบ ทุกคนต่างก็มองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ

ลั่วเยวี่ยอิงตัวแข็งขึ้นมาทันที

ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้ว และมองไปที่ลั่วชิงยวนด้วยสายตาเคร่งขรึม พูดปดได้อย่างธรรมชาติ หน้าไม่แดงเลยแม้แต่น้อย ผู้หญิงคนนี้ช่างเป็นคนขี้โกหกเสียจริง!

ขณะนั้นเอง ท้องของลั่วชิงยวนก็ร้องออกมาโครกคราก

ในคืนที่เงียบสงัด บรรยากาศยิ่งเคร่งเครียดขึ้นไปอีก... เส้นเลือดบนหน้าผากของฟู่เฉินหวนกระตุก

เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่กำลังอดทนต่อความหิวโหยของลั่วชิงยวน จึงอดคิดไม่ได้ว่าคนในตำหนักจะต้องไม่ได้ดูแลนางเป็นแน่ การจะได้ทานอาหารอาจเป็นเรื่องยากสำหรับนาง

"ท่านอ๋อง ท่านอ๋อง ข้าร้อนเหลือเกิน..." เมิ่งจิ่นอวี่ซึ่งถูกห่อด้วยผ้านวมอยู่บนพื้น ยังคงดิ้นพล่านอย่างไม่รู้ตัว พลางร้องเรียกท่านอ๋องของนางด้วยน้ำเสียงกระเส่า ซึ่งทำให้ใบหน้าฟู่เฉินหวนอึมครึมมากขึ้น

“เซียวชู ปลุกนาง!” ฟู่เฉินหวนสั่งเสียงเย็น

จากนั้นร่างสีดำก็ถลาเข้ามาในลาน ก่อนที่คนคนนี้จะปรากฏตัว แทบไม่มีเสียงใด และไม่รู้เลยว่าเขาโผล่มาจากไหน เขามีท่าทางดุร้าย ทุกย่างก้าวบ่งบอกได้เลยว่า เขาคือปรมาจารย์

เซียวชูก้าวไปข้างหน้า บังคับจับข้อมือของเมิ่งจิ่นอวี่ โดยปราศจากความเห็นใจ จากนั้นหยิบยาเม็ดหนึ่งออกจากอก ก่อนจะป้อนมันให้กับเมิ่งจิ่นอวี่

น่าจะเป็นยาถอนพิษผงแห่งมหาสุข

เซียวชูน่าจะเป็นองครักษ์ส่วนตัวของฟู่เฉินหวน เขาเตรียมยาถอนพิษไว้ขนาดนี้ ฟู่เฉินหวนกลัวลั่วชิงยวนมอมยาเขาแค่ไหน?

หลังจากนั้น เมิ่งจิ่นอวี่ก็ตื่นขึ้นมา

เมื่อนางลืมตาขึ้น และมองเหตุการณ์ตรงหน้า ใบหน้าของนางก็ซีดลงด้วยความตกใจ และเมื่อรู้ตัวว่าเสื้อผ้าของตนหลุดลุ่ย นางก็กรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง

“ข้า… ข้า… เหตุใดข้าถึงเป็นเช่นนี้? เป็นไปได้อย่างไร...” เมิ่งจิ่นอวี่ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น นี่ไม่ใช่ความฝัน นางรู้สึกลนลานสับสน

ฟู่เฉินหวนสายตาเคร่งขรึม และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "เกิดอะไรขึ้นกันแน่? บอกความจริงมา"

เขายังคงไม่อยากเชื่อว่าทั้งหมดนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับลั่วชิงยวน

ถ้ามันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับนางจริง ทำไมมันถึงเกิดขึ้นในห้องของนาง?

สติของเมิ่งจิ่นอวี่ยังคงไม่กลับมา นางมองไปที่ลั่วเยวี่ยอิงด้วยความงุนงง และใช้สายตาถามนางว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมคนที่นอนอยู่ตรงนี้ถึงเป็นนาง ไม่ใช่ลั่วชิงยวน!

ลั่วเยวี่ยอิงแอบขยิบตาส่งสัญญาณให้นางใส่ความลั่วชิงยวน

ในขณะนี้ลั่วชิงยวนยังคงนิ่งสงบ แต่นางมองเห็นการสบตาของทั้งสองคนอย่างชัดเจน และนางต้องการดูว่าคนกลุ่มนี้จะใส่ร้ายนางอย่างไร

เมิ่งจิ่นอวี่ทรุดตัวลง ทำใจไม่ได้ที่ตนเองสูญเสียความบริสุทธิ์ นางคิดว่าช่างอัปยศยิ่งนัก จนไม่อยากจะมีชีวิตต่อ แต่ถ้าจะต้องตาย นางก็จะลากลั่วชิงยวนนังผู้หญิงเลวคนนั้นไปตายด้วย!

นางชี้ไปที่ลั่วชิงยวนด้วยความโกรธ "นางเพคะ! นางเป็นคนทำหม่อมฉันเพคะ ท่านอ๋อง!"

“ท่านแม่อุส่าห์ทำการหมั้นหมายให้ข้าแล้ว แต่ตอนนี้ข้าจะแต่งงานได้อย่างไร… ตายไปเสียยังจะดีกว่า…” เมิ่งจิ่นอวี่ร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหล

ทันทีที่เมิ่งจิ่นอวี่พูดจบ ลั่วเยวี่ยอิงก็มองไปที่ลั่วชิงยวนด้วยความตกใจ "ท่านพี่ ท่าน... กลายเป็นคนที่โหดเหี้ยมขนาดนี้เลยหรือ?"

ใบหน้าเล็ก ๆ สีขาวของลั่วเยวี่ยอิงที่ดูตื่นตระหนกจนเกินเหตุ

ลั่วชิงยวนนึกขำในใจ นางขี้เกียจจะอธิบาย จึงมองตรงไปที่เมิ่งจิ่นอวี่ "เจ้าบอกว่าข้าทำร้ายเจ้ารึ เช่นนั้นก็แสดงหลักฐานออกมา!"

เมิ่งจิ่นอวี่มองไปที่คนรับใช้ที่คุกเข่าอยู่บนพื้น และตะโกนเสียงดัง "พวกเจ้าพูดออกมาสิ ใครเป็นคนสั่งให้พวกเจ้าทำ!"

ฟู่เฉินหวนก็จ้องมองเช่นกัน

คนใช้หลายคนตัวสั่นเทาตอบ "พระ… พระชายาเป็นคนสั่งพวกกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ"

ทันทีที่คนใช้พูดจบ เมิ่งจิ่นอวี่ก็รีบวิ่งไปที่เท้าของฟู่เฉินหวน ราวกับได้รับหลักฐานชิ้นใหญ่ นางร้องไห้อย่างขมขื่น "ท่านอ๋อง! ท่านอ๋อง ท่านทรงได้ยินแล้วหรือไม่เพคะ! นางทำร้ายบ่าว! นางทำให้บ่าวเจ็บปวดยิ่งนัก! ...เพียงเพราะบ่าวแค่พูดว่านางคือกระต่ายหมายจันทร์ นางจึงเคียดแค้น และทำลายชีวิตบ่าว!"

คนรับใช้ทุกคนในลานต่างก็ได้ยินชื่อเสียงของลั่วชิงยวน บวกกับที่นางแต่งงานแทน ทุกคนจึงไม่ชอบหน้านาง และเมื่อเห็นสภาพที่น่าเวทนาของเมิ่งจิ่นอวี่ในตอนนี้ ก็ยิ่งรู้สึกสงสารนาง

“พระชายาผู้สูงศักดิ์ กระทำเรื่องเลวทรามต่ำช้าเช่นนี้ นางไม่สมควรจะเป็นพระชายาเลย!”

“นางเป็นตัวปลอมตั้งแต่แรก ใครจะไปยอมรับว่านางเป็นพระชายากัน น่ารังเกียจ!” เสียงแม่นมอาวุโสคุยกันอย่างเกรี้ยวกราด อยากจะขายลั่วชิงยวนทิ้งเสียให้รู้แล้วรู้รอด

เมื่อได้ยินข้อกล่าวหาของทุกคนที่มีต่อลั่วชิงยวน ทั้งตำหนักรวมถึงท่านอ๋อง ไม่มีใครยืนเคียงข้างลั่วชิงยวนเลยสักคนเดียว ถึงแม้นว่า เรื่องคืนนี้นางจะมิได้เป็นคนทำ แต่ก็คงยากที่จะเถียง จงเป็นแพะรับบาปและตายไปซะ!

นางเฝ้าดูการแสดงต่อไปด้วยสายตาที่เย็นชา

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1540

    “เจ้าอยู่ในตระกูลฉีนานเท่าใดแล้ว คุ้นเคยกับตำแหน่งที่ตั้งของตระกูลฉีหรือไม่?” ลั่วชิงยวนถามจูลั่วตอบว่า “คุ้นเคย”จากนั้นจูลั่วก็วาดแผนที่เมืองอวิ๋นโจวแบบง่าย ๆ และแผนที่ของจวนตระกูลฉีแบบละเอียด แล้วมอบให้ลั่วชิงยวนหลังจากลั่วชิงยวนจดจำแผนที่ได้แล้วก็มอบแผนที่ให้โฉวสือชี“วันพรุ่งเมื่อเข้าไปในเมืองอวิ๋นโจวแล้ว จงติดต่อคนของเราให้พร้อมก่อน สือโท่วเป็นคนในเมืองอวิ๋นโจว เขาย่อมคุ้นเคยกับที่นี่ ถึงเวลานั้นก็ให้เขาพลิกแพลงตามสถานการณ์”“ต้องช่วยฉีอวี้ออกมาให้ได้”โฉวสือชีพยักหน้าจากนั้นทั้งสามก็รอจนฟ้าสาง แล้วจึงตามขบวนคาราวานของเถ้าแก่จี้เข้าสู่เมืองอวิ๋นโจวคืนนั้นอวิ๋นเฟิงก็มิกลับมา การที่ฉีอวี้ถูกจับตัวไปย่อมเป็นฝีมือเขาแน่นอนคณะเดินทางเข้าสู่เมืองอวิ๋นโจวได้อย่างราบรื่นบนถนนคึกคักเป็นพิเศษ มีเสียงฆ้องกลองดังขึ้นและมีขบวนเจ้าสาวกำลังเดินสวนมาท่าทางโอ่อ่าสง่างาม ผู้คนตามท้องถนนต่างหลีกทางไปสองข้างกลีบดอกไม้ปลิวว่อนไปทั่วฟ้า ขบวนทั้งหมดมีคนนับร้อยเกี้ยวเจ้าสาวหรูหราอลังการ ผ้าคลุมหน้าประดับลูกปัดระยิบระยับแกว่งไกวส่งเสียงกังวานเพียงแต่มองเห็นเงาร่างในเกี้ยวได้มิชัดเ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1539

    โฉวสือชีพลันตื่นตระหนกขึ้นมา “นางมิได้อยู่กับเจ้าหรอกหรือ?”“นางมาช่วยดับไฟ!”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วหลายคนรีบออกค้นหาคนในขบวนคาราวานปลอดภัยแล้ว สินค้าก็มิเสียหาย เถ้าแก่จี้จึงให้ทุกคนล้มเลิกการดับไฟ แล้วถอยห่างจากเปลวเพลิงลั่วชิงยวนถามเถ้าแก่จี้ “ท่านเห็นเด็กสาวอีกคนในคณะของเราหรือไม่?”เถ้าแก่จี้ส่ายหน้า “มิเห็นเลยขอรับ”จากนั้นลั่วชิงยวนและโฉวสือชีก็แยกกันค้นหา แทบจะพลิกค้นไปทั่วทั้งลานบ้านมิพบฉีอวี้!เพียงชั่วพริบตาเดียว ฉีอวี้ก็หายตัวไปแล้ว!โฉวสือชีกระวนกระวายใจยิ่งนัก “นางคงมิได้กระโจนเข้าไปในกองไฟเพื่อช่วยข้ากระมัง?”เมื่อกล่าวจบ โฉวสือชีก็แบกผ้าห่มที่เปียกชุ่มผืนหนึ่ง แล้วกระโดดเข้าไปในกองไฟทันทีเขามิได้ลังเลเลยแม้แต่น้อยคนที่อยู่ภายนอกยังคงสาดน้ำช่วยดับไฟลั่วชิงยวนขมวดคิ้วครุ่นคิด “ไม่สิ หากฉีอวี้หาคนมิเจอ นางคงมิอยู่ข้างในนานถึงเพียงนั้น”เมื่อนึกถึงสตรีในกำแพงที่เคยตรึงนางไว้ในคืนนี้ ลั่วชิงยวนก็ใจหายวาบมิได้มาเพราะนางแต่มาเพราะฉีอวี้!เพียงแต่นางคาดมิถึงว่าสำนักเทียนฉยงก็เข้ามามีส่วนร่วมด้วย“ออกไปค้นหา!”ลั่วชิงยวนและจูลั่วรีบวิ่งออกจากเรือน ไล่ตาม

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1538

    ลั่วชิงยวนสะดุ้งตื่น เมื่อพลิกกายลุกขึ้นก็เห็นฉีอวี้กลิ้งตกจากเตียงนางรีบก้าวเข้าไปถาม “เจ้าเป็นกระไรไป?”ใครเล่าจะรู้ว่าฉีอวี้กลับแสดงท่าทีตอบโต้รุนแรง “อย่าแตะต้องข้า! อย่าแตะต้องข้า!”ฉีอวี้คว้าเก้าอี้แล้วลุกขึ้นเตรียมจะทุ่มใส่ลั่วชิงยวนแต่เมื่อเห็นใบหน้าของลั่วชิงยวน ฉีอวี้ก็หยุดมือใบหน้าของนางซีดเผือดด้วยความหวาดกลัวพร้อมหายใจถี่ และมองซ้ายมองขวาท่าทางหวาดระแวงอย่างยิ่งลั่วชิงยวนเห็นว่าฉีอวี้หวาดกลัวมาก แสดงว่าคงถูกอะไรบางอย่างทำให้ตกใจทันใดนั้นนางก็สัมผัสได้ถึงพลังหยินแต่มิได้ปรากฏอยู่ในห้องแล้วลั่วชิงยวนก้าวไปเปิดประตูหมายจะออกไป แต่ฉีอวี้ก็รีบคว้ามือของนางไว้ด้วยความหวาดกลัวลั่วชิงยวนหยิบยันต์แผ่นหนึ่งแปะลงบนตัวฉีอวี้ “เจ้าจงอยู่ในห้องนี้”“ข้าจะไปดูว่าเกิดกระไรขึ้น”ฉีอวี้พยักหน้า แล้วกำชับว่า “เช่นนั้นท่านระวังตัวด้วย”ลั่วชิงยวนเดินออกจากห้อง แล้วปิดประตูอย่างระมัดระวังในลานบ้านยังคงเงียบสงัด มิรู้ว่าคนอื่น ๆ เหนื่อยเกินไปจนมิตื่นเพราะเสียงร้องของฉีอวี้ หรือว่าถูกอะไรบางอย่างทำให้หมดสติไปแล้วลั่วชิงยวนเดินออกจากห้อง แล้วหยิบเข็มทิศอาณัติสวรรค์ออกมา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1537

    แต่หากพวกเขาต้องการที่จะพบเจอของดีในตลาดมืด ส่วนใหญ่ก็ต้องอาศัยการแย่งชิงและโชคชะตาไม่มีผู้ประกอบการคนใดมิปรารถนาที่จะร่วมมือกับตลาดมืดเมื่อเถ้าแก่จี้ได้ยินดังนั้นก็ยินดียิ่งนัก รีบตอบรับ “คุณหนูใหญ่กล่าวมาถึงเพียงนี้ หากข้ามิรับปาก ก็จะเป็นผู้มิรู้จักความดีงามแล้ว!”“มิขอปิดบัง คราวนี้พวกเรามาตลาดมืดเพื่อตามหาสมบัติโบราณบางอย่าง แต่… สุดท้ายก็มิได้สิ่งใดกลับมาเลย”“คนในตลาดมืดชอบทำการค้ากับคนรู้จัก เพราะคนรู้จักเชื่อถือได้มากกว่า พวกเราเพิ่งเคยมาตลาดมืดเป็นครั้งแรก การซื้อของจึงไม่มีข้อได้เปรียบมากนัก”“ข้าเดินทางไปมาระหว่างแคว้นเทียนเชวียและแคว้นหลี คราวนี้ก็ตั้งใจจะขยายกิจการให้กว้างไกลกว่าเดิม หากคุณหนูใหญ่ยินดีร่วมมือกับขบวนคาราวานของพวกเรา ข้ารับรองว่าจะมิทำให้คุณหนูใหญ่ผิดหวัง!”“จะมิทำให้พวกท่านขาดทุนแน่นอน!”เถ้าแก่จี้ก็แสดงท่าทีและความตั้งใจของตนเองออกมาอย่างชัดเจนเรื่องนี้ทำให้ลั่วชิงยวนวางใจยิ่งขึ้น เถ้าแก่จี้ผู้นี้ดูแล้วเป็นคนไว้ใจได้“ดี เช่นนั้นก็ตกลงกันตามนี้เถิด”“คนของข้าจะติดตามขบวนคาราวานไปยังเมืองอวิ๋นโจวในอีกสองสามวันนี้”เถ้าแก่จี้เห็นว่าพวกนางรีบร้

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1536

    เฉินชีเหาะวูบเดียวก็ลงสู่พื้นอย่างมั่นคงลั่วชิงยวนจึงควบม้าเร่งความเร็ว มินานก็ไล่ตามฉีอวี้และโฉวสือชีทันฉีอวี้แทบจะต้องเช็ดน้ำตาขณะควบม้าวิ่งไปข้างหน้าไปด้วย มิอยากหยุดพักแม้แต่วินาทีเดียว นางร้อนใจยิ่งนักพวกเขารีบเดินทางทั้งวันทั้งคืน เปลี่ยนม้าสี่ครั้งกลางทาง ใช้เวลาหกวัน จึงมาถึงนอกเมืองอวิ๋นโจวแต่ที่ด่านตรวจป้องกันเมืองนั้นเข้มงวดเป็นพิเศษ ทุกคนต้องได้รับการตรวจค้น สินค้าก็ต้องได้รับการตรวจค้น มิให้เข้าเมืองโดยง่ายลั่วชิงยวนและพรรคพวกยิ่งมิอาจเข้าเมืองได้จากนั้นลั่วชิงยวนจึงพาทุกคนไปหลบในป่าก่อนนางสั่งการว่า “ไปซื้ออาภรณ์ชาวบ้านมาเปลี่ยน แล้วแบ่งกลุ่มติดตามผู้อื่นเข้าเมือง”“เมื่อเข้าเมืองแล้วค่อยรวมตัวกัน!”จากนั้นโฉวสือชีก็รีบพาคนไปหาอาภรณ์จำนวนมากมาพวกเขาสวมทับอาภรณ์เดิมเพื่อปลอมตัวเมื่อเปลี่ยนอาภรณ์เสร็จแล้ว ลั่วชิงยวนและโฉวสือชีก็พาฉีอวี้และจูลั่วปะปนอยู่ในขบวนคาราวานเข้าเมืองไปได้อย่างราบรื่นลั่วชิงยวนพบว่าทหารที่ด่านตรวจเกือบทั้งหมดมุ่งเน้นการตรวจค้นรถม้าและเกี้ยว ดูเหมือนจะเน้นตรวจค้นครอบครัวของเศรษฐีเมื่อเข้าเมืองได้อย่างปลอดภัย จูลั่วนำกระดาษแผ่นห

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1535

    ขณะนี้ฉีอวี้ยังคงห่วงใยลั่วชิงยวน“เจ้าควรกลับไปอวิ๋นโจว”“หา? เหตุใดหรือเจ้าคะ?”เมื่อสิ้นคำนั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงตะโกนดังขึ้น “คุณหนูใหญ่! คุณหนูใหญ่!”มองไปตามเสียงจึงเห็นชายคนหนึ่งวิ่งเข้ามา แต่ถูกผู้คุ้มกันคนหนึ่งขวางไว้ มิให้เข้าใกล้ลั่วชิงยวนเมื่อฉีอวี้เห็นผู้มาเยือนก็ตกใจ “สือโท่ว เจ้ามาได้อย่างไร?”ลั่วชิงยวนสั่งว่า “ให้เขาเข้ามาเถิด”จากนั้นชายที่ชื่อสือโท่วก็รีบร้อนวิ่งเข้ามา“คุณหนูใหญ่ เกิดเรื่องแล้วขอรับ!”ฉีอวี้พลันเกิดความรู้สึกมิดี “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”สือโท่วมีสีหน้าเศร้าโศก น้ำเสียงแฝงด้วยการร่ำไห้ “คุณหนูใหญ่ บ้านเราสิ้นแล้ว…”เมื่อได้ยินดังนั้น ฉีอวี้ก็ตัวแข็งทื่อไปทั้งร่าง“ว่ากระไรนะ? เจ้าพูดอะไร?!” ฉีอวี้มองเขาด้วยความเหลือเชื่อสือโท่วปาดน้ำตา “ท่านเจ้าเมืองกับฮูหยิน…”“จวนเจ้าเมืองถูกสังหารสิ้นในชั่วข้ามคืน…”ฉีอวี้ได้ยินดังนั้นก็ราวกับถูกสายฟ้าฟาด ทรุดตัวถอยหลังไปสองก้าวเมื่อโฉวสือชีได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจเช่นกันกระไรนะ? จวนเจ้าเมืองหรือ?เพียงแต่เขายังมิทันได้ถามมาก ก็รีบประคองฉีอวี้โดยสัญชาตญาณลั่วชิงยวนใจหายวาบ เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เกิดเรื

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status