จ้าวฮุยพ่อของจ้าวเจินเจินก็เห็นท่าทางของกลุ่มของเซียวหลินเทียน ในฐานะอัครเสนาบดี เขาชอบที่ฉินตะวันตกมีกลุ่มที่ทรงพลังเช่นนี้!แต่ในฐานะพ่อตาขององค์ชายคัง จ้าวฮุยยิ่งระมัดระวังเซียวหลินเทียนมากขึ้นไปอีกจากสี่กลุ่มจากฉินตะวันตกนั้น เซียวหลินเทียนกดอีกสามกลุ่มลงได้ทันทีที่พวกเขาออกมาตอนนี้จักรพรรดิอู่อันสนใจแต่กลุ่มของเซียวหลินเทียนเท่านั้น!แม้ว่าจ้าวฮุยจะระมัดระวัง แต่ก็ยังคงมีรอยยิ้มบนใบหน้า เขาพยักหน้าเล็กน้อยพลางเอ่ยชื่นชม“มิเลว ๆ ท่านอ๋องอี้ทำให้ฝ่าบาทมีหน้ามีตา! กระหม่อมเดิมพันได้เลยว่า พลังที่กลุ่มของท่านอ๋องอี้ปรากฏตัวในสนามนั้น สามแคว้นอื่น ๆ มิสามารถเทียบเทียมได้!”คำชื่นชมของจ้าวฮุยได้รับการเห็นด้วยจากขุนนางหลายคน“ใช่ ยังมิทันที่การแข่งขันจะเริ่มต้น พวกเราฉินตะวันตกก็ชนะกระบวนท่าแรกแล้ว!”จักรพรรดิอู่อันยิ้มจนตาหยี เซียวหลินเทียนทำให้ตนมีหน้ามีตาจริง ๆ!มีกลุ่มของท่านอ๋องอี้ที่ปรากฏตัวด้วยรูปลักษณ์ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ การปรากฏตัวของกลุ่มที่เหลือจากสามแคว้นจึงมิเป็นที่พอใจแล้วจะมองทางไหนก็ยังมิเท่ากลุ่มท่านอ๋องอี้การแข่งขันมีทั้งหมดสี่รายการ รายการแรกคือการแข่งข
หลิงอวี๋ตกใจ อาเจียนเป็นเลือด? นี่มันหนักมากนะ!“มิได้เชิญหมอหรือ?”หลิงอวี๋เอ่ยถามขณะเดินไปที่เตียง“เชิญแล้วเจ้าค่ะ วันนี้หมอต่งเข้าเวร เขาได้ตรวจไทเฮาแล้ว...”“พระชายาอ๋องอี้...”หมอหลวงที่ยืนอยู่ข้างเตียงขมวดคิ้วพลางเอ่ย “ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับอาการของไทเฮา แม่นมเว่ย เจ้ารีบส่งคนไปกราบทูลองค์จักรพรรดิเถิด!”“ตรวจแล้วหรือ? ไทเฮาทรงพระประชวรด้วยโรคอะไร? เหตุใดจึงกะทันหันนัก?”หลิงอวี๋เหลือบมองหมอต่ง เขาเป็นชายวัยสี่สิบกว่า รูปร่างสูงผอม และมีเคราแพะ“ชีพจรของไทเฮาผิดปกติ สติมิชัดเจน ดูเหมือนเลือดชะงักงัน แต่ก็ดูมิเหมือน ข้ามิสามารถบอกได้ว่านางเป็นโรคอะไร! พระชายาอ๋องอี้ท่านก็น่าจะทำมิได้เช่นกัน!”หมอต่งมองหลิงอวี๋พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม “พระชายาอ๋องอี้อย่าทรมานไทเฮาเลย รอให้องค์จักรพรรดิมาตัดสินพระทัยดีกว่า!”หลิงอวี๋มิสนใจเขา แล้วนั่งลงข้างเตียงเมื่อมิกี่วันก่อนยังเห็นไทเฮามีกำลังวังชาดี ตอนนี้ดูเหมือนชีวิตของนางแขวนอยู่บนเส้นด้ายเสียแล้วยังคงมีเลือดอยู่ตรงมุมปากของพระนางที่มิได้เช็ดออก ใบหน้าของพระนางก็ซีดเซียวราวกับกระดาษ ประกอบกับผมสีขาวยุ่ง ๆ
“ท่านเป็นคนพูดเองนะว่าหากเกิดอะไรขึ้นท่านจะรับผิดชอบ! ข้าก็เตือนไปแล้ว แต่ท่านยืนกรานที่จะดำเนินการตามแบบของตัวท่านเอง! หากเกิดอะไรขึ้นกับไทเฮา ท่านจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต!”หลังจากที่หมอต่งเอ่ยอย่างดุเดือดจบ ก็ก้าวออกไปหลิงอวี๋นั่งลงฉีดยาเข้าไปในร่างกายของไทเฮาแม่นมเว่ย ไป๋ซุ่ยและคนอื่น ๆ ต่างมองอย่างกังวลขันทีเฒ่าวัยหกสิบกว่ารออยู่ข้าง ๆ และมองอย่างเงียบ ๆหลิงอวี๋มิได้สังเกตว่า แม้ขันทีเฒ่าผู้นี้จะแก่แล้ว แต่กลับมีรูปร่างผอมเพรียวและมีพลัง ผมของเขาขาวไปหมดทั้งหัว และมีรอยย่นมากมายบนใบหน้า เขาหรี่ตาหดมือและเท้า และมองด้วยความระมัดระวังแต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมองโดยบังเอิญ ดวงตากลับมิได้ขุ่นมัวเหมือนคนแก่ทั่วไป แต่เป็นประกายอยู่หลังจากฉีดยาเข้าไปแล้ว มิกี่นาทีต่อมา ชีพจรของไทเฮาก็เริ่มกลับมาเป็นปกติ หลิงอวี๋ถอนหายใจโล่งอก แล้วเหลือบมองหมอต่งที่กำลังจ้องนางอย่างใกล้ชิด แล้วยิ้มอย่างเย็นชาพลางเอ่ย“หมอต่ง ข้ามิรู้ว่าตอนนี้ไทเฮาได้รับพิษชนิดใด แต่ตอนนี้ชีพจรของนางเริ่มเป็นปกติแล้ว มิเชื่อเจ้าก็เข้ามาดู ข้าเชื่อว่าอีกเดี๋ยวไทเฮาจะฟื้นขึ้นมา!”หมอตงมิได้จริงจังกับคำพูดของหลิงอวี๋ “พร
เถาจื่อรีบขวางหน้าหลิงอวี๋ทันทีเห็นได้ชัดว่าฮองเฮาเว่ยเตรียมพร้อมมาอย่างดี คนที่นำมาเป็นทหารและแม่ทัพชั้นยอดทั้งนั้นเลยเถาจื่อนั้นสองกำปั้นเอาชนะสี่มือได้ยาก พวกทหารหลายคนรุมเข้ามาก็จับนางไว้ได้ในทันทีหลิงอวี๋เห็นการโจมตีอย่างโหดเหี้ยมของลู่หยางที่มิสนใจว่าอยู่ในวังกันเลย เถาจื่อถูกเขาเหวี่ยงดาบใส่อย่างไร้ความปรานีในระหว่างการต่อสู้แม้ว่าเถาจื่อจะหลบอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังคงถูกดาบฟังเข้าที่แขน เลือดออกมาจนแขนเป็นสีแดงไปครึ่งหนึ่งทันที...“เถาจื่อ หยุด!”หลิงอวี๋มองออกแล้วว่า วันนี้ฮองเฮาเว่ยจงใจที่จะโยนความผิดมาไว้กับตน การต่อต้านรังแต่จะทำให้พวกของลู่หยางมีข้ออ้างที่จะฆ่าพวกนางไปก็เท่านั้นนางมิสามารถปล่อยให้เถาจื่อต้องเสียสละโดยมิจำเป็นได้!เถาจื่อเห็นคนของอีกฝ่ายกรูเข้ามาก็กังวลว่าจะทำร้ายหลิงอวี๋กับคนอื่น ๆ จึงหยุดแต่ลู่หยางกลับมิเกรงใจ เตะที่ขาเถาจื่อ ทำให้เถาจื่อคุกเข่าลงบนพื้นพวกกองทัพหลวงหลายคนจ่อมีดไปที่คอของเถาจื่อ“สารเลว เจ้ายังกล้าต่อสู้กับข้าอีกหรือ? หากกล้าก็มาสู้เลย! ลองดูว่าข้าจะฆ่าเจ้าหรือไม่!”ลู่หยางเอ่ยพลางเหวี่ยงดาบไปที่เถาจื่อหลิงอวี๋โกรธมากจน
“ฮองเฮา หลิงอวี๋ไม่มีทางวางยาไทเฮา! ไทเฮายังมิสิ้นพระชนม์ ขอเพียงท่านให้หม่อมฉันช่วยไทเฮาต่อ หม่อมฉันสามารถรักษาไทเฮาได้อย่างแน่นอน!”หลิงอวี๋มิอยากโต้เถียงอะไรกับนาง จึงเพียงแค่เอ่ยอย่างกังวล “อาการของไทเฮานั้นอันตรายมาก หากยังมิช่วยพระนาง ไทเฮาจะต้องสิ้นพระชนม์เป็นแน่เพคะ!”“หุบปาก!”จู่ ๆ ฮองเฮาเว่ยก็ยกมือขึ้นตบหน้าหลิงอวี๋อย่างแรง พลางตะคอก “เจ้าเป็นสตรีใจดำอำมหิต เจ้าวางยาพิษไทเฮาเอง ยังจะมาพูดว่าสามารถช่วยไทเฮาได้อีกรึ!”“ข้าว่าเจ้าก็แค่อาศัยฐานะพระชายามาเป็นคนนอกกฎหมาย เจ้าคิดว่าข้าจะจัดการเจ้ามิได้รึ?”“ใครก็ได้ ลากหลิงซวนออกไปฆ่าที!”ทันทีที่เอ่ยจบ กองทัพหลวงสองคนก็ลากหลิงซวนออกไปหลิงอวี๋เห็นแล้วใจสลายทันที ตนคือพระชายาอ๋องอี้ แม้ว่าจะมีความผิด ก็ต้องถูกส่งตัวไปที่พิจารณาคดีที่ราชสำนักฝ่ายในฮองเฮาเว่ยมิกล้าฆ่าตนง่าย ๆ นี่คือการเอาชีวิตของหลิงซวนกับคนอื่น ๆ มาบีบให้ตนยอมรับผิด!แต่จะยอมรับความผิดนี้ง่าย ๆ ได้เยี่ยงไร!หากยอมรับ ฮองเฮาเว่ยจะยิ่งใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้มาฆ่าตนได้!เมื่อถึงตอนนั้นมิเพียงแต่ตนจะตายเท่านั้น แต่หลิงซวนกับคนอื่น ๆ ก็จะตายด้วย!“หลิงอว
ฮองเฮาเว่ยโกรธจนหน้าบิดเบี้ยว เดิมทีวันนี้นางวางแผนมาอย่างดี ขอเพียงหลิงอวี๋ยอมรับผิดและลงนาม นางก็สามารถฆ่าหลิงอวี๋ได้แล้วไหนเลยจะคิดว่าเซียวหลินเทียนจะมา แล้วตอนนี้ชายชราท่านอ๋องเฉิงก็มาก่อกวนด้วยอีก ทั้งยังนำพระราชโองการขององค์จักรพรรดิมาด้วย!ฮองเฮาเว่ยแอบกัดฟัน แล้วตะโกนด้วยความโกรธ “ท่านอ๋องเฉิง ท่านมาทันเวลาพอดี หลิงอวี๋วางยาพิษสังหารไทเฮา ไทเฮามิไหวแล้ว!”“ท่านรีบไปกราบทูลองค์จักรพรรดิสิ ให้เขามาพบไทเฮาเป็นครั้งสุดท้าย!”“ใครว่าไทเฮาสิ้นหวังแล้ว! หม่อมฉันสามารถช่วยไทเฮาได้!”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างวิตกกังวล “ท่านอ๋องเฉิง หม่อมฉันมิได้สังหารไทเฮาเพคะ! ท่านให้หม่อมฉันช่วยไทเฮาเถิด หากถ่วงเวลาออกไปอีก จะช่วยไทเฮามิได้จริง ๆ!”ท่านอ๋องเฉิงโกรธจนหายใจติดขัด แล้วรีบไปข้างเตียง เห็นว่าไทเฮาเลือดอาบเต็มตัว และหายใจรวยรินแล้วเขาตะคอกอย่างรุนแรง “ออกไป… ไสหัวออกไปให้หมด ให้พระชายาอ๋องอี้ช่วยไทเฮา... “เมื่อฮองเฮาเว่ยได้ยินสิ่งที่ท่านอ๋องเฉิงพูดนางก็เอ่ยอย่างกังวล “ท่านอ๋องเฉิง หลิงอวี๋เป็นคนวางยาพิษไทเฮา! ท่านจะวางใจให้นางรักษาไทเฮาได้เยี่ยงไร!”“ปล่อยพระชายาอ๋องอี้!”ท่านอ๋
เซียวหลินเทียนเหลือบมองไทเฮาด้วยความกังวล แล้วเอ่ย “ข้าได้รับข้อความจากสุ่ยหลิง จึงไปถามขันทีเซี่ย ถึงได้รู้ว่าองค์จักรพรรดิมิรู้เรื่องนี้!”“ตอนนั้นข้ารู้สึกแปลก ๆ! ไทเฮากำลังทรงพระประชวรหนัก ด้วยนิสัยของฮองเฮาเว่ยแล้ว นางมิกล้าปกปิดองค์จักรพรรดิหรอก แต่นางกลับแค่ให้คนมาเชิญเจ้าไปเท่านั้น!”“ข้ากลัวว่าฮองเฮาจะทำอะไรมิดีกับเจ้า จึงรีบเชิญท่านอ๋องเฉิงไปขอพระราชโองการ!”ท่านอ๋องเฉิงพยักหน้า “จักรพรรดิได้ยินก็กังวล เดิมทีเขาจะมาด้วยตนเอง แต่การแข่งขันอยู่ในช่วงเวลาสำคัญ เขาจึงให้ข้ามาดูก่อน เมื่อการแข่งขันจบลงเขาจะรีบกลับมา!”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างขอบคุณ “โชคดีที่ท่านมาทันเวลา มิเช่นนั้นหลิงซวนคงตายแล้ว!”เซียวหลินเทียนมองรอยฝ่ามือบนใบหน้าของหลิงอวี๋ แล้วดวงตาก็เต็มไปด้วยความโกรธแม้ว่าหลิงอวี๋จะมิได้เล่าเรื่องทั้งหมด แต่เมื่อได้เห็นเหตุการณ์ในเวลานั้น มิต้องคิดก็รู้ว่าฮองเฮาเว่ยกำลังเตรียมที่จะใช้ชีวิตของหลิงซวนมาบีบให้หลิงอวี๋ยอมรับผิด!“ไปล้างหน้า จัดผมเผ้าเสีย ข้าจะเฝ้าไทเฮาเอง!”หลิงอวี๋เดินไปด้านข้าง แม่นมเว่ยก็รีบให้ไป๋ซุ่ยไปเอาน้ำมาให้หลิงอวี๋ล้าง“แม่นมเว่ย เมื่อคืนไทเฮาม
หลิงอวี๋เพิ่งจะพูดจบ ฮองเฮาเว่ยก็หัวเราะเยาะพลางเอ่ย “ยาแก้พิษที่ดีที่สุดหรือ? หลิงอวี๋ มันเป็นยาพิษที่เจ้าให้ไทเฮาเอง อย่าแสร้งทำเป็นว่าเจ้าล้างพิษให้กับไทเฮาเลย!”“องค์จักรพรรดิ เมื่อครู่หม่อมฉันถามแล้ว อาหารที่ไทเฮากินนั้นไม่มีอะไรผิดปกติ ทุกอย่างทำในครัวหลวง! มีเพียงยาบำรุงร่างกายที่หลิงอวี๋ให้ไทเฮาเท่านั้นที่มิได้รับการตรวจสอบ!”“แม่นมเว่ย เจ้าเอายาบำรุงร่างกายออกมาแล้วให้ถังถีเตี่ยนกับหมอต่งตรวจดูก็รู้!”หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนมองหน้ากัน ใบหน้ามืดมนลงจักรพรรดิอู่อันเหลือบมองหลิงอวี๋อย่างเย็นชาแล้วพยักหน้าเล็กน้อยแม่นมเว่ยจึงทำได้เพียงต้องหยิบยาบำรุงร่างกายออกมาถังถีเตี่ยนมากับองค์จักรพรรดิ เขารับยาจากแม่นมเว่ยแล้วนำไปให้หมอต่งตรวจดูหลิงอวี๋มิได้พูดอะไร แค่มองอย่างเย็นชาหมอหลวงทั้งสองตรวจดูอยู่พักหนึ่งแล้วจึงมารายงานถังถีเตี่ยนเอ่ย “องค์จักรพรรดิ กระหม่อมได้ตรวจสอบแล้วพบว่ายาบำรุงร่างกายนี้มีสารพิษอยู่ส่วนหนึ่ง มันคือมะเค็ดพ่ะย่ะค่ะ... “ยังมิทันที่ถังถีเตี่ยนจะพูดจบ ฮองเฮาเว่ยก็ตะโกนขึ้นมา “ฝ่าบาท ได้ยินหรือไม่เพคะ ถังถีเตี่ยนบอกว่ายาบำรุงร่างกายที่หลิงอวี
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี
ชีวิตนี้หาสหายรู้ใจได้ยากนัก!หลงเพ่ยเพ่ยยิ้ม นางก็รู้สึกว่าตนกับเย่หรงพูดคุยสื่อสารกันง่ายเช่นกันเย่หรงฉลาด ที่สำคัญที่สุดคือมิใช่บุรุษประเภทหัวโบราณคร่ำครึ มิเหมือนพวกพี่สามที่เอะอะก็วางตนเป็นผู้ใหญ่สั่งสอนนางเฮ้อ หากสามีในอนาคตของนางสามารถพูดคุยกันได้เหมือนเย่หรง เช่นนั้นสามีภรรยาจะมิรักใคร่กลมเกลียวกันมากหรอกหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยคิดแล้วพลันหน้าแดงเรื่อ นี่นางกำลังคิดฟุ้งซ่านอะไรอยู่!“พวกเรามาคิดกันก่อนดีกว่าว่าอีกประเดี๋ยวหากพบเสด็จย่าแล้วจะทำอย่างไรดี!”หลงเพ่ยเพ่ยมิกล้าคิดฟุ้งซ่านต่อไป รีบเปลี่ยนเรื่องคุย“ท่านกังวลว่าท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นจะก่อกวนหรือ?”เย่หรงก็ดึงความคิดกลับมา พวกเขาใกล้จะถึงภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้ว ต้องคิดหาข้ออ้างให้ดี“อืม ท่านหญิงชิงเฉิงมิใช่คนประเภทที่จะเจรจาด้วยง่าย ๆ ท่านหญิงอวิ๋นยังพอคุยง่ายอยู่บ้าง แต่ในเมื่อพวกนางรับคำสั่งจากชายาเจ้าแห่งทะเลมาเพื่อถ่วงเวลาเสด็จย่า ย่อมมิยอมให้ข้าบรรลุเป้าหมายแน่!”หลงเพ่ยเพ่ยเผยสีหน้าอมทุกข์เย่หรงพลันนึกถึงข่าวลือเกี่ยวกับท่านหญิงอวิ๋นขึ้นมา แม้ท่านหญิงอวิ๋นจะเป็นธิดาแท้ ๆ ของชายาเจ้าแห่งทะเล แต่ช่วงห
“โอ้ ใต้หล้านั้นแตกต่างจากใต้หล้าของพวกเราหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยถูกเย่หรงกระตุ้นความอยากรู้ จึงจ้องมองพลางถาม“อืม บ้านเรือนที่นั่นสูงเท่าภูเขา สูงที่สุดอาจถึงร้อยชั้นได้ ทั้งยังมีรถมากมายที่มิต้องใช้ม้าลาก วิ่งได้เร็วมาก!”เย่หรงเล่าให้หลงเพ่ยเพ่ยฟังไปเรื่อย ๆเมื่อพูดถึงเครื่องบินก็ทำให้หลงเพ่ยเพ่ยเบิกตากว้าง นางมองเย่หรงอย่างงง ๆ “เจ้าโกหกกระมัง จะมีเครื่องมือที่สามารถบรรทุกคนขึ้นไปบนฟ้าได้อย่างไร!”“มีจริง ๆ ข้ามิได้โกหกท่าน พี่หญิงหลิงหลิงจำได้มากกว่าข้าเสียอีก รอมีโอกาสให้นางเล่าให้ท่านฟัง ท่านก็จะเชื่อว่าข้ามิได้โกหกท่าน!”เย่หรงเริ่มตื่นเต้น “ท่านหญิง ท่านปู่มิได้บอกหรือว่าคันฉ่องคุนหลุนของตงกู่อวี้สามารถพลิกฟ้าคว่ำปฐพีได้?”“หากพวกเราได้คันฉ่องคุนหลุนมา มิต้องรอเวียนว่ายตายเกิด ข้าจะพาท่านไปดูใต้หล้านั้น! ท่านจะต้องชอบใต้หล้านั้นอย่างแน่นอน!”เย่หรงพูดจนหลงเพ่ยเพ่ยใจเต้นระรัว นางกล่าวออกไปโดยมิต้องคิด “ได้ เช่นนั้นรอพวกเราช่วยแดนเทพผ่านพ้นภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้ พวกเราหาคันฉ่องคุนหลุนเจอแล้วก็ไปด้วยกัน ไปดูใต้หล้าที่เจ้าพูดถึงกัน!”“ตกลงตามนี้!”เย่หรงยกมือขึ้น หลงเพ่ยเพ่
คนหนึ่งคือคนที่ตนรัก อีกคนคือสหายที่ดีที่สุดของตน!แต่พวกเขากลับร่วมมือกันหลอกลวงตน!หยางหงหนิงหันหลังเดินออกไปด้วยใบหน้าบึ้งตึง นางจะมิปล่อยชายชั่วหญิงโฉดคู่นี้ไปแน่!สิ่งที่นางมิได้มาครอบครอง ยอมทำลายทิ้งเสียดีกว่ายอมให้คนอื่นได้ไป!หยางหงหนิงกลับไปที่รถม้าของตน เค้นเสียงลอดไรฟันออกมาคำหนึ่ง “ไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์!”ด้านหน้า เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยต่างก็ร้อนใจดั่งไฟเผา ฮองเฮาเสด็จไปสองชั่วยามแล้ว พวกเขาจะตามทันพระนางหรือ?อีกทั้งต่อให้ตามทัน มีท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นอยู่ พวกนางต้องช่วยชายาเจ้าแห่งทะเลขัดขวางมิให้ฮองเฮาเรียกตัวหลิงอวี๋เข้าเฝ้าแน่“ท่านหญิง พวกเราจะไปทันหรือไม่? ชายาเจ้าแห่งทะเลจะลงมือกับพี่หญิงหลิงหลิงแล้วหรือไม่?”เย่หรงถามอย่างร้อนรนหลงเพ่ยเพ่ยก็ร้อนใจเช่นกัน หลิงอวี๋ยังรอให้นางช่วยชีวิตอยู่ แต่นางก็มิรู้ว่าจะสามารถทูลขอพระราชโองการจากฮองเฮาได้สำเร็จหรือไม่“พวกเราพยายามเต็มที่เถอะ! ขอเพียงตามเสด็จย่าทัน ต่อให้ข้าต้องคุกเข่าอ้อนวอนก็ต้องให้นางพาพี่หญิงหลิงหลิงออกมาให้ได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวปลอบใจเย่หรงเห็นหลงเพ่ยเพ่ยวิ่งวุ่นไปทั่วกับตนก็นับว่าพยายามเ
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร