“หลิงอวี๋!” “ในปีนั้นเจ้าวางแผนการชั่วร้ายใส่ข้าอย่างไร้ยางอาย… จากนั้นยังใช้ป้ายทองอาญาสิทธิ์ที่องค์จักรพรรดิพระราชทานให้มาบีบบังคับให้ข้าแต่งงานกับเจ้า...” “มาตอนนี้ยังลอบขโมยของล้ำค่าที่เสด็จแม่ของข้าทิ้งเอาไว้ เพื่อเติมเต็มสิ่งที่เจ้าขาดหายไป! ยิ่งไปกว่านั้นคือทำร้ายเฮยจื่อเสียจนปางตาย!” “หากว่าข้ายังไว้ชีวิตเจ้าอีก ข้าก็คงจะไม่แซ่เซียวแล้ว!” ใคร? ใครกำลังพูดอยู่กัน ขณะที่เธอกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงแส้ “เพียะ!” ดังขึ้น ทั่วทั้งตัวของหลิงอวี๋เจ็บปวดจนสั่นสะท้าน จนต้องลืมตาขึ้นมาทันที... จากนั้นเมื่อมองเห็นด้านหน้าของเธอ มีชายหนุ่มหล่อเหลา สูงส่งราวกับเทพเจ้านั่งอยู่บนรถเข็น จ้องมองยังเธออย่างแข็งกร้าว “โบย! ห้าสิบแส้! อย่าให้ขาดแม้แต่หนึ่ง!” “โบยให้ตาย แล้วจงลากไปโยนทิ้งที่สุสานรวมซะ!” เพียะ! เพียะ! เพียะ! เสียงแส้ดังออกมาพร้อมกับเสียงลมครั้งแล้วครั้งเล่ากระแทกลงบนกายของหลิงอวี๋ หลิงอวี๋เจ็บปวดจนดวงตามืดมน อีกเพียงนิดเกือบจะเป็นลมไป... หลิงอวี๋ที่เกือบจะสิ้นลมไป เธอนึกไม่ออกว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น? ท่านอ๋องอะไรกัน? เฮยจื่ออะไร? เมื่อคร
“อย่าตีท่านแม่ของข้า...” หลังจากที่เสี่ยวเมาล้มบนพื้น กระอักเลือดออกมาแล้วก็คลานเข้าไปหาหลิงอวี๋อย่างไม่ยินยอม ยังคิดที่จะใช้ร่างกายที่อ่อนแอของตนช่วยรับแส้ให้กับนางอีก หลิงอวี๋มองไปยังมุมปากของเสี่ยวเมาที่ยังคงมีเลือดไหลซึม ในใจก็ยิ่งสั่นสะท้านขึ้นมา… ในความทรงจำนั้น หลิงอวี๋ใส่ใจเสี่ยวเมาน้อยนัก ทำให้เสี่ยวเมาที่คลอดมาแข็งแรงมาก กลับยิ่งเลี้ยงดูก็ยิ่งผอมบาง... “ท่านอ๋อง… นี่? โบยต่อหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” มือเฆี่ยนเอ่ยถามออกมาอย่างระมัดระวัง “ลากลูกนอกสมรสนั่นออกไป โบยต่อ!” ชายหนุ่มสูงส่งราวกับเทพเจ้านั้น ถึงแม้ว่าจะเห็นเสี่ยวเมากระอักเลือดออกมา ก็ยังคงดูเฉยชาไร้ซึ่งอารมณ์ดั่งเก่า “เสี่ยวเมา ไปเถอะ ปกตินางก็ไม่ได้ดูแลเจ้าดีนัก เจ้ายังสนใจว่านางจะเป็นตายไปเพื่อเหตุอันใด!” หญิงชราคนหนึ่งวิ่งเข้ามา เมื่ออุ้มเสี่ยวเมาได้ก็ออกไป “อย่าตีท่านแม่… ปล่อยข้า!” เสี่ยวเมายังคงร้องตะโกนออกมาอย่างเศร้าโศก ไม่สนใจว่าตรงมุมปากของตนจะมีเลือดไหลออกมา ดิ้นรนอย่างแรงอยู่ในอ้อมแขนของหญิงชรา หญิงชรากอดเขาเอาไว้แน่น มือเฆี่ยนยังคงโบยแส้ลงไปบนกายของหลิงอวี๋ เสี่ยวเมาเองก็ไม่รู้ว่าไปเอาแรง
“ตึกตึก… ตึก...” ไม่รู้ว่าสลบไปนานเท่าใด หลิงอวี๋ได้ยินเสียงนาฬิกาดังตึกตึกแว่ว ๆ จนลืมตาขึ้นมา... ทันใดนั้น ดวงตาของหลิงยวี่ก็สว่างขึ้น เธอพบว่าตัวเองอยู่ในห้องทดลองอิสระของตนที่วิทยาลัยแพทย์ หรือว่าตนจะเดินทางข้ามเวลากลับมาแล้ว? หลิงอวี๋ลุกขึ้นมาอย่างตื่นเต้นขึ้นมา ทว่าเพียงเคลื่อนไหวร่างกายก็รู้สึกได้ว่าทั่วทั้งร่างเจ็บปวด และยังมีเลือดสดไหลออกมา... เธอก้มหัวลงไปมองก็พบว่าร่องรอยบาดเจ็บของแส้ก็ถูกนำกลับมาด้วย! เธออดทนต่อความเจ็บปวดตามหากล่องยา แล้วฉีดยาบาดทะยักให้กับตนเอง ก่อนจะรีบจัดการบาดแผลอย่างรวดเร็ว มีรอยแส้มากมายอยู่ตรงหน้าอก แผ่นหลัง และบนใบหน้า ล้วนแต่ลึกลงสู่ผิวหนัง มองดูแล้วช่างน่าหวาดกลัวและโหดร้าย ขณะที่หลิงอวี๋กำลังจัดการอาการบาดเจ็บบนร่างกายอยู่ทางนี้นั้น ก็ก่นด่าสาปแช่งเซียวหลินเทียนไปพลาง สาปแช่งให้เขาไม่ได้ตายดี ขาดลูกหลานสืบสกุล... เมื่อคำด่า “ขาดลูก” สองคำนี้ออกมา ก็คิดถึงเสี่ยวเมาที่ปกป้องตนจนไม่อาจสาปแช่งต่อไปได้ เธอไม่ได้หวังให้เสี่ยวเมาตายไป! บาดแผลของหลิงอวี๋เพิ่งจะใส่ยาลงไป ขณะที่กำลังสวมเสื้อผ้าอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังลอยมา เ
หลิงอวี๋คิดที่จะหยิบเครื่องมือและยาเพื่อไปช่วยรักษาเสี่ยวเมา ทว่าประตูห้องใหญ่ก็ถูกเปิดขึ้นในทันที นางรับใช้แม่นมที่อยู่ด้านนอกอาจจะเข้ามาได้ทุกเมื่อ หลิงอวี๋จึงไม่กล้าที่จะทำอะไรผลีผลาม ทำได้เพียงแต่สงบนิ่งรอคอยเวลา พ่อบ้านฟั่นด้านนอกนั้นถูกแม่นมลี่ถามไถ่จนรู้สึกรำคาญใจ จึงใช้เท้าเตะแม่นมลี่ แล้วเอ่ยออกมาอย่างเย็นชาไร้ปรานี “ไสหัวไป สุนัขดี ๆ จะต้องไม่มาขวางทาง” เมื่อหลิงอวี๋มองออกไป ก็พบว่าแม่นมลี่ถูกผลักจนล้มลงบนพื้นอย่างแรง ดูเหมือนว่า แม่นมลี่เองก็คงจะถูกแส้หวดมาก่อน เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง บนใบหน้ายังมีคราบเลือดอยู่ไม่น้อย... “แม่นมลี่ เจ้าอย่ามามัวเสียเวลาอีกเลย รีบจัดการเก็บกวาดอยู่ในเรือนบุหงาเสียดี ๆ เถิด!” นางรับใช้ที่ดูหยิ่งยโสคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหน้าของแม่นมลี่ เอ่ยออกมาอย่างได้ใจ “พ่อบ้านฟั่นได้เลื่อนขั้นให้ข้าเป็นนางรับใช้ใหญ่แล้ว ต่อไปทุกคนในเรือนบุหงาจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของข้า” “ท่านอ๋องทรงรับสั่งมาแล้วว่า หากพวกเจ้ายังจะไม่เชื่อฟัง ข้าก็มีอำนาจทีจะทุบตีพวกเจ้าจนตายได้!” “หลิงผิง เจ้าเป็นนางรับใช้ข้างกายของพระชายา สัญญาทาสยังอยู่ในมือของพระชายา เจ้าม
หลิงอวี๋ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าตนเองนอนอยู่บนหลุมธรรมดา มีตะเกียงน้ำมันแสงสลัวแขวนอยู่บนกำแพงดินเก่า ๆ ส่วนเสี่ยวเมาที่นอนข้างกายเธอนั้น อาการบาดเจ็บก็สาหัสมากยิ่งขึ้น! หลิงอวี๋รู้สึกได้ว่าเจ็บปวดตรงหน้าอก นี่เป็นความรู้สึกของเสี่ยวเมาที่เธอรับรู้ได้! หลิงอวี๋คุ้นชินกับความรับรู้ที่เหนือธรรมชาติของตนเองได้แล้ว จึงได้คลานไปอย่างต้องการจะช่วยเสี่ยวเมาตรวจอาการอีกสักครั้ง ในเวลานี้ เธอได้ยินเสียงของคนพูดคุยกันอยู่ด้านนอก น้ำเสียงดูเขินอาย “พี่หลิงหลาน พี่ช่วยไปขอร้องพี่หลิงผิง ให้นางช่วยตามหมอมาให้กับคุณชายน้อยและแม่นมลี่ทีเถิด! แม่นมลี่อายุมากแล้ว นางไม่มีทางทนได้!” หลิงหลานเอ่ยออกมาด้วยความโมโห “แม่นมลี่และข้าถูกเจ้าหมูโง่นั่นทำให้ลำบากแล้ว ต่างก็ถูกเฆี่ยนกันคนละสามสิบครั้ง ทั่วทั้งร่างกายของข้าล้วนแต่เต็มไปด้วยบาดแผล! จะมีหมอที่ไหนมาดูพวกเรากัน! ท่านหมอที่มีชื่อในเมืองหลวงล้วนแต่ถูกท่านอ๋องเรียกไปทางด้านของเฮยจื่อหมดแล้ว!” “ข้าเพิ่งจะได้ยินมาว่า หมอเหล่านั้นเองก็มิอาจทำอะไรกับอาการบาดเจ็บของเฮยจื่อได้เลย คุณชายเฮยจื่อหากว่าไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อได้ พวกเราทั้งหมดคงจะต้องถ
“ข้าไม่เชื่อว่าโลกกว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ จะไม่มีสักคนที่จะสามารถช่วยเหลือเฮยจื่อได้!” “ออกไปตามหามาให้ข้า! ของเพียงแค่ช่วยชีวิตเฮยจื่อเอาไว้ได้ ข้าจะให้รางวัลอย่างงาม!” เมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งชั่วยาม เมื่อมองเห็นลมหายใจของเฮยจื่อขาดช่วง ใบหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ มีท่านหมอหลายคนที่พากันถอดใจไปแล้ว ต่างก็หาคำอ้างเพื่อทูลลา เมื่อเห็นว่าท่านหมอพากันจากไป เซียวหลินเทียนเองก็ไม่อาจควบคุมอารมณ์เอาไว้ได้อีก ตบลงบนที่พักแขนของรถเข็นคำรามด้วยความกรุ่นโกรธขึ้นมา “กลุ่มคนเศษสวะ!” ลู่หนาน ทหารองค์รักษ์ที่มีใบหน้าเหลี่ยมคิ้วหนาดวงตาโตที่ยืนอยู่ด้านข้างนั้น เขาติดตามเซียวหลินเทียนมาหลายปี ลักษณะนิสัยดูสงบนิ่ง จงรักภักดีต่อเซียวหลินเทียนอย่างมาก และได้รับความไว้วางใจจากเซียวหลินเทียนเป็นที่สุด เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนไม่กล้าที่จะเอ่ยอะไรออกมา จึงทำได้เพียงฝืนตนกล้าเดินก้าวออกมา เอ่ยอย่างลำบากใจ “ท่านอ๋อง หมอที่มีชื่อในเมืองหลวงพวกเราต่างก็หากันมาแล้ว เฮยจื่อคราวนี้ เกรงว่าคงไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ต่อได้แล้ว...” “ท่านอ๋อง...ข้าจะไปจับตัวหญิงสาวคนนั้นมา ให้นางได้ชดใช้ชีวิตให้กับเฮยจื่อ!” ชิวเฮ่า
เมื่อเห็นเซียวหลินเทียนจ้องมองที่ขวดยาของเธอ หลิงอวี๋ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก การเปิดเผยในคราวนี้ นางใคร่ครวญมาอย่างดีแล้ว ขอเพียงแค่ทำให้เซียวหลินเทียนตกตะลึงก่อนเท่านั้น นางจึงจะมีโอกาสช่วยเฮยจื่อได้! ขณะที่หลิงหยูเงยหน้าขึ้นอย่างมั่นใจ ทันใดนั้น มือของเธอก็ว่างเปล่า ขวดยาถูกชิวเฮ่าแย่งไปแล้ว ชิวเฮ่าวิ่งกลับไปที่ด้านข้าง เซียวหลินเทียนเพียงแค่ไม่กี่ก้าว ก่อนจะส่งขวดยาให้อย่างภาคภูมิใจ "ท่านอ๋อง ข้าได้รับยาลับมาแล้ว รีบไปช่วยเฮยจื่อเถิดพ่ะย่ะค่ะ!" เซียวหลินเทียนยิ้มเย้ยหยันออกมา หยิบมันขึ้นมาและมอบให้กับหมอในตำหนัก ไป๋สือที่ติดตามเขามาหลายปี เมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังจะเข้าไปในห้อง หลิงอวี๋ก็กัดฟันเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ยาลับสามารถห้ามเลือดของเฮยจื่อได้เท่านั้น แต่ข้าได้ยินมาว่า ซี่โครงของเฮยจื่อหัก และเสียบเข้าไปในปอดของเขา ถ้าไม่ดึงซี่โครงออกมา เขาก็ยังคงตายไปอยู่ดี!” “หมอของพวกเจ้าจะช่วยได้หรือ? ถ้าไม่ ข้าจะรอเจ้ามาขอร้องข้า! เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะเจรจาเงื่อนไขด้วย!” “เฮยจื่อ เป็นเพราะเจ้าที่ทำร้ายเขา… เจ้ายังกล้าเจรจาข้อตกลงกับท่านอ๋องของพวกเรา
“หลิงผิง เจ้าติดตามคุณหนูของเจ้ามากว่าสิบปี สิ่งที่เจ้าเอ่ยน่าเชื่อถือที่สุด เจ้าบอกมาว่าหลิงอวี๋มีทักษะทางการแพทย์หรือไม่?” ชิวเหวินซวงดึงหลิงผิงที่ตามมาข้างหลังตนเองออกมา หลิงผิงแสร้งทำเป็นไม่สบายใจนัก ก้าวไปข้างหน้าเอ่ยอย่างลังเล “กราบบังคมทูลฝ่าบาท บ่าวรับใช้ติดตามหลิงอวี๋ตั้งแต่เล็ก นางโง่เขลาเหมือนหมู หมากล้อม เขียนพู่กัน วาดภาพก็ไม่ได้ นับประสาอะไรกับทักษะทางการแพทย์ ท่านอ๋องทรงอย่าได้เชื่อคำพูดของนางเพคะ!” หลิงอวี๋ยิ้มอย่างเย็นชา นางรับใช้คนนี้ขายนางจนหมดสิ้นจริง ๆ ! ทว่าหลิงอวี๋จะไม่มีทางหวาดกลัว ตราบใดที่เธอช่วยเฮยจื่อได้ ใครจะจริงจังกับคำพูดของนางรับใช้! เซียวหลินเทียนจ้องมองยังหลิงอวี๋ เมื่อเห็นว่านางมิได้รู้สึกตื่นตระหนกใดที่ถูกเปิดเผยความลับออกมา ก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจขึ้นมา หญิงผู้นี้ดูผิดปกติอย่างยิ่ง! ก่อนหน้านี้หากว่านางรับใช้กล้าพูดเรื่องลับหลังของเจ้านายเช่นนี้ นางจะต้องรีบร้องตะโกนอธิบายให้กับตนเอง! เซียวหลินเทียนไม่เอ่ยวาจาใด ชิวเฮ่ากลับทนไม่ได้จนร้องคำรามออกมา “คนชั้นต่ำ นางรับใช้ของเจ้าพูดความจริงออกมาแล้ว เจ้ายังจะกล้ามาหลอกท่านอ๋องของข้าอีกรึ?
หากหยางหงหนิงบอกทันทีว่าจะมิชอบเย่หรงแล้ว หลงเพ่ยเพ่ยย่อมมิเชื่อแต่ตอนนี้หยางหงหนิงบอกว่าต้องการเวลา หลงเพ่ยเพ่ยจึงเชื่อสนิทใจนางจัดเส้นผมที่กระเซิงของหยางหงหนิงให้อย่างสงสารพลางปลอบใจว่า “ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปเถอะ เจ้าเป็นคนฉลาด ข้าเชื่อว่าเจ้าต้องผ่านพ้นไปได้แน่นอน!”“อืม!”หยางหงหนิงพยักหน้า และเงยหน้าขึ้นยิ้มให้หลงเพ่ยเพ่ย “เรื่องที่บอกว่าจะไปเที่ยวสระเก้ามังกรครั้งก่อน เจ้าอย่าลืมนะ รอให้แผลเย่หรงรักษาหายดี ข้าก็น่าจะปรับสภาพจิตใจได้แล้ว!”“ถึงเวลานั้น เจ้าจะได้เห็นด้านใหม่ของข้า!”หลงเพ่ยเพ่ยพยักหน้า “รอให้แผลเย่หรงรักษาหายดี ข้าจะนัดเจ้าออกไปเที่ยวด้วยกัน!”ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋ หลงจิ้งและเจ้าแห่งทิศใต้ต่างก็คิดจะช่วยมารดาของเย่หรงออกมา หลงเพ่ยเพ่ยรู้สึกว่าการไปสระเก้ามังกรสามารถสำรวจตำแหน่งที่ตั้งได้ จึงมิคิดจะผิดคำพูดหยางหงหนิงได้รับคำรับปากของหลงเพ่ยเพ่ยแล้วก็จากไปเพียงแต่นางมิได้ออกจากจวนตระกูลเย่เสียทีเดียว นางตรงไปยังเรือนของเย่ซวินเพื่อดำเนินการตามแผนเมื่อไปถึงเรือนของเย่ซวิน กลับมิเห็นเย่ซวินอยู่ที่นั่นหยางหงหนิงยังมิรู้เรื่องที่เย่ซวินถูกขังอยู่ในหอบรรพบุรุ
ตนเองทำเพื่อเย่หรงไปตั้งมากมาย ถึงขนาดยอมกล้ำกลืนฝืนทนเสียหน้าไปอ้อนวอนองค์หญิงหานเยวี่ยอย่างน่าสงสาร ถึงได้โอสถรักษาแผลระดับสูงนี้มาแต่เย่หรงกลับคายออกมา นี่มิใช่เพราะต้องการรักษาระยะห่างกับตนหรอกหรือ?เหตุใดเย่หรงถึงได้ดื้อด้านเช่นนี้?เขาแค่กังวลว่าหากรับยาของตนไปแล้ว จะทำให้หลงเพ่ยเพ่ยมิพอใจมิใช่หรือ?หยางหงหนิงคิดไปเองตอนนี้นางคิดเพียงอย่างเดียวว่า เย่หรงกับหลงเพ่ยเพ่ยลอบคบหากันแล้ว ดังนั้นเย่หรงถึงได้ผลักไสตนมาโดยตลอดมิฉะนั้นต่อให้ใจของเย่หรงแข็งดั่งหินผา ก็ต้องถูกความรักของนางทำให้ใจอ่อนไปแล้ว!ความโกรธของหยางหงหนิงพลุ่งขึ้นมาในบัดดลมีชั่วขณะหนึ่งที่นางแทบจะควบคุมตนเองมิได้ อยากจะฉวยโอกาสที่เย่หรงยังอ่อนแออยู่ตอนนี้ ยัดยาพิษให้เขาตาย ๆ ไปเสียแต่หยางหงหนิงก็ยังคงกดข่มความโกรธของตนไว้อย่างสุดกำลัง นางมิอาจปล่อยเย่หรงไปง่าย ๆ เช่นนี้ได้ เขาเลือกหลงเพ่ยเพ่ยใช่หรือไม่?เช่นนั้นนางก็จะให้เย่หรงกับหลงเพ่ยเพ่ยไปเป็นสามีภรรยากันในปรโลก!หยางหงหนิงนึกถึงแผนการของเย่ซวิน ในแววตาฉายประกายความอำมหิต แต่ภายนอกกลับแสร้งทำเป็นน้อยเนื้อต่ำใจย่อตัวลงนางเก็บโอสถรักษาแผลระดับสูงข
เย่หมิงและเย่ซวินเป็นพี่น้องที่รักกันอย่างยิ่ง แม้ว่าเขาจะปิดบังฮูหยินเย่ไว้ตามคำสั่งของท่านผู้เฒ่าเย่ แต่เมื่อเห็นท่าทางของเย่ซวินในยามที่อาการติดยากำเริบขึ้นมานั้นเขาก็ยังทนมิได้อยู่ดี“ยาแก้ปวดมิสามารถใช้ส่งเดชได้!”หลิงอวี๋เอ่ยออกมา “หากเย่ซวินมิพึ่งความตั้งใจของตนในการเลิกยาแล้วให้ยาแก้ปวดแก่เขา เช่นนี้แม้เขาจะเลิกยาได้ แต่ก็จะติดยาแก้ปวดเช่นกัน!”เย่หมิงเองก็เข้าใจหลักการของเครื่องยาสมุนไพรเช่นกัน ไหนเลยจะมิรู้หลักการนี้แต่เขาก็ยังคงเอ่ยออกมาอย่างวิงวอน “เช่นนั้นให้เขาแค่หนึ่งหรือสองเม็ดก็พอ หากเขาทนมิได้จริง ๆ ข้าจึงจะให้เขา แต่หากเขาทนได้ ข้าก็จะมิให้เขา!”หลิงอวี๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หยิบขวดยาออกมาเทยาแก้ปวดสามเม็ดให้กับเย่หมิง“ขอบคุณนะ!”เย่หมิงรีบเก็บไปอย่างรวดเร็ว แล้วกระซิบกับหลิงอวี๋ “อย่าบอกท่านปู่กับท่านพ่อเรื่องที่ข้ามาขอยาจากเจ้านะ หากพวกเขารู้เข้าต้องดุด่าข้าจนตายแน่!”“อื้ม!”หลิงอวี๋เอ่ยกำชับเขา “เย่หมิง ท่านเองก็ต้องควบคุมให้เหมาะสม บางครั้งหากท่านเห็นใจและช่วยเหลือเขา แต่แท้จริงแล้วเป็นการทำร้ายเขาอยู่!”“ข้ารู้!”เย่หมิงพยักหน้าอย่างระมัดระ
นี่คือโชคชะตาหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยรู้สึกหนักใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากในแง่ของความได้เปรียบนั้นท่านพ่อของตนสู้เจ้าแห่งทะเลมิได้หากเจ้าแห่งทะเลควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือได้ จวนเจ้าแห่งทิศใต้ก็จะยิ่งมิสามารถต่อกรกับเจ้าแห่งทะเลได้เลยหรือว่าครอบครัวของตนจะต้องถูกเจ้าแห่งทะเลกำจัดจนหมดสิ้นเสียแล้ว?“อย่าเพิ่งท้อแท้ไป รอให้พี่สามของเจ้าสืบจนรู้ที่มาของขี้ผึ้งหอมเสียก่อน แล้วพวกเราจะไปทำลายแหล่งยาของพวกเขากัน การทำเช่นนี้ต่างหากจึงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะบังคับให้บุตรหลานเหล่านั้นเลิกยากันได้!”หลิงอวี๋เห็นว่าสีหน้าของหลงเพ่ยเพ่ยดูเศร้าหมอง จึงเอ่ยปลอบใจนางออกไปเถาจื่อฟังแล้วก็แอบหัวเราะอยู่ในใจ หลิงอวี๋มิสงสัยตนแม้แต่น้อย ทั้งยังคุยเรื่องลับ ๆ มากมายถึงเพียงนี้ต่อหน้านางอีกรอให้นางส่งข่าวเหล่านี้ไปให้ชายาเจ้าแห่งทะเลก่อนเถิด ชายาเจ้าแห่งทะเลจะต้องดีใจอย่างแน่นอนเถาจื่อลืมเรื่องราวในอดีตที่ฝ่าฟันมากับหลิงอวี๋ไปจนหมดสิ้นแล้ว ยามนี้ในหัวของนางถูกชายาเจ้าแห่งทะเลงปลูกฝังความทรงจำใหม่เข้าไปแล้วในความทรงจำใหม่นี้ เถาจื่อมีตัวตนใหม่นางคือบุตรีของชายาเจ้าแห่งทะเล ทั้งยังเป็นท่าน
เซียวหลินเทียนเอ่ยขึ้นมาด้วยความรู้สึก “ตอนนี้เผยอวี้ก็กังวลว่าหากหลิงหว่านแข็งแกร่งเกินไปจนมิยอมพึ่งพาใครแล้วจะยิ่งมิยอมแต่งงานกับเขา!”หลิงอวี๋มิได้ต่อต้านเซียวหลินเทียนมากถึงเพียงนั้นแล้วเมื่อนางฟังมาถึงตรงนี้ แม้ว่าจะยังจำเรื่องราวในอดีตมิได้ แต่รู้สึกได้ว่าหลิงหว่านสามารถยืนด้วยตนเองได้ หากต้องเผชิญหน้ากับตระกูลเผยก็เชิดหน้าชูตาได้เช่นกันขณะที่นางกำลังฟังเซียวหลินเทียนพูดถึงบรรดาคนที่ตนรู้จักในฉินตะวันตก ในใจของนางก็เกิดความปรารถนาขึ้นมา นางอยากจะไปพบญาติสนิทมิตรสหายเหล่านี้ที่ฉินตะวันตก“อาอวี๋ เมื่อเรื่องที่นี่จบสิ้นแล้ว เจ้ากลับฉินตะวันตกกับข้าเถิด!”เซียวหลินเทียนเอ่ยออกมาอย่างจริงใจ “ข้าพูดกับเก๋อเฟิ่วฉินไปอย่างชัดเจนแล้ว ชาตินี้จะไม่มีใครมาแทนที่ตำแหน่งของเจ้าในใจข้าได้!”“พวกเรากลับไป ไปเลี้ยงดูเยวี่ยเยวี่ยให้ดี! สิ่งที่ข้าติดค้างพวกเจ้าไว้เมื่อก่อน ข้าจะชดเชยให้ทั้งหมด!”หลิงอวี๋พยักหน้า “เมื่อช่วยแม่นมอูและแม่ของเย่หรงออกมาได้แล้ว ข้าจะกลับไปกับพวกท่าน!”หลิงอวี๋รับปากที่จะกลับไปกับเซียวหลินเทียนก็เพื่อไปพิสูจน์ความจริง ส่วนเรื่องที่ว่าจะยังเป็นสามีภรรยากับเซียวห
คำถามในชุดนี้คือสิ่งที่พวกเขาทั้งสองคนมิสามารถตอบได้ทั้งสองมองหน้ากันไปมา รู้สึกเพียงว่าแดนเทพเต็มไปด้วยวิกฤติ ความซับซ้อนในความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเหล่านี้ทุกสิ่งเป็นดังหลุมลึกหลุมหนึ่ง“พวกเราทำทั้งสองสิ่งไปพร้อมกันดีกว่า ด้านหนึ่งคือการตามหาที่อยู่ของแม่นมอูและขันทีโม่ ส่วนอีกด้านหนึ่งคือคิดหาวิธีช่วยมารดาของเย่หรง!”หลิงอวี๋เอ่ยขึ้นมาด้วยความกังวล “วันนี้เจ้าแห่งทะเลมิสามารถล้วงความลับของหยกหล้าสุขาวดีไปได้ เขาจะต้องมีแผนสำรองอยู่เป็นแน่ พวกเรามีเวลามิมากแล้ว!”เซียวหลินเทียนพยักหน้า “ตอนนี้พวกเขารู้ตัวตนของพวกเราอย่างชัดแจ้งแล้ว มหาปราชญ์เองก็คงจะมิปล่อยไปง่าย ๆ เช่นกัน หากช่วยเหลือมารดาของเย่หรงและแม่นมอูออกมาได้แล้ว พวกเราก็ไปจากเมืองหลวงแดนเทพกันก่อนเถิด!”หลิงอวี๋มองเซียวหลินเทียนแล้วอดมิได้ที่จะเอ่ยถามออกไป “เซียวเยวี่ยสบายดีหรือไม่?”ที่จวนเจ้าแห่งทะเล ชายาเจ้าแห่งทะเลก็เอ่ยถึงเซียวเยวี่ยเช่นกัน ทั้งคำพูดและน้ำเสียงล้วนใช้ชีวิตของเซียวเยวี่ยมาข่มขู่หลิงอวี่เรื่องนี้ทำให้หลิงอวี๋คิดเรื่องปัญหาของเซียวเยวี่ยอย่างจริงจังเป็นครั้งแรกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยบอกว่า เซียวเยวี่ยถูก
ภายในห้องหลิงอวี๋เล่าเรื่องที่ตนได้ประสบที่จวนเจ้าแห่งทะเลให้เซียวหลินเทียนฟังเมื่อเล่าถึงท่านอาสุ่ยใช้วิชาดูดกลืนวิญญาณกับหลิงอวี๋เพื่อหลอกล่อให้นางบอกความลับของหยกหล้าสุขาวดี เซียวหลินเทียนก็รู้สึกกังวลขึ้นมา“สตรีผู้นั้นปลอมเป็นท่านแม่ของข้า เพียงแต่ข้าลืมหลานฮุ่ยจวนไปจึงมิได้หลงกล!”หลิงอวี๋ยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “หลังจากนั้นข้าก็นึกถึงสิ่งที่ปรมาจารย์เย่พูดกับข้าไว้ จึงได้ลองใช้หยกหล้าสุขาวดีควบคุมนาง และนั่นคือวิธีที่ข้าหนีรอดจากภัยพิบัติครั้งนี้ได้!"“เสียดายที่พลังของข้าสู้เจ้าแห่งทะเลมิได้ อีกทั้งเขาก็ยังเป็นคนที่จิตแข็งมากด้วย มิฉะนั้นข้าคงจะลองควบคุมเจ้าแห่งทะเลดู!”หลังจากเซียวหลินเทียนได้ยินเช่นนี้ก็แอบรู้สึกดีใจที่หลิงอวี๋สูญเสียความทรงจำไป มิฉะนั้นก็คงจะหลงกลไปกับแผนการร้ายของท่านอาสุ่ยไปแล้ว“เซียวหลินเทียน ก่อนหน้านี้ข้าได้ยอมรับตัวตนไปภายใต้การควบคุมของท่านอาสุ่ยแล้ว! เจ้าแห่งทะเลเองก็รู้ว่าพวกเราใกล้ชิดกัน และเขาก็รู้ตัวตนของท่านด้วย!”หลิงอวี๋เอ่ยออกไป “ท่านพักฟื้นสักสองวัน แล้วหาโอกาสออกจากเมืองหลวงแดนเทพไปโดยเร็วจะดีกว่า!”เซียวหลินเทียนมองไปที่นาง “เจ้ามิไปห
หัวใจของเก๋อเฟิ่งฉิงจมดิ่งลงนี่เป็นครั้งแรกที่เซียวหลินเทียนพูดกับตนชัดเจนเช่นนี้ ้เช่นนั้นก็แสดงว่าเซียวหลินเทียนตัดสินใจแน่วแน่แล้วและไม่มีทางยอมรับนาง!“พี่ใหญ่ ข้า… ข้าจะมิแย่งชิงความโปรดปรานกับพี่หญิงหลิงอวี๋ ขอเพียงได้อยู่ข้างกายท่าน จะให้ข้าเป็นนางสนมข้าก็ยินดี!”เก๋อเฟิ่งฉิงทุ่มสุดตัวแล้ว ทั้งยังเอ่ยออกไปอย่างร้อนรน“ข้าจะให้ความเคารพพี่หญิงหลิงอวี๋ จะมิทำให้ท่านลำบากใจ!”เซียวหลินเทียนส่ายหัว “เฟิ่งฉิง อาอวี๋เป็นคนที่มิยอมทนกับสิ่งที่ตนยอมรับมิได้! ข้ามิอยากให้เป็นเพราะเจ้าจึงเกิดผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของข้ากับอาอวี๋!”“ในเวลาเดียวกัน ข้าก็มิยินดีที่จะให้เจ้าได้รับความอยุติธรรมเช่นกัน!”“เฟิ่งฉิง ข้ามองเจ้าเป็นน้องหญิงของข้า นี่คือคำพูดจากใจจริง!”“ข้าหวังว่าเจ้าจะได้พบกับบุรุษที่ดี คนที่จะปฏิบัติกับเจ้าเช่นเดียวกับที่ข้าปฏิบัติต่ออาอวี๋ คนที่จะมิยอมให้เจ้าเสียใจ และมิยอมให้เจ้าได้รับความอยุติธรรมแม้เพียงเล็กน้อย!”“เฟิ่งฉิง จะต้องมีคนที่มองเห็นความดีของเจ้าแน่นอน แล้วเหตุใดเจ้าถึงต้องฝืนใจตนเองด้วยเล่า!”ใต้หล้านี้มีบุรุษเช่นนี้ด้วยหรือ?เก๋อเฟิ่งฉิงรู้สึกสิ้นหวัง
หานเหมยพูดทุกสิ่งที่ควรจะพูดออกไปจนหมดหลังจากที่นางออกไป เซียวหลินเทียนก็ครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่นานหานเหมยพูดถูก นิสัยของหลิงอวี๋เป็นคนประเภทที่ยอมหักมิยอมงอ นางไม่มีทางยอมที่ตนจะแต่งงานกับเก๋อเฟิ่งฉิงแน่ส่วนก่อนหน้านี้เขาเองก็มิได้มีแผนที่จะแต่งงานกับเก๋อเฟิ่งฉิงเช่นกันหากว่าเพื่อที่จะตอบแทนบุญคุณที่เก๋อเฟิ่งฉิงที่ช่วยชีวิตไว้แล้วต้องแต่งงานกับนาง เช่นนั้นก็ดูจะเลอะเลือนมากเกินไปดังนั้นเมื่อเก๋อเฟิ่งฉิงมาดูแลเขา เซียวหลินเทียนจึงเอ่ยออกไปตรง ๆ “น้องหญิงเก๋อ ประเดี๋ยวข้าจะให้คนไปส่งเจ้ากลับไปที่บ้านตระกูลเก๋อนะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงตะลึงไปชั่วครู่ จากนั้นก็ฝืนยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “พี่ใหญ่ เป็นเพราะข้าอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้แล้วรบกวนพวกท่านใช่หรือไม่?”“ซูจู๋เด็กมิรู้ความผู้นั้น นางไปบอกกับท่านย่าของข้าว่าข้าออกไปเที่ยวเล่นกับท่าน หากจู่ ๆ กลับไปเช่นนี้ ท่านย่าของข้าจะต้องสงสัยเป็นแน่!”เมื่อเซียวหลินเทียนได้ยินเรื่องนี้ก็รู้ทันทีว่าเก๋อเฟิ่งฉิงกำลังอ้าง แต่เขาก็มิอยากเปิดโปงนางเขาจึงนิ่งไปสักพักหนึ่งแล้วเอ่ยออกมา “เจ้านั่งลงสิ! ข้าอยากคุยกับเจ้าสักหน่อย!”เก๋อเฟิ่งฉิงมีลางสังหรณ์ที่มิ