จ้าวหรุ่ยหรุ่ยมิเชื่อว่าหลิงอวี๋จะเป็นฝ่ายวิ่งเข้าหาความตายเสียเอง ทว่าหากตีไปอีกครั้งจริง ๆ แล้วหลิงอวี๋เอาตัวไปเสี่ยงเข้าจริง ๆ จะทำอย่างไรเล่า?นางจะต้องพาหลิงอวี๋ไปที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์แบบที่ยังมีชีวิตอยู่ จึงจะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาจากร่างของนางได้ หากว่าหลิงอวี๋ตายไป เช่นนั้นแล้วศพนั้นก็จะไม่มีประโยชน์ใด ๆ สำหรับตน“นางสารเลว เจ้ายังกล้ามาขู่ข้าอีกรึ!”ใจของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้โอนอ่อนลงแล้ว แต่ปากยังมิยอมแสดงให้เห็นว่าตนด้อยกว่า นางดึงมือหลิงอวี๋อย่างแรงและเตะออกไป“หากเจ้าอยากตายก็เชิญไปตายเสีย! อย่างมากข้าก็มิเอาของสิ่งนั้นแล้ว แต่ข้าจะมิยอมให้คนชั้นต่ำเช่นเจ้ามาทำตัวไร้มารยาทกับข้าเป็นอันขาด!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเหยียบลงไปบนใบหน้าหลิงอวี๋อย่างรุนแรง จากนั้นก็อาศัยความได้เปรียบของตนถอยออกไป“ตอนนี้เราอยู่ห่างจากเมืองหลวงแดนเทพหนึ่งพันกว่าลี้ เจ้ารีบรักษาตัวให้หายโดยเร็ว เราต้องรีบไปที่เมืองหลวงแดนเทพ!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยจ้องมองหลิงอวี๋อย่างโหดเหี้ยม จากนั้นจึงเปิดประตูให้เสี่ยวเอ้อร์ยกอาหารเข้ามาแม้ว่าหลิงอวี๋จะโดนเตะไปแล้วสองครั้ง แต่กลับมองท่าทีข่มขู่ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยออก นางกำลังก
จ้าวหรุ่ยหรุ่ยอยู่ในรถม้าข้างหน้า เมื่อนางได้ยินคำพูดของหลิงอวี๋เข้า สีหน้าของนางก็มืดมนลง นางกำลังคิดว่าจะออกไปห้าม แต่ก็คิดว่าหากหัวหน้าสำนักคุ้มภัยป่วยหนักขึ้นมา ก็จะส่งผลกระทบต่อแผนการเดินทางได้ นางจึงอดทนไว้ก่อนถึงอย่างไรตัวตนของหลิงอวี๋ในตอนนี้ก็เป็นนางรับใช้ของตน ดังนั้นแม้ว่าต่อให้นางรักษาหัวหน้าสำนักคุ้มภัยจนหายได้ ความดีความชอบก็จะตกเป็นของตนอยู่ดีจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเลิกม่านรถม้าขึ้น แล้วเอ่ยอย่างใจดี “อวี้หนู เจ้าไปตรวจให้เขาเถิด! การช่วยชีวิตคนหนึ่งคนดีเสียยิ่งกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้นอีก เรามิควรนิ่งดูดาย!”หลิงอวี๋มิได้ใส่ใจเรื่องที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยขโมยความดีความชอบไป จุดประสงค์ของนางก็คือต้องการที่จะใช้โอกาสนี้สั่งยาให้หัวหน้าสำนักคุ้มภัย แล้วหาเครื่องสมุนไพรที่ใช้ป้องกันตัวหลิงอวี๋ลงจากรถม้าแล้วเดินเข้าไปวัดชีพจรของหัวหน้าหม่า จากนั้นก็สั่งยาและให้หม่าเปียวส่งผู้คุ้มกันคนหนึ่งไปซื้อเครื่องยาสมุนไพรมาจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเองก็เป็นคนเจ้าแผนการเช่นกัน มีหรือที่นางจะไว้ใจหลิงอวี๋ นางจึงอ้างว่าจะช่วยหลิงอวี๋ตรวจสอบดูว่ามีคำใดเขียนผิดหรือไม่ จากนั้นก็นำตำรับยาไปตรวจสอบอย่างละเอียด
ทั้งกลุ่มเดินทางกันต่อไป และในที่สุดพลบค่ำของสองวันต่อมาพวกเขาก็มาถึงที่เมืองจงกวนกันแล้วเมืองจงกวนแห่งนี้ใหญ่โตมาก แม้จะเป็นตอนพลบค่ำแล้วแต่ที่ประตูเมืองก็ยังคงมีผู้คนสัญจรไปมาทุกคนอยู่กันที่ประตูเมืองเกือบหนึ่งชั่วยาม กระทั่งจัดการหนังสือผ่านแดนเสร็จเรียบร้อย จึงได้รับอนุญาตให้เข้าไปในเมืองได้หลิงอวี๋กับป้าวซวนพยายามที่จะควบคุมความรู้สึกตื่นเต้นของพวกนางเอาไว้ พวกนางวางแผนที่จะหลบหนีกันในวันพรุ่งนี้คืนนี้เป็นวันที่สิบแล้วที่ป้าวซวนกินยาพิษของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเข้าไป และจ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็จะให้ยาแก้พิษกับนางหลิงอวี๋บอกป้าวซวนว่า เมื่อรับยาแก้พิษมาแล้วมิต้องรีบกิน ให้กินยาลงไปเล็กน้อย เพื่อที่ตนจะได้ตรวจสอบสูตรยา และจะได้เตรียมยาแก้พิษให้นางด้วยป้าวซวนเชื่อฟังและทำตามคำพูดของหลิงอวี๋ ในคืนนั้นจึงรบเร้าให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยมอบยาแก้พิษแก่นาง เมื่อตอนเข้าพักที่โรงเตี๊ยมแล้วเมื่อจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเห็นว่านางมีท่าทางกลัวตายเช่นนั้น นางจึงให้ยาแก้พิษไปอย่างอารมณ์มิดีนักป้าวซวนกินยาแก้พิษเข้าไปต่อหน้าจ้าวหรุ่ยหรุ่ย แต่กลับอมเอาไว้ในปาก มิได้กลืนยาลงไป กระทั่งตอนที่นางไปเข้าห้องน้ำ นางจึงกัดยา
“เจ้ามิรู้หรือว่าที่ที่อันตรายที่สุดก็คือที่ที่ปลอดภัยที่สุด?”หลิงอวี๋ยิ้มปลอบใจแล้วเอ่ยออกมา “เรากลับไปที่โรงเตี๊ยม ก็จะดูได้ด้วยว่าเมื่อจ้าวหรุ่ยหรุ่ยหาพวกเรามิเจอแล้วนางจะทำอย่างไรต่อ! เจ้ามิต้องกังวล มากับข้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างแน่นอน!”ภายใต้การชักชวนของหลิงอวี๋ ป้าวซวนจึงเดินตามหลิงอวี๋กลับไปอย่างจนใจทั้งสองคนเดินเข้าไปทางประตูหลัก แสร้งทำเป็นจะรีบเดินทางแล้วมากินอาหารเช้า และนั่งลงตรงที่นั่งริมหน้าต่างจ้าวหรุ่ยหรุ่ยที่อยู่เรือนด้านหลังพบแล้วว่าหลิงอวี๋กับป้าวซวนหายไป นางก็โกรธมากจนอยากจะทุบโรงเตี๊ยมแห่งนี้ทิ้งไปเสียแต่นางยังคงข่มความโกรธไว้ และขอความช่วยเหลือจากสำนักคุ้มภัยและกลุ่มพ่อค้าอย่างน่าสงสาร ให้พวกเขาช่วยตนตามหาจ้าวหรุ่ยหรุ่ยแสร้งทำเป็นจิตใจดีต่อหน้าคนเหล่านี้ นางร้องไห้และบอกว่านางรับใช้ทั้งสองของตนนั้น จะต้องถูกคนร้ายลักพาตัวไปอย่างแน่นอนพวกพ่อค้าและคนจากสำนักคุ้มภัยล้วนได้รับตำรับยาแก้ท้องเสียนั้นไปแล้ว ดังนั้นเพื่อตอบแทนกันและกัน พวกเขาจึงระดมทุกคนให้ช่วยกันตามหา และบางคนก็บอกว่าจะไปรายงานทางการ และขอให้ทางการส่งคนมาช่วยตามหาด้วยหลิงอวี๋กับป้าวซวนก็
หม่าเปียวตอบตกลงทันที กระทั่งกินบะหมี่เสร็จแล้วเขาก็พาคนของตนกับกลุ่มพ่อค้าออกเดินทางไปหลิงอวี๋กับป้าวซวนเห็นว่า จ้าวหรุ่ยหรุ่ยพาผู้คุ้มกันทั้งสองออกไปตามหาพวกตนอีกครั้งแล้ว ดังนั้นพวกนางจึงกินอาหารเช้าจนเสร็จอย่างใจเย็นแล้วเดินออกมา“น้องหญิง เราหาที่พักกันก่อนสักสองวันเถิด เช่นนี้แล้วข้าจะได้จัดเตรียมยาแก้พิษให้เจ้าได้ และอีกอย่างคือข้าจะได้ซ่อนตัวจากจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้ด้วย!”“หากจ้าวหรุ่ยหรุ่ยหาพวกเรามิพบ นางก็คงจะไปที่เมืองหลวงแดนเทพ แล้วพวกเราค่อยออกเดินทางล่าช้าไปสักสองสามวัน ก็คงจะมิพบนางอีก!”หลิงอวี๋จับเศษเงินใต้แขนเสื้อ ของมีค่าทั้งหมดที่นางพกติดตัวมา ถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยแย่งชิงไปจนหมดแล้ว เหลืออยู่เพียงเศษเงินมิกี่ตำลึงเท่านั้น นางยังต้องทำงานหาเงินอีก เมื่อเก็บรวบรวมค่าเดินทางได้แล้ว จึงจะสามารถเดินทางได้ป้าวซวนไม่มีของมีค่าอะไรติดตัวมาเลย และหากทั้งสองจะเดินทาง เมื่อไม่มีเงินก็ไม่มีทางไปถึงเมืองหลวงแดนเทพได้แน่ตอนนี้ป้าวซวนทำได้เพียงติดตามหลิงอวี๋ไปเท่านั้น หลิงอวี๋ว่าอย่างไรก็ว่าตามนั้นทั้งสองแสดงเป็นพี่น้องที่หนีภัยกันมาแล้วไปหาที่พักอาศัยแต่เมืองจงกวนนั้นใหญ่นัก
“น้องหญิง มีคนกำลังมา!”หลิงอวี๋รีบลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว ป้าวซวนก็มิได้หลับเช่นกันจึงรีบลุกขึ้นนั่ง แล้วเอ่ยถามด้วยความกังวล “พี่หญิงเจียง จะเป็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยมาตามหาเราหรือไม่?”สิ่งที่นางกลัวมากที่สุดคือการตกไปอยู่ในมือของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย“น่าจะมิใช่!”หลิงอวี๋เอ่ยเสียงเบาอย่างปลอบใจ จากนั้นนางก็ย่องไปที่ข้างหน้าต่าง อาศัยแสงจันทร์มองไป ก็เห็นร่างหนึ่งเดินโซเซเข้ามาในลานคนผู้นี้ดูเหมือนจะใช้แรงจนหมด จึงล้มลงกับพื้นอย่างเสียงดังโครม“พี่หญิงเจียง นั่นคือใครกัน?”ป้าวซวนก็ขยับเข้ามาข้าง ๆ หลิงอวี๋เช่นกัน แล้วนางก็มองออกไปอย่างอยากรู้อยากเห็น“อย่าพูด...”หลิงอวี๋เงียบลง จากนั้นทั้งสองคนก็โน้มตัวมองไปตรงหน้าต่างอย่างเงียบ ๆแล้วก็เห็นเพียงว่าคนที่อยู่ตรงพื้นนั้นไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆหลิงอวี๋รออยู่อีกสักพักก็มิเห็นใครตามมา นางจึงพาป้าวซวนเดินออกมา“น้องหญิง เจ้าออกไปดูนอกวัดว่ามีคนอื่นหรือไม่ ส่วนข้าจะตรวจคนผู้นี้เสียหน่อย!”หลิงอวี๋สั่งออกไปแม้ว่าป้าวซวนจะกลัว แต่นางก็ยังคงฟังคำพูดของหลิงอวี๋ แล้วเดินย่องออกไปหลิงอวี๋วิ่งเข้าไปหาคนที่นอนอยู่ตรงพื้น จากนั้นก็อาศัยแสงจั
หมอเถาถอนหายใจออกมา แล้วโบกมือ “มิต้องพูดแล้ว ไปเถิด ๆ! หากข้าผ่านเรื่องนี้ไปได้อย่างปลอดภัย ในภายหน้าโรงฮุ่ยเฉ่าก็คงจะได้เปิดขึ้นอีกครั้ง ถึงเวลานั้นพวกเจ้าอยากจะกลับมาก็ค่อยกลับมากันเถิด!”หลังจากนั้นมินาน ลูกจ้างหนุ่มหลายคนก็เดินหอบห่อผ้าเข้าไปกล่าวลาหมอเถาทีละคนทั้งน้ำตาและเดินออกมาหลิงอวี๋รีบเดินเข้าไป จากนั้นเสี่ยวซิ่งลูกจ้างหนุ่มที่ยังมิไปก็เห็นนางเข้าจึงเอ่ย “ฮูหยิน ร้านเราปิดแล้ว หากท่านอยากจะตรวจรักษาก็ไปที่ร้านอื่นเถิด!”“ข้าต้องการยา!”หลิงอวี๋เอ่ยออกมาอย่างรวดเร็วขณะที่เสี่ยวซิ่งกำลังจะพูดออกมา หมอเถาก็เอ่ย “เจ้าดูว่านางต้องการเครื่องยาสมุนไพรอันใด แล้วมอบให้นางไปเสียเถิด โรงฮุ่ยเฉ่าปิดแล้ว นางเป็นลูกค้ารายสุดท้าย ก็ถือได้ว่านางมีโชคชะตากับข้า!”เสี่ยวซิ่งจึงยื่นมือออกไป “ใบเทียบยาเล่า?”“ข้าไม่มีใบเทียบยา ข้าจะบอกให้เอง เจ้าแค่ใส่มาตามปริมาณที่ข้าบอกก็พอ!”หลิงอวี๋รีบบอกเครื่องยาสมุนไพรที่ต้องการออกไป แล้วเสี่ยวซิ่งก็วางห่อผ้าลง จากนั้นก็ไปเปิดกล่องและตู้เพื่อช่วยหยิบยาให้หลิงอวี๋หลิงอวี๋เห็นว่าเครื่องยาสมุนไพรเหล่านั้นเหลืออยู่มิมาก และบางอันก็ถูกห่อเอาไว้แล้
ท้องใหญ่เท่ากลองเลยหรือ?เมื่อหลิงอวี๋ฟังหมอเถาเล่าถึงอาการป่วยของฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อเสร็จแล้ว ในหัวของนางก็มีวิธีรักษาเกี่ยวกับโรคประเภทนี้หลายวิธีผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็วเพียงแต่หากมิได้พบผู้ป่วย ก็มิสามารถยืนยันได้ว่าควรใช้วิธีไหนดี“หมอเถา วันพรุ่งท่านจะไปที่จวนข้าหลวงเก๋อเมื่อใดหรือ?”หลิงอวี๋เอ่ยถามออกมา“ก่อนยามเหม่า[footnoteRef:0]!” [0: ยามเหม่า คือ ช่วง 05.00 - 07.00 น.] หมอเถามองหลิงอวี๋อตาปริบ ๆ “แม่นาง เจ้ามีวิธีรักษาโรคประหลาดเช่นนี้นี้หรือ?”หลิงอวี๋ยิ้มออกมา “ก็มีวิธีอยู่ ทว่าหากยังมิพบผู้ป่วยก็มิอาจตัดสินได้ว่าใช้ได้จริงหรือไม่! หมอเถา วันพรุ่งตอนยามอู่[footnoteRef:1]ข้าจะมาหาท่าน แล้วไปที่ตระกูลเก๋อพร้อมกับท่าน!” [1: ยามอู่ คือ ช่วง 11.00 - 13.00 น.] เมื่อหมอเถาได้ยินดังนั้นก็รู้สึกมีความหวังขึ้นมา แม้ว่าจะมีความสงสัยอยู่ในใจว่า วัยรุ่นเช่นหลิงอวี๋นี้สามารถรักษาโรคของฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อได้หรือไม่ แต่ตนก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วถึงอย่างไรก็ต้องตายอยู่แล้ว ลองดูสักหน่อยก็ไม่มีอะไรเสียหาย“แม่นาง เจ้าวางใจเถิด หากเจ้ามิอาจรักษาได้ ต่อให้ข้าต้องทุ่มทั้งชีวิต ข้าก็จ
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี