ログインหลิงอวี๋และฟางเจ๋อนำหน้าไป ออกจากค่ายทหารแล้วก็พลันควบม้าอย่างบ้าคลั่งทันทีฟางเจ๋อได้รู้จากปากของหลิงอวี๋ว่า หยางรั่วหลานถูกเจี่ยงชิงจับไป และยังรู้อีกด้วยว่าที่หยางรั่วหลานสลบไสลมิได้สติเป็นเพราะถูกหลงซู่และเจี่ยงชิงทำร้ายฟางเจ๋อพูดด้วยความขุ่นเคืองเต็มอก “รั่วหลานเป็นถึงคู่หมั้นของหลงซู่ เขากล้าทำเรื่องโหดเหี้ยมเยี่ยงนี้ได้ นี่มันเดรัจฉานชัด ๆ!”“ท่านป้าคงมิทราบเรื่องนี้กระมัง หากนางทราบ ย่อมมิเห็นด้วยเป็นแน่!”มารดาของฟางเจ๋อเป็นญาติกับพระชายาอ๋องจิ้นมารดาของอ๋องซู่ ซึ่งหลิงอวี๋ทราบเรื่องนี้ดีหลิงอวี๋เอ่ยเสียงเรียบ “หลงซู่กระทำเรื่องพวกนี้ย่อมมิได้บอกใครที่ไหนหรอก หากพระชายาอ๋องจิ้นมิรู้ก็คงมิแปลกกระไร”“แต่หากพระชายาอ๋องจิ้นมิรู้ว่าเจี่ยงชิงเป็นสตรี เช่นนั้นก็โกหกแล้วกระมัง!”คนเป็นมารดาย่อมรู้จักลูกชายของตัวเองดีที่สุด บุตรชายมีสตรีข้างกาย พระชายาอ๋องจิ้นจะมิรู้ได้อย่างไรกันเล่า!ทว่าพระชายาอ๋องจิ้นมิได้กล่าวถึงเรื่องนี้กับของฮูหยินหยางเลย พระชายาอ๋องจิ้นผู้นี้เห็นแก่ตัวอย่างยิ่ง หลิงอวี๋จึงมิคิดว่านางจะตัดสินเรื่องนี้อย่างยุติธรรมเมื่อคณะของพวกเขามาถึงค่ายทหารของแม่ท
หลิงอวี๋สูดดมควันลวงพิษเข้าไปจนรู้สึกอึดอัดมิสบาย นางจึงรีบหยิบโอสถล้างพิษมากินแล้วจึงกลับมาดูอาการของหลิงหว่านหลิงหว่านหมดสติไป ที่ริมฝีปากมีฟองขาวเล็กน้อยหลิงอวี๋ป้อนโอสถล้างพิษแก่นางเม็ดหนึ่งฟางเจ๋อเห็นควันลวงพิษยังลอยอยู่ในอากาศ จึงถามด้วยความกังวล “ฮองเฮาหลิง ควันลวงพิษนี้จะหายไปเมื่อไร? หากถูกลมพัดกระจายออกไป จะมิเท่ากับว่าทหารทั้งค่ายจะต้องได้รับผลกระทบหรือ?”หลิงอวี๋เงยหน้าขึ้นมอง เห็นว่าควันลวงพิษมิได้หนาแน่นเหมือนเมื่อครู่แล้ว ทั้งยังหยุดการแพร่กระจายอีกด้วยนางกล่าวอย่างใจเย็น “อย่าได้กังวล ควันลวงพิษของเจี่ยงชิงจะหายไปในมิช้า สารพิษในนั้นจะตกลงสู่พื้น ท่านให้ทหารหาปูนขาวมาโรยทั่วบริเวณนี้ ก็จะมิเป็นอันตรายต่อทหารแล้ว!”หลังแม่ทัพฟางได้รับคำชี้แนะจากหลิงอวี๋ จึงรีบสั่งให้รองแม่ทัพนำทหารไปหาปูนขาวโดยเร็วหลิงหว่านกินโอสถล้างพิษไป มินานก็ฟื้นขึ้นมาเมื่อเห็นหลิงอวี๋เฝ้าอยู่ข้าง ๆ หลิงหว่านก็กล่าวอย่างละอายใจว่า “ข้านี่ช่างไร้ประโยชน์จริง ๆ ทำให้ท่านลำบากแล้ว!”หลิงอวี๋ยิ้ม “กล่าวอะไรเช่นนั้น เจ้าเพียงแค่ไม่มีประสบการณ์ วิ่งช้าก็มิใช่ความผิดของเจ้าหรอก!”“อีกอย่าง
ฟางเจ๋อถึงแม้จะอยากได้อสรพิษแปลงกาย แต่เขาก็รู้ดีว่าทั้งตัวมันเต็มไปด้วยพิษ หากสัมผัสโดนก็จะตายทันทีไหนเลยเขาจะกล้ารับมันไว้เล่า!ฟางเจ๋อเห็นหลิงอวี๋เตะอสรพิษแปลงกายใส่เขา อสรพิษแปลงกายได้ยืดตัวขึ้นทันที แล้วกระโจนเข้าใส่ตัวเขาฟางเจ๋อตกใจจนตัวโยนเหินถอยหลังไปเจี่ยงชิงผิวปาก อสรพิษแปลงกายจึงหันไปพุ่งใส่หลิงอวี๋อีกครั้ง“หึ! มีแต่เจ้าที่มีสัตว์เทพหรือ คิดจะดูถูกใครกัน!”หลิงอวี๋แผดเสียงแหลมครั้งหนึ่ง แล้วในมิกี่วินาทีให้หลัง เงาร่างสีขาวรวดเร็วดุจสายฟ้าแลบก็กระโจนออกมาจากที่ไหนสักแห่งฟางเจ๋อและเหล่าผู้บังคับบัญชาต่างตกใจสะดุ้งเฮือกกันไปหมดเห็นเพียงร่างนั้นส่งเสียงคำรามโฮกยาวแล้วพุ่งเข้าใส่อสรพิษแปลงกายอย่างรวดเร็วมันคือเสือดาวหิมะตัวหนึ่ง ดวงตาของมันข้างหนึ่งสีดำและข้างหนึ่งสีขาว“ปู้ติง ห้ามฆ่ามันนะ จับมันไว้ ข้าจะส่งให้ผู้อื่น!”หลิงอวี๋กำชับขึ้นหนึ่งครั้งเจี่ยงชิงเห็นเสือดาวหิมะพุ่งไปแล้วคำราม อ้าปากแล้วกัดเข้าที่หางของอสรพิษแปลงกายอสรพิษแปลงกายพลิกตัวกลับ แลบลิ้นฉีดพิษใส่เสือดาวหิมะเจี่ยงชิงพลันหัวเราะขึ้น “เสี่ยวเฮยของข้าทั่วทั้งตัวเต็มไปด้วยพิษ พิษในเมือกที่ต
ครั้งแรกฟางเจ๋อสามารถหลบหนีเงื้อมมือพิฆาตของเจี่ยงชิงได้ แต่ครานี้กลับมิโชคดีเช่นนั้นแล้ว...วรยุทธ์ของเขาและเจี่ยงชิงนั้นอยู่กันคนละดินแดนกัน จะให้เขาหลบพ้นได้อย่างไร!“หยุดนะ”“รับไปซะ...”เสียงตวาดด้วยความโกรธสองเสียงดังขึ้นพร้อมกันในลานแห่งนั้นแม่ทัพฟางที่เพิ่งออกมายังอยู่ไกล เมื่อเห็นดังนั้นจะรีบไปก็มิทันแล้ว เขาจึงตะโกนลั่นด้วยความร้อนใจส่วนเสียงคำว่ารับไปซะนั้นเป็นเสียงของหลิงอวี๋ที่ตะโกนออกมาพร้อมกับเสียงนั้น ร่างของหลิงอวี๋ก็ทะยานจากกลางอากาศลงมา นางก็ทำเช่นเดียวกับเจี่ยงชิง เปลี่ยนฝ่ามือเป็นกรงเล็บกลางอากาศทันที แล้วตะครุบเข้าใส่แผ่นหลังของเจี่ยงชิงหากเจี่ยงชิงยังคงยืนกรานจะลงมือกับฟางเจ๋อ เช่นนั้นแผ่นหลังของนางก็ย่อมเปิดโล่งให้หลิงอวี๋จู่โจมเจี่ยงชิงเองก็สัมผัสได้ถึงแรงกำลังมหาศาลที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วจากด้านหลังเช่นกันนางลังเลอยู่ในใจครู่หนึ่ง แต่ยังคงตะครุบเข้าใส่ฟางเจ๋ออย่างมิคิดถึงผลที่จะตามมาวรยุทธ์ของหลิงอวี๋ด้อยกว่านาง เพียงนางจับตัวฟางเจ๋อไว้ได้ แม้ตนจะบาดเจ็บบ้างก็ยังถือว่าเป็นฝ่ายกุมความได้เปรียบไว้ในมือไฉนเลยจะคาดคิดว่าความเปลี่ยนแปลงจะเกิดข
รองแม่ทัพตะโกนอยู่หลายประโยค ถึงเห็นฟางเจ๋อสวมเกราะเต็มยศนำทหารสิบกว่านายเดินออกมาพวกเขายืนอยู่ภายในด่านตรวจ ฟางเจ๋อหัวเราะอย่างเย็นชา “อ๋องซู่เกณฑ์ให้เราไปยอดเขาเกาหลิ่งด้วยเหตุอันใดหรือ?”เจี่ยงชิงก้าวออกมาขมวดคิ้วกล่าว “ฟางเจ๋อ คำสั่งก็คือคำสั่ง เจ้าเพียงแค่ต้องปฏิบัติตาม ไหนเลยเจ้าจะมีสิทธิ์มาตั้งคำถามถึงเหตุผลของอ๋องซู่ได้!”“อีกอย่าง เจ้าได้ออกจากกองทัพไปแล้ว มิได้มีสิทธิ์มาตั้งคำถามต่ออ๋องซู่ พวกเจ้าจงกลับไปเรียกแม่ทัพออกมาพูดคุยเสีย!”ฟางเจ๋อเหลือบตามองเจี่ยงชิงด้วยความดูแคลน แล้วยิ้มเยาะ “ข้าเพียงพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน ออกจากกองทัพตั้งแต่เมื่อใดกัน?”“เจี่ยงชิง เมื่อพบกับบิดาข้า แม้แต่อ๋องซู่ยังต้องให้ความเคารพถึงสามส่วน แล้วเจ้าซึ่งเป็นชายมิใช่หญิงมิเชิงเช่นนี้ มีสิทธิ์อันใดมาตะโกนเอะอะในค่ายของพวกเรา!”เจี่ยงชิงเริ่มหงุดหงิด ทางอ๋องซู่ยังรอการสนับสนุนอยู่ ไฉนฟางเจ๋อผู้นี้กลับมาพูดจาเหลวไหลอยู่ที่นี่ นี่กำลังถ่วงเวลากระนั้นหรือ?“ฟางเจ๋อ รีบเรียกแม่ทัพฟางออกมาเสีย มิฉะนั้นข้าจะสังหารเจ้าที่ทำให้การศึกล่าช้า!”เจี่ยงชิงตวาดเสียงกร้าวฟางเจ๋อหัวเราะหึหึ ก่อนชี้หน้าด่า
“ท่านพ่อ ข้าจะไปกับท่านด้วย!”ฟางเจ๋อกดความปีติยินดีในใจไว้ เขาจะได้รับการรักษาแล้ว!แม้หลิงอวี๋จะรักษาเขามิได้ แต่คำพูดของหลิงหว่านเมื่อครู่นั้นก็เพียงพอให้เขาตัดสินใจกลับตัวกลับใจ ละทิ้งบาดแผลในใจ และกลับคืนสู่ครอบครัวอีกครั้งแล้วเมื่อเขาเห็นเส้นผมสีขาวที่ขมับของบิดา ก็ให้สัตย์สาบานว่าจะมิทำให้บิดาต้องเจ็บปวดใจอีก และจะมิทำให้บุตรของตนต้องผิดหวังในตัวบิดาเช่นเขาอีกแล้วแม่ทัพฟางมองฟางเจ๋อที่ตามมา ในใจปนเปไปด้วยความรู้สึกหลากหลายถ้อยคำที่หลิงหว่านตักเตือนฟางเจ๋อนั้นเขาได้ยินอยู่ข้างนอกทั้งหมดคำพูดเหล่านั้นเป็นสิ่งที่เขามิกล้าด่าว่าฟางเจ๋อเอง เกรงว่าจะกระตุ้นให้ฟางเจ๋อคิดสั้นหาทางตายไปจริง ๆ!แต่เมื่อมีผู้อื่นกล่าวแทนเขา อีกทั้งยังทำให้บุตรได้สติกลับคืนมาในฉับพลัน สิ่งนี้ทำให้แม่ทัพฟางรู้สึกขอบคุณหลิงหว่านเป็นอย่างยิ่ง! เมื่อเห็นบุตรชายกลับมามีความมั่นใจอีกครั้ง และเต็มใจที่จะร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับตน แม่ทัพฟางจะมิปลื้มใจได้อย่างไร! “ดี ไปด้วยกัน...”เพียงได้ยินคำนี้จากฟางเจ๋อ แม่ทัพฟางก็มิเสียใจเลยที่ได้ยอมสวามิภักดิ์ต่อหลิงอวี๋เห็นฟางเจ๋อฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง หยา







