เจียงอวี้มิรับรู้ความคิดของเถาลี่เลย นางยังรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ต้องให้เถาลี่ได้กลิ่นเเหม็นเช่นนี้ไปกับตนเองด้วยจากแนวคิดนี้ เจียงอวี้จึงเริ่มที่จะทำงานบ้านส่วนใหญ่ รีบยกน้ำมาทำความสะอาดห้องกับเตียงนางยังใส่ใจย้ายเตียงของเถาลี่ไปไว้ใกล้หน้าต่างอย่างรอบคอบเพื่อที่นางจะได้กลิ่นน้อยลงด้วย...วันรุ่งขึ้น การแข่งขันทางทหารเริ่มขึ้นแล้วผู้เข้าร่วมจากสี่แคว้นมารวมตัวกันที่จัตุรัสคฤหาสน์ตระกูลกวนปัจจุบันคฤหาสน์ตระกูลกวนเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชม บรรดาผู้มั่งคั่งในเมืองหลวงก็เดินทางด้วยรถม้ามาชมกันแต่เช้าในด้านหนึ่งพวกเขาอยากรู้ว่าการแข่งขันทางทหารเป็นเยี่ยงไร ในอีกทางหนึ่ง พวกเขาก็มาเพื่อให้กำลังใจกองทัพของฉินตะวันตกและส่งเสียงให้กำลังใจจัตุรัสที่สามารถรองรับคนได้หลายพันคนทำให้ผู้มั่งคั่งบางคนประหลาดใจกับความมั่งคั่งของตระกูลกวนแต่ตอนนี้จัตุรัสยังคงอยู่ แต่คฤหาสน์ตระกูลกวนบ้านแตกสาแหรกขาดไปแล้วทำให้คนที่รู้เรื่องวงในบางส่วนเศร้ามาก!เซียวหลินเทียน องค์ชายคัง องค์ชายเว่ย องค์ชายเย่ต่างพากลุ่มของตนมาเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าร่วมแข่งขัน เดิมทีองค์ชายรุ่ยก็สมัครเข้าร่วมด้วย แต่สุดท้า
จ้าวฮุยพ่อของจ้าวเจินเจินก็เห็นท่าทางของกลุ่มของเซียวหลินเทียน ในฐานะอัครเสนาบดี เขาชอบที่ฉินตะวันตกมีกลุ่มที่ทรงพลังเช่นนี้!แต่ในฐานะพ่อตาขององค์ชายคัง จ้าวฮุยยิ่งระมัดระวังเซียวหลินเทียนมากขึ้นไปอีกจากสี่กลุ่มจากฉินตะวันตกนั้น เซียวหลินเทียนกดอีกสามกลุ่มลงได้ทันทีที่พวกเขาออกมาตอนนี้จักรพรรดิอู่อันสนใจแต่กลุ่มของเซียวหลินเทียนเท่านั้น!แม้ว่าจ้าวฮุยจะระมัดระวัง แต่ก็ยังคงมีรอยยิ้มบนใบหน้า เขาพยักหน้าเล็กน้อยพลางเอ่ยชื่นชม“มิเลว ๆ ท่านอ๋องอี้ทำให้ฝ่าบาทมีหน้ามีตา! กระหม่อมเดิมพันได้เลยว่า พลังที่กลุ่มของท่านอ๋องอี้ปรากฏตัวในสนามนั้น สามแคว้นอื่น ๆ มิสามารถเทียบเทียมได้!”คำชื่นชมของจ้าวฮุยได้รับการเห็นด้วยจากขุนนางหลายคน“ใช่ ยังมิทันที่การแข่งขันจะเริ่มต้น พวกเราฉินตะวันตกก็ชนะกระบวนท่าแรกแล้ว!”จักรพรรดิอู่อันยิ้มจนตาหยี เซียวหลินเทียนทำให้ตนมีหน้ามีตาจริง ๆ!มีกลุ่มของท่านอ๋องอี้ที่ปรากฏตัวด้วยรูปลักษณ์ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ การปรากฏตัวของกลุ่มที่เหลือจากสามแคว้นจึงมิเป็นที่พอใจแล้วจะมองทางไหนก็ยังมิเท่ากลุ่มท่านอ๋องอี้การแข่งขันมีทั้งหมดสี่รายการ รายการแรกคือการแข่งข
หลิงอวี๋ตกใจ อาเจียนเป็นเลือด? นี่มันหนักมากนะ!“มิได้เชิญหมอหรือ?”หลิงอวี๋เอ่ยถามขณะเดินไปที่เตียง“เชิญแล้วเจ้าค่ะ วันนี้หมอต่งเข้าเวร เขาได้ตรวจไทเฮาแล้ว...”“พระชายาอ๋องอี้...”หมอหลวงที่ยืนอยู่ข้างเตียงขมวดคิ้วพลางเอ่ย “ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับอาการของไทเฮา แม่นมเว่ย เจ้ารีบส่งคนไปกราบทูลองค์จักรพรรดิเถิด!”“ตรวจแล้วหรือ? ไทเฮาทรงพระประชวรด้วยโรคอะไร? เหตุใดจึงกะทันหันนัก?”หลิงอวี๋เหลือบมองหมอต่ง เขาเป็นชายวัยสี่สิบกว่า รูปร่างสูงผอม และมีเคราแพะ“ชีพจรของไทเฮาผิดปกติ สติมิชัดเจน ดูเหมือนเลือดชะงักงัน แต่ก็ดูมิเหมือน ข้ามิสามารถบอกได้ว่านางเป็นโรคอะไร! พระชายาอ๋องอี้ท่านก็น่าจะทำมิได้เช่นกัน!”หมอต่งมองหลิงอวี๋พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม “พระชายาอ๋องอี้อย่าทรมานไทเฮาเลย รอให้องค์จักรพรรดิมาตัดสินพระทัยดีกว่า!”หลิงอวี๋มิสนใจเขา แล้วนั่งลงข้างเตียงเมื่อมิกี่วันก่อนยังเห็นไทเฮามีกำลังวังชาดี ตอนนี้ดูเหมือนชีวิตของนางแขวนอยู่บนเส้นด้ายเสียแล้วยังคงมีเลือดอยู่ตรงมุมปากของพระนางที่มิได้เช็ดออก ใบหน้าของพระนางก็ซีดเซียวราวกับกระดาษ ประกอบกับผมสีขาวยุ่ง ๆ
“ท่านเป็นคนพูดเองนะว่าหากเกิดอะไรขึ้นท่านจะรับผิดชอบ! ข้าก็เตือนไปแล้ว แต่ท่านยืนกรานที่จะดำเนินการตามแบบของตัวท่านเอง! หากเกิดอะไรขึ้นกับไทเฮา ท่านจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต!”หลังจากที่หมอต่งเอ่ยอย่างดุเดือดจบ ก็ก้าวออกไปหลิงอวี๋นั่งลงฉีดยาเข้าไปในร่างกายของไทเฮาแม่นมเว่ย ไป๋ซุ่ยและคนอื่น ๆ ต่างมองอย่างกังวลขันทีเฒ่าวัยหกสิบกว่ารออยู่ข้าง ๆ และมองอย่างเงียบ ๆหลิงอวี๋มิได้สังเกตว่า แม้ขันทีเฒ่าผู้นี้จะแก่แล้ว แต่กลับมีรูปร่างผอมเพรียวและมีพลัง ผมของเขาขาวไปหมดทั้งหัว และมีรอยย่นมากมายบนใบหน้า เขาหรี่ตาหดมือและเท้า และมองด้วยความระมัดระวังแต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมองโดยบังเอิญ ดวงตากลับมิได้ขุ่นมัวเหมือนคนแก่ทั่วไป แต่เป็นประกายอยู่หลังจากฉีดยาเข้าไปแล้ว มิกี่นาทีต่อมา ชีพจรของไทเฮาก็เริ่มกลับมาเป็นปกติ หลิงอวี๋ถอนหายใจโล่งอก แล้วเหลือบมองหมอต่งที่กำลังจ้องนางอย่างใกล้ชิด แล้วยิ้มอย่างเย็นชาพลางเอ่ย“หมอต่ง ข้ามิรู้ว่าตอนนี้ไทเฮาได้รับพิษชนิดใด แต่ตอนนี้ชีพจรของนางเริ่มเป็นปกติแล้ว มิเชื่อเจ้าก็เข้ามาดู ข้าเชื่อว่าอีกเดี๋ยวไทเฮาจะฟื้นขึ้นมา!”หมอตงมิได้จริงจังกับคำพูดของหลิงอวี๋ “พร
เถาจื่อรีบขวางหน้าหลิงอวี๋ทันทีเห็นได้ชัดว่าฮองเฮาเว่ยเตรียมพร้อมมาอย่างดี คนที่นำมาเป็นทหารและแม่ทัพชั้นยอดทั้งนั้นเลยเถาจื่อนั้นสองกำปั้นเอาชนะสี่มือได้ยาก พวกทหารหลายคนรุมเข้ามาก็จับนางไว้ได้ในทันทีหลิงอวี๋เห็นการโจมตีอย่างโหดเหี้ยมของลู่หยางที่มิสนใจว่าอยู่ในวังกันเลย เถาจื่อถูกเขาเหวี่ยงดาบใส่อย่างไร้ความปรานีในระหว่างการต่อสู้แม้ว่าเถาจื่อจะหลบอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังคงถูกดาบฟังเข้าที่แขน เลือดออกมาจนแขนเป็นสีแดงไปครึ่งหนึ่งทันที...“เถาจื่อ หยุด!”หลิงอวี๋มองออกแล้วว่า วันนี้ฮองเฮาเว่ยจงใจที่จะโยนความผิดมาไว้กับตน การต่อต้านรังแต่จะทำให้พวกของลู่หยางมีข้ออ้างที่จะฆ่าพวกนางไปก็เท่านั้นนางมิสามารถปล่อยให้เถาจื่อต้องเสียสละโดยมิจำเป็นได้!เถาจื่อเห็นคนของอีกฝ่ายกรูเข้ามาก็กังวลว่าจะทำร้ายหลิงอวี๋กับคนอื่น ๆ จึงหยุดแต่ลู่หยางกลับมิเกรงใจ เตะที่ขาเถาจื่อ ทำให้เถาจื่อคุกเข่าลงบนพื้นพวกกองทัพหลวงหลายคนจ่อมีดไปที่คอของเถาจื่อ“สารเลว เจ้ายังกล้าต่อสู้กับข้าอีกหรือ? หากกล้าก็มาสู้เลย! ลองดูว่าข้าจะฆ่าเจ้าหรือไม่!”ลู่หยางเอ่ยพลางเหวี่ยงดาบไปที่เถาจื่อหลิงอวี๋โกรธมากจน
“ฮองเฮา หลิงอวี๋ไม่มีทางวางยาไทเฮา! ไทเฮายังมิสิ้นพระชนม์ ขอเพียงท่านให้หม่อมฉันช่วยไทเฮาต่อ หม่อมฉันสามารถรักษาไทเฮาได้อย่างแน่นอน!”หลิงอวี๋มิอยากโต้เถียงอะไรกับนาง จึงเพียงแค่เอ่ยอย่างกังวล “อาการของไทเฮานั้นอันตรายมาก หากยังมิช่วยพระนาง ไทเฮาจะต้องสิ้นพระชนม์เป็นแน่เพคะ!”“หุบปาก!”จู่ ๆ ฮองเฮาเว่ยก็ยกมือขึ้นตบหน้าหลิงอวี๋อย่างแรง พลางตะคอก “เจ้าเป็นสตรีใจดำอำมหิต เจ้าวางยาพิษไทเฮาเอง ยังจะมาพูดว่าสามารถช่วยไทเฮาได้อีกรึ!”“ข้าว่าเจ้าก็แค่อาศัยฐานะพระชายามาเป็นคนนอกกฎหมาย เจ้าคิดว่าข้าจะจัดการเจ้ามิได้รึ?”“ใครก็ได้ ลากหลิงซวนออกไปฆ่าที!”ทันทีที่เอ่ยจบ กองทัพหลวงสองคนก็ลากหลิงซวนออกไปหลิงอวี๋เห็นแล้วใจสลายทันที ตนคือพระชายาอ๋องอี้ แม้ว่าจะมีความผิด ก็ต้องถูกส่งตัวไปที่พิจารณาคดีที่ราชสำนักฝ่ายในฮองเฮาเว่ยมิกล้าฆ่าตนง่าย ๆ นี่คือการเอาชีวิตของหลิงซวนกับคนอื่น ๆ มาบีบให้ตนยอมรับผิด!แต่จะยอมรับความผิดนี้ง่าย ๆ ได้เยี่ยงไร!หากยอมรับ ฮองเฮาเว่ยจะยิ่งใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้มาฆ่าตนได้!เมื่อถึงตอนนั้นมิเพียงแต่ตนจะตายเท่านั้น แต่หลิงซวนกับคนอื่น ๆ ก็จะตายด้วย!“หลิงอว
ฮองเฮาเว่ยโกรธจนหน้าบิดเบี้ยว เดิมทีวันนี้นางวางแผนมาอย่างดี ขอเพียงหลิงอวี๋ยอมรับผิดและลงนาม นางก็สามารถฆ่าหลิงอวี๋ได้แล้วไหนเลยจะคิดว่าเซียวหลินเทียนจะมา แล้วตอนนี้ชายชราท่านอ๋องเฉิงก็มาก่อกวนด้วยอีก ทั้งยังนำพระราชโองการขององค์จักรพรรดิมาด้วย!ฮองเฮาเว่ยแอบกัดฟัน แล้วตะโกนด้วยความโกรธ “ท่านอ๋องเฉิง ท่านมาทันเวลาพอดี หลิงอวี๋วางยาพิษสังหารไทเฮา ไทเฮามิไหวแล้ว!”“ท่านรีบไปกราบทูลองค์จักรพรรดิสิ ให้เขามาพบไทเฮาเป็นครั้งสุดท้าย!”“ใครว่าไทเฮาสิ้นหวังแล้ว! หม่อมฉันสามารถช่วยไทเฮาได้!”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างวิตกกังวล “ท่านอ๋องเฉิง หม่อมฉันมิได้สังหารไทเฮาเพคะ! ท่านให้หม่อมฉันช่วยไทเฮาเถิด หากถ่วงเวลาออกไปอีก จะช่วยไทเฮามิได้จริง ๆ!”ท่านอ๋องเฉิงโกรธจนหายใจติดขัด แล้วรีบไปข้างเตียง เห็นว่าไทเฮาเลือดอาบเต็มตัว และหายใจรวยรินแล้วเขาตะคอกอย่างรุนแรง “ออกไป… ไสหัวออกไปให้หมด ให้พระชายาอ๋องอี้ช่วยไทเฮา... “เมื่อฮองเฮาเว่ยได้ยินสิ่งที่ท่านอ๋องเฉิงพูดนางก็เอ่ยอย่างกังวล “ท่านอ๋องเฉิง หลิงอวี๋เป็นคนวางยาพิษไทเฮา! ท่านจะวางใจให้นางรักษาไทเฮาได้เยี่ยงไร!”“ปล่อยพระชายาอ๋องอี้!”ท่านอ๋
เซียวหลินเทียนเหลือบมองไทเฮาด้วยความกังวล แล้วเอ่ย “ข้าได้รับข้อความจากสุ่ยหลิง จึงไปถามขันทีเซี่ย ถึงได้รู้ว่าองค์จักรพรรดิมิรู้เรื่องนี้!”“ตอนนั้นข้ารู้สึกแปลก ๆ! ไทเฮากำลังทรงพระประชวรหนัก ด้วยนิสัยของฮองเฮาเว่ยแล้ว นางมิกล้าปกปิดองค์จักรพรรดิหรอก แต่นางกลับแค่ให้คนมาเชิญเจ้าไปเท่านั้น!”“ข้ากลัวว่าฮองเฮาจะทำอะไรมิดีกับเจ้า จึงรีบเชิญท่านอ๋องเฉิงไปขอพระราชโองการ!”ท่านอ๋องเฉิงพยักหน้า “จักรพรรดิได้ยินก็กังวล เดิมทีเขาจะมาด้วยตนเอง แต่การแข่งขันอยู่ในช่วงเวลาสำคัญ เขาจึงให้ข้ามาดูก่อน เมื่อการแข่งขันจบลงเขาจะรีบกลับมา!”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างขอบคุณ “โชคดีที่ท่านมาทันเวลา มิเช่นนั้นหลิงซวนคงตายแล้ว!”เซียวหลินเทียนมองรอยฝ่ามือบนใบหน้าของหลิงอวี๋ แล้วดวงตาก็เต็มไปด้วยความโกรธแม้ว่าหลิงอวี๋จะมิได้เล่าเรื่องทั้งหมด แต่เมื่อได้เห็นเหตุการณ์ในเวลานั้น มิต้องคิดก็รู้ว่าฮองเฮาเว่ยกำลังเตรียมที่จะใช้ชีวิตของหลิงซวนมาบีบให้หลิงอวี๋ยอมรับผิด!“ไปล้างหน้า จัดผมเผ้าเสีย ข้าจะเฝ้าไทเฮาเอง!”หลิงอวี๋เดินไปด้านข้าง แม่นมเว่ยก็รีบให้ไป๋ซุ่ยไปเอาน้ำมาให้หลิงอวี๋ล้าง“แม่นมเว่ย เมื่อคืนไทเฮาม
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี