ท่านจินต้าฟังคำพูดของเซียวหลินเทียนก็ยังคงกังวลเล็กน้อย “ท่านอ๋อง หากแม่ทัพเซี่ยยังคงต่อต้านต่อ มันจะอันตรายเกินไปสำหรับท่านอ๋องที่นำคนไปเพียงร้อยคนพ่ะย่ะค่ะ!”หลี่ว์จงเจ๋อยังเอ่ยอย่างกังวล “เมื่อคืนนี้หยางหมิงฉวยโอกาสตอนท่านไม่อยู่ กล่าวหาว่าท่านทำผิดในการหลบหนีไป นี่ก็เป็นการพิสูจน์ว่า คนเหล่านี้ผยองมาก! พวกเขาทำได้ทุกอย่าง!”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้วพลางเอ่ย “พวกเขากล้าทำแม้แต่สมรู้ร่วมคิดกับแคว้นศัตรู ข้าเชื่อว่าพวกเขาทำได้ทุกอย่างจริง ๆ!”“ด้วยเหตุนี้ เราจะรอให้พวกเขาลงมือมิได้! เราทำได้เพียงชิงลงมือก่อน!”หลิงอวี๋คิดแบบเดียวกับเซียวหลินเทียนจึงเอ่ย “เรื่องมาถึงขั้นนี้ก็ไม่มีทางอื่นแล้ว! ทำตามที่ท่านอ๋องบอกเถิด!”“จริงสิ เรื่องที่ให้เถาจื่อปลอมเป็นหม่อมฉันในวันนี้ก็เป็นวิธีหนึ่ง! ท่านอ๋องหาองครักษ์ที่มีส่วนสูงพอ ๆ กับท่านมาปลอมเป็นท่านสักคน เช่นนี้ก็จะไม่มีใครสังเกตเห็นท่านหลังจากที่ท่านออกไปจากเจ่าจวงอย่างเงียบ ๆ แล้ว! สิ่งนี้สามารถซื้อเวลาให้เราได้!”“เราปล่อยให้หยางจื้อฟางติดเชื้อโรคระบาดมิได้ ก็ให้หยางต้าหู่ติดเชื้อ หากเราควบคุมหยางต้าหู่ที่เป็นหัวหน้าของหลายตระกูลใหญ่ได้ ท
หลิงอวี๋คิดว่าอยู่ที่นี่เซียวหลินเทียนถูกรายล้อมไปด้วยอันตราย จึงมิอยากพูดทำลายบรรยากาศนางยิ้มพลางเอ่ย “เช่นนั้นท่านก็ต้องดูแลตัวเองให้ดี! ออกไปครั้งนี้ต้องระวังเรื่องความปลอดภัย แล้วก็ห้ามเอาตัวเองไปเสี่ยงเพคะ! เราต้องรอดชีวิต ในภายหน้ามีเทศกาลมากมายให้เฉลิมฉลอง!”“เจ้าก็เช่นกัน!”เซียวหลินเทียนเอ่ยเสียงขรึม “เจ้าต้องดูแลตัวเองด้วย... ข้าจัดการแม่ทัพเซี่ยแล้วจะกลับมาโดยเร็วที่สุด!”“เพคะ… ตอนนี้ดึกแล้ว ท่านรีบกลับไปพักผ่อนเถิด!”หลิงอวี๋หยุดที่ประตูหออักษร โบกมือให้เซียวหลินเทียนแล้วเดินเข้าไป“หลิงหลิง…” เซียวหลินเทียนเอ่ยปาก แต่สุดท้ายก็ไม่มีเสียงใดหลุดรอดออกมา เขามองส่งนางเข้าไปเช่นนั้นชั่วครู่หนึ่ง เซียวหลินเทียนคิดอยากจะทำอะไรบางอย่าง อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาหยุดไว้ เขายังไม่รู้แน่ว่าตนคิดอย่างไรกับหลิงอวี๋!แต่ท่าทีของหลิงอวี๋ที่มีต่อตนนั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง!หลังจากที่หลิงอวี๋ถูกเฆี่ยนตีครั้งที่แล้ว เขาไม่เห็นความหลงใหลในตัวเขาจากสายตาของหลิงอวี๋อีกเลย!หลิงอวี๋ไม่ชอบเขาอีกต่อไปแล้ว!หลิงอวี๋รักษาขาให้เขา ความสัมพันธ์กับเขาก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่ความดีเช่นนี้
เซียวหลินเทียนยิ่งคิดก็ยิ่งไม่สบายใจ จึงเอ่ยถามไปโดยไม่รู้ตัว “ลู่หนาน เจ้ากับหลิงซวนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน นางเคยบอกเจ้าหรือไม่ว่าหลังจากพระชายาหย่าร้างกับข้าแล้วมีแผนอะไรต่อ?”ลู่หนานตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยอย่างสุภาพ “นับตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่กระหม่อมช่วยพูดให้ชิวเหวินซวง หลิงซวนก็มิสนใจกระหม่อมเลย! แม้ว่านางจะคุยกับกระหม่อมแต่ก็ทำไปตามหน้าที่พ่ะย่ะค่ะ!”“สตรีผู้นี้ขี้น้อยใจนัก กระหม่อมขอโทษนางไปแล้วแต่นางก็ยังมิเปลี่ยนท่าที!”“นางบอกว่าอาจารย์ของนางบอกไว้แล้วว่า มิช้าก็เร็วจะต้องออกจากตำหนักอ๋องอี้ แล้วบอกให้นางรักษาระยะห่างกับคนของตำหนักอ๋องอี้เพื่อที่ต่อไปจะได้ออกจากที่นี่ได้อย่างมิลำบากใจ!”พอฟังจบสีหน้าของเซียวหลินเทียนก็เปลี่ยนไปหลิงอวี๋เองก็คิดเช่นนี้หรือ?ดังนั้นนางจึงมิใกล้ชิดกับตนเหมือนเมื่อก่อนแล้วสินะ!“ท่านอ๋อง กระหม่อมได้ยินแม่นมลี่กับหลิงซวนบอกว่า ต่อไปพระชายาจะพาพวกนางออกจากเมืองหลวง ไปซื้อบ้านหลังใหญ่ ๆ สักหลังในสถานที่ที่ไม่มีใครรู้จักพวกนาง!”“แม่นมลี่ยังบอกด้วยว่า นางอยากหาสามีที่ปฏิบัติต่อพระชายากับเยวี่ยเยวี่ยอย่างดีให้กับพระชายา!”หัวใจของเ
เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างเย็นชาโดยไม่แม้แต่จะมอง“อาการบาดเจ็บเหล่านั้นเกิดจากการที่คนของหยางหมิงเป็นพวกคนชั่วที่กัดกันเอง เหตุใดเล่า หยางต้าหู่ ข้ายังต้องรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของนักโทษประหารด้วยรึ?”ที่จริงอาการบาดเจ็บเหล่านี้เกิดจากหยางเม่าทุบตี เซียวหลินเทียนเคยสัญญากับเขาไว้ว่าจะช่วยแก้แค้นให้เสี่ยวอู่ดังนั้นหลังจากจับหยางหมิงได้ เซียวหลินเทียนก็ให้ลู่หนานไปตามหยางเม่ามาหยางเม่าย่อมมิเมตตาเดรัจฉานที่ตัดหัวน้องชายของตนด้วยมืออยู่แล้ว จึงทรมานเขาอย่างหนักตลอดทั้งคืนคำพูดของเซียวหลินเทียนทำให้หยางต้าหู่พูดมิออก แม้ว่าจะรู้ว่าเซียวหลินเทียนกำลังโกหกซึ่งหน้า แต่เขาจะแตกหักกับเซียวหลินเทียนเพราะเรื่องนี้ได้หรือ?“ท่านอ๋องอี้ นักโทษที่ทำผิดเช่นนี้ตายไปก็มิน่าเสียดาย! แต่เมื่อคนตายแล้วบาปก็จะหายไป ศพของเขาจึงควรคืนกลับไปยังตระกูลหยางให้พวกเขาเอาไปฝังพ่ะย่ะค่ะ!”หยางจื้อฟางนับได้ว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของหยางหมิงเช่นกัน เขาก็เกลียดเซียวหลินเทียนเพราะการตายของลูกพี่ลูกน้องของตนเองด้วยแต่เขาก็มิกล้าแตกหักกับเซียวหลินเทียนเรื่องนี้!“ใช่แล้ว!”เซียวหลินเทียนได้ถามสิ่งที่ตนอยากรู้จาก
ลู่หนานอยู่ข้าง ๆ ได้ยินสิ่งนี้ จึงเอ่ยอย่างกังวล“ท่านอ๋อง เรื่องนี้ท่านต้องฟังพระชายาพ่ะย่ะค่ะ! แม่ทัพฉินก็ติดโรคระบาดและมีไข้อยู่ตลอด พระชายายังหาวิธีช่วยเขามิได้เลยพ่ะย่ะค่ะ!”“ท่านอ๋อง หากท่านติดเชื้อโรคระบาด พวกเราทุกคนจะหมดหนทางสิ้นพ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อคืนนี้เซียวหลินเทียนกระโดดลงจากหน้าผาไปเจอศพที่ติดโรคระบาด พอกลับมาแล้วหลิงอวี๋ได้ยินเรื่องนี้เข้าก็ให้พวกเขาทั้งสามคนไปฆ่าเชื้อ และกำจัดเสื้อผ้าของพวกเขาไปเลยหลิงอวี๋ยังมิวางใจจึงให้ทุกคนกินยาป้องกันโรคระบาดด้วยลู่หนานเอ่ยเรื่องนี้เพียงเพื่อร่วมแสดงตามที่เซียวหลินเทียนสั่งเท่านั้น!หยางจื้อฟางขมวดคิ้ว เขาได้ยินมาว่าฉินซานติดเชื้อ แต่หาได้เห็นด้วยตาของตนเองไม่ มีหรือจะเห็นว่าเป็นจริง!ส่วนแม่ทัพหลี่ว์...เมื่อวานมันมืดมาก กับหยางจื้อฟางก็มองเห็นมิชัดเจนว่าเขาได้รับบาดเจ็บหรือไม่หยางจื้อฟางกลอกตา เซียวหลินเทียนพานายทหารที่มีความสามารถทั้งสามคนนี้มา หากยืนยันแล้วว่าพวกเขาติดเชื้อและได้รับบาดเจ็บกันหมด เช่นนั้นแม้ว่าเซียวหลินเทียนจะสงสัยพวกเขา แต่ไม่มีคนช่วยเขาก็มิกล้าทำอะไรหุนหันพลันแล่นเป็นแน่“ท่านอ๋อง แม่ทัพทั้งสามยอมเสี
กระทั่งหยางจื้อฟางกับหยางต้าหู่มาถึงหออักษร หลิงอวี๋ก็ได้รับข่าวก่อนแล้ว จึงให้ทหารที่ได้รับบาดเจ็บเมื่อคืนนี้แต่งตัวเป็นหลี่ว์จงเจ๋อนอนอยู่บนเตียงส่วนฉินซานก็ให้หลี่เฉียงที่ติดเชื้อโรคระบาดปลอมตัวเป็นเขาแทน!เผยอวี้ได้รับบาดเจ็บอยู่แล้ว จึงมิจำเป็นต้องปกปิดใด ๆเมื่อหยางจื้อฟางกับหยางต้าหู่เข้าประตูไปก็เห็นเผยอวี้เปลือยเปล่าครึ่งหนึ่ง และมีผ้าพันแผลพันรอบเอวนอนอยู่บนเตียงก่นด่าคนไปอย่างรำคาญทั้งสองคนแสร้งทำเป็นเป็นห่วงเผยอวี้ ทั้งยังไปเยี่ยมผู้ป่วยเหล่านั้นด้วย ครั้นเห็นว่าผู้ป่วยที่ติดโรคระบาดมิได้ดีขึ้นเลย ทั้งสองคนก็โล่งใจไปขณะที่ทั้งสองยังคอยสังเกตอยู่ ก็เห็นลู่หนานเรียกพระชายาอ๋องอี้ออกไปอย่างเร่งรีบ ทั้งสองจึงสบตากันและยิ่งรู้สึกว่าเซียวหลินเทียนมิใช่ปัญหาแล้วหมอเลื่องชื่อจากเมืองหลวงก็ช่วยต่อสู้กับโรคระบาดมิได้เช่นกันในช่วงนี้พวกเขาเห็นผู้ป่วยโรคระบาดมากมาย อยู่ได้ไม่กี่วันก็ตายกันหมดแล้วขอเพียงอดทนไปในสองสามวันนี้ แล้วรอจนกระทั่งท่านอ๋องอี้ป่วยตาย เช่นนั้นสิ่งที่พวกเขาทำก็สามารถปกปิดได้แล้วแม้ว่าจะคิดเช่นนี้ แต่ตอนที่หยางจื้อฟางออกไปก็ยังกำชับหยางต้าหู่อย่างมิว
“หงเอ๋อร์ มิต้องพูดแล้ว ระวังปากจะพาซวย!”ชายวัยกลางคนกลัวว่าลูกชายจะพูดอะไรที่เป็นความผิดร้ายแรงออกไป จึงรีบจับมือเขาไว้พลางกระซิบ “ดื่มชานี้ให้เสร็จแล้วเราก็ไปกันเถอะ!”“พ่อได้ยินมาว่า ท่านอ๋องอี้มาเว่ยโจวเพื่อกำจัดโรคระบาด ในเมื่อข้าหลวงมิสนใจเรื่องของเรา บางทีเราอาจจะลองเสี่ยงกับท่านอ๋องอี้ดู!”“ท่านพ่อ คนเลวก็เหมือนกันหมดทุกที่ ท่านพ่อถูกโบยไปสามสิบไม้แล้วยังมิยอมแพ้หรือ?”ชายวัยรุ่นชื่อเจิ้งหงเอ่ยด้วยความโกรธ “หากท่านอ๋องอี้ผู้นั้นเป็นเหมือนข้าหลวงแล้วทุบตีท่านพ่ออย่างมิสนถูกผิดอีกเล่า เช่นนั้นมิเป็นการเอาชีวิตไปลงนรกหรอกหรือ?”“มิไปแล้ว กินเสร็จเราก็กลับกัน!”ฉินซานเห็นพวกเขารีบกิน แล้วเจิ้งหงก็พยุงท่านพ่อเจิ้งเดินกะโผลกกะเผลกลงไปชั้นล่างเขาขยิบตาให้เหอโป ให้เหอโปอยู่สืบข่าวต่อไป จากนั้นตนก็เดินตามพวกเจิ้งหงลงไปอย่างเงียบ ๆรถม้าของเจิ้งหงหยุดที่หัวมุมถนน เจิ้งหงพยุงพ่อขึ้นรถม้าและกำลังจะเคลื่อนรถม้าออกไป ฉินซานมองไปรอบ ๆ เห็นว่าไม่มีผู้ใดสนใจตนจึงพุ่งเข้าไปในรถม้าอย่างรวดเร็ว“เจ้าเป็นใคร? เจ้าจะทำสิ่งใด?” ท่านพ่อเจิ้งอุทานอย่างตกใจเจิ้งหงก็ดึงกริชออกมาแล้วพุ่งเข้
ท่านพ่อเจิ้งพูดแล้วก็หลั่งน้ำตาอาบแก้ม “แม่ทัพฉิน นั่นเป็นเงินหนึ่งแสนกว่าเชียวหนา!”“มิเหลือแล้ว นี่มิใช่ว่าอยากให้ครอบครัวของเราหมดหนทางหรอกหรือ?”“อย่าว่าแต่เรื่องนี้เลย คนที่ตามมาลากรถกับเราล้วนแต่เป็นชาวบ้าน บางคนถูกโจรฆ่าไป ส่วนที่เหลือได้รับบาดเจ็บยังนอนอยู่ในโรงเตี๊ยมกันอยู่เลย!”“จะให้ข้าไปอธิบายเรื่องนี้กับครอบครัวของพวกเขาฟังเยี่ยงไรเล่า!”ฉินซานขมวดคิ้ว “พวกเจ้าไปร้องเรียนกับทางการแล้วหรือ? แม้ว่าข้าหลวงหยางจะมิสนใจ แต่เหตุไฉนต้องโบยเจ้าถึงสามสิบไม้กันเล่า?”“หึ… โจรอะไรกันเล่า โจรพวกนั้นก็เป็นคนของข้าหลวงหยาง หลิวฮุยที่เป็นผู้นำก็เป็นหลานชายของข้าหลวงหยาง! ข้าจำเขาได้ วันนั้นข้าเห็นเขาออกมาจากศาลาว่าการ!”เจิ้งหงเอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยว “ท่านพ่อของข้าไปชี้ตัวเขา ข้าหลวงหยางก็บอกว่า เราใส่ร้ายเจ้าหน้าที่ของราชสำนัก แล้วก็โบยท่านพ่อของข้าสามสิบไม้โดยมิสนถูกผิด!”“แม่ทัพฉิน ทางการสมรู้ร่วมคิดกับพวกโจรมาปล้นเครื่องยาสมุนไพรของเรา เราจะไปฟ้องร้องได้ที่ใดบ้าง!”ฉินซานงุนงง แม้ว่าเขาจะรู้อยู่แล้วว่าหยางจื้อฟางเป็นคนใจกล้า แต่ฉินซานมิคาดคิดเลยจริง ๆ ว่าข้าหลวงหยางจะกล้าปล้นสิน
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี