ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่จับจ้องมาก็ได้เห็นโครงแปลก ๆ นั้นค่อย ๆ ยกสูงขึ้นทีละนิดหลังจากนั้นมินาน ก็ข้ามบันไดที่พาดอยู่บนกำแพงขึ้นไป และเผยอวี้ก็ปีนขึ้นไปก่อนอย่างคล่องแคล่ว เอาบันไดเสริมไปติดไว้บนกำแพงเมือง“พี่น้องทั้งหลาย ลุกมา! ทำให้พวกเขาเห็นว่าเราได้สร้างยุคใหม่ขึ้นแล้ว!”เผยอวี้มิสามารถควบคุมความตื่นเต้นของตนได้อีกต่อไป บันไดเช่นนี้เป็นสิ่งที่กลุ่มพวกเขาสร้างขึ้นอย่างเป็นเอกลักษณ์มิเหมือนใคร และล้ำหน้าทักษะการสร้างบันไดของแคว้นอื่นไปมาก!“ท่านอ๋องอี้ทรงทำดีมากพ่ะย่ะค่ะ/เพคะ!”บรรดาคนที่มาดูความคึกคักเหล่านั้นเห็นว่าบันไดของฉินตะวันตกวางอยู่บนกำแพงเมืองแล้วก็ส่งเสียงชอบใจกันดังสนั่นทันที“รีบขึ้นไปเร็วเข้า! เอาธงของเราไปปักไว้บนกำแพงเมืองเสีย!”จักรพรรดิอู่อันเห็นว่าบันไดของอีกสามแคว้นยังประกอบมิเสร็จ ครั้งนี้เซียวหลินเทียนต้องชนะอย่างแน่นอน เขาจึงยืนขึ้นอย่างตื่นเต้น รอให้ธงฉินตะวันตกปักบนกำแพงเมืองแสดงชัยชนะห้าต่อสาม หากวันพรุ่งชนะอีกหนึ่งรายการองค์ชายหนิงก็จะพ่ายแพ้แล้ว!แต่องค์ชายเว่ยกลับแอบยิ้มร้ายตอนนี้จักรพรรดิอู่อันตื่นเต้นมากแค่ไหน อีกประเดี๋ยวเมื่อคนของเซี
เผยอวี้กับอันเจ๋อยืนอยู่บนกำแพงเมือง นอกจากพวกเขาที่อยู่ในเขตปลอดภัยแล้ว ก็ไม่มีใครสังเกตเห็นเลือดที่ไหลลงมาที่แขนกับหน้าอกของเซียวหลินเทียนเลยเขาต้องใช้พลังใจอันน่าทึ่งเพื่อรองรับทหารเหล่านั้นมิให้ร่วงลงไปได้จักรพรรดิอู่อันกับองค์ชายเว่ยที่อยู่ห่างไกลมาก ๆ ก็ยิ่งไม่มีทางจะสังเกตเห็นเลยจักรพรรดิอู่อันเห็นว่ากลุ่มขององค์ชายหนิงปีนขึ้นไปบนกำแพงเมืองแล้วปักธงไว้บนกำแพงเมืองแล้วองค์ชายเว่ยก็ส่ายหน้าอย่างเสแสร้งแล้วทอดถอนใจพลางเอ่ย “น่าเสียดายจริง ๆ เกือบแล้วเชียว! เฮ่อ คิดว่าบันไดรูปแบบใหม่ของน้องสี่ในวันนี้ จะทำให้ฉินตะวันตกของเราชนะเสียอีก!”“คิดมิถึงเลยว่าจะพ่ายแพ้!”พรรคพวกขององค์ชายเว่ยใช้โอกาสนี้เอ่ยขึ้นมา “ก่อนหน้านี้หลี่ว์เซียงบอกว่า บันไดรูปแบบใหม่นี้ท่านอ๋องอี้เป็นผู้คิดขึ้นมา ยังมิได้ตรวจสอบเลย! เหตุใดท่านอ๋องอี้จึงทำเป็นเล่นเช่นนี้ นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวข้องถึงเมืองสองเมืองเชียวหนา มิได้ตรวจสอบก็ยังกล้านำออกมาแข่งขันอีกหรือ!”หลี่ว์เซียงมิสามารถโต้แย้งให้เซียวหลินเทียนได้แล้วเมื่อเผชิญกับความจริง มิว่าจะพูดจาโน้มน้าวเก่งแค่ไหนก็เห็นได้ชัดว่าไม่มีเรี่ยวแรงจะสู้!
กระทั่งหลิงอวี๋ทำการผ่าตัดให้ทหารเสร็จแล้วเดินออกมา เผยอวี้ก็ก้าวไปเอ่ยเสียงเบา “ท่านไปดูท่านอ๋องเถิด เขาได้รับบาดเจ็บแล้วมิยอมให้พวกเราพันแผลให้เขา แล้วไปนอนอยู่คนเดียวในรถม้าขอรับ!”หลิงอวี๋พยักหน้า แล้วเอาล่วมยาเดินไปที่รถม้าเมื่อเปิดม่านก็เห็นเซียวหลินเทียนนอนอยู่ เลือดบนท้องของเขาซึมมาถึงอาภรณ์ชั้นนอกของเขาแล้ว“นี่ท่านกำลังทำอะไรอยู่? แพ้มิเป็นหรือ?”หลิงอวี๋โกรธขึ้นมาทันทีแล้วดุเขาเสียงแข็ง “ท่านมิรู้หรือว่าเสียเลือดมากทำให้ตายได้? ท่านคิดว่าตัวท่านอยู่ยงคงกระพันเลือดออกได้โดยมิตายหรือไร!”เซียวหลินเทียนวางมือบนหน้าผาก มิสนใจฟังคำดุของหลิงอวี๋หลิงอวี๋ปีนขึ้นไปบนรถม้าอย่างมิพอใจ จากนั้นก็มิพูดพร่ำทำเพลงดึงมือเขาลงทันที “ถอดฉลองพระองค์ออกเถิดเพคะ หม่อมฉันจะพันผ้าพันแผลให้ท่าน!”“เซียวหลินเทียน หากท่านจะตำหนิว่าการออกแบบของหม่อมฉันมีข้อบกพร่อง ท่านก็ดุด่าหม่อมฉันได้เลย แต่อย่าทำลายตัวเองเช่นนี้เพคะ!”เซียวหลินเทียนเด้งตัวลุกขึ้นนั่งแล้วกอดหลิงอวี๋ไว้ในอ้อมแขน เขากอดนางไว้แน่น มิพูดอะไรสักคำแล้วก็วางหัวไว้บนไหล่ของหลิงอวี๋หลิงอวี๋ถูกกอดไว้แน่นจนหายใจมิออก แล้วนางก็ได้ยิน
หลังจากที่จ้าวฮุยได้ถ่ายทอดคำสั่งของจักรพรรดิอู่อันที่เรียกพบท่านอ๋องอี้กับพระชายาแล้ว เซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋ก็ทำได้เพียงต้องกลับไปที่วังก่อนเซียวหลินเทียนได้รับการปลอบโยนจากหลิงอวี๋ก็รู้สึกดีขึ้นมากแล้วแต่เมื่อเข้าไปในห้องทรงพระอักษร ก็เห็นใบหน้าที่มืดมนของจักรพรรดิอู่อันนอกจากนี้ยังมีรอยยิ้มเหยียดหยามที่ยิ้มข้างนอกแต่ข้างในมิได้ยิ้มขององค์ชายเว่ย เซียวหลินเทียนจึงรู้สึกกลัดกลุ้มอีกครั้ง“เซียวหลินเทียน หลิงอวี๋ พวกเจ้าได้คำมั่นสัญญาทางทหารไปแล้ว พวกเจ้าเห็นว่ามันเป็นเรื่องเล่น ๆ รึ?”จักรพรรดิอู่อันมิได้ให้ทั้งสองคนลุกขึ้นแล้วก็ดุด่าขึ้นมาเลย“บันไดใหม่ที่ยังมิได้ตรวจสอบ เจ้าก็กล้าเอาไปลองใช้ในสถานการณ์เช่นนี้หรือ พวกเจ้าเห็นว่าสองเมืองของข้าเป็นอะไร? คิดจะทำลายตามใจชอบเยี่ยงนี้รึ?”องค์ชายเว่ยรีบซ้ำเติมทันทีด้วยท่าทางเคียดแค้นชิงชัง“น้องสี่ เสด็จพ่อหวังในตัวเจ้าไว้สูงมาก! เห็น ๆ อยู่ว่าตามขั้นตอนแล้วพวกเจ้าเองก็มีโอกาสชนะเช่นกัน เหตุใดเจ้าจึงประมาทเช่นนี้เล่า!”ขุนนางพรรคพวกขององค์ชายเว่ยเองก็เอ่ยแปลก ๆ เช่นกัน “ฝ่าบาท กระหม่อมได้ยินว่า บันไดใหม่ของท่านอ๋องอี้ได้พระชาย
ทันทีที่การแข่งขันสิ้นสุดลง จ้าวฮุยก็พาองค์ชายคังไปดูเกวียนบรรทุกบันได เขาสงสัยมาก ๆ ว่าเหตุใดตอนหลังเซียวหลินเทียนจึงได้ตามเกวียนขององค์ชายหนิงทันเมื่อเห็นยางหุ้มที่ด้านนอกล้อ จ้าวฮุยก็ตกใจในฐานะที่เป็นอัครเสนาบดีที่มีความสามารถที่แท้จริง จ้าวฮุยจึงเข้าใจถึงความล้ำหน้าของล้อหุ้มยางเช่นนี้ได้เลยเขายังครุ่นคิดด้วยว่าจะดึงตัวช่างฝีมือที่ออกแบบยางหุ้มเช่นนี้ให้ไปอยู่ในมือขององค์ชายคังได้อย่างไรดี เช่นนี้ก็จะออกแบบของที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ยิ่งขึ้นให้กับองค์ชายคัง เพื่อเป็นการเพิ่มคะแนนที่จะแย่งชิงตำแหน่งองค์รัชทายาท!ความโกรธของจักรพรรดิอู่อันเบาบางลงไปบ้างแล้ว แม้ว่าท้ายที่สุดเซียวหลินเทียนจะพ่ายแพ้ แต่ตอนนั้นพวกเขาตามหลังอยู่ถึงเพียงนั้น พอเปลี่ยนยางหุ้มก็สามารถตามไปทัน มันก็เป็นการพิสูจน์ได้แล้วว่าล้อแบบใหม่นี้ดีแค่ไหนหากไปอยู่ในสนามรบจริง ๆ ทุก ๆ วินาทีที่ต้องต่อสู้ล้วนต้องทำเพื่อชัยชนะ เช่นนั้นคงจะมีประโยชน์มากทีเดียว!หลิงอวี๋แอบเห็นว่าสีหน้าของจักรพรรดิอู่อันดีขึ้นบ้างแล้ว จึงเอ่ยโดยที่เจือความน้อยใจและ “ความกลัว” ไปด้วย“เสด็จพ่อเพคะ ที่หลิงอวี๋คิดค้นล้อเช่นนี้ออกมาได้ก
“สามีภรรยากันเมื่อมีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ก็ต้องร่วมเผชิญพ่ะย่ะค่ะ! อาอวี๋ยอมถึงขั้นถูกตัดหัวต่อหน้าธารกำนัล ลูกมิให้นางต้องเผชิญเพียงลำพังหรอกพ่ะย่ะค่ะ! ลูกเองก็จะยอมรับโทษเหมือนกับที่หลิงอวี๋ยอม!”เซียวหลินเทียนมองเจตนาขององค์ชายเว่ยออกแต่ก็มิได้กลัว เขายืดหลังตรงแล้วมองตรงไปที่องค์จักรพรรดิอู่อัน“หากเสด็จพ่อไม่มีคำตำหนิอื่นแล้ว ลูกกับหลิงอวี๋ขอทูลลา พวกเรายังต้องกลับไปเตรียมการแข่งขันของวันพรุ่งอีกพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนพูดไปอย่างเยือกเย็นเช่นนี้ ทำให้จักรพรรดิอู่อันเองก็มิสะดวกที่จะตำหนิเขาแล้วการตัดหัวในที่สาธารณะนั้น เพราะเซียวหลินเทียนเป็นลูกชายของตน เขาจะกล้าร่วมกับทุกคนบีบให้ลูกตายหรือ?จักรพรรดิอู่อันมองลูกชายผู้นี้แล้วก็มีคาดหวังที่เต็มเปี่ยมขึ้นมาอีกครั้งชีวิตเป็นสิ่งล้ำค่า!การที่เซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋เอาชีวิตของตนมารับคำมั่นสัญญาทางทหารนั้นมิใช่เรื่องเล่น ๆ เช่นนั้นแล้วในการแข่งขันอีกสองรายการที่เหลือพวกเขาจะต้องทุ่มความสามารถทั้งหมดที่มีเพื่อชีวิตของตนอย่างแน่นอนหลังจากเดินออกมาจากห้องทรงพระอักษรแล้วเห็นแสงอาทิตย์ หลิงอวี๋ก็หยุดฝีเท้าไปทันทีแล้วหรี่ตามอง“
“เหตุใดจึงเดินไปทางนี้เล่า ออกจากวังต้องไปทางนี้สิ!”เซียวหลินเทียนเห็นว่าหลิงอวี๋เดินไปอีกทางจึงรีบตามไปคว้าตัวนางไว้“ไปเยี่ยมไทเฮากันเถิดเพคะ! ในวันพรุ่งล้วนเกิดสิ่งมิคาดฝันขึ้นได้ทั้งนั้น ถือโอกาสที่วันนี้ว่าง หม่อมฉันจะทำให้พระนางฟื้นขึ้นมาโดยเร็วที่สุดเพคะ!”มีเพียงแค่ไทเฮาต้องฟื้นขึ้นมาเท่านั้น จึงจะสามารถให้ความเป็นธรรมกับตนและเซียวหลินเทียนได้หลิงอวี๋กลัวว่าสิ่งมิคาดฝันที่เกิดขึ้นนั้นจะเป็นสิ่งที่ตนกับเซียวหลินเทียนควบคุมมิได้ หากจะมีคนช่วยเพิ่มมาอีกหนึ่งคนนางก็ไม่มีทางปล่อยโอกาสนี้ไปแน่นอน“ได้ ข้าว่าตามเจ้า!”สายตาของเซียวหลินเทียนเลื่อนลงไปที่ปากของหลิงอวี๋โดยมิรู้ตัว นางจูบตนเองแล้ว!เหอะ ๆ ...รางวัลเช่นนี้ยิ่งได้เยอะก็ยิ่งดี...สองวันมานี้หลิงซวนอยู่ในตำหนักของไทเฮาตลอด และมีขันทีเซี่ยคอยดูแลอยู่จึงไม่มีใครกล้าไปทำให้นางต้องเดือดร้อนเมื่อเห็นว่าหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนมา หลิงซวนก็ดีใจมาก พุ่งเข้าไปกอดหลิงอวี๋ทันที“อาจารย์ ข้าคิดถึงท่านมาก! คิดถึงท่าน… แล้วก็คิดถึงแม่นมกับเยวี่ยเยวี่ยด้วย เมื่อใดข้าจะได้กลับไปหรือ!”“รอให้ไทเฮาฟื้น และการแข่งขันจบลงก่อน แล
หลิงอวี๋มิอยากแหวกหญ้าให้งูตื่นจึงแสร้งทำเป็นมิเห็นสิ่งใด นางเลื่อนสายตาไปที่หน้าของไทเฮา แล้วทำหน้านิ่วคิ้วขมวด“พระชายาอ๋องอี้ พระอาการของไทเฮาเป็นอย่างไรเจ้าคะ? เมื่อใดพระนางจึงจะฟื้นขึ้นมา?”แม่นมเว่ยเห็นสีหน้าของหลิงอวี๋แล้วก็ใจเต้น จึงเอ่ยถามอย่างรีบร้อนหลิงอวี๋ยิ้มขมขื่นแล้วส่ายหน้าพลางเอ่ย “การหายใจและการเต้นของหัวใจไทเฮาเป็นปกติมาก ๆ แต่ข้าเองก็มิรู้ว่าเหตุใดพระนางจึงยังมิฟื้นขึ้นมา! หรือเพราะไทเฮามีพระชนมายุมากแล้ว เมื่อถูกยาพิษเข้าไปจึงได้รับบาดเจ็บไปถึงหัวใจและปอดด้วย!”“หา… พระชายาอ๋องอี้จะหมายความว่า… ไทเฮาอาจจะบรรทมไปเช่นนี้… แล้วจากไปเลยหรือเจ้าคะ?”แม่นมเว่ยน้ำตาร่วงลงมา ร่างกายก็สั่นเทาแล้วล้มหงายหลังลงไป...“แม่นมเว่ย!”หลิงอวี๋กับหลิงซวนรีบเข้าไปประคองแม่นมเว่ยพร้อม ๆ กัน แต่แม่นมเว่ยกลับล้มลงไปที่ตัวของไป่ซุ่ยไป่ซุ่ยจึงกอดแม่นมเว่ยเอาไว้โดยมิรู้ตัว“แม่นมเว่ย เจ้าเป็นเยี่ยงไรบ้าง?”หลิงอวี๋รู้สึกว่าแม่นมเว่ยคว้าแขนเสื้อของตนเองเอาไว้เล็กน้อย พอเงยหน้ามองก็เห็นว่าแม่นมเว่ยหลับตาสนิท นางจึงใจเต้นพลางเอ่ย“หลิงซวน ไป่ซุ่ย พวกเจ้าสองคนประคองแม่นมไปข้างนอกก
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี