เผยอวี้กับขันทีโม่ก็มิได้สังเกตเช่นกันขันทีโม่สังเกตเห็นเพียงว่า บุรุษที่ตามหลังบุรุษผู้นั้นไปก็เป็นยอดฝีมือในการบำเพ็ญตนเช่นกัน ดูจากการแต่งตัวของเขา น่าจะเป็นพวกบ่าวมีคนสามกลุ่มนี้ในเมืองเล็กก็หมายความว่าหลิงอวี๋อยู่ใกล้ ๆ นี้พวกเซียวหลินเทียนกับเผยอวี้รีบกินอาหารเย็นแล้วเดินออกไป หมายจะติดตามไปตามมิศทางของคนทั้งสามกลุ่มนี้พวกเซียวหลินเทียนสามคนเพิ่งจะเดินออกมา ก็เห็นนางรับใช้ที่วิพากษ์วิจารณ์คุณหนูรองตระกูลเก๋อเมื่อครู่เดินมาหาแล้วมุ่งตรงมาที่เซียวหลินเทียน จากนั้นจึงเอ่ย “คุณชาย หาสถานที่คุยกันสักหน่อยได้หรือไม่?”เซียวหลินเทียนตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วระวังตัวทันที หรือว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลเก๋อมองออกถึงตัวตนของเขาแล้วจึงจงใจให้นางรับใช้ผู้นี้มารออยู่ที่นี่?“ไปคุยกันที่โรงน้ำชาข้างหน้าแล้วกัน!”เซียวหลินเทียนกวาดสายตามอง เห็นว่าฝั่งตรงข้ามมีโรงน้ำชาที่ยังคงเปิดอยู่ เขาจึงเดินนำไปเผยอวี้กับขันทีโม่มองหน้ากัน ต่างก็เดามิออกว่าคุณหนูใหญ่จากตระกูลเก๋อให้นางรับใช้มาหาเซียวหลินเทียนเพื่ออะไร แต่ทั้งคู่ก็ตามไปอย่างเข้าใจเซียวหลินเทียนหาโต๊ะริมหน้าต่างแล้วนั่งลงมองซูจู๋โดยมิพ
เซียวหลินเทียนหันกลับไปจ้องมองซูจู๋ด้วยสายตาเย็นเยียบ ในฐานะจักรพรรดิผู้ทรงอำนาจและเย็นชา กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากร่างของเขานั้นกดดันจนร่างกายของซูจู๋หนาวไปทั่วร่างราวกับว่าจู่ ๆ บรรยากาศของโรงน้ำชาก็ลดลงถึงจุดเยือกแข็ง นางรู้สึกเย็นยะเยือกจนขนลุกซู่ไปหมดชั่วขณะหนึ่ง นางรู้สึกว่า เพียงเซียวหลินเทียนยกเท้าขึ้นมาก็สามารถเหยียบย่ำนางจนตายเหมือนมดตัวหนึ่งได้แล้วเซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างเย็นชา “กบในกะลากล้าที่จะมาโวยวายกับข้า เจ้าคิดว่าใต้หล้านี้ไม่มีผู้ใดเทียบตระกูลเก๋อได้จริง ๆ รึ? บอกว่าภรรยาของข้าเป็นตาปลา ในสายตาของข้า คุณหนูใหญ่ของเจ้ามิคู่ควรที่จะแบกรองเท้าของภรรยาข้าด้วยซ้ำ!”“หากข้าได้ยินคำพูดดูหมิ่นภรรยาของข้าจากปากเจ้าอีก ข้าจะทำให้พ่อแม่ของเจ้าเสียใจที่ให้กำเนิดเจ้ามา!”หลังจากพูดจบ เซียวหลินเทียนก็มิสนใจซูจู๋อีกและก้าวขายาวเดินออกไปในหัวของซูจู๋ว่างเปล่า เซียวหลินเทียนไปนานแล้วนางกลับเพิ่งตื่นขึ้นมาราวกับฝัน อาภรณ์ส่วนหลังของนางเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็น ยิ่งเพิ่มความหนาวเย็นขึ้นไปอีกซูจู๋ตัวสั่น คุณชายผู้นี้เป็นคุณชายตระกูลใดกันแน่?เหตุใดนางมิเคยเห็นบุรุษที่มีอำนาจน่าส
เมื่อเซียวหลินเทียนกลับมาที่โรงเตี๊ยม ก็ให้เผยอวี้ ขันทีโมและลู่หนานแบ่งกองกำลังออกเป็นสามกลุ่มไปติดตามตระกูลเฉียว ตระกูลเก๋อ และบุรุษลึกลับผู้นั้นมิว่าตระกูลใดในสามตระกูลจะพบที่อยู่ของหลิงอวี๋ก่อน ก็ให้รายงานข้อมูลทันที และชิงช่วยเหลือหลิงอวี๋ออกมาตัดหน้าพวกเขาขันทีโม่รับผิดชอบในการติดตามบุรุษลึกลับ เผยอวี้รับผิดชอบตระกูลเฉียว และฉินซานติดตามคนตระกูลเก๋อเนื่องจากคนที่เผชิญหน้าล้วนเป็นผู้บำเพ็ญตนระดับสูงมาก องครักษ์ธรรมดาเหล่านั้นหากส่งไปก็หาได้มีประโยชน์ไม่ เซียวหลินเทียนจึงให้ลู่หนานส่งจดหมายถึงจ้าวซวน ให้เหลือคนที่มีวรยุทธ์แก่กล้าของค่ายกองทหารเสือไว้เพียงมิกี่สิบคนเท่านั้น ส่วนคนอื่น ๆ ให้กลับไปรอที่เมืองซานต้งคืนนั้นพวกขันทีโม่สามคนพาคนออกไปสืบข่าว ส่วนเซียวหลินเทียนก็รอฟังข่าวอยู่ที่โรงเตี๊ยมโรงเตี๊ยมแห่งนี้นับว่าค่อนข้างดีในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ ที่ที่เซียวหลินเทียนอาศัยอยู่เป็นเรือนส่วนตัว แม้ว่าราคาจะสูงมากแต่เขาก็มิได้เสียดายแม้แต่น้อยเหยี่ยวน้อยที่เฮยอิงขององค์ชายอิงคาบมา เซียวหลินเทียนยังไม่มีโอกาสส่งมันกลับไปเมืองหลวง คราวนี้เซียวหลินเทียนก็พามันมาตามหาหลิงอวี๋ด้
เผยอวี้เพิ่งจะพูดจบ ฉินซานกับขันทีโม่ก็กลับมาตาม ๆ กันขันทีโม่ส่ายหัวพลางเอ่ย “กระหม่อมคลาดกับบุรุษลึกลับผู้นั้น พลังของเขาสูงกว่ากระหม่อมมาก กระหม่อมตามมิทันจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนเคยได้รับรู้ถึงความสามารถของบุรุษผู้นั้นแล้ว จึงมิได้ตำหนิขันทีโม่ที่คลาดกับเขาฉินซานก็รายงานการสอบสวนตระกูลเก๋อของตน“ฝ่าบาท ครานี้ตระกูลเก๋อมาสองกลุ่ม นอกจากกลุ่มคุณหนูสองคนของตระกูลเก๋อแล้ว ยังมีกลุ่มของเก๋อเทียนซือด้วย พวกเขาน่าจะมิได้มากับคุณหนูสองคนของตระกูลเก๋อ แต่เป็นการต่างคนต่างทำงานพ่ะย่ะค่ะ!”“วันนี้คุณหนูสองคนของตระกูลเก๋อแยกกันค้นหา คุณหนูใหญ่ตระกูลเก๋อจับตามองคนตระกูลเฉียว ส่วนคุณหนูรองจับตามองเก๋อเทียนซือ เป้าหมายน่าจะเป็นการตามหาฮองเฮาทั้งหมด!”“วันนี้คุณหนูใหญ่ตระกูลเก๋อไปตลาดซื้อขายทาส เป็นสถานที่ประมูลทาสในเมืองเล็กนี้ แล้วนางก็ซื้อนางรับใช้มาสองสามคน!”“ฝ่าบาท กระหม่อมรู้สึกว่า ท่านสามารถไปดูที่ตลาดซื้อขายทาสแห่งนั้นได้พ่ะย่ะค่ะ ในนั้นมีคนที่สามารถใช้งานได้มากมายนัก!”ฉินซานเอ่ยอย่างตื่นเต้น “วันนี้กระหม่อมเห็นทาสคุนหลุนคนหนึ่ง ดูเหมือนถ่านดำ แต่มีพลังมาก สิงโตหินถูกเ
เซียวหลินเทียนกับฉินซานแทบจะหันไปมองพร้อมกันทันทีที่ได้ยินชื่อหานเหมยแล้วก็เห็นว่าบนเกวียนคันนั้นก็มีทาสหญิงอยู่จำนวนมิน้อยสตรีคนที่ขันทีโม่พูดถึงยืนนิ่งอยู่ในมุมหนึ่งด้วยท่าทีเฉยเมย บนตัวและใบหน้าของนางเต็มไปด้วยบาดแผล ชุดก็ขาดรุ่งริ่งจนเผยผิวหนังส่วนใหญ่ออกมา“หานเหมย!”ฉินซานตะโกนขึ้นมาอย่างตื่นเต้นที่เขาเป็นฝ่ายอาสาออกมาตามหาหลิงอวี๋ครั้งนี้ เหตุผลอีกครึ่งหนึ่งก็เพื่อหานเหมยนับตั้งแต่ที่ฉินซานมีความคิดที่จะแต่งงานกับหานเหมย เขาก็ให้ความสนใจหานเหมยอย่างมากหานเหมยทำงานอย่างจริงจัง ทั้งยังขยันเรียนรู้และปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างอ่อนน้อมอย่างยิ่งไป ๆ มา ๆ ฉินซานก็ตกหลุมรักหานเหมยที่ขยันและจิตใจดีผู้นี้ไปเสียแล้วเดิมทีเขาอยากหาโอกาสหยั่งเชิงหานเหมยว่าจะยินดีแต่งงานกับตนหรือไม่ ไหนเลยจะคิดว่ายังมิทันได้โอกาส หานเหมยก็หายตัวไปพร้อมกับหลิงอวี๋เสียก่อนแล้วฉินซานกังวลมาตลอดว่า หานเหมยจะถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยสังหารไปแล้วเพราะไม่มีประโยชน์และมูลค่า คาดมิถึงว่าจะได้เห็นหานเหมยยังมีชีวิตอยู่ฉินซานตื่นเต้นจนอยากจะพุ่งเข้าไปช่วยหานเหมยออกมาขันทีโม่คว้าตัวเขาไว้แล้วกระซิบ “อย่าหุนหัน
ฉินซานได้รับคำสั่งแล้วไปเจรจาธุรกิจกับผู้ค้ามนุษย์ทันทีสิ่งที่เซียวหลินเทียนมิคาดคิดก็คือ วันนี้เก๋อเฟิ่งฉิงคุณหนูใหญ่ตระกูลเก๋อและเก๋อเฟิ่งเจียวคุณหนูรองตระกูลเก๋อก็มาด้วยเก๋อเฟิ่งฉิงมองปราดเดียวก็เห็นเซียวหลินเทียนที่โดดเด่นอยู่ท่ามกลางผู้คนทันทีเมื่อเห็นเขาสั่งให้คนรับใช้ไปเจรจาการค้ากับผู้ค้ามนุษย์ เก๋อเฟิ่งฉิงก็กลอกตาแล้วกระซิบกับซูจู๋ทันที จากนั้นซูจู๋ก็ตามฉินซานไปเก๋อเฟิ่งเจียวมิเชื่อใจเก๋อเฟิ่งฉิง การเคลื่อนไหวเล็ก ๆ นี้ก็ดึงความสนใจของเก๋อเฟิ่งเจียวเช่นกัน นางจึงให้นางรับใช้ของตนตามไปดูด้วยฉินซานกำลังคุยอยู่กับหม่าเฉียงหัวหน้าผู้ค้ามนุษย์วัยสี่สิบปี“นายของเราบอกว่า เขาสนใจทาสหญิงเกวียนนี้ อยากซื้อตามราคาสูงสุด และขอเพียงให้เจ้าตอบคำถามเขามิกี่ข้อ...เรื่องดีเช่นนี้หากพลาดไปคงไม่มีอีกแล้ว เจ้าต้องคว้าโอกาสไว้!”หม่าเฉียงได้ยินเช่นนี้ก็ใจเต้นแรงทันที คุณภาพของทาสหญิงเกวียนนี้ของตนมิได้นับว่าดีมากนัก เมื่อวานมาแล้ววันหนึ่งก็ขายมิออกสักคน วันนี้มีคนอยากจะซื้อทั้งหมดในคราวเดียว แล้วเขาจะพลาดโอกาสนี้ไปได้อย่างไรเล่า!“นายใหญ่อยากถามอะไรข้า?”หม่าเฉียงเอ่ยอย่างตื่นเต้น
เซียวหลินเทียนเห็นภาพนี้ไกล ๆ ก็รู้ว่ามีคนทำให้ฉินซานลำบากแล้วเขาเห็นซูจู๋ที่ขัดแย้งอยู่กับฉินซานก็พอจะคาดเดาเจตนาของเก๋อเฟิ่งฉิงได้เซียวหลินเทียนสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น อยากจะแข่งความรวยหรือ?เขามิเชื่อว่ากำลังทรัพย์ของคุณหนูตระกูลเก๋อจะเทียบกับตนที่เป็นจักรพรรดิได้ความเย่อหยิ่งของเซียวหลินเทียนเพิ่มขึ้นในทันที อย่างไรวันนี้เขาก็จะต้องปรามอำนาจของเก๋อเฟิ่งฉิงให้ได้เขาเดินเข้าไปด้วยใบหน้ามิสบอารมณ์เก๋อเฟิ่งฉิงเห็นว่าคนในใจเดินเข้าไปก็ตามเข้าไปด้วย“หกหมื่น!”ซูจู๋ให้ราคาเป็นสองเท่าจากที่หม่าเฉียงเสนอ หม่าเฉียงมีความสุขมาก แต่ยังฝืนมิพยักหน้าแล้วมองไปทางฉินซานฉินซานรู้ว่าเซียวหลินเทียนมิได้ใส่ใจกับเงินจำนวนนี้ เขาสามารถตัดสินใจเสนอราคาตามไปได้แต่เขาก็มองออกเช่นกันว่า วันนี้นางรับใช้ที่อยู่ตรงหน้าตั้งใจจะมีปัญหากับตน จึงกลัวว่าหากตนขึ้นราคา นางรับใช้ผู้นี้ก็จะขึ้นราคาไปด้วยแล้วเมื่อใดจึงจะสิ้นสุดเล่า?เวลานี้ฉินซานก็เห็นเซียวหลินเทียนเดินเข้ามา แล้วพยักหน้าให้เขาอย่างยากที่ใครจะสังเกตเห็นฉินซานจึงเอ่ยขึ้นมาทันที “แปดหมื่น!”เซียวหลินเทียนบอกเป็นนัยแล้วว่าเขาสามารถดันรา
บุรุษผู้นี้ฉลาดนัก!เก๋อเฟิ่งฉิงกลุ้มอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็มิได้โกรธ สิ่งที่นางต้องการคือบุรุษที่ได้ทั้งบุ๋นและบู๊เช่นนี้ หากเซียวหลินเทียนโง่เกินไป นางก็มิสนใจแล้ว!“พี่หญิง ข้าคิดว่าคุณชายผู้นี้พูดถูกนะ!”เก๋อเฟิ่งเจียวเบียดเข้ามาแล้วเอ่ยยิ้ม ๆ “ทาสหญิงเหล่านี้มิคุ้มราคาจริง ๆ หากท่านใช้เงินมากมายเช่นนี้ซื้อพวกนาง กลับไปจะต้องถูกท่านยายดุเป็นแน่!”“ท่านก็ทำตามที่คุณชายผู้นี้บอก ยอมให้เขาไปเถิด เลือกมาสองคนให้เขามอบให้ท่านเปล่า ๆ เขาจะต้องยอมแน่นอน!”เซียวหลินเทียนเกือบจะหัวเราะออกมา เขามิคาดคิดว่าความขัดแย้งภายในของตระกูลเก๋อจะชัดเจนถึงเพียงนี้ คุณหนูรองตระกูลเก๋อมาช่วยเหลือคนนอกเช่นนี้เก๋อเฟิ่งฉิงสีหน้ามิพอใจ นางคาดมิถึงว่าเก๋อเฟิ่งเจียวจะเผยจุดอ่อนของตนออกไป นี่มิใช่เป็นการบอกเซียวหลินเทียนหรือว่าหากตนเสนอราคาขึ้นอีก กลับไปจะต้องถูกท่านยายดุ?“เฟิ่งเจียว ไปยืนด้านข้างเสีย ข้าทำอะไรอย่างมีเหตุผล ท่านยายมิดุข้าหรอก!”เก๋อเฟิ่งฉิงฝืนพูดต่อไปเก๋อเฟิ่งเจียวยิ้มเยาะ “เช่นนั้นท่านมีเหตุผลอะไรก็พูดมาสิ พูดให้ชัดเจนแล้วข้าจะมิคัดค้านที่ท่านใช้เงินมหาศาลซื้อทาสหญิงเหล่านี้ มิเช่นนั้นข
“ข้ามีนามว่าหลานฮุ่ยจวน ข้าเป็นคนให้กำเนิดเจ้ามา เป็นแม่ของเจ้า!”ท่านอาสุ่ยเอ่ยต่อ “อาอวี๋ แม่รอเจ้ามาหลายปีแล้ว ขอเพียงเจ้าเปิดห้องขังนี้ แม่ก็จะอยู่กับเจ้าตลอดไปได้!”หลิงอวี๋เห็นแสงสีรุ้งเหล่านั้นจางลงไป จากนั้นนางก็มาอยู่ในห้องขังที่มืดมิดห้องหนึ่งสตรีที่สวมอาภรณ์เก่า ๆ ผู้หนึ่งกำลังถูกขังอยู่ในกรงเหล็ก บนใบหน้าของนางเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ ดูราวกับว่าถูกทุบตีมาอย่างสาหัสเมื่อนางเห็นหลิงอวี๋ สตรีผู้นั้นก็พุ่งเข้ามาคว้าลูกกรงไว้แล้วเรียกนางด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวังใบหน้านั้นมีความอ่อนโยนและค่อนข้างคุ้นเคย หลิงอวี๋จึงเดินเข้าไปหาโดยมิรู้ตัว“ท่านคือท่านแม่ของข้าหรือ?”นางเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสับสน“ข้าคือแม่ของเจ้า… อาอวี๋ เจ้าคือลูกที่ข้าอุ้มท้องมาสิบเดือนและให้กำเนิดเจ้ามา เหตุใดเจ้าจึงจำข้ามิได้เล่า?”“อาอวี๋ แม่ก็มิอยากแยกจากเจ้าเช่นกัน แต่คนเลวพวกนั้นมาพรากเราออกจากกัน พวกเขาขังแม่ไว้ที่นี่ ทุบตีทำร้ายแม่ ทรมานแม่!”สตรีผู้นั้นสะอื้นพลางเอ่ยออกมา “แม่คิดถึงเจ้าตลอดเวลาที่อยู่ในคุก ที่เจ้ามาหาที่นี่มิใช่ว่าเพื่อจะมาช่วยเหลือแม่หรอกหรือ?”“เจ้ารีบไขประตูช่วยแม่ออ
“มิใช่ ข้ามีนามว่าสิงอวี๋ พวกเขาจำคนผิดแล้ว!”แม้ว่าหลิงอวี๋จะชอบเสียงของสตรีผู้นี้ แต่จะฟังแค่ประโยคเดียวของนางแล้วยอมรับตัวตนเลยก็คงมิได้ท่านอาสุ่ยยิ้มออกมาแล้วทำไม้ทำมือไปทางเจ้าแห่งทะเลเจ้าแห่งทะเลยกมือขึ้นมา จากนั้นองครักษ์ผู้หนึ่งก็ก้าวเข้ามาเปิดกลไกของกรงเหล็ก ประตูเหล็กจึงเลื่อนขึ้นไป และท่านอาสุ่ยก็เดินเข้าไปหลิงอวี๋รู้สึกหวั่นใจขึ้นมา นี่เจ้าแห่งทะเลต้องการจะทำกระไร?เขาพาท่านอาสุ่ยที่ดูประหลาดผู้นี้มาก็เพราะคิดจะเกลี้ยกล่อมตนหรือ?“สิงอวี๋ เจ้าแห่งทะเลตรัสว่าท่านเป็นบิดาของเจ้า และระหว่างเจ้ากับเจ้าแห่งทะเลก็มีเรื่องเข้าใจผิดกันบางอย่าง เจ้าแห่งทะเลทรงให้ข้ามาเกลี้ยกล่อมเจ้าว่าอย่าได้ดื้อดึงกับท่านเลย”ท่านอาสุ่ยเอ่ยออกมาอย่างอ่อนโยน “พ่อลูกกันมิโกรธกันข้ามวันข้ามคืน หากมีเรื่องอันใดเข้าใจผิดกัน พูดกันตรง ๆ ก็จบ!”“เจ้าบอกกับอามาว่า เหตุใดเจ้าจึงมิยอมรับบิดาของเจ้า?”หลิงอวี๋เหลือบมองเจ้าแห่งทะเลที่ยืนอยู่ด้านข้างแล้วยิ้มบาง ๆ “มิใช่ว่าข้ามิยอมรับพ่อ แต่พวกเขาจำคนผิดจริง ๆ เจ้าค่ะ!”“ข้ามิใช่หลิงอวี๋ และมิใช่บุตรีของเจ้าแห่งทะเลแน่นอน! ข้าสกุลสิง ท่านพ่อท่านแม่ขอ
หลิงอวี๋มองชายาเจ้าแห่งทะเลที่เดินออกไป แววตาพลันเย็นเยียบลงนางมิคิดว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะมาที่นี่ด้วยตนเองเพียงเพื่อกล่าวถึงเรื่องไร้สาระเหล่านี้ชายาเจ้าแห่งทะเลต้องมีแผนสำรองอื่นอีกแน่นอน“ศิษย์พี่ ชายาเจ้าแห่งทะเลคิดจะทำอะไรกันแน่เจ้าคะ?”เถาจื่อถามอย่างสงสัย “เหตุใดพวกเขามิพาพวกเราไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์?”ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนยังคิดอยู่ว่า หากมิสามารถพาหลิงอวี๋ออกมาได้ ก็จะไปซุ่มรออยู่ใกล้ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อเตรียมพร้อมชิงตัวคนทว่ายามนี้ชายาเจ้าแห่งทะเลกลับมิเล่นตามตำรา เพียงแค่กักตัวหลิงอวี๋ไว้ในจวนเจ้าแห่งทะเล พวกเขามิกังวลว่าจะเกิดเรื่องมิคาดฝันขึ้นหรือไร?“มีความเป็นไปได้สองอย่าง ประการแรกคือ บางทีวิธีนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาอาจจะมิใช่วิธีสลายเลือดละลายกระดูกตามข่าวลือ แต่อาจจะเป็นวิธีอื่น!”“อย่างไรเสียข่าวลือเหล่านี้ก็แพร่มาหลายร้อยปีแล้ว อาจเป็นไปได้ว่า ตระกูลหลงจงใจปล่อยข่าวออกมาก็เพื่อข่มขวัญผู้ที่ละโมบอยากได้หยกหล้าสุขาวดี!”หลิงอวี๋วิเคราะห์อย่างใจเย็น“ส่วนอีกความเป็นไปได้หนึ่งก็คือ ตัวหยกหล้าสุขาวดีเองยังมีความลับอยู่ เจ้าแห่งทะเลมิรู้ ทว่าเขาคิดว่าข้ารู้ จ
ภารกิจของชายาเจ้าแห่งทะเลคือการงัดปากหลิงอวี๋ให้บอกวิธีเข้าไปในหยกหล้าสุขาวดีภารกิจนี้ยากยิ่ง!ชายาเจ้าแห่งทะเลยังมิอาจพูดตรง ๆ ได้ มิฉะนั้นก็เท่ากับเป็นการชี้ให้หลิงอวี๋ล่วงรู้ถึงความมิรู้ของพวกเขาเกี่ยวกับหยกหล้าสุขาวดีทั้งยังจะกระตุ้นให้หลิงอวี๋ไปค้นพบความลับของหยกหล้าสุขาวดี ถึงกาลนั้นเจ้าแห่งทะเลต้องการครอบครองหล้าสุขาวดีก็คงยากยิ่งกว่าการขึ้นสวรรค์เสียอีกเมื่อครู่ชายาเจ้าแห่งทะเลกำลังครุ่นคิดอย่างหนักว่าจะทำอย่างไรให้หลิงอวี๋ประนีประนอมยอมบอกความลับของหยกหล้าสุขาวดีออกมาอย่างว่าง่าย แต่คิดไปคิดมาก็ยังไม่มีแผนการที่ดีเลยนางทำได้เพียงลองหยั่งเชิงดูก่อน ดูว่าจะสามารถใช้เซียวหลินเทียนและบุตรชายของหลิงอวี๋มาเกลี้ยกล่อมให้นางคายความลับออกมาได้หรือไม่“หลิงอวี๋ เจ้าอย่าเพิ่งรีบปฏิเสธ ฟังเงื่อนไขที่ข้าจะมอบให้เจ้าก่อน!”ชายาเจ้าแห่งทะเลระงับโทสะไว้ และกล่าวอย่างเยือกเย็น “เจ้าคือฮองเฮาแห่งฉินตะวันตก เซียวเยวี่ยบุตรชายเจ้าคือรัชทายาทแห่งฉินตะวันตก แต่ไหนแต่ไรแผ่นดินนั้นของพวกเจ้ากับพวกเราก็มิเคยก้าวก่ายกัน!”“อีกทั้งสามีข้าก็คือบิดาของเจ้า พวกเราก็มิได้อยากจะฆ่าล้างพวกเจ้าหรอก
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว