เซียวหลินเทียนคาดเดาไว้แล้วว่า พวกเขาจะต้องมีปฏิกิริยาเช่นนี้ จึงหย่อนเหยื่อที่ใหญ่กว่าออกไปอย่างช้า ๆ“เหล่าขุนนางทั้งหลาย เพื่อเป็นการกระตุ้นพวกเจ้า ตัวข้าสามารถรับปากได้ว่า หากผู้ใดสามารถเสนอความคิดเห็นดี ๆ ที่แก้ไขเรื่องที่ดินรกร้างได้จริง ๆ จะได้เลื่อนขั้นหนึ่งขั้นและได้เงินเดือนเพิ่มขึ้นสองเท่า”จ้าวฮุยกับหลี่ว์เซียงเป็นขุนนางในระดับสูงอยู่แล้ว ทั้งสองจึงมิสามารถเลื่อนขั้นได้อีก แต่เซียวหลินเทียนก็เอ่ยกับทั้งสองอย่างชัดเจนเพื่อมิให้จ้าวฮุยสร้างปัญหา“อัครเสนาบดีจ้าวกับหลี่ว์เซียงเป็นอัครเสนาบดีอยู่แล้ว พวกท่านทั้งสองมิสามารถเลื่อนขั้นได้!”“แต่เพื่อเป็นรางวัลในความก้าวหน้าของพวกท่าน ตัวข้ารับปาก… ขอเพียงพวกท่านทั้งสองหากผู้ใดสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องที่ดินรกร้างได้ ข้าจะแต่งตั้งคนผู้นั้นเป็นอ๋อง!”ทันทีที่คำนี้ออกมา อัครเสนาบดีจ้าวกับหลี่ว์เซียงต่างก็เบิกตาโตอย่างงุนงงหลี่ว์เซียงมิได้สนใจในเรื่องการเป็นอ๋องใด ๆ ทั้งสิ้นแต่อัครเสนาบดีจ้าวนั้นแตกต่างออกไป เขาเป็นอัครเสนาบดีแล้ว ในชีวิตนี้ก็ทำได้เพียงอยู่ในตำแหน่งนี้ไปถึงกว่าจะถึงคราวเกษียณหากสามารถเป็นอ๋องได้ แม้ว่าจะเป็นอ๋
การว่าราชกิจในยามเช้านี้เป็นไปอย่างครึกครื้น ทุกคนต่างแสดงความคิดเห็นของตนและมีจำนวนมิน้อยที่ได้รับรางวัลจากเซียวหลินเทียน พวกขุนนางเช่นใต้เท้าหลี่ก็ได้เลื่อนขั้นและได้รับเงินในทันทีใต้เท้าหลี่ตื่นใจมากจนหลังจบการเข้าราชสำนักแล้วก็ยังคงตื่นเต้นอยู่ เขารู้สึกว่าการเลื่อนขั้นช่างง่ายดาย แค่พูดเรื่องดี ๆ ออกไปก็ข้ามผ่านความพยายามหลายปีของตนแล้วเพลานี้จ้าวฮุยยังคงมิได้ระแวดระวัง คิดว่าเซียวหลินเทียนเป็นจักรพรรดิองค์ใหม่เพิ่งได้ขึ้นครองบัลลังก์มินานก็เจอเหตุจลาจลแล้ว เขาคงใช้ความสามารถที่มีอยู่จนหมดไปแล้วจึงได้คิดจะทำบางสิ่งเอาใจมวลชนเมื่อคนของตนได้เลื่อนขั้น เขาเองก็ยินดีด้วยในใจของจ้าวฮุยยังคงเต็มไปด้วยความดูถูกที่มีต่อเซียวหลินเทียน เขารู้สึกว่า เซียวหลินเทียนยังเป็นมือใหม่ในเรื่องการบ้านการเมือง ยังมิเข้าใจว่าจะจัดการบ้านเมืองอย่างไรจึงได้ใช้วิธีระดมความคิดเช่นนี้หลังจากจบเรื่องหลิงอวี๋ได้ฟังเรื่องในราชสำนักจากปากของเซียวหลินเทียน นางก็มิได้มิพอใจแต่อย่างใดที่เซียวหลินเทียนนำข้อเสนอแนะของตนไปแปลงเป็นความดีความชอบของผู้อื่นเซียวหลินเทียนเข้าใจใช้วิธีอ้อม ๆ เช่นนี้ไปผลักดันนโย
อันเจ๋อยังเอ่ยถึงท่านอดีตเสนาบดีอีกด้วย เขารู้ว่าคนที่เคยเป็นทหารเช่นเฉาเฉียง พวกเขาอาจจะมิรู้จักองค์จักรพรรดิ แต่ไม่มีทางมิรู้จักท่านอดีตเสนาบดีที่อยู่ในกองทัพมาหลายสิบปีเป็นแน่“รู้จักท่านอดีตเสนาบดีอ๋องเจิ้นหนานที่เมืองหลวงหรือไม่? ก่อนหน้านี้เขาได้นำทัพแล้วตกม้าจนทำให้ขาหัก ตอนที่ถูกส่งตัวกลับเมืองหลวงก็หมดสติและหายใจรวยรินไปแล้ว!”“หมอหลวงในวังล้วนบอกว่า ท่านอดีตเสนาบดีจะมีชีวิตอยู่ได้อีกมินาน แต่ฮองเฮาผู้สูงศักดิ์ของพวกเราก็ใช้วิชาการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมช่วยเหลือท่านอดีตเสนาบดีไว้ได้!”“ตอนนี้ท่านอดีตเสนาบดีมิเพียงแต่ร่างกายแข็งแรงดีเท่านั้น แต่ยังสามารถขี่ม้าได้ด้วย!”เฉาเฉียงฟังแล้วก็เบิกตาโตอย่างประหลาดใจพวกเขาคือคนที่มาจากการออกรบ มีหรือจะมิรู้ว่าเมื่อขาหักแล้วหากโชคดีก็จะมีชีวิตอยู่ต่อได้ แต่หากโชคร้ายก็มีแต่ตายเท่านั้นท่านอดีตเสนาบดีได้รับการรักษาจนหายดีทั้งยังสามารถขี่ม้าได้อีก… นี่เป็นหมอขั้นเซียนจริง ๆ!“ข้ามิได้พูดคุยโวเกินจริงกับพวกเจ้า ทักษะการแพทย์ของฮองเฮายอดเยี่ยมจริง ๆ ตัวอย่างเช่นนี้ยังมีอีกมาก พวกเจ้าไปสืบที่เมืองหลวงดูก็จะรู้!”อันเจ๋อพูดจนปากแห้งคอแห้งจ
ดูเหมือนพวกเขาจะมองออกถึงความสับสนของอันเจ๋ออาจารย์หลินจึงเอ่ยอย่างอดทน “เมื่อหัวหน้าเฉายึดครองสิงหยางและกว่างอู่เอาไว้ได้ คนที่แปรพักตร์ก็มีจำนวนมากแล้ว!” “หัวหน้าเฉามีนิสัยซื่อตรง มิอนุญาตให้ลูกน้องกดขี่ข่มเหงราษฎร แต่ลูกน้องคนหนึ่งของเขาที่ชื่อหลิวจวินกลับอาศัยตอนที่มายึดครองสิงหยางกับหัวหน้าเฉาแล้วปล้นชิงราษฎรหญิงไป จึงถูกหัวหน้าเฉาทุบตีและขับไล่ไป!”“หลิวจวินมิยอมแพ้รวบรวมกองกำลังของตนไปปล้นยึดครองเมืองเช่นกัน และยังมีอีกคนที่ชื่อเส้าหมิงเจี๋ยที่มิพอใจในวิธีทางจัดการดูแลของหัวหน้าเฉาจึงรวบรวมกองกำลังก่อจลาจลด้วย!”อันเจ๋อเข้าใจแล้ว สองคนนี้อ้างชื่อของเฉาเฉียงไปรับคนที่มีความสามารถเข้ามาแล้วพัฒนาต่อเองพวกเสเพลเช่นนี้ย่อมมีทั้งคนดีและมิดีปะปนกันอยู่ จะเกิดเรื่องเช่นนี้ก็ย่อมเป็นเรื่องปกติอันเจ๋อมิได้ใส่ใจ คิดว่าให้อาจารย์หลินกับเฉาเฉียงยอมจำนนก่อนแล้วค่อยไปจัดการพวกเขาได้อย่างง่าย ๆ อาจารย์หลินเห็นว่าอันเจ๋อมิได้ระวังตัวจึงเอ่ยขึ้นมา “ใต้เท้าอัน ที่พวกเรายอมจำนนยังมีสาเหตุที่สำคัญอีกอย่าง! ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิส่งกองกำลังขนาดใหญ่อีกกลุ่มมาล้อมปราบเรา!”“ใต้เท้าจางยังกล
อันเจ๋อจำได้เพียงราง ๆ ว่า เมื่อมิกี่เดือนก่อนใต้เท้าจางยังได้มอบสาส์นกราบทูลบอกว่าปีนี้มีภัยพิบัติร้ายแรง และขอให้ราชสำนักมอบเงินเกือบสองล้านเพื่อจะนำไปซ่อมแซมเส้นทางแม่น้ำเขาจึงพูดเรื่องนี้ออกมาเฉาเฉียงจึงก่นด่าออกมาทันที “พวกเราเคยเห็นเงินจำนวนมากถึงเพียงนั้นที่ไหนกัน ใต้เท้าจางให้เงินชดเชยเพียงครอบครัวละสิบตำลึงเท่านั้น ข้ามีญาติที่ตายจากการถูกน้ำท่วม บ้านเขามีคนตายไปสามคนแต่ก็ได้เงินมาเพียงสิบตำลึงเท่านั้น!”“พวกใต้เท้าจางกังวลว่าจะมีคนออกไปฟ้องร้องจึงส่งทหารมาสกัดกั้นตามทางแยกต่าง ๆ และหากจับได้ก็สังหารคนเหล่านั้นต่อหน้าธารกำนัลด้วย!”อันเจ๋อฟังแล้วก็ตกใจมาก คิดมิถึงว่าพวกใต้เท้าจางจะทำร้ายราษฎรได้รุนแรงเช่นนี้!เงินซ่อมแซมเส้นทางแม่น้ำจำนวนมากถึงเพียงนั้นจะไปอยู่ที่ใดได้เล่า จะต้องถูกพวกใต้เท้าจางที่ละโมบโกงกินไปแล้วอย่างแน่นอนอันเจ๋อนึกถึงองค์ชายคังกับจ้าวฮุย ใต้เท้าจางผู้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับจ้าวฮุยทีเดียว หากมิได้มีจ้าวฮุยคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ใต้เท้าจางจะมีความกล้าหลอกลวงเบื้องบนได้ถึงเพียงนี้หรือ?“เช่นนั้นใต้เท้าเจียงข้าหลวงเจิ้งโจวเล่า? เขาร่วมด้วยหรือไม่?”
อันเจ๋อชื่นชมการระวังตัวของเจียงเจิ้งเป็นอย่างมาก จากนั้นก็หยิบหุ่นไม้แกะสลักตัวหนึ่งออกมาจากแหวนพระสุเมรุ หุ่นไม้ตัวนั้นเป็นหญิงที่มีรูปร่างคล้ายเจียงอวี้เจียงเจิ้งมองอย่างนิ่ง ๆ นั่นเป็นของขวัญวันเกิดที่เขาตั้งใจแกะสลักให้เจียงอวี้และให้นางไว้ตอนก่อนที่เขาจะติดตามท่านพ่อออกมารับตำแหน่ง เพราะกลัวว่าจะมิได้มีโอกาสกลับไปฉลองวันเกิดให้เจียงอวี้ เขากลัวว่าตนจะมองผิดไปจึงพุ่งเข้าไปแย่งหุ่นไม้ในมือของอันเจ๋อที่กระโปรงของหุ่นไม้หญิงมีการแกะสลักกระต่ายตัวเล็ก ๆ ไว้หนึ่งตัว กระต่ายตัวนั้นหูขาดไปข้างหนึ่งเพราะว่าตนรีบแกะสลักจึงมิได้ระวังทำพลาดไป“เจ้าคือว่าที่พี่เขยของข้าจริง ๆ หรือ?”เจียงเจิ้งเอ่ยถามอย่างมิเชื่อ“ข้าเอาชื่อท่านพ่อของข้าเป็นประกันว่าข้าคือคือว่าที่พี่เขยของเจ้าจริง ๆ!”เรื่องการแต่งงานของอันเจ๋อกับเจียงอวี้ได้กำหนดแน่นอนแล้ว อันเจ๋อจึงคุยโวโอ้อวดได้“พี่เขย!”เจียงเจิ้งตาแดงทันที จากนั้นน้ำตาเม็ดโตก็ไหลลงมา เขาอยากจะพุ่งเข้าไปกอดอันเจ๋อแต่มือก็ถูกมัดอยู่อันเจ๋อจึงรีบก้าวเข้าไปแก้มัดให้เขาเฉาเฉียงก็เอ่ยอย่างกระอักกระอ่วน “เด็กผู้นี้ร้ายมาก ข้ามัดมือเขาไว้เพราะว่
อันเจ๋อคิดที่จะโต้แย้งออกไปแต่สิ่งที่ต้อนรับเขาก็คือลูกธนูอย่างหนาแน่นอาจารย์หลินลากอันเจ๋อกลับมาพลางเอ่ยเสียงเรียบ “ไม่มีประโยชน์ พวกเขาตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะสังหารพวกเราทั้งหมด การวินิจฉัยของเจ้าล้วนผิดเพี้ยนไปแล้ว!”อันเจ๋อก็มองความโหดร้ายของหยางเจี้ยนออกเช่นกันจึงกังวลเป็นอย่างมาก “อาจารย์หลิน กองกำลังของพวกเราจะต้านการบุกของพวกเขาไหวหรือไม่?”อาจารย์หลินยิ้มอย่างเย็นชา “สิงหยางของเรามีกองกำลังของราษฎรอยู่เพียงสามพันคนเท่านั้น จะเป็นคู่ต่อสู้ของทหารอาชีพเหล่านี้ได้อย่างไร!”“หยางเจี้ยนมาในคราวนี้นำทหารมาเกือบหกพันคน! ทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันมากถึงเพียงนี้ เป็นไปมิได้เลยที่จะป้องกันประตูเมืองไว้ได้!”อันเจ๋อได้ยินดังนั้นก็รู้สึกกังวลมากแต่อาจารย์หลินก็หัวเราะอย่างดูถูกออกมาอีกครั้ง “แต่หากคิดจะต่อสู้ให้พวกเขาพ่ายแพ้ไปก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปมิได้!”อันเจ๋อมองอาจารย์หลินอย่างงุนงง เขาเอาความมั่นใจมาจากที่ใดกัน!“มิสามารถต้านทานได้ แต่สามารถใช้สติปัญญาชิงไหวชิงพริบได้!”อาจารย์หลินเอ่ยอย่างมั่นใจเต็มเปี่ยม “ข้าจะสั่งให้คนเอาจดหมายของเจ้าออกไปส่งก่อน!”อันเจ๋อมองอาจารย์
กลุ่มขุนนางทำได้เพียงเดินตามเซียวหลินเทียนต่อ เมื่อออกจากเมืองไปสิบกว่าลี้ ก็เริ่มเห็นที่ดินรกร้างว่างเปล่าเซียวหลินเทียนแสร้งทำเป็นมิรู้ว่าเป็นที่ดินของตระกูลใด พลางเอ่ยอย่างเสียดาย “ที่ดินดีเช่นนี้ หากมิปลูกพืชพรรณใดก็น่าเสียดายแย่!”“ใต้เท้าเจี่ยง ให้ผู้คนในเขตนี้บอกต่อกันออกไปว่า ทางราชสำนักสนับสนุนให้มีการบุกเบิกฟื้นฟูที่ดินรกร้าง ให้ชาวบ้านแถวนี้มาทำการฟื้นฟูที่ดินและเพาะปลูกในช่วงวสันตฤดู!”ใบหน้าของใต้เท้าเจี่ยงกระตุก มิรู้ว่าเซียวหลินเทียนจงใจหรือว่ามิรู้จริง ๆ ว่าที่ดินแห่งนี้เป็นของตระกูลใต้เท้าหลี่ใต้เท้าหลี่เองก็ลำบากใจพูดมิออก ตนเป็นผู้เสนอให้มีการสนับสนุนบุกเบิกที่ดินรกร้าง และตนก็ได้เลื่อนขั้นเพราะเรื่องนี้ด้วยแล้วตอนนี้เขาจะกล้าบอกกับองค์จักรพรรดิหรือว่าที่ดินรกร้างว่างเปล่าแห่งนี้เป็นของตระกูลตน?ผู้ตรวจการซุนเป็นคนซื่อตรงและมีนิสัยตรงไปตรงมา เขามิเกรงกลัวอำนาจของใต้เท้าหลี่ เมื่อเห็นว่าใต้เท้าหลี่มิพูดจา เขาจึงเอ่ยออกไปตามตรง “ฝ่าบาท นี่มิใช่ที่ดินรกร้างพ่ะย่ะค่ะ เป็นที่ดินที่มีเจ้าของ!”“หา? ในเมื่อเป็นที่ดินที่อุดมสมบูรณ์ แล้วเหตุใดจึงมีวัชพืชขึ้นรกเช่นนี
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี
ชีวิตนี้หาสหายรู้ใจได้ยากนัก!หลงเพ่ยเพ่ยยิ้ม นางก็รู้สึกว่าตนกับเย่หรงพูดคุยสื่อสารกันง่ายเช่นกันเย่หรงฉลาด ที่สำคัญที่สุดคือมิใช่บุรุษประเภทหัวโบราณคร่ำครึ มิเหมือนพวกพี่สามที่เอะอะก็วางตนเป็นผู้ใหญ่สั่งสอนนางเฮ้อ หากสามีในอนาคตของนางสามารถพูดคุยกันได้เหมือนเย่หรง เช่นนั้นสามีภรรยาจะมิรักใคร่กลมเกลียวกันมากหรอกหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยคิดแล้วพลันหน้าแดงเรื่อ นี่นางกำลังคิดฟุ้งซ่านอะไรอยู่!“พวกเรามาคิดกันก่อนดีกว่าว่าอีกประเดี๋ยวหากพบเสด็จย่าแล้วจะทำอย่างไรดี!”หลงเพ่ยเพ่ยมิกล้าคิดฟุ้งซ่านต่อไป รีบเปลี่ยนเรื่องคุย“ท่านกังวลว่าท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นจะก่อกวนหรือ?”เย่หรงก็ดึงความคิดกลับมา พวกเขาใกล้จะถึงภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้ว ต้องคิดหาข้ออ้างให้ดี“อืม ท่านหญิงชิงเฉิงมิใช่คนประเภทที่จะเจรจาด้วยง่าย ๆ ท่านหญิงอวิ๋นยังพอคุยง่ายอยู่บ้าง แต่ในเมื่อพวกนางรับคำสั่งจากชายาเจ้าแห่งทะเลมาเพื่อถ่วงเวลาเสด็จย่า ย่อมมิยอมให้ข้าบรรลุเป้าหมายแน่!”หลงเพ่ยเพ่ยเผยสีหน้าอมทุกข์เย่หรงพลันนึกถึงข่าวลือเกี่ยวกับท่านหญิงอวิ๋นขึ้นมา แม้ท่านหญิงอวิ๋นจะเป็นธิดาแท้ ๆ ของชายาเจ้าแห่งทะเล แต่ช่วงห
“โอ้ ใต้หล้านั้นแตกต่างจากใต้หล้าของพวกเราหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยถูกเย่หรงกระตุ้นความอยากรู้ จึงจ้องมองพลางถาม“อืม บ้านเรือนที่นั่นสูงเท่าภูเขา สูงที่สุดอาจถึงร้อยชั้นได้ ทั้งยังมีรถมากมายที่มิต้องใช้ม้าลาก วิ่งได้เร็วมาก!”เย่หรงเล่าให้หลงเพ่ยเพ่ยฟังไปเรื่อย ๆเมื่อพูดถึงเครื่องบินก็ทำให้หลงเพ่ยเพ่ยเบิกตากว้าง นางมองเย่หรงอย่างงง ๆ “เจ้าโกหกกระมัง จะมีเครื่องมือที่สามารถบรรทุกคนขึ้นไปบนฟ้าได้อย่างไร!”“มีจริง ๆ ข้ามิได้โกหกท่าน พี่หญิงหลิงหลิงจำได้มากกว่าข้าเสียอีก รอมีโอกาสให้นางเล่าให้ท่านฟัง ท่านก็จะเชื่อว่าข้ามิได้โกหกท่าน!”เย่หรงเริ่มตื่นเต้น “ท่านหญิง ท่านปู่มิได้บอกหรือว่าคันฉ่องคุนหลุนของตงกู่อวี้สามารถพลิกฟ้าคว่ำปฐพีได้?”“หากพวกเราได้คันฉ่องคุนหลุนมา มิต้องรอเวียนว่ายตายเกิด ข้าจะพาท่านไปดูใต้หล้านั้น! ท่านจะต้องชอบใต้หล้านั้นอย่างแน่นอน!”เย่หรงพูดจนหลงเพ่ยเพ่ยใจเต้นระรัว นางกล่าวออกไปโดยมิต้องคิด “ได้ เช่นนั้นรอพวกเราช่วยแดนเทพผ่านพ้นภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้ พวกเราหาคันฉ่องคุนหลุนเจอแล้วก็ไปด้วยกัน ไปดูใต้หล้าที่เจ้าพูดถึงกัน!”“ตกลงตามนี้!”เย่หรงยกมือขึ้น หลงเพ่ยเพ่
คนหนึ่งคือคนที่ตนรัก อีกคนคือสหายที่ดีที่สุดของตน!แต่พวกเขากลับร่วมมือกันหลอกลวงตน!หยางหงหนิงหันหลังเดินออกไปด้วยใบหน้าบึ้งตึง นางจะมิปล่อยชายชั่วหญิงโฉดคู่นี้ไปแน่!สิ่งที่นางมิได้มาครอบครอง ยอมทำลายทิ้งเสียดีกว่ายอมให้คนอื่นได้ไป!หยางหงหนิงกลับไปที่รถม้าของตน เค้นเสียงลอดไรฟันออกมาคำหนึ่ง “ไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์!”ด้านหน้า เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยต่างก็ร้อนใจดั่งไฟเผา ฮองเฮาเสด็จไปสองชั่วยามแล้ว พวกเขาจะตามทันพระนางหรือ?อีกทั้งต่อให้ตามทัน มีท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นอยู่ พวกนางต้องช่วยชายาเจ้าแห่งทะเลขัดขวางมิให้ฮองเฮาเรียกตัวหลิงอวี๋เข้าเฝ้าแน่“ท่านหญิง พวกเราจะไปทันหรือไม่? ชายาเจ้าแห่งทะเลจะลงมือกับพี่หญิงหลิงหลิงแล้วหรือไม่?”เย่หรงถามอย่างร้อนรนหลงเพ่ยเพ่ยก็ร้อนใจเช่นกัน หลิงอวี๋ยังรอให้นางช่วยชีวิตอยู่ แต่นางก็มิรู้ว่าจะสามารถทูลขอพระราชโองการจากฮองเฮาได้สำเร็จหรือไม่“พวกเราพยายามเต็มที่เถอะ! ขอเพียงตามเสด็จย่าทัน ต่อให้ข้าต้องคุกเข่าอ้อนวอนก็ต้องให้นางพาพี่หญิงหลิงหลิงออกมาให้ได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวปลอบใจเย่หรงเห็นหลงเพ่ยเพ่ยวิ่งวุ่นไปทั่วกับตนก็นับว่าพยายามเ
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร