ทั้งสองคนมาถึงที่เรือนด้านข้าง แล้วฮูหยินจี้ก็พาทั้งสองคนไปที่ห้องครัว แต่สิ่งที่ทำให้หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนประหลาดใจก็คือ เมื่อเข้าไปแล้วเห็นแม่ทัพจี้นั่งอยู่ท่าทางของเขายังค่อนข้างอ่อนแรง แต่สีหน้าท่าทางดูดีกว่าตอนที่หลิงอวี๋เห็นเมื่อคืนมากทีเดียวแม่ทัพจี้มีใบหน้าเป็นทรงเหลี่ยม คิ้วเข้มราวกับหมึก ดวงตาที่ลึกเข้าไปก็ดูล้ำลึกและมีประกายชีวิตชีวาเมื่อเขาเห็นเซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋เข้ามา สายตาของแม่ทัพจี้ก็มองไปที่เซียวหลินเทียนที่อยู่ด้านหน้าโดยสัญชาตญาณรูปร่างที่สูงใหญ่ของเซียวหลินเทียน รวมถึงกลิ่นอายสูงศักดิ์และหยิ่งทะนงบนตัวนั้นทำให้แม่ทัพจี้ตกใจอยู่ลึก ๆ ผู้ใต้บังคับบัญชาของเจ้าแห่งทิศใต้จะมีคนเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?คนผู้นี้คือใครกันแน่?แม่ทัพจี้เพียงตะลึงไปชั่วครู่เท่านั้น จากนั้นก็อาศัยโต๊ะพยุงตัวลุกขึ้นมา“แม่ทัพเซียว ฮูหยินเซียว ได้ยินภรรยาของข้าบอกว่า ฮูหยินของท่านช่วยข้าไว้ ตัวข้าซาบซึ้งใจยิ่งนักขอรับ!”“เดิมทีควรจะไปขอบพระคุณให้ถึงที่ แต่ด้วยเคลื่อนไหวมิสะดวก จึงต้องเชิญพวกท่านให้มาพบกัน! ขออภัยที่ตัวข้าเสียมารยาทขอรับ!”เขาประสานมือทำความเคารพต่อทั้งสองคน
เมื่อทุกคนกินดื่มกันจนอิ่มท้อง นอกจากองครักษ์ส่วนใหญ่ที่ไปพักผ่อนแล้ว ลู่ปินก็ยังจัดให้เหลือบางส่วนไว้เฝ้าเวรยามด้วยตอนนี้อยู่ในถิ่นของผู้อื่น แม้ว่าฮูหยินจี้จะแสดงออกด้วยความเป็นมิตร แต่ลู่ปินก็มิกล้าชะล่าใจเช่นกัน จึงจัดคนเฝ้าเวรยามไปตามกฎระเบียบหลิงอวี๋กับหลิงหว่านมิต้องเฝ้าเวรยาม ทั้งสองคนจึงได้นอนเร็ววันรุ่งขึ้นหลิงอวี๋ก็ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ฟ้ายังมิสางนางได้ยินเสียงคนเดินอยู่ด้านนอก จึงสวมอาภรณ์แล้วเดินย่อง ๆ ออกไปเซียวหลินเทียนยืนอยู่ใต้ชายคาพลางมองฟ้าที่ยังคงมืดมิดอยู่อย่างมิรู้ว่ากำลังคิดสิ่งใด“สืบพบอะไรหรือเพคะ?”หลิงอวี๋เดินไปถึงข้างกายเซียวหลินเทียนแล้วกระซิบถามออกไปเซียวหลินเทียนเผยยิ้มแล้วหันไปหานาง “ก็มิใช่เรื่องใหญ่อันใดหรอก แต่อย่างน้อยก็ทำให้พวกเรารู้ว่าพวกเขากำลังกังวลในสิ่งใด!”“หืม? สิ่งใดหรือเพคะ?”หลิงอวี๋เลิกคิ้วถามออกไป“ข้าหลวงจงโจวคนก่อนหน้านี้เป็นคนของตระกูลฝ่ายแม่ของชายาเจ้าแห่งทะเล เมื่อครั้งที่เกิดน้ำท่วม ข้าหลวงเก๋อทำการกอบโกยเงินทองและเสบียงคิดจะหนีไป แต่ไปพบกับแม่ทัพจี้เข้า!”“แม่ทัพจี้เห็นว่าเขาสนใจแต่ตัวเอง มิได้สนใจความเป็นความตายของร
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังพูดอยู่นั้น องครักษ์คนหนึ่งก็เข้ามารายงานว่า “ฮูหยิน คนของเจ้าแห่งทิศใต้นำตัวเข้ามาแล้วขอรับ รองแม่ทัพเจียงได้พาไปที่ห้องด้านข้างแล้ว และแม่ทัพผู้นำของพวกเขาบอกว่าต้องการพบฮูหยินกับหมอหลิงขอรับ!”หลิงอวี๋คาดเดาก็รู้ทันทีว่าเป็นเซียวหลินเทียน นางจึงมองไปทางฮูหยินจี้พร้อมกับเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม “เขาคือเซียวหลินเทียนสามีของข้าเอง คงจะเป็นห่วงข้าเป็นแน่!”ฮูหยินจี้จึงพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “เช่นนั้นเจ้าไปอยู่กับเขาก่อนเถิด ทางด้านข้ายังมีเรื่องสามีต้องจัดการ ประเดี๋ยวข้าค่อยให้คนไปเชิญเจ้า!”เมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าฮูหยินจี้มิได้มีท่าทีอยากพบเซียวหลินเทียน ก็มิรู้เช่นกันว่านางกังวลในเรื่องใด จึงลุกขึ้นแล้วเอ่ยออกไปว่า “ขอบพระคุณฮูหยินจี้ที่ให้ที่พักพิง เช่นนั้นข้ามิรบกวนแล้ว!”“หากฮูหยินมีเรื่องอันใดก็ไปหาข้าได้ ข้าขอตัวลาก่อน!”หลังจากหลิงอวี๋พูดจบก็เดินออกไป กระทั่งออกจากประตูศาลาว่าการไป นางก็พบเซียวหลินเทียนยืนรออยู่ที่หน้าประตู“เรากลับไปพักผ่อนกันก่อนเถิดเพคะ!”หลิงอวี๋ก้าวเข้าไปจับมือของเซียวหลินเทียน แล้วเดินเข้าไปที่เรือนด้านข้างโดยการนำขององครักษ์“เกิดอะไ
เมื่อฮูหยินจี้เห็นว่าหลิงอวี๋เปี่ยมด้วยเจตนาดี ความระแวดระวังที่เคยมีจึงมลายหายไป นางยิ้มพลางกล่าวว่า “ท่านหมอ ท่านช่วยชีวิตสามีของข้า ก็นับเป็นผู้มีพระคุณของพวกเราแล้ว เรื่องการขออาศัยทางผ่านไปยังเมืองหลวงแดนเทพย่อมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว!”“เอาเช่นนี้เถิด วันนี้ก็ดึกมากแล้ว ข้าจะให้คนไปเชิญคนของท่านเข้ามาพักผ่อนที่นี่สักคืน วันพรุ่งค่อยออกเดินทางก็ยังมิสาย”หลิงอวี๋พยักหน้ารับ ฮูหยินจี้จึงรีบออกไปสั่งการให้คนไปเชิญเซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ เข้ามาด้านใน ส่วนตนก็สั่งให้ห้องครัวจัดเตรียมสำรับอาหารแม่ทัพจี้ยังคงนอนหลับมิได้สติ หลิงอวี๋เห็นว่าเขาปลอดภัยดีแล้วจึงเดินออกมาเด็กทั้งสองคนยังคงยืนรออยู่ที่หน้าประตู เมื่อเห็นหลิงอวี๋เด็กชายจี้หย่งก็วิ่งเข้ามาจับมือนางพลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลน่าเอ็นดู“ท่านน้า ท่านพ่อของข้าจะฟื้นเมื่อใดหรือขอรับ? ท่านพ่อจะมิตายใช่หรือไม่ขอรับ?”หลิงอวี๋ยิ้มพลางกุมมือของเขาไว้ แล้วเอ่ยปลอบโยน “มีน้าอยู่ทั้งคน ท่านพ่อของเจ้าจะมิตาย”จี้จูขยับเข้ามาใกล้แล้วจับมืออีกข้างของหลิงอวี๋ไว้พลางเอ่ยด้วยความชื่นชมว่า“ท่านน้า วรยุทธ์ของท่านน้าช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก
ศีรษะเล็ก ๆ สองศีรษะดูเหมือนกำลังผลักกันไปมา ด้วยความมิระวังทั้งสองจึงพลัดตกลงมาจากหลังประตูด้วยกันทั้งคู่จนล้มกลิ้งทับกันเป็นก้อนกลมหลิงอวี๋เห็นเด็กชายคนหนึ่งในหมู่พวกนั้นลุกขึ้นยืนพลางถลึงตามองเด็กอีกคนด้วยความเดือดดาลท่าทางที่กำลังพองลมแก้มป่องนั้นช่างดูคล้ายกับเซียวเยวี่ยยิ่งนัก หลิงอวี๋จึงอดมิได้ที่มุมปากจะยกขึ้นเป็นรอยยิ้มจาง ๆนางขยิบตาให้เด็กชายอย่างซุกซนฮูหยินจี้ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวจึงหันกลับมา และเห็นเข้ากับสีหน้าและรอยยิ้มที่มุมปากของหลิงอวี๋พอดี“ข้าเองก็มีบุตรชายอายุราวนี้เช่นกัน!”หลิงอวี๋ยิ้มให้ฮูหยินจี้อย่างเป็นมิตรพลางเอ่ยว่า “เด็กวัยนี้กำลังซน ฝนตกต่อเนื่องมานานปานนี้คงมิได้ออกไปวิ่งเล่นข้างนอก น่าจะอึดอัดแย่เลย”อาจเป็นเพราะรอยยิ้มและถ้อยคำของหลิงอวี๋ที่เข้าถึงจิตใจของฮูหยินจี้ ความระแวดระวังของนางจึงลดลงไปมากในทันทีนางกล่าวอย่างขมขื่น “ใช่แล้ว! แม้ยามนี้ฟ้าจะโปร่งแล้ว ข้าก็ยังมิกล้าให้พวกเขาออกไปเล่น! ฝนที่ตกหนักครานี้ทำให้ผู้คนล้มป่วยไปมิน้อย ยามนี้สิ่งที่ขาดแคลนที่สุดในเมืองก็คือยา จะล้มป่วยตอนนี้มิได้เด็ดขาด!”“หย่งเอ๋อร์ จูเอ๋อร์ เรียกท่านน้าสิ
เมื่อหลิงอวี๋เห็นฮูหยินจี้พุ่งจู่โจมเข้ามาด้วยท่าทีคุกคามน่าเกรงขาม นางก็มิได้คิดจะตอบโต้ซึ่งหน้า เพียงบิดกายวูบหนึ่งก็หลบหลีกไปได้พ้นนางกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ฮูหยินจี้ ท่านมิใช่คู่ต่อสู้ของข้าหรอก!”“โปรดหยุดมือเถิด ข้าไม่มีเจตนาร้ายต่อท่าน!”ไหนเลยฮูหยินจี้จะเชื่อคำพูดของหลิงอวี๋ นางสะบัดแส้ในมือแล้วพุ่งเข้าใส่อีกครั้ง “ซ่อนหัวซ่อนหาง คิดว่าข้าดูมิออกรึ?”“เจ้าเป็นสตรี! รับสารภาพมาตามตรงเสียดี ๆ ใครเป็นคนส่งเจ้าแฝงตัวเข้ามากันแน่?”หลิงอวี๋เห็นแส้ฟาดมาอีกครั้งจึงเบี่ยงตัวหลบนางยังคงกล่าวอย่างอดทน “ฮูหยินจี้ ข้าเป็นสตรีจริง ทั้งยังเป็นหมอที่เก่งกาจด้วย!”“นายทหารหลินน่าจะบอกท่านแล้วว่าพวกเราเป็นคนของเจ้าแห่งทิศใต้ เพียงขอใช้เส้นทางเพื่อไปยังเมืองหลวงแดนเทพ! การเดินทางมิสะดวก จึงต้องปลอมเป็นชาย”“ฮูหยินจี้ ข้ามิรู้ว่าพวกท่านกำลังหวาดระแวงสิ่งใด แต่ข้ารับรองได้ว่า ข้าเข้ามาเพื่อรักษาอาการป่วยของแม่ทัพจี้เพียงเท่านั้น! จากนั้นก็จะขอใช้เส้นทางเพื่อเดินทางต่อไปยังเมืองหลวงแดนเทพ”“เมื่อครู่แม้ข้าจะยังมิเห็นท่านแม่ทัพจี้ แต่ข้าได้กลิ่นที่โชยออกมาจากในห้อง บาดแผลของท่านแม่ทัพ