แม้ว่าสิ่งที่ฉินซานพูดมาจะสมเหตุสมผล แต่จ้าวซวนก็ยังค่อนข้างสงสัยอยู่บังเอิญถึงเพียงนี้เชียวหรือ?ฉินซานเพิ่งจะมาถึงวัดประจำตระกูล อิงเหนียงพามือสังหารมาแล้ว หรือว่าคิดจะใช้กำลังคนที่มีมากมาควบคุมฉินซาน?ฉินซานคิดว่า พูดไปชัดเจนแล้วจึงเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง “ท่านอ๋องเป็นอย่างไรบ้าง?”“อีกอย่าง พวกเจ้ามาได้อย่างไร? ดีที่พวกเจ้ามา มิเช่นนั้นคืนนี้ข้าก็จะต้องเป็นศพอยู่ที่นี่แล้ว!”“ท่านอ๋องกำลังติดตามอิงเหนียงอยู่ รู้ว่านางออกจากตำหนักองค์ชายเว่ย พวกเราจึงตามมา!”จ้าวซวนเห็นว่าถามแล้วไม่มีอะไรน่าสงสัยจึงเอ่ย “กลับไปก่อนเถิด! เจ้าได้รับบาดเจ็บ อาการของท่านอ๋องก็มิดี หากมือสังหารกลับมากันมากขนาดนั้นอีก พวกเราจะต้องเป็นศพอยู่ที่นี่แน่!”กระทั่งลู่หนานขี่ม้ามาถึงที่ตีนเขาแล้วเอารถม้าไปหนึ่งคัน จากนั้นพวกเขาก็แบกเซียวหลินเทียนขึ้นรถม้า ให้ฉินรั่วซือกับฉินซานที่ได้รับบาดเจ็บหนักนั่งข้างบนเช่นกัน แล้วพวกเขาก็กลับเข้าในเมืองหลิงอวี๋ถูกหานเหมยปลุกขึ้นมาในระหว่างที่กำลังหลับ จึงได้รู้ว่าเซียวหลินเทียนออกไปแล้วถูกงูพิษกัดนางรีบสวมอาภรณ์แล้ววิ่งออกมาที่โถงด้านหน้า เซียวหลินเทียนกับฉินรั่วซื
ฉินรั่วซือลืมตาขึ้นมาก็เห็นว่าไม่มีคนอื่นอยู่ในห้องนอกจากสาวใช้นางจึงเอ่ยถามอย่างมิสบายใจ “อิงเหนียง เจ้าแน่ใจจริง ๆ หรือว่าเซียวหลินเทียนจะฟังที่ข้าพูด?”นางรับใช้ก็คืออิงเหนียงที่ปลอมตัวมานั่นเอง อิงเหนียงผู้นี้ก็คือชิวเหวินอิงที่หนีออกไปจากตำหนักอ๋องอี้ในตอนแรกนางเอ่ยอย่างมั่นใจ “ข้าได้ให้กู่ดูดวิญญาณกับกู่ใจเดียวกันกับเจ้าไปแล้ว ตอนนี้เขากับเจ้ามีใจดวงเดียวกันแล้ว เจ้าอยากให้เขาทำสิ่งใดเขาก็จะมิปฏิเสธ!”ฉินรั่วซือยังคงรู้สึกค่อนข้างมิอยากจะเชื่ออยู่เลย แต่ตนก็ถูกอิงเหนียงวางพิษกู่เช่นกัน นางรู้ถึงความร้ายกาจของอิงเหนียงดี อิงเหนียงพูดอย่างมั่นใจถึงเพียงนี้ นางมิเชื่อก็ต้องเชื่อแล้ว“รอฟ้าสางแล้วเจ้าไปหยั่งเชิงเซียวหลินเทียนดู ลองดูผลลัพธ์ เจ้าบอกไปว่าเจ้าจะอยู่ดูแลเขา เขาไม่มีทางปฏิเสธแน่!”อิงเหนียงหัวเราะเยาะพลางเอ่ย “จากนั้น ตอนที่ไม่มีใครอยู่ข้าง ๆ เจ้าก็ให้เขาไปที่ราชสำนักฝ่ายในแล้วช่วยให้มือสังหารเหล่านั้นออกมา!”ฉินรั่วซือตะลึง นิ่งไปสักพักแล้วจึงเอ่ย “เจ้าก็จะไปจากตำหนักองค์ชายเว่ยแล้ว เหตุใดยังต้องช่วยองค์ชายเว่ยเล่า?”“มือสังหารเหล่านั้นท่านอ๋องอี้จับตัวมาอย่างย
เซียวหลินเทียนทำเหมือนมิได้ยินคำพูดของหลิงอวี๋เลย เขายันตัวจะลุกขึ้นอีก แต่เมื่อออกแรงก็รู้สึกว่าพื้นหมุนแล้วก็เป็นลมไปหลิงอวี๋เห็นเซียวหลินเทียนล้มไปอีกครั้งก็รู้สึกประหลาดใจ สมรรถภาพร่างกายเซียวหลินเทียนมิได้แย่ถึงเพียงนั้นมิใช่หรือ?เหตุใดเคลื่อนไหวเล็กน้อยเช่นนี้ก็เป็นลมไปแล้วเล่า!นางรีบจับชีพจรเซียวหลินเทียน ชีพจรเต้นค่อนข้างเร็ว แต่นอกจากนี้ก็ไม่มีอะไรแปลกแล้วหรือว่าพิษมันแรงเกินไป ถึงได้ทำให้อ่อนแอเช่นนี้!หลิงอวี๋ดึงผ้าห่มให้เซียวหลินเทียนดี ๆ แล้วนอนลงข้าง ๆ นางมิได้ใส่ใจฉินรั่วซือเลย ฉินรั่วซือเป็นเพียงสตรีตัวเล็ก ๆ ที่จะว่างดงามก็มิใช่ จะว่ามีสติปัญญาก็มิใช่ เซียวหลินเทียนจะไปชอบนางจริง ๆ ได้เยี่ยงไรแต่มินานหลิงอวี๋ก็จะรู้ว่าตนเองผิดแล้ว!วันรุ่งขึ้น หลิงอวี๋ตื่นมาเซียวหลินเทียนก็หายไปแล้ว บุรุษผู้นั้นหายดีแล้วหรือ?เซียวหลินเทียนเคยชินกับการไปออกกำลังกายในวันที่มิต้องเข้าราชสำนักในตอนเช้า หลิงอวี๋จึงคิดว่าเขาไปออกกำลังกายหลังจากนางลุกขึ้นมาอาบน้ำแล้วก็ไปกินอาหารเช้ากับหลิงเยวี่ยช่วงนี้หลิงเยวี่ยได้เจอหลิงอวี๋น้อยมาก เมื่อเห็นหลิงอวี๋ปากเล็ก ๆ นั้นก็บ่น
ว่ากระไรนะ?ใจของหลิงอวี๋กระตุกไปครู่หนึ่ง แล้วเบิกตาโตอย่างมิอยากจะเชื่อเซียวหลินเทียนจะให้ฉินรั่วซืออยู่ที่ตำหนักอ๋องอี้อย่างนั้นหรือ?นี่… นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?“พระชายา ท่านอ๋องอาจจะรู้สึกซาบซึ้งที่คุณหนูฉินช่วยชีวิตเขาเอาไว้กระมังขอรับ ดังนั้นจึงได้ให้คุณหนูฉินอยู่ที่ตำหนักอ๋องอี้สักสองสามวัน!”ลู่หนานเห็นว่าหลิงอวี๋สีหน้ามิดีจึงรีบเอ่ย “ข้ากำลังยุ่งกับการขนของ มิคุยกับท่านมากแล้วนะขอรับ!”ลู่หนานรีบสั่งให้องครักษ์ขนย้ายเครื่องเรือนหลิงอวี๋มองแล้วก็รู้สึกว่าในหัวสับสนไปหมดฉินรั่วซือเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลร่ำรวยที่อยู่ในเรือนรอการแต่งงาน มิทราบว่าเซียวหลินเทียนจะให้นางอยู่ที่ตำหนักอ๋องอี้นี่มีความหมายอะไรหรือ?หรือว่าเซียวหลินเทียนอยากจะแต่งนางเข้ามาเป็นชายารอง?“พระชายา ท่านอ๋องหมายความอย่างไรกันเจ้าคะ?”หานเหมยเองก็รู้สึกว่ามันแปลก จึงเอ่ยถามออกมา“ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาหมายความว่าอย่างไร! ไป ไปถามกัน!”หลิงอวี๋หันหลังเดินตรงไปที่เรือนริมวารีระหว่างทางก็ได้เจอกับหมิ่นกูเข้าพอดี ทันทีที่หมิ่นกูเห็นนางก็เอ่ยเสียงต่ำ “พระชายา ข้ากำลังตามหาเลยเจ้าค่ะ!”“ท่านอ๋อง
“เซียวหลินเทียน!”หลิงอวี๋ทนมิไหวอีกต่อไปแล้วจึงตะโกนขึ้นมา “หม่อมฉันมีเรื่องจะคุยกับท่าน!”“พระชายามาแล้วหรือเจ้าคะ!”ฉินรั่วซือรีบลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีมิสบายใจ “ข้า...ข้าขัดขวางเรื่องของพวกท่านหรือไม่? ท่านอ๋อง เช่นนั้นหม่อมฉันขอกลับก่อนเพคะ!”“ซือซือ!”เซียวหลินเทียนดึงแขนฉินรั่วซือเอาไว้ แล้วมองไปทางหลิงอวี๋อย่างมิพอใจ“หลิงอวี๋ มีเรื่องอะไรเจ้าก็พูดมาต่อหน้าซือซือเถอะ ข้ากับนางไม่มีความลับต่อกัน!”ว่ากระไรนะ?ความประหลาดใจของหลิงอวี๋เพิ่มขึ้นจนน่ากลัว นางมองไปทางเซียวหลินเทียนอย่างมิอยากจะเชื่อนางอยากแน่ใจว่าสิ่งที่เซียวหลินเทียนพูดนั้นเป็นคำพูดจากใจจริงหรือไม่?ทว่าต่อให้ดวงตาของนางจ้องมองเขาและเบิกโตขึ้นแค่ไหน มองอย่างละเอียดเพียงใด ก็มิเห็นคำใบ้ที่เซียวหลินเทียนส่งให้ตนเลยแม้แต่น้อยหลิงอวี๋ลองคิดดูอีกที บางทีอาจจะเพราะมีฉินรั่วซือยู่ด้วย เซียวหลินเทียนจึงมิสะดวกที่จะพูด จึงเอ่ย “หม่อมฉันแค่อยากจะมาบอกท่านอ๋องว่า หม่อมฉันกับพวกเยวี่ยเยวี่ยจะไปเดินถนนกัน ท่านอยากจะไปด้วยกันหรือไม่?”“มิไป ข้ามีเรื่องต้องทำอีกมากมาย จะมีเวลาไปกับพวกเจ้าได้เยี่ยงไร! ต่อไปเรื่องเล็ก ๆ เช
นี่… นี่มันรังแกกันเกินไปแล้วจริง ๆ!เหตุผลของหลิงอวี๋หายไปในทันที ต่อให้เซียวหลินเทียนจะมีแผนการหรือว่ายากลำบากแค่ไหน ก็มิสามารถให้ฉืนรั่วซือหยาบคายไร้เหตุผลได้เช่นนี้กระมัง!“ไป เราไปหาเซียวหลินเทียนกัน!”หลิงอวี๋เรียกหานเหมย เถาจื่อและนางรับใช้อีกหลายคนไปด้วยกันหลิงซวนก็รู้สึกว่าเหลือเชื่อ ช่วงนี้ท่านอ๋องอี้มีความรู้สึกที่ดีกับหลิงอวี๋มากขึ้นเรื่อย ๆ มิใช่หรอกหรือ?เหตุใดจู่ ๆ จึงเปลี่ยนไปเป็นเช่นนี้?นางตามหลิงอวี๋ไปที่เรือนริมวารีหลิงอวี๋พุ่งเข้าไปก็เห็นว่าเซียวหลินเทียนกับฉินรั่วซือกำลังชมภาพวาดกันอยู่“เซียวหลินเทียน ท่านมีสิทธิ์อะไรย้ายเครื่องใช้ของเรือนบุหงาของหม่อมฉันไป?”หลิงอวี๋ตะคอกด้วยความโกรธอย่างมิสนใจ “ของเหล่านั้นเป็นของที่ใช้เงินของหม่อมฉันซื้อมา มิได้เกี่ยวข้องอะไรกับตำหนักอ๋องอี้เลย ท่านมิถามแต่กลับมาเอาไป ต่างอะไรกับโจรเล่า?”เซียวหลินเทียนถูกรบกวนอารมณ์สุนทรีย์ก็หันไปมองทางหลิงอวี๋อย่ามิพอใจ พลางเอ่ยเสียงเย็นชา “เรือนบุหงาเป็นทรัพย์สินของข้า ข้าแค่เอาของของข้ามานิดหน่อย เจ้ามีสิทธิ์อะไรมามิพอใจ?”“ของของท่านอะไรกัน? หม่อมฉันจะบอกท่านอีกครั้งเพคะ ของเ
“เถาจื่อ ไปหาคนรับใช้สองสามคนมา พวกเราจะไปเรือนมารุตเพื่อขนของกลับ!”หลิงอวี๋ออกมาจากเรือนริมวารี แล้วสั่งด้วยความโกรธเถาจื่อโกรธอย่างที่สุด เมื่อนางและสุ่ยหลิงมาถึง ก็ได้เห็นกับตาตัวเองว่าหลิงอวี๋ได้จัดเรือนบุหงาทีละขั้นอย่างอุตสาหะเพื่อให้รู้สึกเหมือนอยู่บ้าน!ในเรือนบุหงา พวกเขาเป็นดั่งครอบครัวเดียวกัน แล้วใครให้สิทธิ์คนพวกนั้นมาเอาของไปตามใจชอบกัน!เถาจื่อไปหาหมิ่นกูทันทีเพื่อเรียกกำลังคนเพิ่มหลิงซวนเห็นสถานการณ์และแนะนำว่า “อาจารย์ ข้าคิดว่าเรื่องนี้ มีบางอย่างที่น่าสงสัย อย่าได้ทำสิ่งใดบุ่มบ่ามเลยเจ้าค่ะ หาโอกาสหารือกับท่านอ๋องในภายหลังและหลีกเลี่ยงไม่ให้สถานการณ์แย่ลงดีกว่านะเจ้าคะ!”“เจ้าคิดว่า ท่านอ๋องจะให้โอกาสข้าได้หารือดี ๆ รึ?”หลิงอวี๋เต็มไปด้วยโทสะ นางหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “นาง ฉินรั่วซือยังมิได้เข้าทางประตูด้วยซ้ำ กล้ามาทำให้ข้าอับอายเช่นนี้ หากข้ามิสอนบทเรียนให้นางวันนี้ นางคงได้คิดว่าตัวเองเป็นเจ้านายของตำหนักอ๋องอี้ไปแล้วจริง ๆ กระมัง”“เถาจื่อ ไปเรียกคนมา”เถือจื่อรีบไปอย่างเชื่อฟังหลิงซวนมองหลิงอวี๋ด้วยความกังวลแล้วพูดเบา ๆ ว่า “อาจารย์ ท่านมิกล
หลิงอวี๋รอจนกระทั่งเถาจื่อและคนอื่น ๆ ย้ายและจัดเครื่องเรือนเครื่องใช้ในเรือนบุหงาเสร็จเรียบร้อย แต่ทั้งเซียวหลินเทียนและฉินรั่วซือก็มิสามารถหยุดยั้งพวกเขาได้ในตอนแรก นางรู้สึกว่ามันแปลกนิดหน่อย ทำให้เกิดความปั่นป่วนครั้งใหญ่เช่นนี้เซียวหลินเทียนจะมิรู้เรื่องนี้ได้อย่างไรเมื่อหลิงอวี๋เห็นสาวใช้ซ่อนตัวและแอบย่องไปรอบ ๆ และสังเกตเห็นว่าตอนที่นางออกมาไม่มีองครักษ์เลยสักคน นางก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่าเกิดอะไรขึ้นตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งล่าสุดที่เกี่ยวข้องกับชิวเหวินซวง ตำหนักอ๋องอี้ตนเป็นคนจัดระเบียบใหม่เอง และบุคคลที่น่าสงสัยทั้งหมดที่มิสามารถไว้วางใจได้ก็ถูกขับออกไปหมิ่นกูที่ตนพาเข้ามาก็จัดการพวกที่ขี้เกียจมากเล่ห์ตั้งแต่เข้ามายิ่งกว่านั้น หลิงอวี๋และหมื่นกูได้เพิ่มเบี้ยหวัดของสาวใช้และคนรับใช้ในตำหนักด้วย ตอนนี้ คนรับใช้ทุกคนในตำหนักก็ฟังพวกเขานางในเมื่อนางยังมิได้ตกต่ำ แล้วคนรับใช้กล้าดีใช้เงินเบี้ยหวัดมาประจบประแจงฉินรั่วซือได้อย่างไร!องครักษ์ที่บาดเจ็บยิ่งกว่านั้นก็ปวดหัวและเป็นไข้จึงขอให้คนจากเรือนบุหงาไปเอายามาให้ ด้วยบุญกุศลที่สั่งสมมา วันธรรมดาพวกเขายังไม่มีโอกาสที่จะ
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี