หลิงอวี๋ครุ่นคิดถึงคำพูดของเซียวหลินเทียนอย่างรอบคอบ สุดท้ายนางก็ตัดสินใจยกอำนาจในการตัดสินใจให้เถาจื่อหลิงอวี๋ใช้เวลาถอนพิษกู่ให้เถาจื่อเป็นเวลาหนึ่งชั่วยามหนอนกู่ถูกกลิ่นของหลินจือล่อให้ออกมา แล้วก็ถูกหลิงอวี๋ใส่ลงในขวดพิเศษทันทีนี่คือการทำให้หนอนกู่มีชีวิตอยู่ เพื่อมิให้เจ้าแห่งทะเลสังเกตเห็นความผิดปกติใด ๆกระทั่งทำเสร็จแล้ว หลิงอวี๋ก็เดินออกมาอย่างเหนื่อยล้าเซียวหลินเทียนรออยู่ข้างนอกแล้ว เมื่อเขาเห็นนางออกมา เขาก็เอ่ยถามออกไป “ข้าจะเข้าไปได้เมื่อใด?”“หลังเวลาธูปหนึ่งดอก!”หลิงอวี๋เอ่ยออกมาอย่างขมขื่น “พวกเราต้องบอกเรื่องที่นางได้ทำลงไปจริง ๆ หรือ?”“พวกเราปล่อยให้นางเดินจากไปเช่นนี้มิได้หรือ?”เซียวหลินเทียนจึงเอ่ยออกมาอย่างจนใจ “อาอวี๋ เจ้าก็รู้ว่าเป็นไปมิได้! เจ้าไม่มีข้ออ้างที่จะให้นางเดินจากไปอย่างไร้เหตุผลหรอก!”“หากพวกเรามิบอกนาง มิช้าก็เร็วนางก็จะต้องรู้ความจริงอยู่ดี!”หลิงอวี๋พูดมิออกแล้วเมื่อหานเหมยเห็นว่าหลิงอวี๋ลำบากใจ นางก็ครุ่นคิดแล้วก้าวเข้าไปเอ่ยกับหลิงอวี๋ “ฮองเฮาเพคะ ให้องค์จักรพรรดิเป็นผู้ตรัสเถิดเพคะ!”“หากบ่าวเป็นเถาจื่อ บ่าวก็ยินดีที่จะรับ
ในเวลานี้ หยางหงหนิงไม่มีความรักใคร่ต่อเย่หรงแม้แต่น้อย สิ่งที่มีก็มีเพียงความเกลียดชังอย่างท่วมท้นเท่านั้นหยางหงหนิงนึกถึงภาพที่เย่หรงและพวกสิงอวี๋ไปสำรวจตำแหน่งที่ตั้ง ตอนที่เรืออยู่ที่เกาะกลางทะเลสาบพวกเขาไปเพื่อช่วยเลี่ยวหงเสีย!มุมปากของหยางหงหนิงก็ปรากฏรอยยิ้มเย็นชาที่น่าขนลุกขึ้นมา“เย่หรง เจ้าบอกว่าคนที่เจ้าห่วงใยที่สุดในใต้หล้านี้คือมารดาของเจ้ามิใช่หรือ?”“เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะทำลายคนที่เจ้าห่วงใยมากที่สุดก่อน!”“ข้าอยากให้พวกเจ้าไปพบกันที่ปรภพ!”หยางหงหนิงได้รับแรงสนับสนุนจากความเกลียดชัง เจตจำนงที่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อจึงยิ่งแข็งแกร่งขึ้นอีกหลังจากผ่านไปสองวัน หลงซินก็ส่งองครักษ์มารับตัวนาง หยางหงหนิงจึงเอ่ยประโยคแรกออกไป“ข้าต้องการพบเจ้าแห่งทะเล ข้ามีข่าวที่สำคัญมากต้องบอกเขา!”“นี่เป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องถึงเรื่องที่ว่าเจ้าแห่งทะเลจะนั่งบนบัลลังก์ได้อย่างมั่นคงหรือไม่ หากล่าช้าไป จะไม่มีใครรับผิดชอบเรื่องนี้ได้ทั้งนั้น!”องครักษ์ทั้งสองที่มารับหยางหงหนิงมองหน้ากันไปมา แล้วองครักษ์หนึ่งในนั้นก็เอ่ยขึ้นมาอย่างใจร้อน“รอกลับไปถึงจวนเจ้าแห่งทะเล ท่านก็บอกนายน
