อันเจ๋อเอ่ยทันที “พระชายามีความคิดที่ดีมาก ท่านอ๋องเฉิงริเริ่มบริจาคก่อนจะต้องดึงดูดความสนใจขององค์จักรพรรดิอย่างแน่นอน! ถึงเวลานั้นพวกผู้มีอำนาจเหล่านั้นก็จะบริจาคตามด้วยเพื่อเอาใจองค์จักรพรรดิ!”“จริงสิ ข้าให้แม่ข้าเอาโจ๊กไปให้ผู้ลี้ภัยได้ด้วย!”“ก่อนหน้านี้ข้าเคยบอกท่านแม่แล้ว หากนางมีเงินบริจาคธูปเทียนให้วัด สู้เอาไปทำเรื่องจริงจังดีกว่า! ท่านแม่ของข้าจะต้องยอมแน่!”หลิงอวี๋ฟังแล้วก็พยักหน้า พลางเอ่ยอย่างเห็นด้วย“ท่านรัฐทายาทอัน ท่านสามารถขอให้พระชายาผิงหนานระดมทุนในหมู่สตรีผู้สูงศักดิ์ได้อีก หากครอบครัวใดมีเสื้อผ้าอาภรณ์เครื่องนอนเก่าที่ไม่จำเป็น ก็สามารถเอามาช่วยเหลือผู้ลี้ภัยเหล่านี้ได้!”“ข้าเห็นว่าพวกเขาใส่แต่พวกผ้าขาดวิ่นกันหมด ช่วยได้สักหน่อยก็จะดี!”เซียวหลินเทียนเห็นทั้งสามคนกำลังคุยกันอย่างยุ่งวุ่นวาย เขาย่อมนั่งดูต่อไปไม่ได้อยู่แล้ว“หลิงอวี๋เคยบอกไว้ก่อนหน้านี้ว่า สอนคนตกปลาดีกว่ามอบปลาให้เขา... โครงการฟื้นฟูร้านค้าของข้าในตอนนี้ยังต้องการกำลังคน ข้ามอบโอกาสให้ผู้ที่มีกำลังแรงงานได้!”“ใช่แล้ว ผู้ที่ครอบครองพื้นที่ร้านค้าที่ถูกไฟไหม้ครั้งที่แล้วบางคนก็หาบ้านได้
เดิมทีจ้าวเจินเจินพยายามจะชดเชยให้ และตั้งใจให้พ่อบ้านเตรียมของกำนัลปลอบใจไปที่ตำหนักองค์ชายเว่ยเพื่อแสดงความเสียใจต่อจ่างหนิงที่ได้รับบาดเจ็บแต่ของกำนัลเหล่านั้นถูกตำหนักองค์ชายเว่ยโยนออกไปอย่างไร้ความปรานี พ่อบ้านของตำหนักองค์ชายเว่ยก็ดุพวกเขาต่อหน้าทุกคนอย่างไม่ไว้หน้าด้วย“พระชายาเว่ยบอกแล้วว่าต่อหน้าทำเป็นรักใคร่ห่วงใยแต่ใจจริงมีเจตนาไม่ดี… พระชายาคังกล้าส่งดอกไม้มีพิษไปให้พระชายาเย่ ใครจะรู้ว่าอาจซ่อนสิ่งที่เป็นอันตรายอยู่ในของกำนัลเหล่านี้ก็เป็นได้!”“ท่านหญิงจ่างหนิงไม่สามารถรับน้ำใจจากพระชายาคังได้… พระชายาคังนำสิ่งเหล่านี้กลับไปใช้เองเถิดขอรับ!”เมื่อจ้าวเจินเจินได้ยินสิ่งที่พ่อบ้านบอก ก็โกรธจนตัวสั่น แต่ตอนนี้ทำอะไรพระชายาเว่ยไม่ได้เลย!พระชายาเว่ยไม่เหมือนหลิงอวี๋ นางหาเหตุผลให้กับตนเองได้นางได้รับการสนับสนุนจากฮองเฮาเว่ย หากนางดุร้ายขึ้นมา วิธีน่ากลัวอะไรนางก็สามารถเอามาใช้ได้ทั้งนั้นดังนั้น ในช่วงสองวันนี้จ้าวเจินเจินจึงอยู่แต่ในตำหนักก็คิดว่าจะกอบกู้ชื่อเสียงของตนเองอย่างไรขอเพียงตนกอบกู้ชื่อเสียงก่อนหน้านี้คืนมาได้ ข่าวลือเหล่านั้นก็จะค่อย ๆ หายไปเองหากทำไ
ในขณะที่กำลังยุ่ง อันซินก็วิ่งเข้ามาในชุดกระโปรงเรียบง่าย นางทักทายกับหลิงหว่านพลางเอ่ยกับหลิงอวี๋“ท่านพี่หลิงหลิง วันนี้ข้าช่วยพวกท่านไม่ได้แล้ว ท่านแม่ของข้ามาแจกโจ๊ก ข้าต้องอยู่ช่วยนางที่ศาลาโจ๊ก!”หลิงอวี๋ยิ้มพลางเอ่ย “เจ้าดูแลท่านแม่ของเจ้าให้ดีเถิด! โจ๊กที่ต้นเดือดจะร้อนมาก พวกเจ้าจะต้องระวังเรื่องความปลอดภัยด้วย!”นางหยิบยาทาแผลสองหลอดยื่นให้อันซิน “หากเจ้าโดนลวกโดยไม่ระวังก็ทาลงไป มันได้ผลดีมาก!”“ขอบคุณท่านพี่หลิงหลิง!”อันซินรับยาทาแผลมาอย่างมีความสุข พลางเข้าไปกระซิบอะไรบางอย่างที่หูของหลิงหว่านแล้ววิ่งกลับไปหลิงหว่านหน้าแดงเล็กน้อย หลิงอวี๋เห็นแล้วก็ค่อนข้างประหลาดใจ อันซินพูดอะไรกับนางถึงทำให้สตรีผู้นี้หน้าแดงได้กัน!พอนึกถึงงานเลี้ยงชมบุปผาครั้งที่แล้ว เดิมทีจะให้หลิงหว่านได้ใกล้ชิดเขา แต่ผลกลับมีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย หลิงอวี๋เองก็ไม่มีเวลาไปทำความเข้าใจพฤติกรรมของพวกคุณชายเหล่านั้นเมื่อมองแผ่นหลังของอันซิน จู่ ๆ หลิงอวี๋ก็ใจเต้นรัว พระชายาผิงหนานดูเป็นคนตรงไปตรงมาแล้วก็ชอบหลิงหว่าน นางรู้จักผู้คนมากมายในแวดวงนี้และมีโอกาสมากมายที่จะได้ใกล้ชิดกับพวกคุณชายบาง
หลิงหว่าน เจียงอวี้ และคนอื่น ๆ ก็ไม่กล้านินทาเช่นกัน จึงแยกกันไปช่วยหลี่ชุงจัดเครื่องยาสมุนไพรและยกชากับน้ำไปให้บรรดาแพทย์หลิงอวี๋นั่งยุ่งอยู่กับการดูแลคนไข้ ตรวจคนไข้ติดกันไปหลายสิบคน ปากก็เลยแห้ง และยังปวดปัสสาวะด้วยนางจึงให้คนไข้รอสักครู่แล้วตนลุกขึ้นวิ่งไปเข้าห้องน้ำชั่วคราวด้านหลังหลิงหว่านตามนางไปห้องน้ำ พอนางออกมาก็เอ่ยกับหลิงอวี๋“ท่านพี่หลิงหลิง พี่เคยเห็นนางผู้นั้นหรือไม่? ฟางเจียอี๋ นางเป็นลูกพี่ลูกน้องของจ้าวเจินเจิน ดูสิ นางตามท่านอ๋องอี้ตลอดเลย!”“ข้าสังเกตนางมานานแล้ว ตั้งแต่ที่นางมาก็เกาะติดท่านอ๋องอี้ตลอด นางชอบท่านอ๋องอี้หรือ?”หลิงอวี๋มองไปทันทีที่นางพูดเช่นนั้นเห็นหน้าศาลารับสมัครคนงานของกรมโยธาธิการ มีหญิงงามคนหนึ่งกำลังยกน้ำชามาให้เซียวหลินเทียนหลิงอวี๋พอจะจำผู้หญิงคนนี้ได้ นางคือฟางเจียอี๋เป็นลูกพี่ลูกน้องของจ้าวเจินเจินจริง ๆครั้งที่แล้วนางปรากฏตัวอย่างสง่างามในงานเลี้ยงชมบุปผาแต่ออกไปก่อนที่จะแข่งดนตรี หมากล้อม อักษรศิลป์และการวาดภาพ เหมือนว่านางจะมีเรื่องด่วนต้องไปทำสิ่งที่ทำให้หลิงอวี๋ประหลาดใจก็คือ ตั้งแต่ขาของเซียวหลินเทียนพิการ ในตำหนักนอ
เมื่อทั้งสองเดินกลับไปก็เห็นคนยืนต่อแถวยาวรอโจ๊กอยู่ฝั่งตรงข้ามแต่จ้าวเจินเจินก็ยังไม่ปรากฏตัว!“ท่านพี่ ท่านคิดว่ามันแปลกหรือไม่? จ้าวเจินเจินไม่อยากพึ่งการแจกโจ๊กมาสร้างชื่อเสียงที่ดีหรอกหรือ? นี่มันนานแค่ไหนแล้ว? ไฉนยังมิเห็นนางอีกเล่า!”หลิงอวี๋มองไป โจ๊กทางนั้นน่าจะต้มพร้อมแล้ว แต่ยังไม่ได้แจกจ่าย “นางจะต้องมาแน่! อีกอย่างข้ากล้ารับรองกับเจ้าเลยว่านางจะหาทางอื่นสร้างชื่อเสียง!”คำพูดของหลิงอวี๋ไม่ได้เกิดจากการคาดเดา ในเมื่อจ้าวเจินเจินมาโดยมีจุดประสงค์ที่จะชะล้างเรื่องของนาง เช่นนั้นตอนนี้ก็มีผู้แจกโจ๊กที่ศาลหลักเมืองอยู่แล้ว หากนางมาก็เป็นเพียงผู้แจกโจ๊กธรรมดา ๆหากต้องการดึงความสนใจของผู้ลี้ภัยไปที่นาง มีเพียงต้องหาทางอื่นเท่านั้นในขณะที่พูดอยู่นั้น ก็มีคนตะโกนขึ้นมา "พระชายาคังมาแล้ว… พระชายาคังบอกว่ากินแค่โจ๊กคงจะไม่อิ่ม วันนี้นางจึงเตรียมหมั่นโถวขาวมาให้ทุกคนด้วย!"“โอ้โห…”เมื่อได้ยินผู้ลี้ภัยเหล่านั้นต่างก็ยินดีพวกเขาหลายคนไม่ได้กินอะไรมานานแล้ว ตอนนี้ได้ยินว่าไม่ได้มีแค่โจ๊กเท่านั้นแต่ยังมีหมั่นโถวแป้งขาวด้วย ใครเล่าจะไม่ตื่นเต้น?ทันใดนั้น ผู้คนก็กรูกันไปต่
ภาพนี้ทำเอาหลิงอวี๋ตะลึงไปเลยกิ่งทองใบหยกเสียจริง คู่รักนักการเมืองที่เก่งเรื่องสร้างกระแส!นางกล้าเดิมพันเลยว่าคนที่เป็นผู้นำในการตะโกนนั้นล้วนเป็นหน้าม้าที่จ้าวเจินเจินเตรียมมา!ผู้ลี้ภัยที่แท้จริงจะมีคารมคมคายเช่นนี้ได้เยี่ยงไรกันเล่า!หากคำพูดเหล่านี้ไปถึงหูของจักรพรรดิอู่อัน จักรพรรดิอู่อันจะต้องมีความสุขมากอย่างแน่นอนแม้ว่าก่อนหน้านี้จะไม่พอใจองค์ชายคังกับพระชายาของเขา ก็คงจะหายไปในทันที!ทางด้านเผยอวี้ เซียวหลินเทียนและอันเจ๋อก็เห็นภาพนี้เช่นกันเผยอวี้ก็ตกใจกับความไร้ยางอายขององค์ชายคังกับพระชายาของเขาเช่นกัน เขายิ้มอย่างขมขื่นให้เซียวหลินเทียนพลางเอ่ย “นี่เราตีงูให้กากินรึ?”แนวคิดในการแจกโจ๊กเพื่อบรรเทาภัยพิบัตินี้ดำเนินการไปทีละขั้นตอนภายใต้การนำของเซียวหลินเทียนไหนเลยจะคิดว่าองค์ชายคังกับพระชายาของเขาจะมาชุบมือเปิบ ฉกฉวยความดีความชอบทั้งหมดด้วยคำพูดที่สวยหรูไม่กี่คำกับหมั่นโถวแป้งขาวไม่กี่ตะกร้า!อันเจ๋อรู้สึกว่าถูกยั่วโมโหมากจนพูดไม่ออก เขารู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง!ความดีความชอบนี้ต้องเป็นของเซียวหลินเทียนสิ เขาถึงจะยินยอมอย่างเต็มใจ!แต่เหตุใดคนที่ทำงานหนักเช่
โจ๊กร้อนมากจนจ้าวเจินเจินกรีดร้องขึ้นมาในทันทีองค์ชายคังตะโกนด้วยความโกรธ “ใครก็ได้ จัดการไอ้อันธพาลนี่ซะ!”องครักษ์หลายคนรีบวิ่งเข้าไปจัดการชายร่างกำยำอย่างดุเดือดชายร่างกำยำหลบอย่างว่องไว พลางเอื้อมมือออกไปคว่ำตะกร้าหลายใบที่บรรจุหมั่นโถวไว้แล้วตะโกน“องค์ชายน่ารังเกียจนี่… ตนเองมีอาหารมีที่อยู่แล้วไม่สนใจความเป็นความตายของคนยากจนเยี่ยงพวกเรา! เขาเอาหมั่นโถวบูดมาแจกพวกเรา…”“ทุกคนมาร่วมมือกัน… หากพวกเขาไม่ให้ทางรอดให้เรา เราก็แสดงให้พวกเขาเห็นไปเลยว่าเราไม่ยอมถูกรังแกง่าย ๆ...”เมื่อเห็นว่าทหารองครักษ์ขององค์ชายคังกำลังจะจับชายร่างกำยำไว้ ชายร่างกำยำจึงหลบไปที่อีกฟากหนึ่งของเตา แล้วยกหม้อโจ๊กขึ้นมาโยนใส่พวกเขาในหม้อนั้นยังคงมีโจ๊กร้อน ๆ อยู่เต็มหม้อ หากถูกลวกไป ผิวหนังจะไม่ลอกออกหรือ?เหล่าองครักษ์ตื่นตระหนกกลัวว่าจะถูกโจ๊กลวกจึงจับผู้ลี้ภัยที่อยู่ข้าง ๆ มากั้นไว้ข้างหน้าตนผู้ลี้ภัยเหล่านั้นมีหรือจะสู้องครักษ์ที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีได้ พวกเขาไม่สามารถหลบหลีกได้เลย ได้แต่มองโจ๊กร้อน ๆ สาดเข้าหน้าพวกเขาอย่างหวาดกลัวผู้ลี้ภัยที่อยู่ด้านหลังไม่รู้สถานการณ์ เมื่อเห็นหมั่
ยังไม่ทันที่นางจะตอบสนองอะไร ไป๋ผิงก็ลากนางออกไปหลายก้าวแล้วโครม...ตอนนี้ศาลาโจ๊กได้พังทลายลงอย่างสมบูรณ์แล้ว ฝุ่นที่คละคลุ้งตกลงมาบนตัวทั้งสอง จนหน้าเปรอะเปื้อนทันที...จ้าวเจินเจินตกใจมากจนนิ่งค้างไป ได้ยินเพียงเสียงใครบางคนตะโกนอย่างบ้าคลั่ง “รีบมาช่วยคนเร็วเข้า… ยังมีคนอยู่ติดข้างใต้อีกมาก...”“ท่านพ่อ… ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่? ท่านอยู่ที่ใดกัน!”“ลูก… รีบช่วยลูกชายข้าที… เขาติดอยู่ข้างใน!”“พระชายา ไป๋ฮุ่ยยังอยู่ข้างในเจ้าค่ะ…”เสียงกรีดร้องโหยหวนดังเข้ามาในหูของจ้าวเจินเจินในหัวนางมีเพียงสองคำเท่านั้น… แย่แล้ว!เหตุใดศาลาโจ๊กดี ๆ ถึงกลายเป็นหายนะเช่นนี้ไปได้เล่า?จ้าวเจินเจินสั่นไปทั้งตัว สมองก็ว่างเปล่าไปหมด...“รีบไปช่วยคนเร็วเข้า…”“อันเจ๋อ… พาองครักษ์มาสองสามคน ไปหาของมาค้ำด้านนี้ไว้ก่อน!”เซียวหลินเทียนกังวลมากแล้วสั่งให้องครักษ์ช่วยคนทันใดนั้น หลิงอวี๋ก็เห็นฟางที่พังลงมาตกลงบนเตาโจ๊ก จากนั้นควันก็ลอยขึ้นมาจากตรงกลาง...“เซียวหลินเทียน เร่งพวกเขาให้เร็วขึ้นหน่อย ไฟไหม้แล้ว!”หลิงอวี๋เตือนเซียวหลินเทียนอย่างร้อนใจเซียวหลินเทียนเงยหน้าขึ้นมองแล้วก็เห็นว่า
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี