เซียวหลินเทียนตั้งใจฟัง แผนดังกล่าวเป็นแผนที่ใหญ่มากจริง ๆ ทุกขั้นตอนจะต้องคำนวณตามความคิดของอีกฝ่ายและปฏิกิริยาที่คาดว่าพวกเขาจะแสดงออกมาเมื่อคิดว่าหลิงอวี๋สามารถชนะที่หนึ่งในการแข่งขันหมากรุกได้ เซียวหลินเทียนก็รู้ว่าหลิงอวี๋มิได้คิดแผนนี้แบบสุ่มสี่สุ่มห้า“จากนั้น เศรษฐีเหล่านั้นก็ซื้อหยกราวกับว่าพวกเขาไม่รู้คุณค่าของสินค้า เพียงแค่ชอบอวด ตระกูลจ้าวเห็นว่าเศรษฐีเหล่านี้โง่เขลาและมีเงินมาก พวกเขาจึงต้องการจะโกงลูกค้า!”“ด้วยวิธีนี้ ตระกูลจ้าวจึงค่อย ๆ ตกสู่หลุมพราง ลูกค้าเศรษฐีพวกนั้นพักอยู่ระยะหนึ่ง หลังจากสั่งหยกชุดหนึ่งมูลค่าเกือบสองล้าน พวกเขาต้องรีบกลับเนื่องจากมีเหตุฉุกเฉินกะทันหันที่บ้าน”“จากนั้นพวกเขาก็อ้างว่าพวกเขามีเงินไม่เพียงพอ และระหว่างทางก็จะนำสินค้าจำนวนหนึ่งไป เนื่องจากไม่มีเงินทุน พวกเขาจึงนำหยกและบ้านทั้งหมดที่พวกเขาซื้อเป็นหลักประกันเพื่อยืมตั๋วเงินจำนวนแปดแสนนำเงินมาหมุนเวียน!”“ตระกูลจ้าวคิดว่าพวกเขาจะต้องกลับมารับหยกมูลค่าสองล้านที่สั่งไว้ อีกทั้งหยกที่พวกเขาซื้อก่อนหน้านี้มีมูลค่าหลายแสน พวกเขาไม่อยากให้การค้าขายครั้งใหญ่นี้หลุดมือไป สุดท้ายจึงให้ยืมเงิ
เมื่อหลิงอวี๋และเซียวหลินเทียนรีบไปที่วังหลวง ก็มีคนหลายคนอยู่ในห้องทรงอักษรแล้วหลี่ว์เซียง จ้าวหุย ท่านอ๋องเฉิง องค์ชายคังและองค์ชายเว่ย รวมถึงฉินซานและเผยอวี้ต่างก็มาด้วยหลิงอวี๋และเซียวหลินเทียนโค้งคำนับจักรพรรดิอู่อัน“โรคระบาดขนาดใหญ่เกิดขึ้นที่ชายแดน ข้าอยากจะส่งคนไปช่วยหยุดยั้งโรคระบาด หลิงอวี๋ เจ้ามีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม เจ้าพาหมอสักสองสามคนไปช่วยด้วยก็ดี!”เซียวหลินเทียนสะดุ้ง แม้เขาจะเดาได้ระหว่างทางมาที่นี่ว่า ที่เสด็จพ่อเรียกหลิงอวี๋เข้าวังเพราะโรคระบาด แต่เขาไม่คาดคิดว่าเสด็จพ่อจะส่งหลิงอวี๋ไปที่แนวหน้าโต้ง ๆ เช่นนี้หลิงอวี๋เติบโตขึ้นมาในเมืองหลวงตั้งแต่นางยังเป็นเด็กและไม่เคยเดินทางไกลเลย นางจะสามารถทนต่อความยากลำบากระหว่างทางได้หรือ?เซียวหลินเทียนกำลังจะออกตัวว่าเขาจะไปกับหลิงอวี๋เมื่อเห็นองค์ชายคังมองมาอย่างเย็นชา เซียวหลินเทียนก็รู้ได้ทันทีว่า นี่ต้องเป็นความคิดขององค์ชายคังแน่นอนเขาจึงใจเย็นลงเพื่อจะดูว่าองค์ชายคังจะเสนอความคิดที่ไม่เข้าท่าอะไรออกมาอีกแต่มิคาดว่าจะเป็นองค์ชายเว่ยที่เอ่ยขึ้นก่อน เขารายงานบางอย่างที่แปลก ๆ ออกมา“เสด็จพ่อ หากพระช
ก่อนที่จักรพรรดิจะได้ตรัสอะไร เซียวหลินเทียนก็พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก“เสด็จพ่อ ลูกขอพระราชทานอนุญาตโปรดส่งลูกไปหยุดยั้งโรคระบาดและปกป้องชายแดนด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”“แม้ร่างกายของลูกจะไม่แข็งแรงนัก ขอเพียงเสด็จพ่อมิรังเกียจ ลูกก็ยินดีที่จะแบ่งเบาความกังวลเสด็จพ่อในทันทีพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนเข้าใจแล้วว่าคนเหล่านี้คาดหวังให้เขาตายยิ่งไปกว่านั้น เซียวหลินเทียนก็ไม่สบายใจหากหลิงอวี๋ถูกสั่งให้ไปคนเดียว!แทนที่จะถูกบังคับให้ไปสู้ออกตัวขอรับสั่งด้วยตัวเองเพื่อให้ได้ชื่อเสียงที่ดีจะดีกว่าเดิมเซียวหลินเทียนมิใช่คนที่ชอบพูดอะไรที่สวยหรู อันเจ๋อเคยพูดกับเขาหลายครั้งเพราะเรื่องนี้“เจ้าแค่ก้มหน้าตอบรับทำสิ่งต่าง ๆ แต่ทุกครั้งที่ทำอะไรไปเจ้าก็มักจะโดนขโมยความดีความชอบไปหมด!”“อาเทียน พวกเรารู้ว่าเจ้าเป็นคนซื่อตรง แต่บางครั้งเจ้าก็ทำตัวอวดดีบ้างก็ได้! เวลาที่เจ้าทำสิ่งดี ๆ ก็ควรจะให้ผู้อื่นรู้เสียบ้าง! อย่างน้อยเสด็จพ่อของเจ้าก็ควรรู้เรื่องนี้!”เดิมเซียวหลินเทียนเคยมิเห็นด้วยกับเรื่องนี้ แต่ช่วงนี้เขาเห็นจ้าวเจินเจินและองค์ชายคังประสบปัญหาร้ายแรงหลายครั้ง แต่กลับขอละเว้นโทษได้ด้วยเพราะความ
“ได้สิ!”หลิงอวี๋พยักหน้าและเห็นว่าเซียวหลินเทียนยังมีเรื่องต้องจัดการ เขาจึงพาหลิงซวนกลับไปก่อนระหว่างทาง หลิงอวี๋หันรถม้าไปยังภัตตาคารจี๋เสียง และไปหาเกิ่งเสี่ยวหาวครั้งนี้ไม่รู้ว่าวัตถุดิบทางยาในสถาบันแพทย์หลวงจะเพียงพอหรือไม่ หลิงอวี๋เขียนใบเทียบยาและขอให้เกิ่งเสี่ยวหาวรวบรวมยาให้นางตามใบเทียบยาเกิ่งเสี่ยวหาวได้รับเงินที่เขาถูกโกงกลับมาและรู้สึกอารมณ์ดีขึ้น เมื่อได้ยินหลิงอวี๋ขอให้ช่วยเรื่องยา เขาก็ตบหน้าอกตนเองแล้วพูดว่า“ท่านพี่ หาได้ต้องกังวลไม่ ข้าจะไปหาซื้อตัวยาเหล่านี้มาให้ท่านโดยเร็วที่สุด! การเดินทางของท่านในครั้งนี้นับว่าอันตรายมาก เช่นนั้นโปรดรักษาตัวด้วย!”“ข้าจะพึงระวังไว้!”หลิงอวี๋มอบหมายทิศทางการผลิตของโรงงานยาให้กับเกิ่งเสี่ยวหาว และกล่าวว่า“ตระกูลจ้าวถูกฉ้อโกงเงินเป็นจำนวนมาก แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีหลักฐานที่จะเอาผิดเจ้า แต่เจ้าต้องระวังมิให้พวกเขาแก้แค้นเจ้าทีหลังได้!”“เสี่ยวห่าว เจ้ายังมิได้ตกแต่งหอริมธาราเลยหรือ?”เกิ่งเสี่ยวหาวพูดด้วยความโกรธ “จ้าวเฉียงฮี๋วเสแสร้งได้ค่อนข้างดี แต่ข้ามิชอบคนแบบเขาเลยจริง ๆ!”หลิงอวี๋ใจสั่นและพูดว่า “เรากำลังจะไปชายแด
วันนี้เนื่องจากตำหนักอ๋องอี้ไม่จำเป็นต้องทำอาหารเย็น เหล่าคนรับใช้ได้แต่คิดว่านี่เป็นความฝัน ในตอนที่พวกเขาเข้าไปในรถม้าที่เซียวหลินเทียนเตรียมไว้!ในชีวิตนี้ พวกเขาไม่เคยเห็นเจ้านายคนใดเชิญคนรับใช้ไปร้านอาหารเพื่อทานอาหารเย็นมาก่อน!อีกทั้งภัตตาคารจี๋เสียงสุดหรูเป็นที่ที่พวกเขามิอาจฝันถึง!“การแต่งกายเช่นนี้ของพวกเรา จะไม่ทำให้พระชายาต้องอับอายแน่หรือ?!”นางรับใช้พูดอย่างไม่สบายใจหมิ่นกูกำลังนั่งอยู่ในรถม้ากับนาง เมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาจึงมองดูเสื้อผ้าของนางแล้วยิ้ม“ไม่มีอะไรให้ต้องอับอาย! เจ้าลืมคำพูดของพระชายาไปแล้วหรือ นางบอกว่าตราบใดที่เสื้อผ้าสะอาด ก็ไม่สำคัญว่าจะสูงต่ำเพียงใด!”“เจ้ามิเห็นหรือว่าพระชายายามอยู่ในตำหนักสมถะเพียงใด? บางครั้งนางก็สวมผ้าหยาบเหมือนเรา นางว่าเสื้อผ้าเหล่านี้ทนทานต่อสิ่งสกปรกได้เป็นอย่างดี!”คนรับใช้ได้ยินเช่นนี้ก็โล่งใจเมื่อทุกคนมาถึงหอริมธาราและเห็นการตกแต่งที่หรูหราของร้านอาหาร พวกเขาก็มิกล้าที่จะเข้าไป“มัวยืนทำอะไรอยู่? เข้ามาเร็วเข้า! อาหารมาแล้ว ปล่อยให้เย็นจะชืดหมด!”หลิงอวี๋และหลิงซวนมาถึงก่อนเวลาและยืนอยู่ที่ประตูเพื่อทักทายแขก
เผยอวี้เงี่ยหูฟังต่อไป พยายามคาดการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาจะได้เปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของหลิงอวี๋ให้เซียวหลินเทียนได้เห็น“เหตุใดพระชายาจึงดุเจ้า?”คนบนโต๊ะถามอย่างสงสัยนางรับใช้ตัวน้อยพูดอย่างเมินเฉย “คราวที่แล้วข้ามิสบายแล้วมิได้ไปหาหมอ ข้าเกือบเป็นลมอยู่ในสวน... พระชายาจึงตีข้า ทั้งยังดุด่าข้าด้วย!”“นางบอกว่า เส้นผมและผิวหนังของร่างกายเป็นสมบัติของพ่อแม่ เมื่อเจ็บไข้ก็ควรไปหาหมอให้ทันเวลา หากยังชักช้า มีแต่จะทำให้อาการทรุดหนัก!”“นางดุที่ข้ามิดูแลตัวเอง นางว่าผู้ใดจะเสียใจที่สุดหากข้าทำร้ายตัวเองเช่นนั้น”นางรับใช้ตัวน้อยหัวเราะคิกคักและพูดว่า “ข้าถูกนางดุจนร้องไห้... เดิมที่มีเพียงพ่อแม่ของข้าที่จะสนใจว่าข้าจะเป็นหรือตาย!”“ถึงแม้พระชายาจะดุด่าข้าอย่างรุนแรง แต่ข้ารู้ว่านางทำเพื่อตัวข้าเอง!”“ต่อมา พระชายาก็บอกให้ข้ากลับไปพัก อีกทั้งยังมอบใบเทียบยาให้แก่ข้าด้วย นางขอให้พี่หญิงสุ่ยหลิงจัดเตรียมยาและมอบให้ข้าอีก! นอกจากนี้ยังมิหักเบี้ยหวัดของข้าอีกด้วย!”“พระชายากล่าวว่า ตราบใดที่ทุกคนในตำหนักป่วยก็สามารถลาป่วยได้ และจะไม่มีการหักเงินรายเดือนเว้นแต่จะแกล้งป่วยเท่านั้น!”คน
เซียวหลินเทียนเป็นคนฉลาด และเขาก็เดาความตั้งใจของหลิงอวี๋ได้ในความคิดต่อมา เขาคิดอยู่พักหนึ่งว่าเกิ่งเสี่ยวหาวเป็นคนดีในระหว่างเหตุการณ์ภัยพิบัตินี้ เกิ่งเสี่ยวหาวยังได้ส่งเกวียนข้าวและยารักษาโรคไปหลายเกวียนคนชอบธรรมเช่นนี้ดีกว่าพวกฝักใฝ่ผลประโยชน์อย่างตระกูลจ้าวมาก เขาจะปล่อยให้เกิ่งเสี่ยวหาวทนทุกข์ทรมานได้อย่างไร!“เสี่ยวหาว เจ้าต้องใช้เงินในการตกแต่งที่นี่มากน้อยเพียงใด? ข้าจะให้เจ้ายืม!”เซียวหลินเทียนแสดงจุดยืนของเขาทันที “หากเจ้ากลัวว่าจะไม่มีเงินจ่าย ข้าจะเป็นผู้ถือหุ้นในภัตตาคารของเจ้าเอง!”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ อันเจ๋อก็พูดว่า “หากเป็นเช่นนั้นก็นับข้าเข้าไปด้วยสิ! ข้าจะเป็นหุ้นส่วน! มาดูเถอะว่าภัตตาคารที่ข้ากับอ๋องอี้เป็นหุ้นส่วน ผู้ใดมันจะกล้าสร้างปัญหาให้เจ้าอีก?!”เผยอวี้เข้าใจในสิ่งที่เซียวหลินเทียนหมายความทันทีที่เขาได้ยินและพูดอย่างรวดเร็วว่า“เช่นนั้นข้าก็จะซื้อหุ้นด้วย! เกิ่งเสี่ยวหาว หุ้นของข้ามิต้องการเงินปันผล ต่อไปนี้เมื่อครอบครัวของข้ามากินข้าว เจ้าเพียงมิให้พวกเขาต้องจ่ายก็พอ!”“สุภาพบุรุษทั้งสาม… ขอบพระคุณมากขอรับ!”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เกิ่งเสี่ยวหาวก็ดีใ
เมื่อหลิงอวี๋บอกลาอดีตเสนาบดีและมาที่ลานจวนของป้าสะใภ้ใหญ่เพื่อบอกลา นางเห็นป้าสะใภ้ใหญ่กำลังเก็บข้าวของของตนกล่องเล็กใหญ่กองทั่วทั้งเรือนหลิงอวี๋ถามด้วยความแปลกใจ “ท่านป้า ท่านทำอันใดอยู่หรือ?”หลิงหว่านได้ยินเรื่องนี้ในจวน นางจึงออกมากระซิบ “ท่านพี่หลิงหลิง ท่านปู่อนุญาตให้เราย้ายออกแล้ว!”“ในตอนที่ข้าพาเสี่ยวเยี่ยนจื่อกลับมา หวางซือ แม่เลี้ยงของท่านเอาแต่ด่าทอข้า นางบอกว่าข้าไร้ยางอาย ทั้งยังดุด่าท่านแม่ข้าว่าตามใจข้าจนเสียคน!”“เมื่อเรื่องถึงหูท่านปู่ ท่านปู่จึงขอให้ท่านแม่พาข้าออกไป! ทั้งยังให้เงินแม่ข้าด้วย!”“มิต้องห่วงนะเจ้าคะ เรามิได้ย้ายไปไหนไกล เพียงแค่ย้ายไปที่ถนนด้านหลังจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนเท่านั้น! เราสามารถกลับมาดูแลท่านปู่ได้ตลอดเวลา!”“เดิมทีท่านปู่ของข้าซื้อบ้านให้ท่านพี่ แต่เขาบอกว่าท่านพี่ยังมิต้องใช้ที่นั่น เช่นนั้นจึงให้เราไปอยู่ที่นั่นก่อน! แล้วจึงจะซื้อหลังใหม่ให้ท่านในภายหลัง!”หลิงอวี๋พยักหน้า เห็นว่าควรย้ายออกไปจะดีกว่า เพื่อที่ป้าสะใภ้ใหญ่ของนางและหลิงหว่านจะได้ไม่ถูกหวางซือโขกสับราวกับคนรับใช้หากเป็นขุนนางใต้เท้าก็ว่าไป แต่เสี่ยวเยี่ยนจื่อนั้นไร
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี