หลิงอวี๋ได้ฟังเรื่องของหลิงหว่านก็เอ่ยถามอย่างหยอกเย้า “แล้วฮูหยินเผยเห็นหลิงหว่านเก่งเช่นนี้ มีความคิดอะไรบ้างหรือไม่?”หลิงซวนหัวเราะเหอะ ๆ นางติดตามหลิงอวี๋มายาวนาน เห็นกับตาว่าฮูหยินเผยดูแคลนหลิงหว่าน เหตุใดจะมิรู้ว่าหลิงอวี๋ถามเช่นนี้มีเจตนาอะไร“ฮองเฮาเพคะ คาดว่าฮูหยินเผยกับฮูหยินผู้เฒ่าเผยคงเสียดายมากทีเดียว!”“คุณหนูหลิงเก่งถึงเพียงนั้น ดีกว่าเหล่าคุณหนูที่พวกนางหาให้แม่ทัพเผยตั้งมากเพคะ!”“อีกทั้งแม่ทัพเผยก็บอกแล้วว่า หากมิได้แต่งงานกับคุณหนูหลิง เขาจะไปบวชเป็นพระ!”“เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าเผยเห็นว่าแม่ทัพเผยไปนานยังมิกลับมาก็นึกเสียใจ นางจึงบากหน้าไปหาท่านอดีตเสนาบดี และสู่ขอคุณหนูหลิงให้แม่ทัพเผย!”หลิงอวี๋ยิ้มออกมาแล้วเอ่ย “เช่นนั้นก็ต้องกลับไปมือเปล่าเป็นแน่!”หลิงอวี๋รู้จักท่านอดีตเสนาบดีดี เขาเป็นคนตรงไปตรงมา อารมณ์รุนแรงและปกป้องลูกหลานมากยามนั้นท่าทีที่ตระกูลเผยบอกถอนหมั้นก็ก้าวร้าวเกินไป ท่านอดีตเสนาบดีจะทนได้อย่างไรเล่า?หลิงซวนเผยยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ใช่เพคะ! ท่านอดีตเสนาบดีด่าทอฮูหยินผู้เฒ่าเผยไปเป็นชุดจนฮูหยินผู้เฒ่าเผยอยากจะคุกเข่าขอโทษแล้ว!”“สุดท้ายท่านอดีตเส
กระทั่งความคึกครื้นในการต้อนรับองค์จักรพรรดิและฮองเฮากลับวังจบลง หลิงอวี๋ก็กลับไปยังตำหนักของตนภายใต้การนำทางของหลิงซวน“ฮองเฮา เหตุใดเถาจื่อและคนอื่น ๆ มิตามพวกท่านกลับมาหรือเพคะ?”เมื่อครู่หลิงซวนสังเกตเห็นแล้วว่าหลิงอวี๋และเซียวหลินเทียนกลับมากันเพียงลำพัง ในใจนางก็รู้สึกมิดีเท่าไร แต่เนื่องด้วยคนมากหลายมิสามารถถามออกไปได้ ตอนนี้มีโอกาสจึงได้เอ่ยถามออกไป“พวกนางกับเผยอวี้และฉินซานยังขังอยู่ที่แดนเทพ ข้าและองค์จักรพรรดิกลับมาเพียงชั่วคราว พวกเรายังต้องกลับไปหาพวกนางที่แดนเทพอีก!”หลิงอวี๋นึกถึงการตายของหานอวี้ก็รู้สึกหนักอึ้งขึ้นมา นางจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “หานอวี้ตายแล้ว เถาจื่อกับหานเหมยตอนนี้ยังมิเป็นไร ข้ารับปากไว้ว่าจะพาพวกนางกลับมาให้ได้!”หลิงอวี๋เอ่ยพลางนึกถึงเรื่องที่ท่านอ๋องเฉิงถูกพิษ จึงเอ่ยออกไป “วันพรุ่งพวกเราจะเล่าเรื่องที่พวกเราอยู่ที่แดนเทพให้ทุกคนฟังอย่างละเอียด หลิงซวน ช่วงที่ข้ามิอยู่ ในวังเป็นอย่างไรบ้าง?”หลิงอวี๋และเซียวหลินเทียนอยู่นานเกินไปมิได้ ต้องจัดการทุกคนให้เรียบร้อยในเวลาอันสั้นเรื่องท่านอ๋องเฉิงถูกพิษอาจจะเกี่ยวพันถึงความปลอดภัยของเซ
นี่เกิดอะไรขึ้น?ทุกคนก็ยิ่งรู้สึกงงงวยขึ้นมาอันเจ๋อก็ยิ่งร้อนใจ เขากับเผยอวี้ก็เป็นพี่น้องที่ผ่านความเป็นความตายมาด้วยกัน เมื่อได้ยินว่าเผยอวี้ถูกขังอยู่ในแดนเทพ ก็ร้องเรียกขึ้นมาอย่างรีบร้อน “พวกเขาเป็นอะไร? เผยอวี้มิเป็นอันตรายถึงชีวิตใช่หรือไม่?”หลิงอวี๋จึงเอ่ยออกไป “เรื่องนี้หากจะเล่าก็ยาว วันนี้ท่านอ๋องเฉิงเพิ่งฟื้น มิลงละเอียดจะดีกว่า วันพรุ่งทุกคนเข้าวัง พวกเราค่อยคุยกันอีกทีแล้วกัน!"เซียวหลินเทียนครุ่นคิดดู ตนกับหลิงอวี๋มิอยู่ในราชสำนักมาหนึ่งปีกว่า วันพรุ่งจึงจะจัดงานเลี้ยงในวัง ประการแรกสามารถใช้โอกาสนี้ขอบคุณทุกคนที่ดูแลเซียวเยวี่ย อีกประการคือจะได้มีเวลาอธิบายเรื่องราวอย่างละเอียดด้วยทุกคนล้วนเห็นด้วย จากนั้นเมื่อแน่ใจว่าท่านอ๋องเฉิงมิเป็นไร จึงทยอยขอตัวลากลับกันหลี่ว์เซียงได้รับมอบหมายให้ตรวจสอบคดีของท่านอ๋องเฉิง จึงอยู่ต่อพร้อมกับหลี่ว์จงเจ๋อท่านอ๋องเฉิงรอดตายมาได้ หลี่ว์เซียงจึงกังวลว่า เมื่อผู้ที่วางยาเห็นว่าแผนการมิสำเร็จแล้วจะก่อเหตุอีกครั้ง จึงเจาะจงสั่งการให้หลี่ว์จงเจ๋อตรวจค้นจวนท่านอ๋องเฉิงก่อนส่วนหลิงอวี๋และเซียวหลินเทียนก็พาเซียวเยวี่ยกลับตำหนักไ
ยังมิทันที่เซียวหลินเทียนจะพูดต่อ หลิงอวี๋ก็ลุกขึ้นแล้วเอ่ยออกมาทันที “อย่ากล่าวหาลอย ๆ เพคะ!” “ฝ่าบาท ในตอนที่พวกเรายังไม่มีหลักฐาน ก็มิควรกล่าวหาว่าผู้ใดมีความผิดเพคะ! หากคาดเดาสุ่มเอาเองแล้วสุดท้ายพบว่าใส่ร้ายคนดีเข้า ก็มีแต่จะทำให้คนที่ตั้งใจทำงานเสียกำลังใจเพคะ!”เซียวหลินเทียนถูกหลิงอวี๋เตือนเช่นนี้จึงได้สติขึ้นมา เขาจึงเอ่ยออกมาอย่างจริงใจ “ข้าหลุดปากพูดไปเอง! ข้าสำนึกผิดแล้ว!” “หลี่ว์เซียง เรื่องนี้ให้ท่านรับผิดชอบตรวจสอบ มิว่าจะตรวจสอบออกมาว่าผู้ใดวางยาพิษท่านอ๋องเฉิง ข้าก็จะมิปล่อยไว้อย่างแน่นอน!”หลี่ว์เซียงจึงก้าวขึ้นไป “กระหม่อมรับพระราชโองการพ่ะย่ะค่ะ!”ภายนอกคำพูดของหลิงอวี๋ดูว่าเป็นการเตือนเซียวหลินเทียน แต่แท้จริงแล้วก็เตือนหลี่ว์เซียงกับท่านอดีตเสนาบดีด้วยเช่นกันว่าอย่าได้ตัดสินเรื่องราวจากอคติเฉิงหมิงอยู่ด้านข้างได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกงุนงงยิ่งนัก ท่านอ๋องเฉิงมิได้อ่อนแรงเพราะป่วยหรือ? แล้วเกิดจากผู้ใดวางยาพิษเล่า?แต่อาหารการกินของท่านอ๋องเฉิงนั้นตนรับผิดชอบจัดการให้ด้วยตนเอง ผู้ใดกันที่ฉวยเอาช่วงที่ตนมิทันสังเกตมาวางยาพิษท่านอ๋องเฉิง?ขณะที่ทุกคนพูดคุ
ท่านอดีตเสนาบดีและพวกหลี่ว์เซียงที่อยู่ภายในห้องเห็นองค์รัชทายาทเซียวเยวี่ยวิ่งออกไป แม้ว่าทุกคนจะรู้สึกว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่ก็ยังล้วนวิ่งตามออกไปแล้วก็ได้เห็นหลิงอวี๋กับเซียวเยวี่ยร้องไห้กอดกันกลม แม้แต่ชายชาตรีผู้แข็งแกร่งเช่นท่านอดีตเสนาบดีก็ยังน้ำตาคลอเช่นกันเวลาผ่านไปหนึ่งปีกว่า ทุกคนต่างก็หมดหวังไปแล้ว คิดว่าหลิงอวี๋และเซียวหลินเทียนจะต้องตายอยู่ที่แดนเทพไปแล้วแน่นอน ไหนเลยจะคิดว่าพวกเขาจะได้เห็นวันที่ทั้งสองคนกลับมาด้วยตาของตนเอง!"กระหม่อมขอถวายบังคมองค์จักรพรรดิ… ฮองเฮา..."พวกหลี่ว์เซียงต่างคุกเข่าลงกับพื้นโดยพร้อมเพรียงกันหลี่ว์เซียงบังเกิดความรู้สึกหลากหลายถาโถมเข้ามา แม้ว่าตอนนี้บ้านเมืองจะสงบสุข แต่อย่างไรเสียองค์รัชทายาทก็อายุยังน้อย และทั้งสี่แคว้นก็รอโอกาสจ้องจะรุกรานฉินตะวันตกท่านอดีตเสนาบดีก็อายุมากแล้ว หลี่ว์เซียงกังวลว่าหลังจากท่านอ๋องเฉิงสิ้นใจไป อาศัยเพียงท่านอดีตเสนาบดีมิสามารถควบคุมพวกชั่วร้ายเหล่านี้ได้หรอกโชคดีที่องค์จักรพรรดิกับฮองเฮากลับมาแล้ว"ขุนนางทั้งหลาย ลุกขึ้นเถิด!"เซียวหลินเทียนก้าวเข้าไปพยุงหลี่ว์เซียง และเอ่ยออกมาอย่างจริงใจ “
ภายในห้องนอนของท่านอ๋องเฉิงเหล่าขุนนางระดับสูงโดยมีท่านอดีตเสนาบดีเป็นผู้นำต่างยืนเงียบอยู่ข้างหน้าเตียง พลางมองท่านอ๋องเฉิงที่นอนอยู่บนเตียงอย่างเศร้าใจท่านอ๋องเฉิงป่วยจนผ่ายผอมเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก เส้นผมที่ในอดีตเคยดำขลับกลายเป็นสีขาวทั้งหัว และร่วงหล่นกระจัดกระจายอยู่บนหมอนเขาหลับตาอยู่ และรับรู้ถึงมือเล็ก ๆ มือหนึ่งที่กุมมือแก่ชราของเขาไว้อย่างเงียบงัน“ปู่ทวดเฉิง ท่านวางใจได้ เยวี่ยเยวี่ยจะจดจำคำสั่งสอนของท่านไว้ให้ขึ้นใจ ขยันตั้งใจเล่าเรียน มุ่งมั่นใฝ่รู้ ปฏิบัติหน้าที่อย่างขยันขันแข็ง และรักใคร่ห่วงใยราษฎรย่างสุดใจ…”องค์รัชทายาทน้อยเซียวเยวี่ยที่สวมชุดองค์รัชทายาทนั่งอยู่ข้างเตียงอย่างเรียบร้อย พลางมองท่านอ๋องเฉิงที่อ่อนโยนใจดีมาโดยตลอดมีท่าทีอ่อนแรง น้ำเสียงเขาสะอื้นไห้ พูดไปก็น้ำตาไหลรินอาบแก้ม และเศร้าสร้อยเสียจนมิอาจพูดต่อไปได้ท่านอดีตเสนาบดีอดกลั้นความปวดใจเอาไว้ แล้วก้าวเข้าไปจับไหล่ของเซียวเยวี่ย“องค์รัชทายาททรงอดกลั้นความเศร้าไว้เถิด… ให้ท่านปู่ทวดได้จากไปอย่างสงบ!”เซียวเยวี่ยสะอื้นไห้โผเข้าอ้อมกอดของท่านอดีตเสนาบดี บนใบหน้าเล็ก ๆ นั้นล้วนมีแต่ความสิ้