หลงจิ้งมองเย่หรงด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย คนเสเพลผู้นี้กล้าไปเป็นสายลับด้วยหรือ?“สำนักซิงหลัวมิได้เข้าไปง่ายเช่นนั้นหรอก! พวกนักสู้และผู้คุ้มกันข้างในนั้นล้วนเป็นยอดฝีมือทั้งสิ้น การป้องกันก็เข้มงวดเป็นอย่างมากด้วย!”“หากจะซื้อขี้ผึ้งหอม นอกจากแขกผู้มีเกียรติเช่นพวกเราแล้ว ผู้อื่นก็มิได้รับอนุญาตให้เข้าไปด้านใน!”หลงเพ่ยเพ่ยจึงยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “พี่สาม ท่านดูเถิดส่วนสูงและรูปร่างของเย่หรงคล้ายกับท่านมาก หากเขาปลอมตัวเป็นท่าน เขาจะต้องเข้าไปด้านในได้อย่างแน่นอน!”“พวกเราแค่อยากรู้ว่าด้านในนั้นเป็นอย่างไร ปกติแล้วท่านเข้าไปทำอะไร และพบปะผู้ใดบ้าง!”“จริงสิ พี่สาม ท่านสามารถติดต่อกับเจ้าสำนักของพวกเขาได้หรือไม่?”หลงจิ้งตกใจมาก เย่หรงจะปลอมตัวเป็นตนหรือ?เช่นนั้นหากถูกจับได้ เขาจะยังมีชีวิตรอดกลับมาหรือ?หลงจิ้งเคยเห็นยอดฝีมือจำนวนมากที่สำนักซิงหลัวแล้ว พวกเขาก็จัดการเข้มงวดมาก หากเย่หรงเผยตัวตนออกไป พวกเขาไม่มีทางปล่อยให้เขามีชีวิตรอดออกมาเป็นแน่“มิได้ เย่หรงไปมิได้ หากพวกเขารู้ตัวตนของเย่หรง เย่หรงก็จะไม่มีวันเดินออกมาจากสำนักซิงหลัวได้!”หลงจิ้งเอ่ยขึ้นมาด้วยความกังวล “เจ้า
วันรุ่งขึ้นหลิงอวี๋มาถึงจวนเจ้าแห่งทิศใต้แต่เช้า เมื่อได้ยินหลงเพ่ยเพ่ยที่ออกมาต้อนรับนางบอกว่าหลงจิ้งก็จะไปเป็นสายลับด้วยตนเอง นางก็ตะลึงไปเล็กน้อย“ท่านพ่อของข้าตกลงแล้ว ข้าว่าพี่สามของข้าก็เกลียดชังสำนักซิงหลัวเป็นอย่างยิ่งเช่นกัน ให้เขาไปเป็นสายลับเองก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดแล้ว!”หลงเพ่ยเพ่ยเอ่ยออกมาด้วยความกังวล “สิ่งที่ข้าและท่านพ่อกังวลมากที่สุดในยามนี้ก็คือ สำนักซิงหลัวจะล่อลวงให้พี่สามเสพติดขี้ผึ้งหอมอีก”“สิงอวี๋ มีโอสถใดที่สามารถทำให้เขาควบคุมปฏิกิริยาของร่างกายได้ชั่วคราว และทำให้ยาขี้ผึ้งหอมมิส่งผลกระทบกับเขามากนักบ้างหรือไม่?”เมื่อคืนหลิงอวี๋ก็ศึกษาขี้ผึ้งหอมที่เย่หรงหามาให้นางอยู่ตลอดสิ่งที่ทำให้หลิงอวี๋รู้สึกว่าโชคดีก็คือ เทคโนโลยีในการสกัดขี้ผึ้งหอมในยุคนี้มิได้ก้าวหน้ามากนัก ความบริสุทธิ์ของขี้ผึ้งหอมเหล่านั้นจึงมิได้สูงมาก“พี่สามของท่านเสพติดมาเป็นเวลานานแล้ว ข้าทำโอสถชนิดหนึ่งที่สามารถยับยั้งอาการปวดได้ น่าจะไม่มีปัญหาใดชั่วคราว!”“แต่หลังจากนี้หากต้องการเลิกยา ก็ยังต้องพึ่งตนเองให้ผ่านมันไปได้ มิฉะนั้นหากพึ่งเพียงยาแก้ปวดก็จะเลิกยามิได้!”หลงเพ่ยเ
เมื่อเตรียมการเสร็จแล้ว ก็รอหลังอาหารเย็นแล้วค่อยออกเดินทาง เช่นนี้พวกเย่หรงเข้าไปก็จะสามารถดำเนินการได้ถึงกลางคืน และเมื่อฟ้ามืดก็สะดวกกับการที่คนของเจ้าแห่งทิศใต้จะแอบซุ่มคอยสนับสนุนอยู่บริเวณโดยรอบด้วยเพียงแต่เพิ่งจะถึงเวลาอาหารกลางวัน หลงจิ้งก็เกิดอาการติดยาขึ้นมาอีกครั้ง เขารู้สึกได้จึงขอให้เจ้าแห่งทิศใต้มัดตนไว้กับเสาทุกคนมองหลงจิ้งต้องประสบกับความเจ็บปวดจากอาการติดยาขึ้นมาอีกครั้งแต่ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน หลงจิ้งเตรียมใจเอาไว้แล้ว เขากัดผ้าที่ปิดปากตนไว้แน่น และปล่อยให้เหงื่อแห่งความเจ็บปวดไหลลงมาโดยมิได้ด่าทอผู้ใดความแข็งแกร่งที่เหนือผู้คนเช่นนี้ ทำให้หลิงอวี๋เห็นแล้วรู้สึกนับถือมากหลงเพ่ยเพ่ยปวดใจจนทนมิไหวร้องไห้ออกมาอีกครั้ง แล้วก็กังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อพี่สามจึงวิ่งออกไป“ทุกคนออกไปกันก่อนเถิด!”หลิงอวี๋เดินตามออกไป หลงจิ้งเองก็คงมิอยากให้ทุกคนเห็นเขาในสภาพมิดีเช่นนี้เป็นแน่“สิงอวี๋ พี่สามของข้าเป็นเช่นนี้ จะยังไปได้อยู่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยร้องไห้อยู่สักพัก จากนั้นก็เช็ดน้ำตาพลางเอ่ยถามออกมา“ไปได้สิ!”หลิงอวี๋เอ่ยออกไปอย่างหนักแน่น “เจ้าก็เห็นท่าทีอดท
เจ้าแห่งทิศใต้ค่อนข้างรู้สึกกระอักกระอ่วน เขาหันไปทางเย่หรง “เหตุใดมารดาของเจ้าจึงถูกขังที่คุกน้ำ นอกจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลแล้ว บิดาของเจ้าก็น่าจะรู้สาเหตุ เขามิเคยบอกเจ้าหรือ?”เย่หรงจึงเอ่ยออกไปอย่างเย็นชา “มิเคยพ่ะย่ะค่ะ! ท่านพ่อของกระหม่อมมิเคยอนุญาตให้เอ่ยถึงท่านแม่เลย ทั้งยังสั่งคนรับใช้มิให้เอ่ยถึงท่านแม่ของกระหม่อมด้วย ดังนั้นกระหม่อมจึงรู้เรื่องเกี่ยวกับท่านแม่น้อยมาก!”เจ้าแห่งทิศใต้ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาคิดแล้วคิดอีก แล้วสุดท้ายก็เอ่ยขึ้นมา “เรื่องนี้ข้าจะช่วยเจ้าสืบดูอีกที หากสามารถช่วยได้ ข้าจะพยายามช่วยให้เจ้าช่วยนางออกมา!”เย่หรงมองไปทางหลิงอวี๋โดยสัญชาตญาณ หลิงอวี๋ก็ส่ายหัวเล็กน้อยอย่างสงบเย่หรงเข้าใจ แล้วก็เอ่ยออกมา “เย่หรงขอบคุณเจ้าแห่งทิศใต้พ่ะย่ะค่ะ!”เจ้าแห่งทิศใต้พูดออกมาเช่นนี้แล้ว หากเย่หรงบอกว่ามิต้องการ จะต้องทำให้เจ้าแห่งทิศใต้เกิดความสงสัยอย่างแน่นอน มีที่ไหนกันที่สามารถช่วยแม่ได้แต่กลับมิช่วยหากเจ้าแห่งทิศใต้อยากลองก็ให้เขาลอง ถึงอย่างไรเมื่อแม่ทัพเฉิงกลับบ้าน เรื่องนี้ก็จะมีข้อสรุปแล้วหลงเพ่ยเพ่ยคิดว่า เมื่อเย่หรงและหลงจิ้งสำรวจสำนักซิงหลัวเสร็
หลงจิ้งนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง ถึงแม้ว่าสีหน้าเขาจะดูซีดเซียว แต่กลับมิได้ดูทุกข์ทรมานดังเช่นที่พวกเขาคิดเมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าอาภรณ์ของหลงจิ้งเรียบร้อยดี นางก็รู้ว่าเขามิอยากให้พวกเขาเห็นสภาพที่อ่อนแอของตน จึงได้ฝืนเอาไว้“เพ่ยเพ่ย ที่จวนมีโสมดี ๆ อยู่บ้างหรือไม่? หากมีก็ให้คนรับใช้ต้มน้ำแกงโสมมาให้หลงจิ้งกินสักชามเถิด!”เดิมทีหลิงอวี๋ตั้งใจจะมอบโสมเก้าคดของตนให้หลงจิ้ง แต่เมื่อนึกว่าตนมิได้สนิทกับคนในจวนเจ้าแห่งทิศใต้ก็มิควรเปิดเผยความมั่งคั่งออกมา ทำตัวให้ธรรมดาสักหน่อยเข้าไว้จะดีกว่า นางจึงมินำออกมา“มี ประเดี๋ยวข้าจะให้คนไปทำ!”จวนเจ้าแห่งทิศใต้มิขาดแคลนสิ่งเหล่านี้ หลงเพ่ยเพ่ยจึงออกไปบอกให้คนต้มน้ำแกงโสมมาสักสองสามชาม มีสำหรับหลิงอวี๋และเย่หรงด้วยหลงจิ้งกินไปรวดเดียวสองชามก็ได้รู้สึกว่าตนมีชีวิตชีวาขึ้นมา“ข้าจะไปอาบน้ำสักหน่อย แล้วพวกเราจะออกเดินทางกัน!”เมื่อครู่หลงจิ้งเหงื่อท่วมตัวด้วยความทรมานจากอาการติดยา เขาจึงให้คนรับใช้ไปนำน้ำมา หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนอาภรณ์แล้วก็ออกมา เมื่อเห็นท่าทางมีชีวิตชีวานั้น หลงเพ่ยเพ่ยก็รู้สึกว่าพี่สามที่ตนคุ้นเคยกลับมาแล้ว“พี่สาม เย่หรง ต
หลิงอวี๋ไม่มีเวลาฟังเจ้าแห่งทิศใต้พูดเรื่องความขัดแย้งภายในเหล่านี้ นางเพียงอยากรู้ว่าความสัมพันธ์ของเจ้าแห่งทิศใต้และมหาปราชญ์มิได้ดีก็พอแล้ว“เจ้าแห่งทิศใต้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หม่อมฉันคิดว่าท่านควรส่งคนไปช่วยหวงฝู่หลินและเซียวหลินเทียนเพคะ!”หลิงอวี๋เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้ม “เจ้าแห่งทิศใต้ ท่านทรงลองคิดดูเถิด คนที่สามารถต่อกรกับมหาปราชญ์ได้มีมิมากนัก! และหม่อมฉันก็ได้ยินมาว่ายอดฝีมือในเมืองหลวงแดนเทพล้วนถูกเจ้าแห่งทะเลดึงไปเป็นพวกหมดแล้วด้วย!"“เจ้าแห่งทิศใต้ ท่านน่าจะเข้าพระทัยสถานการณ์ในราชสำนักนะเพคะ ยามนี้คนจำนวนมากล้วนเชื่อว่าหลงอี้ไม่มีชีวิตอยู่แล้ว มิช้าก็เร็วเมืองหลวงแดนเทพจะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่แน่เพคะ”“หากต้องการปกป้องจวนเจ้าแห่งทิศใต้จากภัยพิบัติครั้งนี้ ท่านจำเป็นต้องมีผู้ช่วยที่แข็งแกร่งมากกว่านี้เพคะ!”“หวงฝู่หลินและเซียวหลินเทียนต่างก็เป็นคนที่มีความภักดี หากท่านช่วยเหลือพวกเขา พวกเขาจะต้องเป็นผู้ช่วยที่ดีที่สุดของท่านอย่างแน่นอนเพคะ!”หลงเพ่ยเพ่ยมองหลิงอวี๋อย่างครุ่นคิด จากนั้นจึงหันไปทางเจ้าแห่งทิศใต้ “ท่านพ่อ ลูกคิดว่าสิงอวี๋พูดถูกแล้ว มีศัตรูเ
หลิงอวี๋กลับมาถึงเรือนเล็ก ก็ตรงเข้าไปที่ห้องของสิงจั๋วทันที“พี่ใหญ่ ข้าจะให้ต้ายาส่งท่านไปพักที่บ้านตระกูลเย่สองวัน!”หลิงอวี๋รีบเอ่ยขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “ข้าจะไปช่วยหวงฝู่หลินกับเซียวหลินเทียนที่ภูเขาอนันต์ หากท่านไปที่บ้านตระกูลเย่ข้าจะได้สบายใจยิ่งขึ้น!”สิงจั๋วตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยอย่างร้อนใจ “ข้ากับเจ้าไปด้วยกันเถิด! สำนักซิงหลัวมียอดฝีมือมากมายถึงเพียงนั้น เจ้าจะไปคนเดียวได้อย่างไรกัน!”หลิงอวี๋ส่ายหัว “ข้ายังมีผู้ช่วยอีก ท่านมิต้องเป็นห่วงข้า ข้าจะระวังเรื่องความปลอดภัยให้ดี!”“พี่ใหญ่ ข้าไม่มีเวลาคุยรายละเอียดกับท่าน รอข้ากลับมาแล้วค่อยคุยกันเถิด!”หลิงอวี๋รีบเดินออกมาแล้วเรียกหานเหมยและเถาจื่อไปในห้องของตน“หานเหมย ประเดี๋ยวเจ้าจงพาพี่ใหญ่ของข้าไปส่งหาอาจารย์ข้าที่บ้านตระกูลเย่ บอกเขาว่าข้าเป็นคนบอกให้พามา ให้พี่ใหญ่ของข้าอยู่ด้วยก่อนสักสองวัน!”“เถาจื่อ เจ้าจงไปกับข้า จักรพรรดิของพวกเจ้าและหวงฝู่หลินถูกขังอยู่ในภูเขาอนันต์ พวกเราต้องรีบไปช่วยพวกเขา!”“จริงสิ คนที่มีวรยุทธ์แก่กล้าที่อยู่ในบังคับบัญชาของเซียวหลินเทียนมีเท่าใด?”เถาจื่อได้ยินแล้วก็รู้สึกกังวลเป็นอย
ความกังวลของหลงเพ่ยเพ่ยก็เป็นสิ่งที่หลิงอวี๋กังวลเช่นกัน นางจึงครุ่นคิดแล้วเอ่ยออกมา “เซียวหลินเทียนและหวงฝู่หลินล้วนเป็นยอดฝีมือ ขอเพียงตามหาพวกเขาเจอ บางทีก็อาจจะช่วยพวกเขาออกมาโดยมิต้องปะทะกับพวกมหาปราชญ์ก็เป็นได้!”“แต่หากต้องเผชิญหน้าจริง ๆ เช่นนั้นก็ทำได้เพียงคิดหาวิธีอื่นด้วย!”หลงเพ่ยเพ่ยขมวดคิ้วแล้วเอ่ยออกมา “ข้าแค่สงสัยว่า เหตุใดหวงฝู่หลินจึงออกมาจากวังเทพ? ตระกูลหวงฝู่ของพวกเขาอยู่ที่วังเทพมาโดยตลอด น้อยนักที่จะเหยียบย่างเข้ามาในเขตของแดนเทพ! แล้วเขาไปยั่วยุสำนักซิงหลัวและมหาปราชญ์ได้อย่างไร?”เรื่องนี้หลิงอวี๋ได้ยินมาจากเซียวหลินเทียนแล้ว นางคิดว่าหลงเพ่ยเพ่ยยอมนำคนมาช่วยเหลือแล้ว หากจะปกปินางดูจะมิค่อยเหมาะสมนักหลิงอวี๋จึงเอ่ยออกไป “ได้ยินมาว่าตระกูลจงเจิ้งซื้อตัวนางรับใช้ของวังเทพ แล้วลักพาตัวหวงฝู่หมิงจู ธิดาของหวงฝู่หลินลงจากภูเขามา ที่หวงฝู่หลินมาภูเขาอนันต์ก็เพื่อจะช่วยธิดาของเขา!”หลงเพ่ยเพ่ยตะลึงไปครู่หนึ่ง เรื่องที่ตระกูลจงเจิ้งสมคบคิดกับมหาปราชญ์นั้นนางรู้อยู่แล้ว บัดนี้ได้ยินว่าบุตรีของหวงฝู่หลินตกไปอยู่ในมือของตระกูลจงเจิ้ง หลงเพ่ยเพ่ยก็เกิดความรู้สึกมิสบา
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี