กระทั่งห้องทรงพระอักษรเหลืออยู่เพียงหลี่ว์เซียงกับท่านอ๋องเฉิง เซียวหลินเทียนจึงเรียก “อาอวี๋ ออกมาเถิด!”หลิงอวี๋จึงเดินออกมา หลี่ว์เซียงกับท่านอ๋องเฉิงเห็นนางก็มิได้มีท่าทีตกใจใด ๆเซียวหลินเทียนเชื่อใจหลิงอวี๋เช่นนี้ ถึงกับมอบอำนาจในการดูแลบ้านเมืองเป็นการชั่วคราวให้นาง การจะให้นางฟังอยู่ในห้องทรงพระอักษรก็เป็นเรื่องปกติล้วนเป็นคนกันเองทั้งนั้น ท่านอ๋องเฉิงกับหลี่ว์เซียงมีอะไรในใจก็พูดออกไปตามตรง“ฝ่าบาท ครานี้ท่านจะนำทัพด้วยพระองค์เอง เตรียมจะพารองแม่ทัพคนใดไปพ่ะย่ะค่ะ?”ท่านอ๋องเฉิงเอ่ยถามอย่างกังวลเซียวหลินเทียนนำทัพด้วยตนเองมิใช่เรื่องเล็ก เบื้องหน้าต้องเผชิญกับการจับจ้องของเว่ยเหนือกับฉีตะวันออก เบื้องหลังก็ยังต้องกังวลว่าคนของตนจะทำเรื่องอะไรอีกความเป็นความตายของเซียวหลินเทียนก็สำคัญมาก จักรพรรดิของแคว้นมิว่าจะตายที่สนามรบ หรือว่าตายเพราะถูกคนลอบวางแผนร้าย ก็จะทำให้ฉินตะวันตกพังทลายได้ทั้งนั้น“หลี่ว์จงเจ๋อ ลั่วฮั่น จี้จื่อ จอหงวนเฉินซินและทั่นฮวาโจวฮ่าวขุนนางฝ่ายบู๊คนใหม่!”เซียวหลินเทียนอยากใช้คนใหม่เพราะพวกเขายังมิถูกผู้ใดดึงตัวไป ตนมอบหมายให้พวกเขาทำหน้าที่สำคั
“รวมกันเราอยู่ แยกกันเราตาย ขอเพียงเรามีศัตรูร่วมกันและสามัคคีกันให้แคว้นผ่านความยากลำบากไปได้ การจะฟื้นฟูแผ่นดินของเราย่อมมีความหวัง!”เซียวหลินเทียนตะโกนออกไปอย่างกระตือรือร้น “ครานี้ตัวข้าจะนำทัพด้วยตัวข้าเอง เอาหัวของข้าเป็นประกันต่อชีวิตของเหล่าทหารของข้า หากมิสามารถตีพ่ายพวกศัตรูได้ ข้าจะมิกลับเมืองหลวง!”“ในภายภาคหน้า ตัวข้าจะนำพาให้พวกเจ้าได้พัฒนาเศรษฐกิจ สร้างยุครุ่งเรืองที่แคว้นมั่งคั่งและราษฎรเข้มแข็ง...”“ต้นไม้ต้นเดียวยากที่จะเป็นป่า ธนูสิบดอกยากที่จะหัก แต่เมื่อทุกคนช่วยกันเติมเชื้อเพลิงไฟก็จะลุกโชน...”“ตอนนี้พวกเจ้าบอกข้ามาว่า ครอบครัวฉินตะวันตกสามารถร่วมแรงร่วมใจกันได้หรือไม่?”ราษฎรและบัณฑิตที่ยังคงอยู่ในเมืองหลวงได้ยินคำพูดปลุกใจของเซียวหลินเทียนต่างก็ตื่นตัวด้วยความกระตือรือร้นเมื่อก่อนเมื่อเจอสงคราม ราชสำนักไม่มีทางมาอธิบายกับราษฎรแต่จักรพรรดิเซิ่งอู่มิเพียงแต่ออกจากวังมาอธิบายด้วยตนเอง แต่ยังรีบไปที่แนวหน้าเพื่อนำทัพด้วยตนเองทันทีด้วย มีจักรพรรดิเช่นนี้ช่างเป็นความโชคดีของพวกเขาจริง ๆ!“ได้!”มิรู้ว่าใครเป็นผู้นำตะโกนคนแรก แล้วราษฎรเหล่านั้นก็ตะโกนตาม ๆ
การกระทำของเซียวหลินเทียนค่อนข้างจะดูโง่เขลา แต่กลับซื่อตรงจนทำให้หลิงอวี๋รู้สึกอบอุ่นจักรพรรดิที่น่าเกรงขามในตำหนักกระดิ่งทอง กลับมาทำท่าทางน่ารักเช่นนี้เพื่อปลอบตน แล้วนางจะพูดอะไรได้อีก!เซียวหลินเทียนทำท่าทีเช่นนี้ก็เพื่อลดความกังวลของนาง นางจึงทำได้เพียงก้าวไปข้างหน้าเท่านั้น!“เซียวหลินเทียน!”หลิงอวี๋คว้าชายเสื้อของเขาเอาไว้แล้วช้อนตามองเขา จากนั้นก็เอ่ยอย่างตั้งใจ “รับปากหม่อมฉันว่าจะต้องดูแลตนเองให้ดี อย่าไปเสี่ยงง่าย ๆ!”“มิเพียงแต่ราษฎรที่ต้องการท่าน หม่อมฉันกับเยวี่ยเยวี่ยเองก็ต้องการท่านเช่นกัน!”เมื่อชาติก่อนหลิงอวี๋มิได้แต่งงาน นี่เป็นครั้งแรกที่นางมีประสบการณ์ในการส่งสามีของตนไปออกรบด้านหน้ามีหมาป่าด้านหลังก็มีเสือ นางรู้ว่าเซียวหลินเทียนไปครั้งนี้จะมีอันตรายมาก แล้วจะวางใจได้อย่างไร!“อาอวี๋ วางใจเถิด ข้าจะต้องดูแลตัวข้าเองให้ดีเพื่อพวกเจ้า!”เซียวหลินเทียนโอบหลิงอวี๋ไว้ในอ้อมแขน ใบหน้าของเขาก็เทินไปที่บนไหล่ของนางเมื่อก่อนเมื่อไปออกรบ ไม่มีคนที่ใกล้ชิดส่งตนไป และไม่มีผู้ใดห่วงเรื่องความปลอดภัยของเขาจากใจจริงตอนนี้ เขามีภรรยาและลูกชาย พวกเขาคือความห่วงใย
“ปู๊น… ปู๊น...”เสียงแตรออกเดินทางของกองทัพใหญ่ดังขึ้น เหล่าแม่ทัพของแต่ละกองทัพที่รวมตัวกันอยู่ที่จัตุรัสวังหลวงก็พากองทัพของตนออกเดินทางเซียวหลินเทียนนำทัพอยู่ด้านหน้า เขาสวมสุดเกราะสีดำเงางาม ตรงบ่ามีหัวมังกรสีเงินอยู่สองหัว ดูมีอำนาจน่าเกรงขามมากเขาขี่ม้ากีบขาวที่ชนะมาจากองค์ชายคังนำอยู่หน้ากองทัพท่าทียิ่งใหญ่น่าเกรงขามนั้นทำให้ราษฎรที่มาส่งอยู่ตลอดข้างทางเห็นแล้วรู้สึกตื่นตัว“ขอให้องค์จักรพรรดิจงสำเร็จลุล่วง ได้ชัยชนะตั้งแต่เริ่มและนำชัยชนะกลับมา...”มิรู้ว่าใครเป็นผู้นำตะโกนในหมู่ฝูงชน จากนั้นราษฎรเหล่านั้นก็พากันตะโกนโหวกเหวกกันขึ้นมา“ขอให้องค์จักรพรรดิก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ ไม่มีสิ่งใดต้านทานได้...”“ขอองค์จักรพรรดิทรงดูแลพระวรกายให้ดี พวกเราจะรอพระองค์เสด็จกลับมา...”“องค์จักรพรรดิสู้ ๆ ฉินตะวันตกสู้ ๆ!”เสียงคำอวยพรวุ่นวายเหล่านั้นมิได้เป็นระเบียบใด ๆ แต่เซียวหลินเทียนกับทหารเหล่านั้นล้วนได้ยินเสียงในใจของพวกเขา สิ่งนี้ล้วนเป็นคำอวยพรที่ตั้งตารอให้พวกเขาชนะ!“องค์จักรพรรดิสู้ ๆ… ฉินตะวันตกสู้ ๆ!”คำอวยพรสุดท้ายเหล่านี้รวมกันเป็นประโยคเหล่านี้ที่ติดตามพวกเ
ฮูหยินเผยที่ตามเข้ามาได้ยินคำพูดของเผยอวี้ก็หน้ามืด โกรธจนแทบจะเป็นลมล้มพับไปหลิงหว่านมีอะไรดีนัก คู่ควรกับการที่ลูกชายของตนต้องทำเพื่อนางถึงขั้นนี้เชียวหรือ!ฮูหยินผู้เฒ่าเผยเองก็ตกใจเช่นกันเผยอวี้เป็นคนที่มีอนาคตไกลที่สุดในบรรดาลูกหลานของตระกูล พวกเขาฝากความหวังแห่งเกียรติยศตระกูลไว้ที่เผยอวี้การบีบให้เผยอวี้ออกบวชเป็นเรื่องที่ไม่มีใครในพวกเขาอยากจะเห็นแต่ฮูหยินผู้เฒ่าเผยกับใต้เท้าเผยล้วนรู้จักเผยอวี้ดี เขามิใช่คนที่พูดอะไรออกมาลอย ๆหากบีบบังคับเขาจริง ๆ เขาจะต้องออกบวชเป็นแน่!หลังจากที่ฮูหยินผู้เฒ่าเผยหารือกับใต้เท้าเผย ก็ตัดสินใจว่า ในยามนี้จะมิพูดเรื่องแต่งงานกับเผยอวี้ และให้ปล่อยผ่านไปก่อน!เมื่อผ่านไปสักปีครึ่ง เผยอวี้อาจจะรู้ว่าหลิงหว่านมิดีแล้วเปลี่ยนใจก็ได้หลังจากนั้นเผยอวี้ก็ไปหาหลิงหว่านที่จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วน แต่ก็ถูกท่านอดีตเสนาบดีปฏิเสธมิให้เข้าโดยอ้างว่าหลิงหว่านไปจัดการเรื่องให้นางซุนที่บ้านเกิดตลอดเรื่องที่นางซุนแกล้งตายนั้นนอกจากท่านอดีตเสนาบดี หลิงเสียงกัง หลิงอวี๋และพวกเซียวหลินเทียนมิกี่คนที่รู้ คนอื่น ๆ ก็ไม่มีผู้ใดรู้อีกเผยอวี้เองก็เชื่อว่าเ
หลิงหว่านพูดจบก็เปลี่ยนเรื่องแล้วเอ่ยเสียงเรียบ“กู่อี๋เหนียง ฝากท่านดูแลจวนนี้ด้วย ข้าจะเก็บข้าวของไปที่อยู่ที่ไร่นา...”“ข้าจะบอกท่านว่าข้ามีวัวนมอยู่ห้าตัวแล้ว รอให้วัวนมสามารถรีดนมได้ตามปกติก่อนแล้วข้าจะให้คนส่งนมวัวมาให้ท่านดื่ม!”ครานี้หลิงหว่านตั้งใจแน่วแน่ว่าจะพัฒนาธุรกิจของตน แล้วก็ได้รับการสนับสนุนจากหลิงเสียงกังด้วย ดังนั้นนางจึงเอากำไรของโรงงานเวชสำอางไปเพาะเลี้ยงวัวนมนางจะเป็นผู้นำในการส่งเสริมแผนการเลี้ยงวัวนมให้กับหลิงอวี๋หลิงหว่านพูดถึงวัวของตนแล้วก็รู้สึกตื่นเต้นและร่าเริงขึ้นมากู่ซุ่ยได้ยินดังนั้นก็วางใจอยู่เงียบ ๆดูท่าทาง คุณหนูใหญ่จะเดินออกจากเงามืดของการถอนหมั้นแล้วจริง ๆ หากฮองเฮารู้ว่านางดีขึ้นแล้วจะต้องดีใจอย่างแน่นอน......เมื่อเซียวหลินเทียนไป หลิงอวี๋ก็ทำงานทันทีนางต้องเร่งให้กรมกลาโหมกับกรมพระคลังเตรียมจัดหาเสบียง ทั้งยังต้องจัดหาที่อยู่ให้บัณฑิตที่สอบคัดเลือกขุนนางช่วงวสันตฤดูที่เซียวหลินเทียนยังมิทันได้หาตำแหน่งให้ครบด้วยทางด้านการจัดหาเสบียงมีหลี่ว์เซียงกับฉินซานจับตาดูด้วยตนเองอยู่ หลิงอวี๋จึงสบายไปได้มากแต่การรับตำแหน่งของขุนนางที่สอ
ก่อนการฝึกอบรมสิบนาที หลิงอวี๋ก็พาพวกนางรับใช้มานางมิได้สวมชุดทางการของฮองเฮา ใส่เพียงเสื้อแขนเล็กคอกลมสีม่วงเข้มที่ดูเรียบง่ายเท่านั้น ทรงผมก็แค่มวยผมแบบเรียบง่ายในความสดใสของนางนั้นมีกลิ่นอายแห่งความสูงส่งแผ่ออกมาด้วยนางเดินตรงไปที่แท่นบรรยายแล้วมองลงไป ขุนนางใหม่กว่าเก้าสิบห้าส่วนรวมกันอยู่ที่นี่แล้ว มีที่นั่งว่างเพียงมิกี่ที่เท่านั้นส่วนทางด้านขุนนางเก่ามีที่ว่างอยู่มากหลิงอวี๋ให้ขุนนางเก่ามาเข้าร่วมด้วยความสมัครใจ แต่กับขุนนางใหม่ต้องการให้เข้าร่วมแบบครบถ้วนเมื่อเห็นที่ว่างหลายที่ หลิงอวี๋ก็ยิ้มเย็นชาแม้ว่าบัณฑิตเหล่านี้จะนับว่าเป็นศิษย์ของจักรพรรดิ แต่ก็มิใช่ทุกคนที่ภักดีต่อเซียวหลินเทียนมิเข้าร่วมการฝึกอบรมก็ช่าง แต่ก่อนหน้านี้ตนได้ระบุไว้แล้วว่าทุกคนต้องมา พวกเขาก็ยังกล้าที่จะมิมา นี่มิใช่การดูถูกตนและอยากจะทดสอบความสามารถของตนหรือ?“รองเจ้ากรมหวง ขุนนางหลายคนที่มิมานี้คนของเจ้าได้แจ้งแล้วใช่หรือไม่?”หลิงอวี๋ซักถามรองเจ้ากรมหวงจากกรมพระคลังที่รับผิดชอบการจัดฝึกอบรมในครั้งนี้รองเจ้ากรมหวงทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนก็คิดว่า หลังจากจับตัว
“ให้เกียรติอาจารย์และเคารพหลักการ ครั้นพวกเจ้าได้เริ่มเล่าเรียนเมื่อตอนสามขวบ บิดามารดาและอาจารย์ของพวกเจ้าเคยสอนหลักการนี้ ข้ายืนอยู่ในห้องเรียนนี้ก็คืออาจารย์ของพวกเจ้า!”“ยังมิต้องพูดถึงว่าข้ามีความสามารถที่จะสอนอะไรพวกเจ้าหรือไม่ แต่อย่างน้อยพวกเจ้าก็ควรรู้มารยาทในการเคารพอาจารย์ใช่หรือไม่?”การตั้งคำถามของหลิงอวี๋ทำให้ขุนนางบางส่วนก้มหน้าลงอย่างอับอายและบางคนก็มิเห็นด้วย จอหงวนสือเฉินทนมิไหวบ่นพึมพำออกมา “นั่นมิใช่เพราะท่านจัดการมิเป็นธรรมจึงทำให้ทุกคนโกรธหรือ!”หลิงอวี๋มีความสามารถในการได้ยินเหนือผู้อื่นจึงได้ยินคำพูดของสือเฉินทันที นางจึงเอ่ยด้วยเสียงดัง “สือเฉินลุกขึ้น แล้วพูดคำที่เจ้าพูดออกมาเมื่อครู่อีกครั้งดัง ๆ ให้ทุกคนฟังเสีย!”สือเฉินเองก็เป็นคนตรงไปตรงมาเช่นกัน จึงยืนขึ้นแล้วพูดซ้ำด้วยเสียงอันดังโดยมิกลัวใด ๆหลิงอวี๋มิได้โมโห นางชื่นชมคนที่ตรงไปตรงมาเช่นนี้นางพยักหน้า “นั่งลง!”“พวกเจ้าทั้งหลาย ในเมื่อพวกเจ้าล้วนรู้สึกว่า การจัดการของข้ามิยุติธรรม เช่นนั้นจะถามคำถามพวกเจ้าสักสองสามข้อ ขอเพียงคำตอบของพวกเจ้าได้รับการยอมรับจากทุกคน ข้าจะถอนการลงโทษพวกเขา!”“การ
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี
ชีวิตนี้หาสหายรู้ใจได้ยากนัก!หลงเพ่ยเพ่ยยิ้ม นางก็รู้สึกว่าตนกับเย่หรงพูดคุยสื่อสารกันง่ายเช่นกันเย่หรงฉลาด ที่สำคัญที่สุดคือมิใช่บุรุษประเภทหัวโบราณคร่ำครึ มิเหมือนพวกพี่สามที่เอะอะก็วางตนเป็นผู้ใหญ่สั่งสอนนางเฮ้อ หากสามีในอนาคตของนางสามารถพูดคุยกันได้เหมือนเย่หรง เช่นนั้นสามีภรรยาจะมิรักใคร่กลมเกลียวกันมากหรอกหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยคิดแล้วพลันหน้าแดงเรื่อ นี่นางกำลังคิดฟุ้งซ่านอะไรอยู่!“พวกเรามาคิดกันก่อนดีกว่าว่าอีกประเดี๋ยวหากพบเสด็จย่าแล้วจะทำอย่างไรดี!”หลงเพ่ยเพ่ยมิกล้าคิดฟุ้งซ่านต่อไป รีบเปลี่ยนเรื่องคุย“ท่านกังวลว่าท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นจะก่อกวนหรือ?”เย่หรงก็ดึงความคิดกลับมา พวกเขาใกล้จะถึงภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้ว ต้องคิดหาข้ออ้างให้ดี“อืม ท่านหญิงชิงเฉิงมิใช่คนประเภทที่จะเจรจาด้วยง่าย ๆ ท่านหญิงอวิ๋นยังพอคุยง่ายอยู่บ้าง แต่ในเมื่อพวกนางรับคำสั่งจากชายาเจ้าแห่งทะเลมาเพื่อถ่วงเวลาเสด็จย่า ย่อมมิยอมให้ข้าบรรลุเป้าหมายแน่!”หลงเพ่ยเพ่ยเผยสีหน้าอมทุกข์เย่หรงพลันนึกถึงข่าวลือเกี่ยวกับท่านหญิงอวิ๋นขึ้นมา แม้ท่านหญิงอวิ๋นจะเป็นธิดาแท้ ๆ ของชายาเจ้าแห่งทะเล แต่ช่วงห
“โอ้ ใต้หล้านั้นแตกต่างจากใต้หล้าของพวกเราหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยถูกเย่หรงกระตุ้นความอยากรู้ จึงจ้องมองพลางถาม“อืม บ้านเรือนที่นั่นสูงเท่าภูเขา สูงที่สุดอาจถึงร้อยชั้นได้ ทั้งยังมีรถมากมายที่มิต้องใช้ม้าลาก วิ่งได้เร็วมาก!”เย่หรงเล่าให้หลงเพ่ยเพ่ยฟังไปเรื่อย ๆเมื่อพูดถึงเครื่องบินก็ทำให้หลงเพ่ยเพ่ยเบิกตากว้าง นางมองเย่หรงอย่างงง ๆ “เจ้าโกหกกระมัง จะมีเครื่องมือที่สามารถบรรทุกคนขึ้นไปบนฟ้าได้อย่างไร!”“มีจริง ๆ ข้ามิได้โกหกท่าน พี่หญิงหลิงหลิงจำได้มากกว่าข้าเสียอีก รอมีโอกาสให้นางเล่าให้ท่านฟัง ท่านก็จะเชื่อว่าข้ามิได้โกหกท่าน!”เย่หรงเริ่มตื่นเต้น “ท่านหญิง ท่านปู่มิได้บอกหรือว่าคันฉ่องคุนหลุนของตงกู่อวี้สามารถพลิกฟ้าคว่ำปฐพีได้?”“หากพวกเราได้คันฉ่องคุนหลุนมา มิต้องรอเวียนว่ายตายเกิด ข้าจะพาท่านไปดูใต้หล้านั้น! ท่านจะต้องชอบใต้หล้านั้นอย่างแน่นอน!”เย่หรงพูดจนหลงเพ่ยเพ่ยใจเต้นระรัว นางกล่าวออกไปโดยมิต้องคิด “ได้ เช่นนั้นรอพวกเราช่วยแดนเทพผ่านพ้นภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้ พวกเราหาคันฉ่องคุนหลุนเจอแล้วก็ไปด้วยกัน ไปดูใต้หล้าที่เจ้าพูดถึงกัน!”“ตกลงตามนี้!”เย่หรงยกมือขึ้น หลงเพ่ยเพ่
คนหนึ่งคือคนที่ตนรัก อีกคนคือสหายที่ดีที่สุดของตน!แต่พวกเขากลับร่วมมือกันหลอกลวงตน!หยางหงหนิงหันหลังเดินออกไปด้วยใบหน้าบึ้งตึง นางจะมิปล่อยชายชั่วหญิงโฉดคู่นี้ไปแน่!สิ่งที่นางมิได้มาครอบครอง ยอมทำลายทิ้งเสียดีกว่ายอมให้คนอื่นได้ไป!หยางหงหนิงกลับไปที่รถม้าของตน เค้นเสียงลอดไรฟันออกมาคำหนึ่ง “ไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์!”ด้านหน้า เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยต่างก็ร้อนใจดั่งไฟเผา ฮองเฮาเสด็จไปสองชั่วยามแล้ว พวกเขาจะตามทันพระนางหรือ?อีกทั้งต่อให้ตามทัน มีท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นอยู่ พวกนางต้องช่วยชายาเจ้าแห่งทะเลขัดขวางมิให้ฮองเฮาเรียกตัวหลิงอวี๋เข้าเฝ้าแน่“ท่านหญิง พวกเราจะไปทันหรือไม่? ชายาเจ้าแห่งทะเลจะลงมือกับพี่หญิงหลิงหลิงแล้วหรือไม่?”เย่หรงถามอย่างร้อนรนหลงเพ่ยเพ่ยก็ร้อนใจเช่นกัน หลิงอวี๋ยังรอให้นางช่วยชีวิตอยู่ แต่นางก็มิรู้ว่าจะสามารถทูลขอพระราชโองการจากฮองเฮาได้สำเร็จหรือไม่“พวกเราพยายามเต็มที่เถอะ! ขอเพียงตามเสด็จย่าทัน ต่อให้ข้าต้องคุกเข่าอ้อนวอนก็ต้องให้นางพาพี่หญิงหลิงหลิงออกมาให้ได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวปลอบใจเย่หรงเห็นหลงเพ่ยเพ่ยวิ่งวุ่นไปทั่วกับตนก็นับว่าพยายามเ
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร