“เสี่ยวชี อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!”เย่หรงร้อนใจจนอยากจะพุ่งเข้าไปห้ามหลิงอวี๋ถอยหลังไปหลายก้าวแล้วตะคอกออกมา “เย่หรง อย่าเข้ามา! ท่านช่วยข้ามิได้หรอก!”“ดูหลงเพ่ยเพ่ยเถิด มีอำนาจมีอิทธิพล ตระกูลเฉียวยังมิเห็นนางอยู่ในสายตาเลย ยังสามารถพาตัวพี่ชายของข้าไปจากมือของนางได้ แล้วท่านจะทำกระไรได้?”“ข้ามิอยากทำให้พวกท่านต้องลำบาก ข้ากับพี่ชายยอมตายไปด้วยกันก็จบแล้ว!”เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยได้ยินคำพูดของหลิงอวี๋ ใบหน้าของนางก็แดงก่ำขึ้นมาด้วยความอายหลิงอวี๋ไม่มีอำนาจและอิทธิพลจึงต่อสู้กับตระกูลเฉียวมิไหวก็พอจะเข้าใจได้ แต่นางเป็นบุตรีของเจ้าแห่งทิศใต้ เป็นท่านหญิงของราชวงศ์ แต่กลับปกป้องคนที่อยากปกป้องไว้มิได้ นี่เป็นเรื่องที่น่าอับอายยิ่งนัก!ท่านผู้เฒ่าเย่โกรธจนเคราสั่น “ฮูหยินเฉียว เจ้ารังแกกันเกินไปแล้ว เกินไปจริง ๆ… หากเจ้ากล้าลงมือในวันนี้ ตระกูลเย่ของข้าและตระกูลเฉียวของพวกเจ้าก็คงมิอาจอยู่ร่วมแผ่นดินเดียวกันแล้ว!”เย่ซื่อเจียงก็ตะโกนออกมาด้วยท่าทางจริงจังเช่นกัน “ฮูหยินเฉียว อย่าทำให้เรื่องร้ายแรงเลย หากเจ้าบีบให้สิงอวี๋ตาย นับจากนี้ตระกูลเย่ของข้าและตระกูลเฉียวของเจ้าจะอยู่ร่วมแผ่นดิน
พวกเหลยเหวินมองสถานการณ์บานปลายไปจนถึงจุดที่สิงอวี๋ใช้การปลิดชีพตนมาต่อต้านอย่างตกตะลึง พวกเขารู้สึกกังวลมาก มิรู้ว่าจะช่วยให้สิงอวี๋ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่ามีคนเป็นผู้นำบีบฮูหยินเฉียว เหลยเหวินก็มิสนใจอะไรแล้ว จึงวิ่งออกไปหาฮูหยินเฉียว“ฮูหยินเฉียว ใช้ข้าแทนพี่ใหญ่สิงเถิด ข้าเป็นสหายสนิทของสิงอวี๋ นางคงมิยอมเห็นข้าตายแน่ ๆ!”“ข้าด้วย!”หลงเพ่ยเพ่ยหรือจะยอมล้าหลัง นางรู้สึกผิดต่อสิงอวี๋ที่ปล่อยให้สิงจั๋วตกอยู่ในมือของฮูหยินเฉียว นางจะยืนดูเฉย ๆ ได้อย่างไร เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้นางก็เดินเข้าไปด้วยใบหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน“ข้าเป็นท่านหญิง ย่อมมีน้ำหนักมากกว่าพวกเจ้า สิงอวี๋จะต้องมิปล่อยให้ข้าตายอย่างแน่นอน ข้าจะเปลี่ยนตัวกับสิงจั๋วเอง!”“จะขาดข้าไปได้อย่างไรเล่า! สิงอวี๋กับข้าเป็นสหายสนิทกันก็ควรจะถูกฮูหยินเฉียวใช้ข่มขู่สิงอวี๋จึงจะถูก มิเช่นนั้นความสำคัญของข้าก็มิถูกเปิดเผยสิ!”จงเจิ้งเฟยตามมาอย่างมิยอมแสดงความอ่อนแอออกมาเมื่อเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้แล้ว อู่เถาและบัณฑิตบางส่วนจากหอโอสถซ่างกู่ก็พากันเดินไปหาฮูหยินเฉียวเช่นกัน“พวกเราเป็นศิษย์น้อง
เซียวหลินเทียนผลักดันการแสดงที่หลิงอวี๋เป็นผู้นำให้ไปถึงจุดสูงสุด หลิงอวี๋รู้อยู่แก่ใจ แล้วจะลบความดีของเขาออกไปอย่างขัดกับความรู้สึกได้อย่างไรเล่า!จ้าวหรุ่ยหรุ่ยมองอยู่ที่ด้านข้าง เดิมทีนางคิดว่าด้วยนิสัยของหลิงอวี๋แล้ว เมื่อเห็นว่าฮูหยินเฉียวใช้ชีวิตของสิงจั๋วมาข่มขู่ นางจะต้องยอมรับอย่างแน่นอนไหนเลยจะคิดว่าเรื่องราวจะหลุดจากการควบคุมแล้วกลับกลายเป็นเช่นนี้ไปได้ล้มเหลวในตอนสุดท้ายเสียได้!จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเห็นว่าฮูหยินเฉียวทำให้ทุกคนโกรธ ก็รู้สึกเสียดายอยู่ในใจ แต่สายตาก็มองไปทางแม่ทัพเฉิงวันนี้เป็นโอกาสดีที่สุดที่จะพิสูจน์ว่าสิงอวี๋คือหลิงอวี๋หรือไม่ หากพลาดโอกาสนี้ไป ต่อไปหากจะพิสูจน์อีกก็ยากแล้วไหน ๆ แม่ทัพเฉิงก็มาแล้ว จะมิใช้ให้คุ้มค่าได้อย่างไรเล่า!จ้าวหรุ่ยหรุ่ยมิกลัวที่จะเป็นจุดเด่นแล้ว เพื่อที่จะจับหลิงอวี๋และเซียวหลินเทียน วันนี้ตระกูลเฉียวจึงนำยอดฝีมือจำนวนมากมาสำนักศึกษาชิงหลงด้วยแม่ทัพเฉิงเองก็นำกลุ่มทหารมาเช่นกัน หากวันนี้มิสามารถจับทั้งสองคนได้ พวกเขาก็ไม่มีโอกาสแล้ว“สิงอวี๋ สิ่งที่ฮูหยินเฉียวทำนั้นมิถูกต้อง นางมิควรจับตัวพี่ชายเจ้ามาข่มขู่เจ้า! พฤติกรรมเช
เมื่อแม่ทัพเฉิงเห็นว่าสถานการณ์กลับมาในทางที่ถูกต้องแล้ว เขาจึงรีบเอ่ยออกไป “สิงอวี๋ ข้ามิสนว่าเจ้าจะเป็นหลิงอวี๋หรือไม่ ในเมื่อเจ้าสามารถเอาชนะปรมาจารย์ไป่หลี่ ทั้งยังทำให้เจ้าวังฉู่ยอมศิโรราบได้ เจ้าก็มีความสามารถที่จะช่วยฮูหยินของข้าได้!”“โปรดให้ความช่วยเหลือ ช่วยฮูหยินของข้าด้วยเถิด!”หลิงอวี๋มองจ้าวหรุ่ยหรุ่ยด้วยใบหน้าตึงเครียดนางมองออกแล้ว จ้าวหรุ่ยหรุ่ยต้องการบีบให้ตนลงมือทว่าหากนางช่วยฮูหยินเฉิง นั่นจะมิเป็นการพิสูจน์ว่าตนคือหลิงอวี๋หรือ?ฮูหยินเฉิงป่วยเป็นเนื้องอกในสมอง หากมิผ่าตัดก็ไม่มีทางช่วยนางได้!“พี่หญิงสิง ขอร้องท่านช่วยท่านแม่ของข้าด้วยเถิด!”ผู้ที่เฝ้าอยู่ข้างเกี้ยวของฮูหยินเฉิงตลอดเวลาคือเฉิงเหล่ยลูกสาวคนเล็กของแม่ทัพเฉิง ปีนี้นางเพิ่งจะอายุสิบสามปี รูปร่างหน้าตางดงาม แม้ว่าใบหน้ายังมิโตเต็มที่แต่ก็มีเค้าของความงามแล้วดวงตาของนางแยกเป็นสีดำและสีขาวอย่างชัดเจน และมัดผมเป็นมวยทั้งสองข้างน้ำเสียงของนางอ่อนเยาว์ พูดคำนี้ออกมาพร้อมเสียงสะอื้นและคุกเข่าลงกับพื้นเฉิงเหล่ยเป็นเด็กแต่ก็ฉลาดมาก เมื่อครู่นางเห็นฮูหยินเฉียวจับสิงจั๋วเป็นตัวประกันไปข่มขู่สิงอวี๋ก
สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว!หลิงอวี๋มิสามารถใช้ความเห็นอกเห็นใจที่ผู้อื่นมีต่อตนเองเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้อีกแล้วส่วนบรรดาคนที่ช่วยนางพูดก่อนหน้านี้ก็มิสามารถช่วยได้อีก เพราะฮูหยินเฉียวดูน่าสงสารยิ่งขึ้นแล้ว!เซียวหลินเทียนทั้งโกรธทั้งนับถือจ้าวหรุ่ยหรุ่ย สตรีผู้นี้ฉลาดมิแพ้หลิงอวี๋เลยแม้แต่น้อย นางควบคุมธรรมชาติของมนุษย์ได้อย่างชำนาญ และใช้ได้อย่างคล่องแคล่วอีกด้วยหลิงอวี๋ก็มีความคิดเช่นเดียวกัน นางจะผ่านเรื่องนี้ไปได้อย่างไรกัน!“เหอะ ๆ... เหล่าจิน คิดมิถึงว่าการออกมาท่องหล้ากับเจ้าในวันนี้แล้วจะได้เห็นเรื่องสนุกเช่นนี้!”ไม่มีใครคาดคิดว่าคนที่เอ่ยปากทำลายสถานการณ์อึดอัดนี้ จะเป็นบุรุษผู้สวมหน้ากากทองสำริดที่มิพูดจามาตลอดนับตั้งแต่มาถึงสำนักศึกษาชิงหลง… ท่านซ่ง!เสียงของเขาดังออกมาจากหลังหน้ากาก ฟังดูทุ้มและแหบเล็กน้อยเจ้าสำนักศึกษาจินลอบถอนหายใจโล่งอก เขากำลังกังวลมิรู้ว่าจะจบลงอย่างไร แต่เจ้าคนพูดน้อยผู้นี้ยอมพูดออกมา นั่นก็หมายความว่าเรื่องราวจะมีการเปลี่ยนแปลง“ข้าดูอยู่นานแล้ว และอดมิได้จริง ๆ ข้าอยากจะถามสตรีผู้นั้น...”ท่านซ่งชี้ไปทางจ้าวหรุ่ยหรุ่ย“เจ้าบ
คนมิน้อยต่างก็รู้สึกว่าคำพูดของท่านซ่งมีเหตุผลตาเฒ่าประหลาดเทียนซู สามีภรรยาตระกูลเจียวแห่งวังเทียนจี เจ้าสำนักศึกษาจิน ปรมาจารย์เย่และปรมาจารย์ไป่หลี่ มีใครบ้างที่มิใช่ปรมาจารย์ชั้นนำในเมืองหลวงแดนเทพแม่ทัพเฉิงมิขอความช่วยเหลือจากปรมาจารย์เหล่านี้ แล้วไปขอความช่วยเหลือแค่หลิงอวี๋ผู้ที่ช่วยท่านแม่ของข้าหลวงเก๋อเพียงผู้เดียว เช่นนั้นจะมิเป็นการจัดลำดับความสำคัญผิดหรือไร?แม่ทัพเฉิงจึงเอ่ยขึ้นมาทันที “การได้รับคำแนะนำจากปรมาจารย์ทั้งหลายนับว่าเป็นโชคดีของฮูหยินข้า เสี่ยวเหล่ย พาแม่ของเจ้ามาสิ!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเห็นว่าตนเกือบจะทำสำเร็จแล้ว จะบีบให้สิงอวี๋เปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงได้แล้วไหนเลยจะคาดคิดว่าท่านซ่งผู้นี้จะปรากฏตัวออกมา แล้วนางจะยอมได้อย่างไรกัน!“แม่ทัพเฉิง ฮูหยินเฉิงได้รับความทุกข์ทรมานมามากแล้ว อย่าให้นางทรมานอีกเลย!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเอ่ยด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์ “ก่อนหน้านี้ท่านเคยให้รองเจ้าสำนักศึกษาต่งและปรมาจารย์ไป่หลี่ตรวจดูแล้วมิใช่หรือ? พวกเขาต่างก็ทำอะไรมิได้ ทรมานฮูหยินเฉิงต่อไปอีกก็ไม่มีความหมายหรอก!”“ท่านซ่ง มิใช่ว่าข้าดูถูกพวกท่าน แต่สิ่งที่หลิงอวี๋ทำได้ พวกท่านท
ทุกคนล้วนได้ยินคำพูดของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยท่านซ่งสวมหน้ากากไว้ จึงไม่มีใครดูออกว่าเขาได้ยินคำพูดนี้แล้วโกรธหรือไม่แต่เจ้าสำนักศึกษาจินกลับหัวเราะเหอะ ๆ แล้วมองไปทางไป่หลี่ไห่และเจ้าวังเจียวอย่างเย้ยหยันนับดูแล้ว จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการของเฟิงหลานภรรยาของเจ้าวังเจียว และกับไป่หลี่ไห่ก็เป็นเพียงความสัมพันธ์ระหว่างครูและบัณฑิตเท่านั้นเจ้าสำนักศึกษาจินส่ายหัวให้เฟิงหลานแล้วเอ่ย “ฮูหยินเจียว ศิษย์ของเจ้าผู้นี้ที่จริงก็มิเท่าไรนะ! ไม่มีความสามารถก็ช่างเถิด ยังจะพูดจาคมคายอีก ช่างทำให้คนรำคาญจริง ๆ!”เฟิงหลานปกป้องศิษย์ของตน นางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เจ้าสำนักศึกษาจิน หรุ่ยหรุ่ยแค่เป็นคนพูดจาตรงไปตรงมาเท่านั้น นางยังมิได้แต่งงาน ท่านต่อว่านางเช่นนี้จะมิยุติธรรมกับนางนะ!”“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าก็รู้สึกว่านางมิได้พูดผิดอันใด เจ้าสำนักศึกษาจิน เจ้าวังฉู่และท่านผู้เฒ่าเย่ล้วนเป็นผู้อาวุโส คนสกุลซ่งผู้นี้สวมหน้ากากที่น่าอายเมื่ออยู่ต่อหน้าพวกท่าน เป็นการมิให้ความเคารพและมิเปิดเผยมากพอด้วย!”เมื่อท่านผู้เฒ่าเย่ได้ยินเฟิงหลานลากตนเข้าไปในกลุ่มด้วย เขาก็เอ่ยขึ้นมาทันที “ข้ามิได้คิดมากเท่า
แม้ว่าเซียวหลินเทียนจะโกรธที่แม่ทัพเฉิงร่วมมือกับตระกูลเฉียวทำให้หลิงอวี๋ต้องลำบาก แต่เมื่อเห็นสีหน้าสิ้นหวังของแม่ทัพเฉิง ในใจก็เกิดความรู้สึกสงสารขึ้นมาพูดไปพูดมา แม่ทัพเฉิงก็ใส่ใจฮูหยินเฉิงมากเช่นกัน ดังนั้นจึงไปช่วยคนชั่วทำเรื่องที่มิดีหากเป็นตนแล้วหลิงอวี๋ต้องเผชิญกับความเป็นความตาย ขอเพียงสามารถช่วยนางได้ เขาเองก็จะทำทุกอย่างโดยมิสนใจความยุติธรรมและกฎเกณฑ์ใด ๆ เช่นกันเย่หรงก็มีความคิดเช่นเดียวกัน เขามองแม่ทัพเฉิงอย่างสับสน แต่สิ่งที่คิดอยู่นั้นก็คือ‘หากท่านแม่ของตนได้พบกับบุรุษที่มีเมตตาและคุณธรรมเช่นแม่ทัพเฉิง นางจะไปถึงจุดที่ต้องทนทุกข์มากถึงเพียงนั้นได้อย่างไร?’เย่หรงคิดแล้วจ้องเย่ซื่อเจียงที่ยืนอยู่ด้านบนอย่างดุร้ายไหนเลยจะรู้ว่าเย่ซื่อเจียงหันกลับมาพอดีโดยมิตั้งใจ เขาจึงเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังของเย่หรงเย่ซื่อเจียงใจสั่นขึ้นมาทันทีเดิมทีเขาควรจะโกรธเคืองเย่หรงที่เนรคุณ เพราะตนยอมให้เขาเติบโตมาในตระกูลเย่ แม้มิได้มีบุญคุณที่ให้กำเนิด แต่ก็มีบุญคุณที่เลี้ยงดูแต่เมื่อเขาเห็นดวงตาที่ดูคล้ายกับเลี่ยวหงเสียของเย่หรง ความโกรธก็เปลี่ยนเป็นความรู้สึกผิดอย
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี
ชีวิตนี้หาสหายรู้ใจได้ยากนัก!หลงเพ่ยเพ่ยยิ้ม นางก็รู้สึกว่าตนกับเย่หรงพูดคุยสื่อสารกันง่ายเช่นกันเย่หรงฉลาด ที่สำคัญที่สุดคือมิใช่บุรุษประเภทหัวโบราณคร่ำครึ มิเหมือนพวกพี่สามที่เอะอะก็วางตนเป็นผู้ใหญ่สั่งสอนนางเฮ้อ หากสามีในอนาคตของนางสามารถพูดคุยกันได้เหมือนเย่หรง เช่นนั้นสามีภรรยาจะมิรักใคร่กลมเกลียวกันมากหรอกหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยคิดแล้วพลันหน้าแดงเรื่อ นี่นางกำลังคิดฟุ้งซ่านอะไรอยู่!“พวกเรามาคิดกันก่อนดีกว่าว่าอีกประเดี๋ยวหากพบเสด็จย่าแล้วจะทำอย่างไรดี!”หลงเพ่ยเพ่ยมิกล้าคิดฟุ้งซ่านต่อไป รีบเปลี่ยนเรื่องคุย“ท่านกังวลว่าท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นจะก่อกวนหรือ?”เย่หรงก็ดึงความคิดกลับมา พวกเขาใกล้จะถึงภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้ว ต้องคิดหาข้ออ้างให้ดี“อืม ท่านหญิงชิงเฉิงมิใช่คนประเภทที่จะเจรจาด้วยง่าย ๆ ท่านหญิงอวิ๋นยังพอคุยง่ายอยู่บ้าง แต่ในเมื่อพวกนางรับคำสั่งจากชายาเจ้าแห่งทะเลมาเพื่อถ่วงเวลาเสด็จย่า ย่อมมิยอมให้ข้าบรรลุเป้าหมายแน่!”หลงเพ่ยเพ่ยเผยสีหน้าอมทุกข์เย่หรงพลันนึกถึงข่าวลือเกี่ยวกับท่านหญิงอวิ๋นขึ้นมา แม้ท่านหญิงอวิ๋นจะเป็นธิดาแท้ ๆ ของชายาเจ้าแห่งทะเล แต่ช่วงห
“โอ้ ใต้หล้านั้นแตกต่างจากใต้หล้าของพวกเราหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยถูกเย่หรงกระตุ้นความอยากรู้ จึงจ้องมองพลางถาม“อืม บ้านเรือนที่นั่นสูงเท่าภูเขา สูงที่สุดอาจถึงร้อยชั้นได้ ทั้งยังมีรถมากมายที่มิต้องใช้ม้าลาก วิ่งได้เร็วมาก!”เย่หรงเล่าให้หลงเพ่ยเพ่ยฟังไปเรื่อย ๆเมื่อพูดถึงเครื่องบินก็ทำให้หลงเพ่ยเพ่ยเบิกตากว้าง นางมองเย่หรงอย่างงง ๆ “เจ้าโกหกกระมัง จะมีเครื่องมือที่สามารถบรรทุกคนขึ้นไปบนฟ้าได้อย่างไร!”“มีจริง ๆ ข้ามิได้โกหกท่าน พี่หญิงหลิงหลิงจำได้มากกว่าข้าเสียอีก รอมีโอกาสให้นางเล่าให้ท่านฟัง ท่านก็จะเชื่อว่าข้ามิได้โกหกท่าน!”เย่หรงเริ่มตื่นเต้น “ท่านหญิง ท่านปู่มิได้บอกหรือว่าคันฉ่องคุนหลุนของตงกู่อวี้สามารถพลิกฟ้าคว่ำปฐพีได้?”“หากพวกเราได้คันฉ่องคุนหลุนมา มิต้องรอเวียนว่ายตายเกิด ข้าจะพาท่านไปดูใต้หล้านั้น! ท่านจะต้องชอบใต้หล้านั้นอย่างแน่นอน!”เย่หรงพูดจนหลงเพ่ยเพ่ยใจเต้นระรัว นางกล่าวออกไปโดยมิต้องคิด “ได้ เช่นนั้นรอพวกเราช่วยแดนเทพผ่านพ้นภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้ พวกเราหาคันฉ่องคุนหลุนเจอแล้วก็ไปด้วยกัน ไปดูใต้หล้าที่เจ้าพูดถึงกัน!”“ตกลงตามนี้!”เย่หรงยกมือขึ้น หลงเพ่ยเพ่
คนหนึ่งคือคนที่ตนรัก อีกคนคือสหายที่ดีที่สุดของตน!แต่พวกเขากลับร่วมมือกันหลอกลวงตน!หยางหงหนิงหันหลังเดินออกไปด้วยใบหน้าบึ้งตึง นางจะมิปล่อยชายชั่วหญิงโฉดคู่นี้ไปแน่!สิ่งที่นางมิได้มาครอบครอง ยอมทำลายทิ้งเสียดีกว่ายอมให้คนอื่นได้ไป!หยางหงหนิงกลับไปที่รถม้าของตน เค้นเสียงลอดไรฟันออกมาคำหนึ่ง “ไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์!”ด้านหน้า เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยต่างก็ร้อนใจดั่งไฟเผา ฮองเฮาเสด็จไปสองชั่วยามแล้ว พวกเขาจะตามทันพระนางหรือ?อีกทั้งต่อให้ตามทัน มีท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นอยู่ พวกนางต้องช่วยชายาเจ้าแห่งทะเลขัดขวางมิให้ฮองเฮาเรียกตัวหลิงอวี๋เข้าเฝ้าแน่“ท่านหญิง พวกเราจะไปทันหรือไม่? ชายาเจ้าแห่งทะเลจะลงมือกับพี่หญิงหลิงหลิงแล้วหรือไม่?”เย่หรงถามอย่างร้อนรนหลงเพ่ยเพ่ยก็ร้อนใจเช่นกัน หลิงอวี๋ยังรอให้นางช่วยชีวิตอยู่ แต่นางก็มิรู้ว่าจะสามารถทูลขอพระราชโองการจากฮองเฮาได้สำเร็จหรือไม่“พวกเราพยายามเต็มที่เถอะ! ขอเพียงตามเสด็จย่าทัน ต่อให้ข้าต้องคุกเข่าอ้อนวอนก็ต้องให้นางพาพี่หญิงหลิงหลิงออกมาให้ได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวปลอบใจเย่หรงเห็นหลงเพ่ยเพ่ยวิ่งวุ่นไปทั่วกับตนก็นับว่าพยายามเ
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร