หัวหน้ากระโจนเข้ามา พลังของดาบอันแหลมคมชี้ไปที่คิ้วของเซียวหลินเทียน เซียวหลินเทียนเอนตัวไปด้านหลัง เขาหลบดาบนี้โดยใช้ประโยชน์จากการขยับรถเข็น แล้วใช้ดาบแทงออกมาจากหลังมือ แต่หัวหน้าก็หลบได้อย่างว่องไว เซียวหลินเทียนชักดาบอีกเล่มออกมา ทันทีที่ดาบกำลังจะแทงเข้าไปที่ท้องหัวหน้า เขาก็หลบได้อีกครั้ง “กล้าดีอย่างไรมาท้าทายตัวข้าผู้สูงส่งด้วยทักษะดาบเช่นนี้!” หัวหน้าถากถางและแทงเซียวเทียนหลินอีกครั้ง เซียวเทียนหลินนั่งอยู่บนรถเข็นจึงมิอาจหลบเลี่ยงได้ เขาทำได้เพียงใช้ดาบของเขาต่อสู้อย่างหนักเท่านั้น หลี่ว์จงเจ๋อต่อสู้กับศัตรูพร้อมกับมองทางเซียวเทียนหลินอย่างกังวล อ๋องอี้เสียเปรียบเพราะขาของเขาใช้การมิได้ หากว่าเขาสามารถลุกขึ้นยืนได้ เช่นนั้นคงจะมิเป็นฝ่ายถูกกระทำถึงเพียงนี้ช่วงเวลาสั้น ๆ เซียวหลินเทียนและหัวหน้าต่อสู้กันไปมามากกว่าสิบกระบวนท่า ทว่ายังมิปรากฏผู้ชนะ หัวหน้าอาศัยความจริงที่ว่าร่างที่นั่งอยู่บนรถเข็นของเซียวเทียนหลินไม่มีความยืดหยุ่นมากพอถึงยันไว้ได้นานขนาดนี้ เขาเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจ ในเวลาเดียวกันก็แอบตกใจด้วยเช่นกัน คิดมิถึงเลยว่าวิทยายุทธของเซียวหลินเทียนจะร
เวลานี้เซียวหลินเทียนราวกับเทพเจ้า ร่างสูงใหญ่ของเขาชุ่มโชกกลางสายฝน ผมของเขาถูกสายฝนชะล้างลงมาจนลู่ติดหน้าผาก แต่เขามิได้ดูน่าอับอายเลยแม้แต่น้อย! รูปลักษณ์อันสง่างามนั้นทำให้ทุกคนแหงนหน้ามอง หลิงอวี๋รู้สึกว่าหัวใจของตนกลับมาเต้นอีกครั้งทันที ความรู้สึกหายใจไม่ออกเมื่อสักครู่หายไปในพริบตา! นางรู้สึกแค่ว่าเซียวหลินเทียนยืนขึ้นเช่นนี้แล้วหล่อมาก! “ข้ามิเป็นไร… ฆ่า…” เสียงร้องคำรามที่สั่นสะเทือนฟ้าดินของเซียวหลินเทียน แล้วยังมีเรื่องที่เขาลุกขึ้นยืนได้แล้วก็ช่วยยกระดับจิตใจของเหล่าองครักษ์ทันที เมื่อจ้าวซวนและลู่หนานเห็นเซียวหลินเทียนร้องคำรามด้วยความโกรธออกมาก็รู้เลยว่าเขาไม่เป็นไรจริง ๆ “ไปเร็ว…” จ้าวซวนเปลี่ยนความกังวลใจที่มีต่อเซียวหลินเทียนเมื่อกี้นี้เป็นแรงกระตุ้น เขาพุ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่งและแทงนักฆ่าทั้งซ้ายและขวา! ลู่หนานและคนอื่น ๆ รู้เรื่องที่หลิงอวี๋ทำการรักษาขาของเซียวหลินเทียนแล้ว แต่เมื่อกี้กังวลใจมากไปจนลืมว่าเซียวหลินเทียนสามารถเดินได้แล้ว บัดนี้มองเห็นว่าเซียวหลินเทียนลุกขึ้นแล้ว พวกเขามีเพียงความคิดเดียว ในที่สุดท่านอ๋องของพวกเขาสามารถลุกขึ้นย
หลิงอวี๋และท่านจินต้าวิ่งเข้ามาประคองเซียวหลินเทียนทั้งซ้ายและขวากลับไปยังวิหารที่พังทลาย “หม่อมฉันจะตรวจดูให้ท่านเดี๋ยวนี้!” หลิงอวี๋แสร้งทำเป็นตรวจสอบขาของเซียวหลินเทียนอยู่พักหนึ่งแล้วจึงเอ่ยว่า “สิ่งนี้น่าจะเป็นผลงานของนักฆ่าเมื่อกี้นี้!” “เป็นอย่างไรบ้าง?” เซียวหลินเทียนมองไปทางหลิงอวี๋ เขาอยากได้ยินว่านางจะสร้างเหตุผลอะไรให้เขาฟัง “ก่อนหน้านี้หม่อมฉันตรวจดูให้ท่าน พบว่าเส้นลมปราณที่ขาทั้งสองข้างของท่านถูกปิดกั้นอย่างแน่นหนาหม่อมฉันทั้งฝังเข็มและต้มยาให้ท่าน แต่ผลที่ได้กลับมิค่อยดีนัก!” “ตอนที่นักฆ่าต้องการสังหารท่านเมื่อกี้นี้ ท่านจะต้องกังวลใจมากเป็นแน่… ยามที่คนเราตกอยู่ในสภาวะวิกฤตก็จะกระตุ้นศักยภาพของตัวเองออกมา บางทีท่านอาจจะกังวลกับการหลบหลีกกระบวนยุทธของนักฆ่า ดังนั้นจึงกระตุ้นศักยภาพของตัวท่านออกมา!” ท่านจินต้ากล่าวอย่างเป็นที่รู้กันว่า “พระชายา ท่านพูดเช่นนี้ ก็คือเมื่อท่านอ๋องทรงกังวล เขาจึงใช้พลังและกำลังภายในเปิดเส้นลมปราณเริ่นและเส้นลมปราณตูทันที ดังนั้นเมื่อท่านอ๋องเปิดเส้นลมปราณจึงสามารถยืนขึ้นได้รึ?” “อืม เหตุนี้แล! ข้าหาได้รู้เรื่องวรยุทธไม่ ข้าทำ
เซียวทงไม่มีแรงจะโต้เถียงเซียวหลินเทียนอีกต่อไป นางจ้องมองอย่างว่างเปล่าไปที่เหล่าองครักษ์ที่ง่วนอยู่กับการเก็บศพท่ามกลางสายฝน ศพเหล่านั้นล้วนแต่เป็นคนที่เคยมีชีวิตมาก่อน! นางมิเคยคิดเลยว่าวันหนึ่งจะได้เห็นศพมากมายขนาดนี้! ความตายใกล้เข้ามาแล้ว! จากนั้นนางจึงตระหนักได้ว่า ถึงแม้ว่าตนจะมีฐานเป็นองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ แต่ภายใต้ดาบของนักฆ่าเหล่านั้นก็ไม่มีใครได้รับการปฏิบัติที่ต่างออกไปเพียงเพราะสถานะอันสูงส่ง“องค์หญิงหก… กระหม่อมหาท่านเจอแล้ว!” ไม่รู้ว่าอู่เวยเดินกะโผลกกะเผลกมาจากไหน บนตัวของเขาเปื้อนเลือดไม่น้อยซึ่งเขาไม่รู้ว่าเป็นของคนอื่นหรือว่าของตัวเอง! แต่เซียวทงยังสังเกตเห็นว่าเสื้อผ้าของเขาแห้ง องครักษ์ที่อยู่ตรงนั้นรวมถึงหลิงอวี๋ ไม่ว่าใครต่างเปียกฝนจนชุ่มโชก! อู่เวยกลับไม่เปียกฝนเลยแม้แต่น้อย สิ่งนี้สามารถพิสูจน์ได้ว่า เขาเพิ่งจะซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งที่ไม่โดนฝน! หากเปลี่ยนเป็นก่อนนักฆ่าจะมา เซียวทงคงจะก่นด่าและสาปแช่งไปแล้ว แต่เวลานี้นางกลับไม่ด่า คนของเซียวหลิงเทียนมิต้อนรับนาง ซิ่งเอ๋อร์และคนอื่น ๆ ล้วนแต่ได้รับบาดเจ็บ ไม่มีใครว่างเลย! “องค์หญิงหก ท่า
ทางด้านเซียวเทียนหลิน จ้าวซวนนำมาคนทำความสะอาดสนามรบ นักฆ่าชุดดำส่วนใหญ่ถูกกำจัดออกไปแล้ว มีเพียงผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่กี่คนเท่านั้นที่ถูกเพื่อนทิ้งไว้ข้างหลังและหนีไม่ทัน เซียวหลินเทียนพาท่านจินต้าไปสอบปากคำนักฆ่าเหล่านี้ หลายคนยังคงต่อต้านอย่างดื้อรั้นและปิดปากเงียบ เซียวหลินเทียนยิ้มอย่างเย็นชาและกล่าวกับจ้าวซวนว่า “ลงมือ!” จ้าวซวนก้าวมาข้างหน้า เหวี่ยงดาบตัดนิ้วนักฆ่าโดยไม่พูดอะไรสักคำ นักฆ่าผู้นั้นกรีดร้องออกมา เจ็บปวดจนแทบเป็นลมหมดสติ จ้าวซวนกล่าวอย่างไร้ความปรานี “หากมิสารภาพ ข้าจะสับนิ้วพวกเจ้าให้หมด!” นักฆ่าทั้งหลายต่างตกใจกลัวเมื่อเห็นว่าพฤติกรรมของเขานั้นมิได้ด้อยกว่าพวกเขาเลย ถึงแม้ว่าพวกเขาเหล่านี้จะมีชีวิตอยู่กับความโหดร้าย แต่เมื่อเห็นนิ้วของตนถูกตัดออกทีละนิ้ว เพียงแค่คิดก็ตัวสั่นแล้ว จึงรีบชิงสารภาพด้วยความหวาดกลัว นักฆ่าคนหนึ่งพูดด้วยใบหน้าเศร้าโศก “ท่านอ๋องอี้ พวกกระหม่อมเองก็ทำตามคำสั่งเช่นกัน เป็นหัวหน้าที่รับภารกิจมา ให้พวกกระหม่อมซุ่มโจมตีท่านอ๋อง!” เซียวหลินเทียนยิ้มหยันแล้วเอ่ยว่า “ไม่รู้งั้นรึ? พวกเจ้าคิดว่าข้าหลอกง่ายรึ? หากมิบอกข้อ
เซียวหลินเทียนและท่านจินต้ายังคงสอบสวนนักฆ่าต่อไป เนื่องจากภารกิจลอบสังหารของทูตซ้ายล้มเหลว หัวหน้าหอจึงส่งทูตขวามาทำภารกิจต่อ พวกเขาจะต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้เสียก่อนจึงจะสามารถรับมือได้ดี! เซียวหลินเทียนฟังแล้วก็คิดว่า ขาของตนสามารถยืนขึ้นได้แล้ว เรื่องนี้แพร่ออกไป องค์ชายคังและองค์ชายเว่ยก็จะกำจัดเขาอย่างรุนแรงยิ่งขึ้น! เมื่อคิดว่าพี่ชายทั้งสองหานักฆ่ามาลอบสังหารตนจริง ๆ โดยมิสนใจความเป็นพี่เป็นน้องโดยสิ้นเชิง หยดเลือดและความรักในครอบครัวที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดก็ได้หายไปจนหมดสิ้นแล้ว ตำแหน่งองค์รัชทายาทสำคัญถึงเพียงนั้นเชียวหรือ? ถึงกับทำให้พวกเขาลงมือกับตนอย่างเหี้ยมโหดครั้งแล้วครั้งเล่า! เซียวหลินเทียนแอบสาบานว่า ยิ่งพวกเขาต้องการตำแหน่งนี้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งมิยอมให้พวกนั้นสมปรารถนา! เมื่อก่อนเขาไม่อยากต่อสู้กับพวกเขาเพื่อตำแหน่งนี้ บัดนี้ขาของเขายืนขึ้นได้แล้ว เช่นนั้นเขาก็ต้องต่อสู้เพื่อตำแหน่งนี้… และจะต้องสำเร็จด้วย! หลังจากวุ่นวายตลอดทั้งคืนจนกระทั่งรุ่งสาง หลิงอวี๋ยังมิได้พักผ่อน นางพาแม่นมมาต้มโจ๊กให้ทุกคน หลังจากกินเสร็จ เซียวหลินเทียนก็จัดกลุ่มทหารองค
ฝนหยุดตกแล้ว พระอาทิตย์ขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มของเซียวหลินเทียน ทำให้หลิงอวี๋รู้สึกว่าดอกไม้ที่อยู่ริมทางบานสะพรั่งในพริบตา…เดิมชุดเกราะสีดำวาวของเซียวหลินเทียนเรืองแสงเย็นเยียบอันน่าสะพรึงกลัว แต่รอยยิ้มของเขาช่วยบรรเทาความกดดันอันท่วมท้นนี้ได้! หลิงอวี๋ยิ้มตอบกลับไปโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน….ถึงแม้ภายภาคหน้าจะเต็มไปด้วยอันตรายที่มิอาจรู้ แต่นางคิดว่ามีกลุ่มเพื่อนฝูงพี่น้องที่คอยอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันอย่างจริงใจเยี่ยงนี้ ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว! ฉินซานที่คอยดูแลกองทหารอยู่ด้านข้างไม่เห็นรอยยิ้มของหลิวอวี๋ เขาเห็นเพียงเซียวหลินเทียนที่ยิ้มไปยังทิศทางของรถม้าเท่านั้น เขารู้ดีแก่ใจว่า ผู้ที่จะทำให้เซียวหลินเทียนยิ้มได้นั้น นอกเสียจากหลิงอวี๋แล้วจะเป็นใครได้อีก! เขามองไปที่ม้ากีบขาวของเซียวหลินเทียน ภายในใจก็เลือกละทิ้งความรู้สึกไม่พอใจที่หลิงอวี๋เลือกเซียวหลินเทียนไปโดยสิ้นเชิง ตราบใดที่เซียวหลินเทียนปฏิบัติต่อหลิงอวี๋เป็นอย่างดี เขาก็จะสนับสนุนเซียวหลินเทียนชั่วชีวิต! จากนี้ไปหลิงวี๋คือน้องสาวของเขา เขาได้แต่อวยพรให้นางมีความสุขเท่านั้น! เนื่องจากฝนตกหนักการเดินทางจึงล่าช้า ในอีกสอ
”ไร้สาระ!” เซียวหลินเทียนตะโกนด้วยความโกรธ “เจ้ามิเห็นคำสั่งทางทหารอยู่ในสายตาใช่หรือไม่? พระชายาให้เจ้าสวม ย่อมต้องมีเหตุผลที่ให้พวกเจ้าสวมไว้!” “ถึงเจ้ามิหวงแหนชีวิตตน แต่เจ้ามิอาจเพิกเฉยชีวิตผู้อื่นได้… เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่า หากเจ้าติดเชื้อโรคระบาด สหายของเจ้าจะเดือดร้อนเพราะเจ้าหรือไม่?” “ไม่ร้ายแรงถึงเพียงนั้นหรอกพ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมร่างกายแข็งแรง ไม่มีทางจะ…” หลี่เฉียงยังคิดโต้แย้ง เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างหมดความอดทนว่า “เจ้าหลบไปยืนด้านข้างก่อน และมิได้รับอนุญาตให้ติดต่อผู้อื่น! หากยังกล้าฝ่าฝืนคำสั่งทหาร จะต้องถูกลงโทษอย่างรุนแรง!” หลิงอวี๋เหลือบมองหลี่เฉียงอย่างหมดคำจะเอ่ย ไม่มีอารมณ์จะเสวนากับเขา นางหยิบถุงมือปลอดเชื้อออกมาจากกล่องยาแล้วเดินเข้าไปตรวจดูสอบศพ ศพนั้นเป็นศพของผู้ชาย เพิ่งจะอายุเพียงสิบสองหรือสิบสามปีเท่านั้น ตุ่มหนองที่ปรากฏมากมายบนแขนล้วนแต่เป็นรอยแผลเป็น หลิงอวี๋ยังเห็นร่องรอยเลือดออกใต้ผิวหนังของเขาด้วย ระยะเวลาที่เสียชีวิตมากกว่าสามวัน ศพตากแดดและเริ่มส่งกลิ่นเหม็นแล้ว หลิงอวี๋ไปตรวจสอบอีกศพ ศพนี้เป็นสตรี อายุสามสิบปี ดูเหมือนนางเพิ่งจะตายได้ห
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี
ชีวิตนี้หาสหายรู้ใจได้ยากนัก!หลงเพ่ยเพ่ยยิ้ม นางก็รู้สึกว่าตนกับเย่หรงพูดคุยสื่อสารกันง่ายเช่นกันเย่หรงฉลาด ที่สำคัญที่สุดคือมิใช่บุรุษประเภทหัวโบราณคร่ำครึ มิเหมือนพวกพี่สามที่เอะอะก็วางตนเป็นผู้ใหญ่สั่งสอนนางเฮ้อ หากสามีในอนาคตของนางสามารถพูดคุยกันได้เหมือนเย่หรง เช่นนั้นสามีภรรยาจะมิรักใคร่กลมเกลียวกันมากหรอกหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยคิดแล้วพลันหน้าแดงเรื่อ นี่นางกำลังคิดฟุ้งซ่านอะไรอยู่!“พวกเรามาคิดกันก่อนดีกว่าว่าอีกประเดี๋ยวหากพบเสด็จย่าแล้วจะทำอย่างไรดี!”หลงเพ่ยเพ่ยมิกล้าคิดฟุ้งซ่านต่อไป รีบเปลี่ยนเรื่องคุย“ท่านกังวลว่าท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นจะก่อกวนหรือ?”เย่หรงก็ดึงความคิดกลับมา พวกเขาใกล้จะถึงภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้ว ต้องคิดหาข้ออ้างให้ดี“อืม ท่านหญิงชิงเฉิงมิใช่คนประเภทที่จะเจรจาด้วยง่าย ๆ ท่านหญิงอวิ๋นยังพอคุยง่ายอยู่บ้าง แต่ในเมื่อพวกนางรับคำสั่งจากชายาเจ้าแห่งทะเลมาเพื่อถ่วงเวลาเสด็จย่า ย่อมมิยอมให้ข้าบรรลุเป้าหมายแน่!”หลงเพ่ยเพ่ยเผยสีหน้าอมทุกข์เย่หรงพลันนึกถึงข่าวลือเกี่ยวกับท่านหญิงอวิ๋นขึ้นมา แม้ท่านหญิงอวิ๋นจะเป็นธิดาแท้ ๆ ของชายาเจ้าแห่งทะเล แต่ช่วงห
“โอ้ ใต้หล้านั้นแตกต่างจากใต้หล้าของพวกเราหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยถูกเย่หรงกระตุ้นความอยากรู้ จึงจ้องมองพลางถาม“อืม บ้านเรือนที่นั่นสูงเท่าภูเขา สูงที่สุดอาจถึงร้อยชั้นได้ ทั้งยังมีรถมากมายที่มิต้องใช้ม้าลาก วิ่งได้เร็วมาก!”เย่หรงเล่าให้หลงเพ่ยเพ่ยฟังไปเรื่อย ๆเมื่อพูดถึงเครื่องบินก็ทำให้หลงเพ่ยเพ่ยเบิกตากว้าง นางมองเย่หรงอย่างงง ๆ “เจ้าโกหกกระมัง จะมีเครื่องมือที่สามารถบรรทุกคนขึ้นไปบนฟ้าได้อย่างไร!”“มีจริง ๆ ข้ามิได้โกหกท่าน พี่หญิงหลิงหลิงจำได้มากกว่าข้าเสียอีก รอมีโอกาสให้นางเล่าให้ท่านฟัง ท่านก็จะเชื่อว่าข้ามิได้โกหกท่าน!”เย่หรงเริ่มตื่นเต้น “ท่านหญิง ท่านปู่มิได้บอกหรือว่าคันฉ่องคุนหลุนของตงกู่อวี้สามารถพลิกฟ้าคว่ำปฐพีได้?”“หากพวกเราได้คันฉ่องคุนหลุนมา มิต้องรอเวียนว่ายตายเกิด ข้าจะพาท่านไปดูใต้หล้านั้น! ท่านจะต้องชอบใต้หล้านั้นอย่างแน่นอน!”เย่หรงพูดจนหลงเพ่ยเพ่ยใจเต้นระรัว นางกล่าวออกไปโดยมิต้องคิด “ได้ เช่นนั้นรอพวกเราช่วยแดนเทพผ่านพ้นภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้ พวกเราหาคันฉ่องคุนหลุนเจอแล้วก็ไปด้วยกัน ไปดูใต้หล้าที่เจ้าพูดถึงกัน!”“ตกลงตามนี้!”เย่หรงยกมือขึ้น หลงเพ่ยเพ่
คนหนึ่งคือคนที่ตนรัก อีกคนคือสหายที่ดีที่สุดของตน!แต่พวกเขากลับร่วมมือกันหลอกลวงตน!หยางหงหนิงหันหลังเดินออกไปด้วยใบหน้าบึ้งตึง นางจะมิปล่อยชายชั่วหญิงโฉดคู่นี้ไปแน่!สิ่งที่นางมิได้มาครอบครอง ยอมทำลายทิ้งเสียดีกว่ายอมให้คนอื่นได้ไป!หยางหงหนิงกลับไปที่รถม้าของตน เค้นเสียงลอดไรฟันออกมาคำหนึ่ง “ไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์!”ด้านหน้า เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยต่างก็ร้อนใจดั่งไฟเผา ฮองเฮาเสด็จไปสองชั่วยามแล้ว พวกเขาจะตามทันพระนางหรือ?อีกทั้งต่อให้ตามทัน มีท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นอยู่ พวกนางต้องช่วยชายาเจ้าแห่งทะเลขัดขวางมิให้ฮองเฮาเรียกตัวหลิงอวี๋เข้าเฝ้าแน่“ท่านหญิง พวกเราจะไปทันหรือไม่? ชายาเจ้าแห่งทะเลจะลงมือกับพี่หญิงหลิงหลิงแล้วหรือไม่?”เย่หรงถามอย่างร้อนรนหลงเพ่ยเพ่ยก็ร้อนใจเช่นกัน หลิงอวี๋ยังรอให้นางช่วยชีวิตอยู่ แต่นางก็มิรู้ว่าจะสามารถทูลขอพระราชโองการจากฮองเฮาได้สำเร็จหรือไม่“พวกเราพยายามเต็มที่เถอะ! ขอเพียงตามเสด็จย่าทัน ต่อให้ข้าต้องคุกเข่าอ้อนวอนก็ต้องให้นางพาพี่หญิงหลิงหลิงออกมาให้ได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวปลอบใจเย่หรงเห็นหลงเพ่ยเพ่ยวิ่งวุ่นไปทั่วกับตนก็นับว่าพยายามเ
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร