“องค์หญิงใหญ่ ท่านกับไท่เฟยเส้ามิใช่พี่น้องร่วมสาบานกันหรอกหรือ?”หานอวี้พูดเสียงเย็นชาว่า “ไท่เฟยเส้าตายแล้ว หากท่านมิตามพระนางไปยมโลก พระนางคงจะเหงาแย่...”ก่อนที่องค์หญิงใหญ่จะรู้ว่าหานอวี้ทำอะไร หานอวี้ก็ดึงปกเสื้อของนางออก แล้วเอาผิวหนังที่เน่าเปื่อยของไท่เฟยเส้ายัดเข้าไปในปกเสื้อขององค์หญิงใหญ่หลิงซวนเห็นเหตุการณ์นี้ มิได้พูดอะไร และหันหลังเดินจากไปนางเข้าใจความรู้สึกของหานอวี้ หานเหมยเป็นญาติเพียงคนเดียวของนางในใต้หล้าแห่งนี้หานเหมยและฮองเฮาถูกวังวนลึกลับนั้นดูดหายไป มิรู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร หานอวี้จึงใช้โอกาสนี้ระบายความกลัวและความกังวลใจองค์หญิงใหญ่รู้สึกว่า ผิวหนังของนางซึ่งสัมผัสกับผิวหนังที่เน่าเปื่อยของไท่เฟยเส้าเริ่มคันและเจ็บปวด นางร้องออกมาด้วยความหวาดกลัวแต่เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต่างก็กำลังตามหาหลิงอวี๋และหานเหมย ใครกันจะสนใจนาง!องค์หญิงใหญ่ขอความช่วยเหลือมิได้ หัวเราะมิออกอีกต่อไปหลิงอวี๋ที่เป็นคนเดียวที่จะช่วยนางได้ ก็มาหายตัวไปแล้ว นางจะไปหาใครมาช่วยได้อีก!กรรมใดใครก่อ ผลนั้นย่อมตกแก่ผู้นั้น!องค์หญิงใหญ่นึกถึงคำพูดของหลิงอวี๋ที่เคยกล่าวกับไท่เฟย
เผยอวี้สั่งให้ทหารบางส่วนอยู่ค้นหาหลิงอวี๋ต่อไป อีกส่วนหนึ่งนำตัวมือสังหารที่จับตัวไท่เฟยเส้าและฮองเฮาไปส่งยังเมืองหลวงในบรรดาคนเหล่านั้นมีจ้าวเฉียงฮั่วลุงรองของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยอยู่ด้วย เขาเห็นว่าสถานการณ์มิดี จึงฉวยโอกาสหนีไปกับมือสังหารที่หลบหนีระหว่างการต่อสู้จ้าวเฉียงฮั่วรีบลงเขาอย่างรวดเร็วและรีบกลับจวนเก็บข้าวของและพาครอบครัวหนีไปองค์หญิงใหญ่และไท่เฟยเส้าพ่ายแพ้แล้ว จ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็หายตัวไป ในเวลานี้หากมิรีบหนีแล้วจะรอให้เสียวหลินเทียนกลับมาสังหารหรือไร?ขบวนของเผยอวี้ได้พบกับเย่หรงและแม่นมอูที่กำลังรีบมาสมทบกับหลิงอวี๋ เย่หรงมิเห็นหลิงอวี๋ในขบวน จึงใจหาย หรือว่าตนมาช้าเกินไป หลิงอวี๋ถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยสังหารไปเสียแล้ว?“หลิงหลิงอยู่ที่ใด?”เย่หรงบุกเข้ามาขวางเผยอวี้อย่างดุเดือด หากเรื่องเป็นอย่างที่ตนคิด เขาจะต้องไปฆ่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยให้ได้“เรื่องนี้ยืดยาวนัก ไว้กลับไปคุยกันที่วังเถอะ!”เผยอวี้คว้าตัวเย่หรงไว้ ระหว่างทางก็เล่าเรื่องราวให้ฟังใจของเย่หรงจึงสงบลง แม้ว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นน้อย แต่ก็มิได้หมายความว่าหลิงอวี๋จะตายเสียเลยเมื่อรู้เรื่องแล้ว เขาจะต้องช่วยหลิง
คำพูดของเย่หรงมิได้นำความหวังมาให้มากนัก เผยอวี้รีบพูดว่า “ถึงแม้ลูกแก้ววิญญาณของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะเคลื่อนย้ายได้เพียงมิกี่ร้อยลี้ เราก็ต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะไปถึง จ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะยอมให้ฮองเฮารอจนเราไปช่วยได้หรือ?”“ใช่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น พื้นที่มิกี่ร้อยลี้กว้างใหญ่ออกปานนั้น เราจะไปหาฮองเฮาได้ที่ไหน!”ฉินซานก็พูดอย่างร้อนรนเย่หรงพูดมิออก จะอธิบายพลังของพวกเขาในแดนเทพให้คนธรรมดาเหล่านี้ฟังอย่างไร!เขาไม่มีความอดทนเมื่อต้องอธิบายกับคนที่มิรู้จัก เห็นว่าคนเหล่านี้ช่วยอะไรมิได้ จึงหันหลังเดินจากไป“ข้าบอกทิศทางให้พวกเจ้าแล้ว หลิงหลิงมิอยู่ เช่นนั้นขอตัวก่อน! ข้าไปแล้ว!”เมื่อเผยอวี้รู้ตัวและต้องการจะเรียกเขาไว้ เย่หรงก็หายไปแล้ว“คุณชายเย่…”เผยอวี้ตะโกนอย่างร้อนรน“มิต้องเรียกแล้ว เขามิอยากช่วย เจ้าเรียกจนเสียงแหบก็มิกลับมาหรอก!”แม่นมอูหัวเราะเยาะ พูดอย่างเรียบ ๆ ว่า “พ่อหนุ่มตระกูลเย่คนนี้มิยอมแพ้ในการค้นหาหลิงอวี๋ง่าย ๆ เราตามเขาไป ก็จะหาที่อยู่ของหลิงอวี๋จนเจอ!”“จะตามอย่างไร? เขาวิ่งเร็วขนาดนั้น ข้าตามมิทันหรอก!”เผยอวี้เห็นแล้วว่าพลังของเย่หรงเหนือกว่าตน หากเย่หรงอยาก
เผยอวี้และฉินซานรีบออกจากวังเพื่อเตรียมออกเดินทาง หลิงซวนให้เถาจื่อไปกับหานอวี้เพื่อช่วยเหลือหลิงอวี๋ ส่วนตนจะอยู่ดูแลเซียวเยวี่ยท่านอ๋องเฉิงรีบเขียนจดหมายแจ้งข่าวการหายตัวไปของหลิงอวี๋ให้เซียวหลินเทียนทราบข่าวสารถูกส่งไปด้วยความเร็วสูงสุด ใช้เวลาเพียงสองวันก็ถึงมือเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนมิเคยคาดคิดมาก่อนว่า แม้จะรีบกลับมายังเมืองหลวงด้วยความเร็วสูงสุดเขาก็ยังหวังว่าจะได้พบกับภรรยาและลูก แต่กลับเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นเซียวหลินเทียนโกรธจนมือสั่น คนอย่างจ้าวหรุ่ยหรุ่ย เขาเกลียดจนอยากจะลอกเนื้อเถือหนังนางทั้งเป็นเมื่อเซียวหลินเทียนสงบสติอารมณ์ลง เขาก็ตัดสินใจมิกลับเมืองหลวง ให้อันเจ๋อเป็นหัวหน้าคณะกลับไปเมืองหลวงก่อน ร่วมมือกับท่านอ๋องเฉิงปกป้องเมืองหลวงส่วนจ้าวฮุยและองค์ชายคัง เซียวหลินเทียนมอบอำนาจให้ท่านอ๋องเฉิงจัดการได้อย่างเต็มที่จ้าวฮุยมีความผิดฐานก่อกบฏต่อแคว้น มีองค์ชายอิงและเจ้าหน้าที่ที่เดินทางไปด้วยเป็นพยาน รวมกับความผิดของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยที่ลักพาตัวฮองเฮา ความผิดทั้งสองข้อนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ตระกูลจ้าวถูกทำลายล้างได้แล้วส่วนองค์ชายคัง เซียวหลินเทียนได้รับข่า
ตอนที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยถูกหลิงอวี๋ยิงได้รับบาดเจ็บและตกลงมาจากกิ่งไม้ นางนอนอยู่บนพื้นหญ้า รู้สึกได้ว่าพลังวิญญาณกำลังสลายไปอย่างรวดเร็ว รู้ว่าหากตกอยู่ในมือหลิงอวี๋ นางต้องหนีมิรอดเป็นแน่ในยามคับขันระหว่างความเป็นความตาย นางหยิบลูกแก้ววิญญาณที่เฉียวเค่อให้มา มิสนใจคำเตือนของเฉียวเค่อที่ว่าห้ามใช้โดยพลการ เพื่อเอาชีวิตรอด เพราะนางยอมเสี่ยงหลิงอวี๋เดินเข้ามาพอดี จ้าวหรุ่ยหรุ่ยจึงพาหลิงอวี๋ไปด้วยใครจะไปคิดว่าลูกแก้ววิญญาณจะพาพวกนางทั้งสามมาที่ยอดเขาหิมะ จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเป็นคนแรกที่ตื่นขึ้น เห็นเทือกเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน ถึงกับเกือบจะสติแตกนี่มันที่ไหนกัน?นางมิรู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน เช่นนั้นจะหาทางกลับไปอย่างไร?แต่สิ่งที่ทำให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยฮึดขึ้นมาใหม่คือการที่นางเห็นหลิงอวี๋และหานเหมยที่นอนอยู่ข้าง ๆนางมิได้อยู่คนเดียว!ศัตรูของนางก็มาด้วย!ฮ่า ฮ่า ฮ่า!จ้าวหรุ่ยหรุ่ยมิสนใจที่จะยินดี ค่อย ๆ คลานไปหาหลิงอวี๋ แล้วหยิบเข็มเงินออกมาปิดกั้นจิตสำนึกของหลิงอวี๋ และยังแทงเข็มเงินที่บริเวณจุดตันเถียนของหลิงอวี๋อีกหลายเข็ม เพื่อให้แน่ใจว่าหลิงอวี๋จะมิสามารถใช้พลังได้แต่แค่
หลิงอวี๋เห็นท่าทีของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยอ่อนลง อีกทั้งความตั้งใจเดิมก็เป็นความหวังดี จึงปล่อยไม้เท้าแล้วเอ่ยเสียงเรียบ“ขอเพียงเจ้ามิทำร้ายพวกเรา จะอะไรก็คุยง่ายทั้งนั้น ไปเถิด!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยถูกเผยอวี้ยิงที่น่องจนบาดเจ็บ ทั้งยังถูกธนูยิงเข้าที่ท้องน้อยอีกด้วย จึงเดินมิเร็วนักหลิงอวี๋จึงให้หานเหมยประคองนาง ส่วนตนก็สำรวจเส้นทางอยู่ข้างหน้าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยคิดว่าภูเขาหิมะแห่งนี้ทอดยาวไปไกลสุดลูกหูลูกตา หลิงอวี๋หนีไปมิพ้น จึงมิกังวลเมื่อท้องฟ้าเริ่มมืด อุณหภูมิก็ลดลงอย่างรวดเร็วตามที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยบอกไว้ตอนที่ทั้งสามคนอยู่ที่ฉินตะวันตกเป็นวสันตฤดู จึงมิได้สวมเสื้อผ้ามากนัก ไหนเลยจะคิดว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะพาพวกนางมาที่ภูเขาหิมะ พวกนางต่างก็หนาวจนตัวสั่นกันไปหมดหลิงอวี๋รู้สึกเพียงว่าร่างกายของตนเริ่มจะแข็ง และในที่สุดก่อนฟ้ามืดก็พบร่องเขาแห่งหนึ่งที่พอจะให้ทั้งสามคนเข้าไปซ่อนตัวได้ร่องเขาเป็นช่องตรงกลางของก้อนหินหลายก้อน ข้างหน้าไม่มีที่กำบัง ทั้งสามคนจึงเกาะกลุ่มเข้าด้วยกันแล้วพิงกันเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นลมหนาวพัดอย่างรุนแรงอยู่ข้างนอก ทั้งสามคนมิได้เอาของกินใด ๆ มา เดินกันมานานก็หิวโ
เมื่อนึกถึงเฉียวเค่อ จู่ ๆ จ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็มีความหวังขึ้นมาอีกครั้งเป้าหมายของเฉียวเค่อในการมาที่ฉินตะวันตกครานี้คือการจับตัวหลิงอวี๋ ตราบใดที่หลิงอวี๋อยู่ในมือของตน เฉียวเค่อจะต้องหาวิธีตามหาพวกนางอย่างแน่นอนเมื่อถึงตอนนั้นก็จะสามารถหนีไปจากสถานที่แย่ ๆ นี้ได้แน่!จ้าวหรุ่ยหรุ่ยครุ่นคิดไปเรื่อยเปื่อย มิรู้ว่าเผลอหลับไปเมื่อใดหลิงอวี๋และหานเหมยกอดกันเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นและค่อย ๆ หลับไปเช่นกันแต่เมื่อถึงกลางดึก ทั้งสามคนต่างก็ถูกความหนาวเย็นปลุกให้ตื่นขึ้นมาอุณหภูมิในภูเขาหิมะลดลงเร็วเกินไป และหิมะที่ลมหนาวพัดมาก็ตกลงมาบนตัวของทั้งสามคน ทำให้ทั้งสามหนาวเหน็บจนร่างจะแข็งจ้าวหรุ่ยหรุ่ยมิสนใจความแค้นของนางกับพวกหลิงอวี๋ เบียดเสียดเข้าไประหว่างทั้งสองนั้นแล้วพยายามให้ทั้งสองคนทำให้ตนอบอุ่นยาวนานกว่าจะถึงรุ่งสาง จ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็รู้สึกว่าตนหิวมากจนกินหมูทั้งตัวได้เลย“มิได้ พวกเราจะเดินทางเช่นนี้มิได้ ต้องหาอาหารให้อิ่มท้องแล้วค่อยลงจากภูเขา!”“มิเช่นนั้นพวกเราคงไม่มีแรงเดินลงภูเขาแน่!”อุณหภูมิร่างกายที่ลดลงทำให้พลังงานของทั้งสามคนหมดไป จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเองก็ไม่มีแรงแล้ว แต่ก
วัง?บนภูเขาหิมะจะมีวังได้อย่างไร?หลิงอวี๋มองดูอย่างละเอียดถี่ถ้วนเมื่อครู่บนภูเขายังคงมีหมอกอยู่ จึงมองเห็นฝั่งตรงข้ามมิชัดเจนแต่เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นส่องแสงเหล่ากลุ่มหมอกก็สลายหายไป วังแห่งนั้นจึงปรากฏขึ้นมาหลังคาสูงและกำแพงที่ดูสง่างามนั้นสีขาวราวกับหิมะที่อยู่รอบ ๆ สะท้อนแสงอาทิตย์และส่องแสงระยิบระยับออกมา!มันคือวังจริง ๆ วังน้ำแข็ง!หลิงอวี๋รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา เมื่อเห็นวังก็หมายความว่ามีคนอยู่ เช่นนั้นพวกนางก็ไม่มีทางหิวและแข็งตายอยู่บนภูเขาหิมะนี้แล้วหลิงอวี๋รีบสังเกตเส้นทางไปสู่วังน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว ขอเพียงลงจากภูเขาหิมะนี้ แล้วหาเส้นทางภูเขาฝั่งตรงข้ามก็สามารถเข้าถึงวังน้ำแข็งได้แล้วหลิงอวี๋จดจำทิศทางของวังน้ำแข็งแล้วย้อนกลับไปตามทางที่มานางยังคงคิดถึงกระต่ายตัวนั้นอยู่นึกได้ว่าจะไปวังน้ำแข็งจะต้องใช้กำลัง หากมิได้กินอะไรสักหน่อย ก็คงเป็นเรื่องยากที่พวกนางจะไปถึงวังน้ำแข็งแห่งนั้น!หลิงอวี๋มีความหวังขึ้นมาแล้ว นางจึงมองหาร่องรอยของกระต่ายอย่างใจเย็น มิช้าหลิงอวี๋ก็พบมูลสัตว์เมื่อตามทิศทางของมูลไป ในที่สุดหลิงอวี๋ก็พบกระต่ายหิมะสองสามตัวกำลังกินอาหารอยู่ใน
“ข้ามีนามว่าหลานฮุ่ยจวน ข้าเป็นคนให้กำเนิดเจ้ามา เป็นแม่ของเจ้า!”ท่านอาสุ่ยเอ่ยต่อ “อาอวี๋ แม่รอเจ้ามาหลายปีแล้ว ขอเพียงเจ้าเปิดห้องขังนี้ แม่ก็จะอยู่กับเจ้าตลอดไปได้!”หลิงอวี๋เห็นแสงสีรุ้งเหล่านั้นจางลงไป จากนั้นนางก็มาอยู่ในห้องขังที่มืดมิดห้องหนึ่งสตรีที่สวมอาภรณ์เก่า ๆ ผู้หนึ่งกำลังถูกขังอยู่ในกรงเหล็ก บนใบหน้าของนางเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ ดูราวกับว่าถูกทุบตีมาอย่างสาหัสเมื่อนางเห็นหลิงอวี๋ สตรีผู้นั้นก็พุ่งเข้ามาคว้าลูกกรงไว้แล้วเรียกนางด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวังใบหน้านั้นมีความอ่อนโยนและค่อนข้างคุ้นเคย หลิงอวี๋จึงเดินเข้าไปหาโดยมิรู้ตัว“ท่านคือท่านแม่ของข้าหรือ?”นางเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสับสน“ข้าคือแม่ของเจ้า… อาอวี๋ เจ้าคือลูกที่ข้าอุ้มท้องมาสิบเดือนและให้กำเนิดเจ้ามา เหตุใดเจ้าจึงจำข้ามิได้เล่า?”“อาอวี๋ แม่ก็มิอยากแยกจากเจ้าเช่นกัน แต่คนเลวพวกนั้นมาพรากเราออกจากกัน พวกเขาขังแม่ไว้ที่นี่ ทุบตีทำร้ายแม่ ทรมานแม่!”สตรีผู้นั้นสะอื้นพลางเอ่ยออกมา “แม่คิดถึงเจ้าตลอดเวลาที่อยู่ในคุก ที่เจ้ามาหาที่นี่มิใช่ว่าเพื่อจะมาช่วยเหลือแม่หรอกหรือ?”“เจ้ารีบไขประตูช่วยแม่ออ
“มิใช่ ข้ามีนามว่าสิงอวี๋ พวกเขาจำคนผิดแล้ว!”แม้ว่าหลิงอวี๋จะชอบเสียงของสตรีผู้นี้ แต่จะฟังแค่ประโยคเดียวของนางแล้วยอมรับตัวตนเลยก็คงมิได้ท่านอาสุ่ยยิ้มออกมาแล้วทำไม้ทำมือไปทางเจ้าแห่งทะเลเจ้าแห่งทะเลยกมือขึ้นมา จากนั้นองครักษ์ผู้หนึ่งก็ก้าวเข้ามาเปิดกลไกของกรงเหล็ก ประตูเหล็กจึงเลื่อนขึ้นไป และท่านอาสุ่ยก็เดินเข้าไปหลิงอวี๋รู้สึกหวั่นใจขึ้นมา นี่เจ้าแห่งทะเลต้องการจะทำกระไร?เขาพาท่านอาสุ่ยที่ดูประหลาดผู้นี้มาก็เพราะคิดจะเกลี้ยกล่อมตนหรือ?“สิงอวี๋ เจ้าแห่งทะเลตรัสว่าท่านเป็นบิดาของเจ้า และระหว่างเจ้ากับเจ้าแห่งทะเลก็มีเรื่องเข้าใจผิดกันบางอย่าง เจ้าแห่งทะเลทรงให้ข้ามาเกลี้ยกล่อมเจ้าว่าอย่าได้ดื้อดึงกับท่านเลย”ท่านอาสุ่ยเอ่ยออกมาอย่างอ่อนโยน “พ่อลูกกันมิโกรธกันข้ามวันข้ามคืน หากมีเรื่องอันใดเข้าใจผิดกัน พูดกันตรง ๆ ก็จบ!”“เจ้าบอกกับอามาว่า เหตุใดเจ้าจึงมิยอมรับบิดาของเจ้า?”หลิงอวี๋เหลือบมองเจ้าแห่งทะเลที่ยืนอยู่ด้านข้างแล้วยิ้มบาง ๆ “มิใช่ว่าข้ามิยอมรับพ่อ แต่พวกเขาจำคนผิดจริง ๆ เจ้าค่ะ!”“ข้ามิใช่หลิงอวี๋ และมิใช่บุตรีของเจ้าแห่งทะเลแน่นอน! ข้าสกุลสิง ท่านพ่อท่านแม่ขอ
หลิงอวี๋มองชายาเจ้าแห่งทะเลที่เดินออกไป แววตาพลันเย็นเยียบลงนางมิคิดว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะมาที่นี่ด้วยตนเองเพียงเพื่อกล่าวถึงเรื่องไร้สาระเหล่านี้ชายาเจ้าแห่งทะเลต้องมีแผนสำรองอื่นอีกแน่นอน“ศิษย์พี่ ชายาเจ้าแห่งทะเลคิดจะทำอะไรกันแน่เจ้าคะ?”เถาจื่อถามอย่างสงสัย “เหตุใดพวกเขามิพาพวกเราไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์?”ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนยังคิดอยู่ว่า หากมิสามารถพาหลิงอวี๋ออกมาได้ ก็จะไปซุ่มรออยู่ใกล้ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อเตรียมพร้อมชิงตัวคนทว่ายามนี้ชายาเจ้าแห่งทะเลกลับมิเล่นตามตำรา เพียงแค่กักตัวหลิงอวี๋ไว้ในจวนเจ้าแห่งทะเล พวกเขามิกังวลว่าจะเกิดเรื่องมิคาดฝันขึ้นหรือไร?“มีความเป็นไปได้สองอย่าง ประการแรกคือ บางทีวิธีนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาอาจจะมิใช่วิธีสลายเลือดละลายกระดูกตามข่าวลือ แต่อาจจะเป็นวิธีอื่น!”“อย่างไรเสียข่าวลือเหล่านี้ก็แพร่มาหลายร้อยปีแล้ว อาจเป็นไปได้ว่า ตระกูลหลงจงใจปล่อยข่าวออกมาก็เพื่อข่มขวัญผู้ที่ละโมบอยากได้หยกหล้าสุขาวดี!”หลิงอวี๋วิเคราะห์อย่างใจเย็น“ส่วนอีกความเป็นไปได้หนึ่งก็คือ ตัวหยกหล้าสุขาวดีเองยังมีความลับอยู่ เจ้าแห่งทะเลมิรู้ ทว่าเขาคิดว่าข้ารู้ จ
ภารกิจของชายาเจ้าแห่งทะเลคือการงัดปากหลิงอวี๋ให้บอกวิธีเข้าไปในหยกหล้าสุขาวดีภารกิจนี้ยากยิ่ง!ชายาเจ้าแห่งทะเลยังมิอาจพูดตรง ๆ ได้ มิฉะนั้นก็เท่ากับเป็นการชี้ให้หลิงอวี๋ล่วงรู้ถึงความมิรู้ของพวกเขาเกี่ยวกับหยกหล้าสุขาวดีทั้งยังจะกระตุ้นให้หลิงอวี๋ไปค้นพบความลับของหยกหล้าสุขาวดี ถึงกาลนั้นเจ้าแห่งทะเลต้องการครอบครองหล้าสุขาวดีก็คงยากยิ่งกว่าการขึ้นสวรรค์เสียอีกเมื่อครู่ชายาเจ้าแห่งทะเลกำลังครุ่นคิดอย่างหนักว่าจะทำอย่างไรให้หลิงอวี๋ประนีประนอมยอมบอกความลับของหยกหล้าสุขาวดีออกมาอย่างว่าง่าย แต่คิดไปคิดมาก็ยังไม่มีแผนการที่ดีเลยนางทำได้เพียงลองหยั่งเชิงดูก่อน ดูว่าจะสามารถใช้เซียวหลินเทียนและบุตรชายของหลิงอวี๋มาเกลี้ยกล่อมให้นางคายความลับออกมาได้หรือไม่“หลิงอวี๋ เจ้าอย่าเพิ่งรีบปฏิเสธ ฟังเงื่อนไขที่ข้าจะมอบให้เจ้าก่อน!”ชายาเจ้าแห่งทะเลระงับโทสะไว้ และกล่าวอย่างเยือกเย็น “เจ้าคือฮองเฮาแห่งฉินตะวันตก เซียวเยวี่ยบุตรชายเจ้าคือรัชทายาทแห่งฉินตะวันตก แต่ไหนแต่ไรแผ่นดินนั้นของพวกเจ้ากับพวกเราก็มิเคยก้าวก่ายกัน!”“อีกทั้งสามีข้าก็คือบิดาของเจ้า พวกเราก็มิได้อยากจะฆ่าล้างพวกเจ้าหรอก
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว