"เป็นแม่ของข้า"ทันทีที่เขาได้ยินสิ่งนี้ ราชาเผ่านอกด่านก็ตกใจ เซถอยหลังไปหนึ่งก้าว“แม่ของเจ้ารึ? นางได้… แต่งงานกับน้องชายของข้ารึ?”ราชาเผ่านอกด่านละล่ำละลักด้วยเสียงสะอื้น น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่บอกมิถูกท่ามกลางความตกตะลึง ยังแฝงไปด้วยความรู้สึกสูญเสียเล็กน้อยแต่หลังจากที่สงบสติลงแล้ว ราชาเผ่านอกด่านก็เงยหน้าขึ้นและมองนางด้วยความตกใจอีกครั้ง "มิ! เจ้ามิใช่ลูกสาวของน้องชายข้า แต่เจ้าเป็นลูกสาวของข้า!"เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ลั่วชิงยวนก็ตัวแข็งทื่ออีกครั้ง“ว่ากระไรนะ ลูกสาวของท่าน? แม่ของข้ากับท่าน…” ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วจนแทบจะผูกเป็นปมแต่ทว่าความตกใจมิได้หายไปราชาเผ่านอกด่านคว้าแขนของนางไว้อย่างตื่นเต้นและกล่าวว่า "เจ้าคือลูกสาวของข้า! เจ้าคือลูกสาวคนโตของข้า!"“เจ้าคือหยวนหนิง!”"ดี มิต้องทำเงื่อนไขสองข้อที่ข้าเพิ่งพูดถึงก่อนหน้านี้แล้ว!""ข้าจะส่งต่อตำแหน่งราชาแห่งเผ่านอกด่านให้กับเจ้ายามนี้เลย!"“ข้าขอเพียงให้เจ้าสืบทอดตำแหน่งราชาเผ่านอกด่าน สิ่งอื่นใดข้ามิสน! มิว่าเจ้าอยากจะโจมตีเมืองผิงหนิงต่อไปหรือยุติสงคราม เจ้าตัดสินใจเอาเถอะ เจ้าเป็นผู้ชี้ชะตา!”ร
“นี่เป็นเหตุผลว่าเหตุใดข้าจึงโจมตีเมืองผิงหนิง ข้าอยากไปยังแคว้นเทียนเชวียเพื่อตามหานาง และข้าอยากรู้ข่าวคราวสุดท้ายก่อนที่ข้าจะตาย”“แม้ว่าหยวนหนิงจะมิอาจฟื้นคืนชีพได้ ข้าก็จะยอมรับชะตากรรมนี้ แต่ข้าอยากรู้ว่าผลลัพธ์เป็นเช่นไร”หลังจากพูดอย่างนั้น ราชาเผ่านอกด่านก็หัวเราะและมองไปยังลั่วชิงยวน“วันนี้ข้ามาตระหนักได้ว่า นางสามารถคำนวณเจตจำนงของสวรรค์ได้จริง ๆ และจัดการทั้งหมดนี้อย่างชัดเจนเพื่อให้เจ้ามาหาข้าในวันนี้”“เพื่อให้ข้าได้เจอเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย”ลั่วชิงยวนตกใจเมื่อได้ยินสิ่งนี้ฟื้นคืนชีพ?นางฟื้นคืนชีพแล้ว แต่นางมิใช่หยวนหนิงแต่เป็นลั่วเหรา!นางเคยได้ยินเกี่ยวกับกระบี่งูวิญญาณ มีตำนานเล่าลือกันว่ากระบี่งูวิญญาณมีงูวิญญาณแฝงอยู่ มันเป็นสิ่งที่มีพลังหยินเย็นสุดขั้ว ดังนั้นจึงสามารถดูดซับวิญญาณและกักเก็บให้วิญญาณอาศัยอยู่ในนั้นได้นอกจากนี้ยังเป็นสมบัติที่ชาวแคว้นหลีมากมายต้องการท้ายที่สุดแล้ว สำหรับปรมาจารย์ฮวงจุ้ยในแคว้นหลี กระบี่งูวิญญาณนี้สามารถกักเก็บวิญญาณได้หลายพันดวง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทรงพลังมากทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่าอาจารย์ดูเหมือนจะกำลังเดินหมากกระดานใหญ่อ
คำพูดนี้เจือด้วยการข่มขู่เล็กน้อย ลั่วชิงยวนหัวเราะเบา ๆ สมแล้วที่เป็นราชาเผ่านอกด่าน ยังมิดีใจจนหน้ามืดเพียงเพราะได้เจอลูกสาวใช่แล้ว นางยังต้องการช่วยฉินเชียนหลี่!"ตกลง ข้ารับปากกับท่าน""ตามแผนของท่าน ข้าจะขึ้นเป็นราชาเผ่านอกด่าน และจะยุติสงครามระหว่างเผ่านอกด่านและแคว้นเทียนเชวียโดยสิ้นเชิง!"“แต่ท่านต้องปล่อยฉินเชียนหลี่ไป”ราชาเผ่านอกด่านยิ้มด้วยความพึงพอใจ "เป็นอันตกลง"เมื่อพูดเช่นนั้น ราชาเผ่านอกด่านก็นอนลงบนเตียงอีกครั้งและพูดว่า "เจ้าคงรู้ทักษะทางการแพทย์ ข้ารู้สึกดีขึ้นแล้ว เจ้าช่วยรักษาข้าต่อเถอะ" “ลั่วชิงยวนก้าวไปข้างหน้าเพื่อฝังเข็มและเขียนใบเทียบยาให้เขาก่อนยื่นให้หล่างมู่ไปนำยามาหลังจากปรุงยาให้ราชาเผ่านอกด่าน อาการของราชาเผ่านอกด่านก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดคืนนั้น ราชาเผ่านอกด่านสั่งให้เรียกหัวหน้าเผ่าทั้งหลายให้มารวมตัวกันเมื่อเห็นราชาเผ่านอกด่านนั่งอยู่อย่างสง่าผ่าเผยบนเก้าอี้ทุกคนต่างก็ตกใจ “ฝ่าบาท ร่างกายของท่าน…”หล่างชิ่นก็ตกใจเช่นกัน สุขภาพของเสด็จพ่อของเขาดูดีขึ้นมาก ก่อนหน้านี้เขาไม่มีแรงที่จะลุกขึ้นมาด้วยซ้ำ!ลั่วชิงยวนคนนี้ ทักษะการแพทย
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ทุกคนก็เริ่มสงสัยหล่างชิ่นอย่างที่คาดไว้องค์หญิงชิงหวยถามเสียงเย็นชา "หล่างชิ่น ท่านเป็นคนติดต่อและให้ความร่วมมือกับตระกูลเหยียน เหตุใดป่านนี้จึงยังไม่มีข่าวจากตระกูลเหยียนเลยเล่า?"“หรือท่านปิดบังอะไรจากพวกเราไว้?”“ใช่ ท่านกำลังซ่อนอะไรบางอย่างไว้หรือไม่? ในเมื่อร่วมมือกัน เหตุใดตระกูลเหยียนมิยื่นมือมาช่วยเราเล่า?”“ถูกต้อง กองทัพของอู่จิ้นมิใช่ว่าเชื่อฟังคำสั่งของตระกูลเหยียนหรอกหรือ เหตุใดพวกเขามิช่วยเราตีเมือง?”คำถามเหล่านี้ทำให้แววตาของหล่างชิ่นเต็มไปด้วยความเกลียดชังอย่างรุนแรง นางมองลั่วชิงยวนด้วยสายตาเฉียบคม“ไม่มีข่าวอะไรจากตระกูลเหยียนเลย ข้ามิได้ปกปิดอะไรทั้งนั้น!”“เสด็จพ่อ ท่านอย่าได้เชื่อคำพูดเหลวไหลของลั่วชิงยวน!”ในที่สุดราชาเผ่านอกด่านก็พูดว่า "หยุดเถียงได้แล้ว" “วันนี้ข้าเรียกพวกเจ้ามาที่นี่ เพียงแค่อยากบอกว่าข้าจะให้ลั่วชิงยวนอยู่ที่นี่”“จนกว่าข้าจะหายดี ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้โจมตีเมืองอีก”“จงสงวนกำลังเอาไว้ และอย่าตกหลุมอุบายของผู้อื่น”ประโยคสุดท้ายนี้ทำให้หล่างชิ่นตะลึงลั่วชิงยวนก็ประหลาดใจเช่นกันเหตุใดคำเหล่านี้ดู
ลั่วชิงยวนมิได้หลบเลยแม้แต่น้อย กลับจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาคมกริบ“คนที่ฆ่าพี่ชายเจ้าคือหล่างชิ่นต่างหาก!”“เจ้าคิดว่านางเพียงส่งพวกเจ้าไปโจมตีเมืองจริง ๆ หรือ? นางกำลังใช้การโจมตีเมืองเพื่อกำจัดพวกเจ้าต่างหาก!”กริชหยุดที่หน้าอกของลั่วชิงยวน โดยมิแทงลงไปชิงหวยสบตากับนาง "เจ้าหมายความว่าอย่างไร?"ลั่วชิงยวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงมิรีบร้อน "หล่างมู่เกือบตายเพราะหล่างชิ่น หลอกให้เขาบุกโจมตีจนตกหลุมพรางในเมือง"“หลังจากที่หล่างมู่ติดกับดัก นางรีบถอนตัวออกไปทันที ปล่อยโอกาสที่ดีที่สุดในการช่วยชีวิตหล่างมู่ไป”ลั่วชิงยวนเลิกคิ้ว “หากนางต้องการฆ่าหล่างมู่ นางย่อมต้องการฆ่าพวกเจ้าด้วยเช่นกัน มิเช่นนั้นนางจะทำข้อตกลงกับตระกูลเหยียนได้อย่างไร”ชิงหวยตกใจมากเมื่อได้ยินสิ่งนี้ "ว่ากระไรนะ? เจ้าว่าอะไรกับตระกูลเหยียนนะ? เจ้ารู้อะไรบางอย่างใช่หรือไม่?"“พูดมาเร็ว!”ลั่วชิงยวนมิรีบร้อนที่จะพูด นางขยับตัวเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ปล่อยข้าก่อนสิ"ชิงหวยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นลุกขึ้นและขยิบตาให้ผู้คนรอบตัวมีคนเข้ามาปลดโซ่ให้ลั่วชิงยวนทันทีลั่วชิงยวนลูบข้อมือเบา ๆ แล้วค่อย ๆ ลุกขึ้นนางพูดอย่างใจ
เดิมทีนางตั้งใจจะตรงไปยังเมืองผิงหนิงโดยทันทีแต่ในทันใดนั้น ก็มีเสียงบางอย่างดังขึ้นในป่าข้างหน้าลั่วชิงยวนสะดุ้งตกใจ นางรีบย่ำเท้าลงเบา ๆ และค่อย ๆ ย่องเข้าไปใกล้เมื่อเดินเข้าไปในพุ่มไม้ จู่ ๆ กลิ่นอายสังหารก็เข้าโจมตีนาง ดาบเล่มหนึ่งจ่อที่คอของนาง“อย่าขยับ!” อีกฝ่ายขู่อย่างเย็นชาอีกฝ่ายถามอย่างเคร่งเครียดว่า "ค่ายขององค์ชายหล่างมู่ของเจ้าอยู่ที่ใด?"ลั่วชิงยวนสะดุ้งหันกลับมาและเห็นว่าเป็นทหารของแคว้นเทียนเชวีย“ข้าเอง ลั่วชิงยวน” นางพูดทันทีอีกฝ่ายตกใจ “พระชายา?”“พระชายาหนีออกมาได้หรือ? เยี่ยมเลย! ท่านอ๋องอยู่ทางโน้น!”ลั่วชิงยวนตกใจมาก ฟู่เฉินหวนก็อยู่ที่นี่ด้วยนางเดินตามทหารไปทันที และมาถึงด้านหลังเนินเขานางเห็นคนยืนเอามือไพล่หลังอยู่ใต้แสงจันทร์“ฟู่เฉินหวน!” ลั่วชิงยวนตะโกนด้วยความตื่นเต้นที่มิอาจซ่อนฟู่เฉินหวนตกใจและดูมีความสุขเมื่อเห็นว่านางยังสบายดี"เจ้า..."ในขณะนั้นเอง ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านหนึ่ง ดูเหมือนจะมีคนจำนวนมิน้อย“หน่วยลาดตระเวนมาแล้ว ท่านอ๋อง กระหม่อมจะล่อพวกเขาออกไป”เซียวชูนำผู้คนวิ่งไปในทิศทางอื่นทันทีลั่วชิงยวนไม่มีเวลาพูดอ
ฟู่เฉินหวนตกตะลึง ขมวดคิ้วมองนาง "เจ้าใช้ตราประทับมังกรขององค์จักรพรรดิสูงสุดมาบีบบังคับข้ารึ?"ปรากฏว่าเสด็จพ่อมอบตราประทับมังกรให้นางไปแล้วลั่วชิงยวนมีท่าทีแน่วแน่ "ท่านคิดว่าอย่างไรก็อย่างนั้น"“หากนี่เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ท่านจากไปได้ เช่นนั้นก็ถือว่าหม่อมฉันใช้ตราประทับมังกรเพื่อบีบบังคับท่านแล้วกัน”“หากขัดคำสั่งหม่อมฉัน นั่นก็หมายถึงการขัดคำสั่งขององค์จักรพรรดิสูงสุด อ๋องผู้สำเร็จราชการ หวังว่าท่านจะไตร่ตรองอย่างรอบคอบ”ฟู่เฉินหวนกำมือแน่น มองดวงลั่วชิงยวนด้วยแววตาเย็นชา ใจเขารู้สึกขมขื่น“มีเหตุผลอื่นอีกหรือไม่ที่ทำให้เจ้าต้องอยู่กับพวกนอกด่าน?”ท่าทีของลั่วชิงยวนนั้นแน่วแน่มาก ต้องมีเรื่องอื่นใดปิดบังเขาไว้หัวใจของลั่วชิงยวนตึงเครียด นางมิอาจบอกเรื่องของลั่วอิงได้เพราะมันเกี่ยวข้องกับความลับที่มิอาจเปิดเผยได้มากมาย"ไม่มีหรอกเพคะ!"“หม่อมฉันเพียงต้องการยุติสงครามในเร็ววัน มิอยากสู้อีกต่อไปแล้ว”“ในหมู่เผ่านอกด่านมีช่องโหว่ หม่อมฉันมิอาจละทิ้งโอกาสอันยิ่งใหญ่นี้ได้ เชื่อหม่อมฉันเถิดเพคะ!”“หากหม่อมฉันสามารถรับมือต่อการปิดล้อมตีเมืองผิงหนิงได้หลายสิบวัน หม่อมฉัน
“ข้ามิได้อยากให้เขาตาย และข้าก็มิได้อยากทำร้ายเขาด้วย”“ข้าแค่อยากให้เขายอมจำนนต่อข้า ยอมเป็นทาสของข้าอย่างเต็มใจก็เท่านั้น”“แต่เป็นเขาเองที่มิยอมจำนน โดนข้าฝังแมลงกู่เข้าไปแล้ว ก็ยังคิดจะต่อต้านข้า”“ตั้งแต่ข้าโตมา นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ข้าได้พบกับคนกระดูกแข็งเช่นนี้”“แต่ข้ามิเชื่อว่าเขาจะทนได้ไหว รอให้ข้าตัดเอ็นมือเขาแล้ว เขาก็จะขยับมิได้อีก และจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมจำนนต่อข้า!”“ต่อให้เป็นหมาที่ต้องคอยดูแลตลอดเวลา แต่ข้าก็ยังพอใจกับมัน”หล่างชิ่นยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ในนัยน์ตาของนางส่องประกายร้อนแรงลั่วชิงยวนมองนางด้วยสายตาเย็นชา "เจ้าทรมานได้เพียงร่างกายของเขา และขังไว้ได้ก็แค่ร่างกายของเขาเท่านั้น"“จิตวิญญาณทหาร จะไม่มีวันยอมจำนน!”เสียงของนางแหลมคมประโยคนั้นดุจดั่งค้อนหนักที่ฟาดหัวใจของหล่างชิ่นจนแตกสลายใบหน้าของหล่างชิ่นเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำหันมามองนางอย่างโกรธจัดทันใดนั้นฉินเชียนหลี่ในกรงเหล็กก็หัวเราะออกมา"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า..."“หล่างชิ่น เจ้าได้ยินหรือไม่ ทุกคนรู้ดีว่า มิว่าเจ้าจะทรมานข้าเยี่ยงไรข้าก็ไม่มีวันยอมจำนน!”ฉินเชียนหลี่ในกรงเงยหน้าขึ้
ต่งอวิ๋นซิ่วตกใจจนหน้าซีดเผือด รีบยกมือขึ้นมาป้องกัน แล้วต่อสู้กับฝูเหมิ่งแต่พลังในตอนนี้ของต่งอวิ๋นซิ่วเทียบกับฝูเหมิ่งแล้วยังอ่อนแอกว่ามากนักสุดท้ายก็ถูกฝูเหมิ่งบีบคอไว้แน่นลั่วชิงยวนเห็นชัดเจนว่าในร่างของฝูเหมิ่งตอนนี้คือโหยวจิ้งเฉิง!เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือ? เขาจะฆ่าต่งอวิ๋นซิ่วภรรยาของตนหรือ?เมื่อเห็นดังนั้น โหยวเซียงก็ชักกระบี่พุ่งเข้าไปหมายจะช่วยต่งอวิ๋นซิ่ว แต่ฝูเหมิ่งกลับมิหลบเลยแม้แต่น้อย ปล่อยให้กระบี่ในมือนางแทงทะลุร่างจากนั้นฝูเหมิ่งก็ฟาดมือไปทีหนึ่ง โหยวเซียงจึงกระเด็นปลิวไปโหยวเซียงกระอักเลือดออกมาต่งอวิ๋นซิ่วร้อนใจยิ่งนัก “เซียงเอ๋อร์ มิต้องสนใจแม่ รีบหนีไป!”โหยวเซียงจะทนมองดูมารดาของตนถูกฆ่าได้อย่างไร นางพยายามลุกขึ้นมาสู้ต่อแต่ฝูเหมิ่งกลับมองโหยวเซียงอย่างดุดัน แล้วกล่าวขู่ “คนที่ข้าต้องการฆ่ามีเพียงต่งอวิ๋นซิ่วเท่านั้น เจ้าจงหลีกไป”“มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้ามิเห็นแก่ความเป็นพ่อลูก”เมื่อได้ยินดังนั้น โหยวเซียงก็ตกใจจนยืนอึ้งไปกับที่ แล้วกล่าวเสียงสั่นเครือ “พ่อ… พ่อลูกหรือ?”ตอนนี้เสียงของฝูเหมิ่งก็มิใช่เสียงของฝูเหมิ่งอีกต่อไปแล้วเมื่อต่งอวิ๋นซิ่ว
ขณะนี้เอง โหยวเซียงก็ฉวยโอกาสหลบหนีจากมือของลั่วชิงยวนไปได้ต่งอวิ๋นซิ่วมองพวกเขาอย่างเย็นชา “ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้วก็เตรียมตัวตายได้เลย!”ทันใดนั้นบนคานเรือนก็ปรากฏชายชุดดำจำนวนมากพร้อมถือหน้าไม้เล็งมาที่พวกเขาลูกดอกอันคมกริบประกายแสงเย็นลั่วชิงยวนยกยิ้มมุมปาก หัวเราะอย่างเย็นชา “ดูเหมือนว่าเจ้าจะเตรียมการมาอย่างดี ตอนนี้พวกข้าคงหนีออกจากห้องนี้ไปมิได้แล้วใช่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนสังเกตประตูห้อง รวมถึงผนังห้องทุกด้าน แล้วพบว่ามีกลไกบนประตูเหนือศีรษะ ต่งอวิ๋นซิ่วหัวเราะเบา ๆ “แน่นอน นี่คือห้องกลไกที่สร้างขึ้นมาเพื่อรับมือพวกเจ้าที่บุกรุกเข้ามาบนเขา”“วันนี้พวกเจ้าอย่าหวังว่าจะได้ออกไปแม้แต่คนเดียว!”ลั่วชิงยวนจับกระบี่ห้วงสวรรค์แน่นแล้วพุ่งไปที่กลไกจุดหนึ่งบนผนังห้อง ฟาดฟันกระบี่ลงไปอย่างแรงต่งอวิ๋นซิ่วรีบดึงโหยวเซียงหลบหลีกไปแต่ใครเล่าจะรู้ว่าลั่วชิงยวนมิได้โจมตีพวกนาง แต่กลับฟันกลไกบนผนังห้องทำให้ประตูห้องลงกลอนอย่างสมบูรณ์เมื่อเห็นเช่นนั้น ต่งอวิ๋นซิ่วก็หัวเราะเยาะ “เจ้าช่างรนหาที่ตายยิ่งนัก”ลั่วชิงยวนยกยิ้มอย่างมีความหมาย “เช่นนั้นรึ? ยังมิรู้เลยว่าใครกันแน่ที่จะ
ร่างที่เดินออกมาจากฝูงชนนั้นมีท่าทางคุกคามยิ่งนักลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย นั่นคือสตรีที่นางเห็นในความทรงจำของอวี๋ตันเฟิ่งต่งอวิ๋นซิ่ว!โหยวเซียงดิ้นรนพลางเงยหน้ามองต่งอวิ๋นซิ่วด้วยดวงตาแดงก่ำ “ท่านแม่… เป็นความผิดของลูกเองที่ปล่อยให้พวกมันขึ้นเขามาได้”หากมิใช่เพราะลั่วชิงยวนรู้ทางลับของวัดร้างแห่งนั้น พวกนางคงไม่มีทางขึ้นเขามาได้ง่ายดายถึงเพียงนี้!ต่งอวิ๋นซิ่วมองด้วยความเจ็บปวดแล้วตวาดใส่ลั่วชิงยวน “ปล่อยลูกสาวข้าเดี๋ยวนี้! มิเช่นนั้นข้าจะทำให้พวกเจ้าตายเยี่ยงไร้ที่ฝัง!”ลั่วชิงยวนหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม “เมื่อคืนยังพยายามทำลายวิญญาณที่เหลือของอวี๋ตันเฟิ่งอยู่เลย วันนี้เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าศัตรูของเจ้าคือใคร?”“ใครกันแน่ที่จะตายแบบไร้ที่ฝัง ยังบอกมิได้หรอก”เมื่อได้ยินดังนั้น ต่งอวิ๋นซิ่วก็สะดุ้งเฮือก สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากท่าทางของนางดูตึงเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังพยายามซ่อนไว้ได้ดีนางมองลั่วชิงยวนอย่างใจเย็น แล้วกล่าวว่า “ในเมื่อพวกเจ้ามาถึงเมืองแห่งภูตผี ก็คงต้องการของล้ำค่าของเมืองแห่งภูตผีสินะ”“พวกเจ้าอยากได้อะไร ข้าสามารถให้เจ
นางปฏิเสธอย่างหนักแน่นลั่วชิงยวนกลับยกยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วค่อย ๆ ลุกขึ้น “พานางไปด้วย ไปวัดร้าง!”พวกเนางมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ โหยวเซียงดิ้นรนตลอดทาง แต่โฉวสือชีและคนใบ้จ้องมองทุกการกระทำของนางอย่างใกล้ชิด มิเปิดโอกาสให้นางหลบหนีไปได้แม้แต่น้อยเมื่อเดินไปได้ไกลมากพอสมควร เสียงไก่ขันยามรุ่งอรุณก็ดังขึ้นแล้วในที่สุดพวกเขาก็มาถึงวัดร้างแห่งนั้นในวัดร้างมีพระพุทธรูปที่เป็นซากปรักหักพังล้มลงบนพื้น ดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่มีใครมานานแล้วเมื่อมองหาอย่างละเอียดก็พบรอยเท้าบนพื้นลั่วชิงยวนมั่นใจยิ่งขึ้น นี่คือสถานที่ที่ถูกต้อง!โหยวเซียงจ้องมองทุกการกระทำของลั่วชิงยวนอย่างกระวนกระวาย เกรงว่าลั่วชิงยวนจะพบกลไกเข้าแต่ลั่วชิงยวนกลับสังเกตปฏิกิริยาของโหยวเซียง ค่อย ๆ เดินไปในแต่ละที่โดยอาศัยการสังเกตปฏิกิริยาโหยวเซียงสุดท้ายลั่วชิงยวนจึงเพ่งเล็งไปที่ผนังด้านหนึ่งแล้วเริ่มค้นหากลไกเสียงเปิดกลไกดังแกร๊กดังขึ้นประตูบานหนึ่งบนพื้นพลันเปิดออกหลังจากที่ลั่วชิงยวนเปิดประตูแล้วก็พบว่าด้านล่างยังมีประตูอีกบานหนึ่ง และบนนั้นก็มีกลไกเช่นกันแต่สำหรับลั่วชิงยวนแล้วเรื่องนี้ง่ายมากเมื่อประต
“เจ้ารีบอะไรนักหนา รอมาตั้งนานแล้ว รออีกสักหน่อยจะเป็นกระไร”เมื่อได้ยินดังนั้น อวี๋ตันเฟิ่งก็หยุดมือลั่วชิงยวนเดินเข้าไปคว้าตัวโหยวเซียงไว้ให้โฉวสือชีมัดนางไว้แน่นหนา จากนั้นจึงปลุกโหยวเซียงให้ฟื้นขึ้นมาเมื่อฟื้นคืนสติ โหยวเซียงก็จ้องหน้าลั่วชิงยวนเขม็งอย่างโกรธแค้น “เจ้ากล้าจับข้า เจ้าคอยดูเถอะว่าจะตายอย่างไร!”ลั่วชิงยวนย่อตัวลงนั่งตรงหน้านาง แล้วหัวเราะเบา ๆ “ใช่แล้ว ใครจะกล้าแตะต้องคุณหนูใหญ่เมืองแห่งภูตผีเล่า”“น่าเสียดาย เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้ บิดามารดาของเจ้าไปปล้นเขามา มิใช่ของพวกเขามาแต่เดิม ย่อมมิใช่ของเจ้าเช่นกัน”“ถึงเวลาคืนเจ้าของตัวจริงแล้ว”โหยวเซียงจ้องเขม็งนางอย่างโกรธแค้น “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร! เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้เป็นของบิดามารดาข้ามาแต่เดิม!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ประหลาดใจ “หรือว่าต่งอวิ๋นซิ่วมิได้บอกความจริงแก่เจ้า”“ก็ถูกแล้ว เรื่องน่าอับอายเช่นนี้ นางจะบอกลูกสาวได้อย่างไร”“เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้มิใช่เพียงถูกบิดามารดาเจ้ายึดมาเท่านั้น แต่ยังใช้วิธีการที่น่ารังเกียจในการยึดครองด้วย!”“เดาว่าจนถึงตอนนี้เจ้าก็คงยังมิรู้เลยว่าศัตรูของเจ้าคือผ
โหยวเซียงกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบลั่วชิงยวนมองไปที่อวี๋โหรว หลายวันมานี้อวี๋โหรวผอมซูบไปมาก“เจ้าจับตัวอวี๋โหรวมาเพื่อล่อข้ามาที่นี่รึ?”ลั่วชิงยวนหรี่ตามองโหยวเซียง“แต่เจ้ามิน่าจะมีความสามารถพอที่จะพาอวี๋โหรวออกจากวังหลวงไปได้”“เวินซินถงเป็นคนทำใช่หรือไม่?”“เจ้าทำข้อตกลงอะไรกับนางไว้?”โหยวเซียงหัวเราะเยาะ “อยากรู้รึ?”“คุกเข่าอ้อนวอนข้าสิ”“เจ้าอ้อนวอนข้า ข้าถึงจะบอกเจ้าว่าผู้ใดจับตัวอวี๋โหรวมา และผู้ใดร่วมมือกับข้าวางแผนให้เจ้ามาที่เมืองแห่งภูตผี”ลั่วชิงยวนมองท่าทีหยิ่งยโสของโหยวเซียงแล้วก็อดมิได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ นางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วถามว่า “ต่งอวิ๋นซิ่วมิมาด้วยรึ?”“เมื่อครู่นี้คนที่ต่อสู้กับข้าก็คือนางใช่หรือไม่?”เมื่อได้ยินน้ำเสียงเยาะเย้ยของลั่วชิงยวน โหยวเซียงก็โกรธจัด ในใจนางตกใจ ลั่วชิงยวนรู้แล้วหรือว่ามารดาของนางเป็นใคร“สารเลว!”นางบีบคออวี๋โหรวอย่างแรงเพื่อข่มขู่ลั่วชิงยวน “จะคุกเข่าหรือไม่?!”“ลั่วชิงยวน เจ้ามีโอกาสแค่ครั้งเดียว!”“หากเจ้ามิยอมคุกเข่ายอมจำนนแต่โดยดี ข้าจะหักคอนางเดี๋ยวนี้!”กล่าวจบ โหยวเซียงก็ออกแรงบีบบีบจนอวี๋โหรวหาย
ทันทีที่คนใบ้หันมาเห็นจึงรีบเข้ามาย่อตัวลงข้างนางแล้วช่วยประคองนางไว้ลั่วชิงยวนเช็ดเลือดที่มุมปาก ใบหน้าซีดเผือดกว่าเดิม“ข้ามิเป็นอะไร”นางเงยหน้าขึ้นมองอวี๋ตันเฟิ่งที่อยู่กลางอากาศ ในที่สุดจิตวิญญาณของนางก็สมบูรณ์แล้วบนใบหน้าซีดขาวนั้นปรากฏรอยยิ้ม รอยยิ้มนั้นทั้งพึงพอใจและเย่อหยิ่ง“ในที่สุดข้าก็ได้… เป็นอิสระแล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”อวี๋ตันเฟิ่งหัวเราะลั่น ทำเอาป่าทั้งผืนเกิดพายุโหมกระหน่ำคนใบ้รีบยกมือขึ้นช่วยลั่วชิงยวนปัดป้องฝุ่นและใบไม้ที่ปลิวว่อน......จู่ ๆ ต่งอวิ๋นซิ่วก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก จากนั้นหมดสติล้มลงบนพื้น“ท่านแม่!”โหยวเซียงตกใจ รีบเข้าไปประคองนาง “ท่านแม่! ท่านแม่! ท่านเป็นอะไรไป!”หลังจากตะโกนเรียกอยู่นาน มารดาของนางก็มิฟื้นโหยวเซียงโกรธจนกัดฟันพูด “ลั่วชิงยวน สารเลว!”“เจ้าคอยดูเถอะ!”......ผ่านไปครู่ใหญ่ อวี๋ตันเฟิ่งถึงจะสงบสติอารมณ์ลงได้ลมพายุในป่าก็สงบลงเช่นกันถูหมิงที่อยู่ข้าง ๆ จึงค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้ฉีเสวี่ยเวยที่ยังคงตกตะลึงมองภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ด้วยความมิอยากเชื่อ “เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น?”“ต่อไปพวกเราต้องทำอะไร?”ลั่วชิงยวน
คนของถูหมิงตายไปหมดแล้ว เหลือเพียงฉีเสวี่ยเวยเท่านั้นในขณะที่พวกเขาเดินทางไปยังถ้ำแห่งที่หกในคืนนั้นผลลัพธ์ที่ได้กลับน่าผิดหวังเพราะในถ้ำว่างเปล่า“ดูเหมือนว่าพวกเราจะมาช้าไปก้าวหนึ่ง”ถูหมิงขมวดคิ้ว “เหลืออีกหนึ่งชิ้น ทำอย่างไรดี? หรือว่าความพยายามทั้งหมดของเราจะสูญเปล่า?”พวกเขาวุ่นวายมาหลายวัน เดินทางไปเกือบทั่วทั้งภูเขาแล้วหากสมบัติหายไปเช่นนี้ เขาคงต้องฆ่าสตรีผู้นี้เป็นแน่!ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วครุ่นคิด แล้วกล่าวว่า “เหลืออีกหนึ่งชิ้นก็เหลืออีกหนึ่งชิ้น”“หาที่ปลอดภัยก่อน”จากนั้นพวกเขาก็มายังป่าที่ค่อนข้างสะอาด ไม่มีพุ่มไม้หรือวัชพืชหนาแน่นบนพื้นมากนัก ค่อนข้างโปร่งโล่งหีบทั้งห้าใบวางอยู่บนพื้นลั่วชิงยวนกล่าวว่า “เปิดหีบกันเถิด”ทันใดนั้นดวงตาของถูหมิงก็เป็นประกาย “เปิดได้หรือ?”เขาเห็นว่าบนหีบมีแต่อักขระสีเลือดปกคลุมอยู่ จึงยั้งมือไว้หลายครั้งแม้จะอยากเปิดก็ตามเมื่อได้ยินเช่นนี้จึงรีบเปิดหีบทันทีแต่เมื่อเปิดออกแล้ว ร่างกายของเขาก็แข็งทื่อไปศพ?!ทั้งยังเป็นศพที่ถูกชำแหละอีกด้วย?ฉีเสวี่ยเวยก็ตกใจกลัวลั่วชิงยวนกลับสงบสติอารมณ์ สั่งให้โฉวสือชีและคนใบ้ช่วย
“ใครกัน?!”ลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วตอบเสียงแผ่ว “ซูเซียง”“แต่ตอนนี้ควรเรียกนางว่าโหยวเซียง”“ภารกิจที่พวกเจ้าได้รับก็เป็นเพียงการละเล่นของนางเท่านั้น”“นางต้องการให้พวกเจ้าฆ่ากันเอง”และภารกิจหนังหน้าของหญิงงามที่ฉีเสวี่ยเวยได้รับ ก็คงเป็นการล่อลวงให้ฉีเสวี่ยเวยมาฆ่านางหากสามารถยืมมือคนอื่นฆ่าคนได้ โหยวเซียงก็มิจำเป็นต้องเปิดเผยตัวตนเพียงแต่โหยวเซียงคาดมิถึงว่าฉีเสวี่ยเวยจะฆ่านางมิได้ กระทั่งโหยวเซียงเองก็ฆ่านางมิได้“โหยวเซียงหรือ? นางเป็นคนของเมืองแห่งภูตผีแห่งนี้หรือ?” ฉีเสวี่ยเวยมองนางอย่างมิเชื่อสายตา“มิแปลกใจเลย… นางท้องแก่ถึงเพียงนั้นยังกล้ามาที่นี่ได้”ลั่วชิงยวนเห็นว่าใกล้รุ่งสางแล้ว จึงให้โฉวสือชีแก้เชือกที่มัดฉีเสวี่ยเวยไว้“ข้าจะยังมิฆ่าเจ้าตอนนี้”“มิว่าเรื่องที่เจ้ากล่าวมาจะเป็นจริงหรือไม่ก็มิสำคัญ ข้าก็มิกลัวว่าเจ้าจะไปบอกเรื่องนี้กับถูหมิง”“หากเจ้าไปบอก เรื่องเดียวที่จะเป็นผลเสียต่อพวกข้าก็คือต้องแบกหีบเพิ่มอีกมิกี่ใบ”“เพียงเท่านั้น”มิใช่เรื่องคอขาดบาดตายที่นางทำเป็นร่วมมือกับถูหมิง ก็เพียงต้องการใช้คนของเขาไปขวางทางศพชายที่ถูกผนึกไว้ในถ้ำ