เข้าสู่ระบบหลิงอวี๋กล่าวพลางเทโอสถสองเม็ดออกมา “ข้าได้ยินว่าฮูหยินหยางเชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เช่นนั้นท่านย่อมทราบดีว่า แม้ข้าหลวงหยางและหยางหนานจะกินยาถอนพิษก็มิอาจหายเป็นปกติได้ในทันที!”“พิษร้ายได้แทรกซึมลึกสู่ใจและปอดของพวกเขามานานแล้ว จำต้องขับพิษออกก่อนจากนั้นจึงค่อยบำรุงฟื้นฟู!”ฮูหยินหยางรับโอสถจากหลิงอวี๋ และบิดให้แตกออกครึ่งหนึ่งก่อนใส่เข้าปากลองลิ้มรสอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาของฮูหยินหยางพลันเบิกกว้างด้วยความตื่นตะลึง“ฮูหยินอู่ ในโอสถนี้ มีส่วนผสมของหญ้าล้างพิษ เมล็ดบัววิญญาณวารี และผลกระดูกวิญญาณ!”“สมุนไพรทั้งสามชนิดนี้ล้วนเป็นโอสถทิพย์ล้ำค่าที่แม้ใช้ทองพันชั่งก็ยากจะหาซื้อได้ ท่านถึงกับใช้มันเป็นส่วนผสมเชียวหรือ?”หลิงอวี๋แย้มยิ้มบางเบา “ฮูหยินหยางช่างมีสายตาแหลมคมนัก! สมุนไพรเหล่านี้แม้จะล้ำค่า แต่หากสามารถช่วยเหลือผู้ที่สมควรช่วยได้ นั่นจึงนับเป็นคุณประโยชน์ของพวกมันอย่างแท้จริง!”ฮูหยินหยางมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาแปลก ๆหยางหนานซึ่งฟังบทสนทนาอยู่ ถึงกับทนมิไหวจึงเอ่ยถามขึ้น “ฮูหยินอู่ ท่านยังมีสมุนไพรเหล่านี้อีกหรือไม่?”“หากท่านสามารถปรุงยาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อแจกจ่ายให้เหล่าแม่
หลิงอวี๋สะดุ้งตกใจกับสายตาอันเหี้ยมโหดของฮูหยินหยาง แม้นางจะเป็นผู้ที่ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านคลื่นลมแรงมานับมิถ้วน ทว่านี่ยังนับเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นแววตาอันอำมหิตและเย็นเยียบถึงเพียงนี้สายตานั้นราวกับจะเชือดเฉือนนางให้ตายทั้งเป็นในชั่วพริบตา!แม้ฮูหยินหยางจะเก็บงำแววตานั้นกลับไปในพริบตา แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นก็ยังทำให้หลิงอวี๋ใจสั่นไหวอยู่บ้างนางมิกล้าจ้องมองสำรวจอีกต่อไป จึงได้แต่ก้มหน้าลงใช้ความคิดชั่วครู่ต่อมา ชิงเสวียนก็รายงานเรื่องราวทั้งหมดจนกระจ่างชัดฮูหยินหยางยังมิเอ่ยคำใด ชิงเสวียนเองก็มิกล้าพูดอะไรมากความ ในห้องจึงตกอยู่ในความเงียบสงัดในทันทีเนิ่นนานผ่านไป ฮูหยินหยางจึงแค่นเสียงเย็นชาออกมาคราหนึ่ง “อ๋องซู่... เจี่ยงชิง... ช่างกล้าดีเสียจริง!”เมื่อเห็นฮูหยินหยางทำลายความเงียบลงแล้ว ชิงเสวียนจึงกล้าเอ่ยปาก “ท่านแม่บุญธรรม ยามนี้แม้แต่หยางหนานก็ถูกพิษ ทางฝั่งนายท่าน เกรงว่าคงมิต่างกัน!”“ครานั้นที่ยอดเขาเกาหลิ่ง รั่วหลานถูกเจี่ยงชิงลอบทำร้าย อ๋องซู่ก็น่าจะอยู่ที่นั่นด้วย แต่เขากลับปล่อยปละละเลยให้เจี่ยงชิงลงมือต่อรั่วหลาน นี่เขาคิดจะแตกหักกับตระกูลหยางเราหรือเจ้าคะ?
แววตาเช่นนั้นของลุงซินช่างขัดแย้งกับรูปลักษณ์ที่แก่ชราของเขา หลิงอวี๋นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ครั้นคิดจะมองอีกครั้ง ลุงซินก็ก้มศีรษะลงเสียแล้ว กลับไปมีท่าทีต้อยต่ำและนอบน้อมดังเดิม“พระนางหลิง เชิญทางนี้เถิด!”ชิงเสวียนหันกลับมาเอ่ยเรียกในใจของหลิงอวี๋บังเกิดความคลางแคลงใจต่อท่าทีของลุงซิน แต่ชั่วขณะนี้ยังไม่มีเวลาครุ่นคิดให้ลึกซึ้ง จึงได้แต่เดินตามชิงเสวียนเข้าไปด้านในเมื่อเดินอ้อมลานเรือนรองด้านหลัง ผ่านระเบียงทางเดินทอดยาวหลายสาย ในที่สุดก็มาถึงเรือนชั้นในอันเป็นที่พำนักของฮูหยินหยางเหล่าสาวใช้ที่พบระหว่างทาง เมื่อเห็นชิงเสวียนต่างก็ก้มศีรษะคารวะ ไม่มีผู้ใดตั้งข้อสงสัยที่นางพาหลิงอวี๋เข้ามาด้วยครั้นมาถึงเรือนชั้นใน สาวใช้คนหนึ่งที่เฝ้าประตูอยู่เห็นชิงเสวียน จึงร้องประกาศเสียงดังว่า “ฮูหยิน คุณหนูชิงเสวียนกลับมาแล้วเจ้าค่ะ!”เสียงที่แก่ชราเสียงหนึ่งดังแว่วมาจากด้านใน “ให้นางเข้ามา!”หลิงอวี๋ได้ยินเสียงนี้ก็มิได้เอะใจอันใด นางนึกว่าเป็นเสียงของแม่นมข้างกายฮูหยินหยางชิงเสวียนจึงขานรับว่า “ฮูหยิน ข้าพาฮูหยินอู่มาด้วยเจ้าค่ะ!”ชิงเสวียนหยุดยืนรออยู่ที่หน้าประตูครู่หนึ่ง จึงพาหลิง
ชิงเสวียนเองก็รีบพรวดเข้าไปดึงตัวหยางหนานไว้“หยางหนาน นายท่านอู่กล่าวได้ถูกต้องแล้ว เจ้าบุ่มบ่ามจะไปหาอ๋องซู่เพื่อแก้แค้นเช่นนี้ ทั้งฮูหยินและนายท่านก็ยังมิล่วงรู้!”“หากอ๋องซู่คิดแตกหักกับเจ้าอย่างสิ้นเชิงขึ้นมา ฮูหยินและนายท่านก็จะตกอยู่ในอันตราย! เจ้าจะนำชีวิตของทุกคนไปเสี่ยงอย่างบุ่มบ่ามเช่นนี้มิได้!”หยางหนานกำหมัดแน่น ชิงเสวียนพูดถูกแล้ว ยามนี้อ๋องซู่นั้นแข็งแกร่งยิ่งนัก อำนาจทางการทหารทั้งหมดล้วนอยู่ในกำมือของเขาหากตนมิอาจสังหารอ๋องซู่ได้ เช่นนั้นคนทั้งตระกูลหยางจะต้องถูกเขาสังหารล้างตระกูลเป็นแน่!หยางหนานสะบัดมือนางออกแล้วเดินกระสับกระส่ายไปมาในห้อง เขาสูดหายใจลึกอย่างต่อเนื่อง พยายามข่มเพลิงโทสะของตนไว้ชิงเสวียนเห็นเขามิได้บุ่มบ่ามออกไป จึงหันไปทางหลิงอวี๋ “พระนางหลิง พวกเราเชื่อคำพูดของพวกท่าน!”“เช่นนั้นอาการป่วยของรั่วหลาน พระนางหลิงพอจะมีวิธีรักษาหรือไม่เจ้าคะ?”หลิงอวี๋ครุ่นคิดครู่หนึ่งจึงกล่าว “ข้าตรวจดูรั่วหลานแล้ว ในเลือดของนางไม่มีพิษ แต่นี่ก็มิได้หมายความว่านางมิได้ถูกพิษ มิฉะนั้นไฝดำบนร่างกายนางคงมิขยายใหญ่ขึ้นเช่นนี้!”“นี่อาจเป็นพิษชนิดหนึ่งที่ทั้งข้า
หยางหนานยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นตระหนก หากมิใช่เพราะหลิงอวี๋สังเกตเห็นไฝดำบนแผ่นหลังของรั่วหลาน และล่วงรู้ว่าเจี่ยงชิงเป็นสตรีป่านนี้ต่อให้รั่วหลานตายไปแล้วพวกเขาก็คงมิสงสัยเจี่ยงชิงอีกทั้งตนถูกพิษโดยมิได้สงสัยอ๋องซู่แม้แต่น้อย หากตนเพียงกล้าแตกหักกับเขา อ๋องซู่ก็มิจำเป็นต้องมอบยาถอนพิษให้ ก็สามารถสังหารตนได้ทุกเมื่อ!อ๋องซู่ในยามนี้มิใช่คนที่ต้องพึ่งพาตระกูลหยางเหมือนในอดีตอีกต่อไปแล้ว ต่อให้เขากำจัดตระกูลหยางทิ้งก็มิได้ส่งผลกระทบใดต่อตัวเขาเลย!“หึหึ มินึกเลยว่าตระกูลหยางของข้าจะเป็นเพียงผู้ที่ปูทางให้ผู้อื่นเสวยสุข ต้องเหนื่อยยากโดยเปล่าประโยชน์เสียจริง!”หยางหนานกล่าวเยาะหยันตนเอง“มิใช่แค่ชีวิตของข้าเท่านั้น ยังมีรั่วหลาน และกระทั่งชื่อเสียงความซื่อสัตย์สุจริตที่บิดาข้าสั่งสมมาทั้งชีวิต!”เซียวหลินเทียนกล่าวเสียงเรียบ “หยางหนาน หากเจ้าคิดว่าเรื่องที่อ๋องซู่และเจี่ยงชิงกระทำมีเพียงเท่านี้ เช่นนั้นเจ้าก็ดูแคลนพวกเขาสองคนเกินไปแล้ว!”หยางหนานมองเซียวหลินเทียนอย่างมิเข้าใจ “นายท่านอู่ เขายังทำสิ่งใดอีกหรือ?”เซียวหลินเทียนกล่าวอย่างมีความนัย “เจ้ามินึกสงสัยบ้างหรือว่า อ๋องซู่นำเงิ
หยางหนานดูเหมือนจะมิระแคะระคายเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย เขากล่าวขึ้นอย่างซื่อ ๆ ว่า “มิใช่ว่าเขาก็กินโอสถของเจี่ยงชิงเหมือนพวกเราหรอกหรือ?”“หากเขามีวิธีอื่นใดที่สามารถยกระดับวรยุทธ์ได้ เขาจะต้องบอกข้าอย่างแน่นอน!”“อ๋องซู่กับข้าสนิทสนมกันประหนึ่งพี่น้องแท้ ๆ เขามีของดีอันใดล้วนแบ่งปันให้ข้าเสมอ!” หลิงอวี๋ถึงกับไร้คำพูด หยางหนานผู้นี้ช่างซื่อตรงเสียจริง มิน่าเล่าถึงได้ติดกับ ทั้งยังมิคลางแคลงใจในตัวอ๋องซู่แม้แต่น้อยเซียวหลินเทียนจ้องมองเขา กล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า “หยางหนาน ข้ามายังปากั๋วโจว ก็พอได้ยินกิตติศัพท์นิสัยใจคอของบิดาเจ้ามาบ้าง!”“เขารักราษฎรประดุจบุตรธิดา ทำการยุติธรรมและเคร่งครัด ก็เพราะเขามีชื่อเสียงดีงามถึงเพียงนี้ พวกเราจึงได้ยอมเจรจากับพวกเจ้า!”“หยางหนาน ข้าขอถามเจ้า หากเพื่อยกระดับวรยุทธ์ แล้วต้องให้เจ้าฝึกฝนวิชานอกรีต สังหารผู้คนแย่งชิงพลังของผู้อื่น เจ้าจะยินยอมหรือไม่?”หยางหนานขมวดคิ้วทันที กล่าวเสียงขรึมว่า “ย่อมมิยินยอมอยู่แล้ว! หากท่านพ่อข้าน้อยรู้เข้า ท่านยอมทุบตีข้าน้อยให้ตาย ดีกว่าปล่อยให้ข้าน้อยประพฤติตัวเลวทรามเช่นนี้!”“หยางหนานผู้นี้ได้รับการอบรม