คราวนี้องครักษ์ทั้งสองมิได้ขังหยางหงหนิงไว้ในห้องขังเดี่ยว แต่เปิดห้องขังของฮูหยินหยางแล้วโยนหยางหงหนิงเข้าไป“ฮูหยินหยาง ท่านดูแลลูกสาวของท่านดี ๆ เถิด!”“ท่านชายของเราบอกว่าเห็นแก่ที่นางทำตัวดี อีกสองวันเขาจะมารับนางเข้าจวน!”“จวนใด?”ฮูหยินหยางเอ่ยถามออกไปอย่างไร้ชีวิตชีวาองครักษ์คนหนึ่งมองเห็นสภาพอาภรณ์ที่ยับเยินของหยางหงหนิง แววตาของเขาก็ฉายแววเยาะเย้ยออกมา “ก็ต้องเป็นจวนเจ้าแห่งทะเลน่ะสิ!”องครักษ์โยนโอสถรักษาแผลเข้ามาสองขวดแล้วก็ออกไปฮูหยินหยางมององครักษ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลเดินออกไปอย่างงุนงง แล้วสมองของนางก็พลันนึกถึงคนคนหนึ่งขึ้นมาทันที… หลงซิน!คนที่กล้าทำเรื่องเช่นนี้กับหยางหงหนิงที่คุกหลวงศาลาว่าการได้ นอกจากหลงซินที่เย่อหยิ่งและมีบิดาที่มีอำนาจแล้ว จะเป็นผู้ใดได้อีกเล่า?ฮูหยินเสิ่นที่ถูกเสียงเหล่านี้ปลุกขึ้นมา ยังมิทันได้ลืมตาก็ได้ยินบทสนทนาเหล่านี้ก่อนแล้วนางจึงขยี้ตาที่งัวเงียนั้น จากนั้นก็ยิ้มแล้วเอ่ยกับฮูหยินหยาง “เมื่อครู่ข้าก็บอกแล้วให้เจ้าวางใจ ดูเอาเถิด ข้าพูดมิผิดใช่หรือไม่!”“เจ้าแห่งทะเลจะต้องช่วยพวกเราออกไปอย่างแน่นอน! นี่อย่างไรเล่า ตอนนี้มีท่านช
ราวกับจะยืนยันการคาดเดาของหยางหงหนิง จู่ ๆ หลงซินก็หยิบเครื่องมือทรมานที่อยู่ข้างมือขึ้นมา“คีมปากจิ้งจก… ของสิ่งนี้ถอดเล็บได้ผลดีนัก! แต่ข้าเคยใช้แล้ว มิได้แปลกใหม่อะไรหรอก!”“แส้... นี่ก็ยิ่งซ้ำซากเหลือเกิน!”“เมื่อครู่ข้าดูแล้ว ของหลายอย่างที่นี่ล้วนมิได้มีอะไรแปลกใหม่ทั้งนั้น!”“หยางหงหนิง ข้าจะให้โอกาสเจ้าครั้งหนึ่ง ให้เจ้าเลือกเองมาสักชนิดเถิด!”หยางหงหนิงกลัวจนวิญญาณแทบหลุดจากร่าง ที่นี่มีเครื่องมือทรมานอยู่เป็นจำนวนมาก มิว่านางจะเลือกชนิดไหนก็ล้วนเป็นสิ่งที่นางทนมิได้ทั้งนั้น“หลงซิน… ท่านพี่ซิน ข้าผิดไปแล้ว ท่านอภัยให้ข้าเถิด!”หยางหงหนิงคุกเข่าลงไปพลางตะโกนออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง “เป็นข้าเองที่มีตาหามีแววไม่ ในตอนนั้นข้ามิควรถูกความหลงใหลครอบงำแล้วปฏิเสธท่านไปเช่นนั้น!”“ท่านผู้ใจกว้างมีความเมตตา โปรดอภัยให้ข้าเถิด! ข้า... ข้ายินดีจะแต่งงานกับท่าน!”“แต่งงานกับข้า?”หลงซินดูราวกับฟังเรื่องตลก เขาค่อย ๆ เดินเข้าไปเขาบีบคางของหยางหงหนิงไว้ แล้วจับนางเงยหน้าขึ้นมองตนอย่างแรง“สตรีเน่าเฟะเยี่ยงเจ้า มิได้คิดว่าเจ้าสารเลวเย่หรงแข็งแกร่งกว่าข้าหรอกรึ?”“เจ้าสาบานต่อหน้าธ
เมื่อฮูหยินหยางและฮูหยินเสิ่นได้ยินเสียงฝีเท้า ในใจก็มีความหวังขึ้นมาเจ้าแห่งทะเลส่งคนมาช่วยพวกเขาออกไปเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ?หลังจากเสียงฝีเท้าก็ใกล้เข้ามา ฮูหยินหยางก็เห็นผู้คุมที่พาองครักษ์สองคนมาด้วยเขาเดินไปที่ห้องขังของหยางหงหนิงแล้วโบกมือ จากนั้นองครักษ์ทั้งสองคนก็หยิบโซ่เหล็กแล้วเปิดประตูห้องขังเดินเข้าไป“ผู้คุม นี่พวกท่านจะพาลูกสาวข้าไปที่ใด?”เมื่อฮูหยินหยางเห็นว่าองครักษ์ผูกโซ่เหล็กกับตัวของหยางหงหนิง นางจึงตะโกนออกไปอย่างตกใจผู้คุมร่างอ้วนเหลือบมองนางแล้วตำหนิออกไป “โวยวายหาปะไร? ก็ต้องพานางไปพิจารณาคดีแน่นอนสิ!”พิจารณาคดี?ฮูหยินหยางมองออกไปนอกหน้าต่างห้องขัง ก็เห็นว่าฟ้ามืดแล้วศาลาว่าการมีธรรมเนียมการพิจารณาคดีในเวลากลางคืนด้วยหรือ?มิรอให้ฮูหยินหยางได้คิดจนเข้าใจ องครักษ์ทั้งสองก็ลากหยางหงหนิงออกไปแล้วฮูหยินเสิ่นเห็นจากด้านข้าง นางจึงเอ่ยออกไปด้วยรอยยิ้ม “ฮูหยินหยาง ท่านมิต้องกังวลไป พวกเขามิกล้าทำอะไรหงหนิงหรอก!”"การพิจารณาคดีก็ทำแค่เป็นพิธีเท่านั้น!”หยางหงหนิงเดินตามองครักษ์ไปอย่างไร้ชีวิตชีวาดูราวกับว่านางจะมิรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นรอบตัวนาง น
ณ คุกหลวงศาลาว่าการในเมืองหลวงแดนเทพเนื่องจากพวกของหยางหงหนิงยังมิได้ผ่านการพิจารณาคดีอย่างเป็นทางการ พวกเขาจึงถูกขังอยู่ที่คุกหลวงศาลาว่าการเป็นการชั่วคราวหยางหงหนิง ฮูหยินหยาง รวมถึงฮูหยินเสิ่นต่างก็ถูกคุมขังแยกกันในห้องขังหลายห้องหยางหงหนิงนั่งกอดเข่าขดตัวอยู่ตรงมุมห้องขังที่นางถูกคุมขังอยู่เป็นมุมที่ไกลที่สุด นางจ้องมุมกำแพงตรงข้ามอยู่อย่างเงียบ ๆ พลางครุ่นคิดบางอย่างตอนแรกฮูหยินเสิ่นถูกคุมตัวเข้ามา ก็ยังคงรู้สึกทำอะไรมิถูกอยู่บ้างนางมั่นใจมาตลอดว่าเสิ่นฮ่าวอยู่ในตำแหน่งที่สูงส่งและมีอำนาจมาก ไม่มีใครกล้าแตะต้องตนอย่างแน่นอน ไหนเลยจะคิดว่าเพียงชั่วพริบตานางจะถูกเปลี่ยนจากสตรีผู้สูงศักดิ์กลายเป็นนักโทษไปเสียแล้ว“ฮูหยินหยาง นี่มันเกิดกระไรขึ้นกันแน่? เหตุใดพวกเราจึงถูกขังอยู่ที่นี่เล่า?”ฮูหยินเสิ่นเอ่ยถามฮูหยินหยางออกมาอย่างก้าวร้าวฮูหยินหยางครุ่นคิดแล้วเล่าเรื่องที่ชายาเจ้าแห่งทิศใต้และโม่เจี๋ยไปก่อเรื่องที่จวนองค์หญิง ลากโยงไปจนถึงเรื่องที่เปิดโปงเจ้ากรมหยางและเสิ่นฮ่าวยักยอกเงินเบี้ยหวัดทหารให้ฮูหยินเสิ่นฟัง“เรื่องของเจ้ากับแม่ทัพเสิ่นก็เป็นพระชายาเจ้าแห่งทิศใต