วันรุ่งขึ้นหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนเข้าวังไปเข้าเฝ้าจักรพรรดิอู่อัน นางเตรียมยาบำรุงร่างกายหลายกล่องสำหรับจักรพรรดิอู่อันกับไทเฮาด้วยกระทั่งมาถึงห้องทรงพระอักษร ขันทีเซี่ยเห็นว่าหลิงซวนที่มาด้วยมีสุขภาพที่ดี ก็ยิ้มเล็กน้อยแล้วเอ่ยกับหลิงอวี๋และเซียวหลินเทียน“องค์จักรพรรดิประทับอยู่ข้างในพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไปเรียนให้พ่ะย่ะค่ะ”หลังจากนั้นไม่นาน จักรพรรดิอู่อันก็ให้หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนเข้าไปทั้งสองเดินตามหลังกันเข้าไปแล้วทำความเคารพจักรพรรดิอู่อันจักรพรรดิอู่อันยิ้มบาง ๆ แล้วมองหลิงอวี๋ก่อนจะเอ่ย “พระชายาอ๋องอี้มีความดีความชอบอย่างมากในครั้งนี้ กำจัดโรคระบาดได้ ข้าสัญญากับเจ้าไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะตอบแทนเจ้าอย่างหนัก!”“มิทราบว่าพระชายาอ๋องอี้ต้องการรางวัลอะไรหรือ?”หลิงอวี๋เอ่ยด้วยความเคารพ “หลิงอวี๋รับใช้เสด็จพ่อเป็นสิ่งที่ควรกระทำเพคะ มิกล้าขอรางวัลจากเสด็จพ่อหรอกเพคะ!”จักรพรรดิอู่อันยิ้มพลางเอ่ย “จะได้อย่างไรกัน! เจ้ากำจัดโรคระบาดและรักษาขาขององค์ชายสี่จนหายดี ช่างเป็นความดีความชอบที่ยิ่งใหญ่นัก! ควรได้รับรางวัลสิ!”หลิงอวี๋เหงื่อตก รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างในคำพูดข
เมื่อหลิงอวี๋เดินออกมา ขันทีเซี่ยก็ก้าวไปเอ่ยกับนาง “พระชายาอ๋องอี้ ฮองเฮาเว่ยเชิญให้ท่านไปคุยด้วยขอรับ!”หัวใจของหลิงอวี๋เต้นรัว คราวนี้องค์ชายเว่ยถูกลงโทษให้เฝ้าสุสานจักรพรรดิ ฮองเฮาเว่ยจะต้องเกลียดตนเป็นแน่ ที่เชิญตนไปหาคงต้องมิใช่เรื่องดีนางยิ้มเล็กน้อย พลางเอ่ยกับขันทีเซี่ย “ขันที ประเดี๋ยวหากท่านอ๋องออกมา รบกวนบอกให้พระองค์เสด็จไปหาข้าที่ตำหนักฮองเฮาด้วย เราคุยกันไว้ว่าจะไปเข้าเฝ้าไทเฮาด้วยกัน!”ขันทีเซี่ยพยักหน้ายิ้ม ๆ “พระชายาอ๋องอี้มิต้องกังวล ข้าไม่พลาดแน่นอนขอรับ!”หลิงอวี๋จึงพาหลิงซวนไปที่นั่นเมื่อเห็นนางกำนัลของฮองเฮาเว่ยเดินนำหน้าไป หลิงซวนก็กระซิบ “คุณหนู คุณหนูได้รับผ้าไหมมามิใช่หรือ? มอบให้ฮองเฮาเว่ยเถิดเจ้าค่ะ พระนางอยากไปได้ทำกระโปรงมาโดยตลอด!”“ผ้าไหมนี้เป็นสิ่งที่หายาก หากพระนางทำให้เราเสียหายพระนางก็จะเสียหายด้วย พระนางมิน่าจะทำให้คุณหนูเดือดร้อนหนาเจ้าคะ!”หลิงอวี๋ยิ้มอย่างเย็นชา “เจ้าคิดว่าของหายากจะเทียบกับชีวิตของลูกชายตนได้หรือ?”“ข้าทำให้ฮองเฮาเว่ยกับองค์ชายเว่ยขุ่นเคืองมาก ต่อให้ข้าดึงดาวจากท้องฟ้ามามอบให้พระนาง พระนางก็ไม่มีทางจะดีต่อข้าหรอก!”ห
หลิงอวี๋ครุ่นคิด ถึงอย่างไรก็ปฏิเสธมิได้ ทำได้เพียงต้องพาคนเหล่านี้กลับไปก่อนนางกล่าวขอบคุณอย่างใจเย็น คราวนี้นางลุกขึ้นโดยมิรอให้ฮองเฮาเว่ยบอกแล้ว“บังอาจ ฮองเฮายังมิได้บอกให้ลุก กล้าดีเยี่ยงไรจึงลุกขึ้นเอง!”เซี่ยเฉียวตะคอกด้วยความโกรธหลิงอวี๋มองนาง พลางตะคิดเสียงแข็ง “เจ้าต่างหากที่บังอาจ! เจ้าตะโกนต่อหน้าฮองเฮาเช่นนี้ได้เยี่ยงไร?”“ฮองเฮาดูแลวังหลังทั้งหมด และมีน้ำใจต่อท่านอ๋องของข้า แล้วจะทำให้ลูกสะใภ้ต้องลำบากได้เยี่ยงไรเล่า?”“ข้าคุกเข่าตลอดตั้งแต่เข้ามา ฮองเฮามีสิ่งที่ต้องทำมากมาจึงได้ลืมบอกข้า บ่าวต่ำต้อยเยี่ยงเจ้าเห็นอยู่แท้ ๆ กลับมิเตือนฮองเฮา หรือว่าเจ้าจงใจ?”“เจ้าคิดจะทำลายชื่อเสียงในความกรุณาของฮองเฮาหรือไร? อยากให้ฮองเฮามีชื่อเสียงที่มิดีรึ?”หลิงอวี๋พูดเช่นนี้ทำเอาเซี่ยเฉียวพูดมิออกฮองเฮาเว่ยกัดฟัน ก่อนหน้านี้นางคิดจะทำให้หลิงอวี๋ลำบากสักหน่อย แต่หลิงอวี๋ลุกขึ้นแล้วนางจะสามารถตำหนิให้หลิงอวี๋คุกเข่าลงอีกครั้งได้หรือ?นางเหลือบมองหลิงอวี๋อย่างมืดมน จากนั้นก็มองไปที่สาวสวยทั้ฃสี่คนที่มีความแตกต่างกันไปเมื่อทั้งสี่คนนี้เข้าไปในตำหนักอ๋องอี้ ก็จะมีโอกาสมากมาย
เซียวหลินเทียนยังคงโกรธอยู่ เดิมทีเขาก็มิพอใจฮองเฮาเว่ยที่มอบนางสนมสี่คนให้ตนเองตามใจเช่นนี้อยู่แล้ว ตอนนี้มาเห็นว่านางสนมผู้นี้เข้ามาได้ก็มาออดอ้อนอยากได้รับความโปรดปรานเช่นนี้มีหรือจะทนไหว“ไม่ ข้าทนนางสนมที่มิรู้กฎเกณฑ์เยี่ยงเจ้ามิได้ ปล่อยให้ฮองเฮาสั่งสอนด้วยตัวเองจะดีกว่า!”พวกเขายังคงอยู่นอกตำหนักฮองเฮาเว่ย ภาพภายนอกนี้จึงไปถึงหูของฮองเฮาฮองเฮาเว่ยจึงให้เซี่ยเฉียวออกมาถ่ายทอดคำสั่ง“ท่านอ๋องอี้เพคะ ฮองเฮาตรัสว่ามอบเสวี่ยฉินกับคนอื่น ๆ ให้กับท่านแล้ว จะเป็นจะตายเยี่ยงไรก็เป็นคนของตำหนักอ๋องอี้ หากมิต้องการก็ฆ่าพวกนางเสียตรงนี้! ฮองเฮามิต้องการพวกนางอีกแล้วเพคะ!”เมื่อเซี่ยเฉียวเอ่ยเช่นนี้ เสวี่ยฉินยังคงก้มหน้าต่อด้วยความกลัวเซียวหลินเทียนโกรธจนตัวสั่น ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยอะไรบางอย่าง หลิงอวี๋ก็รั้งเขาไว้ก่อน“เซี่ยเฉียว ในเมื่อฮองเฮาตรัสเช่นนี้ เช่นนั้นก็ขอให้ฮองเฮามอบสัญญาซื้อตัวหรือเอกสารทั้งหมดของพวกนางให้กับท่านอ๋องด้วยเถิด!”“เจ้าก็เห็นแล้ว ยังมิทันออกจากวัง เสวี่ยฉินก็ทำให้ท่านอ๋องขุ่นเคืองแล้ว นางถือว่าตนเป็นคนของฮองเฮา จึงมิเกรงกลัวเช่นนี้มิใช่หรือ?”“หากมีสัญญา
กระทั่งนางกับเซียวหลินเทียนนั่งรถม้ากลับตำหนัก หลิงอวี๋รู้สึกหดหู่เล็กน้อยเมื่อคิดถึงคำพูดของไทเฮาเหลียง“ไทเฮาคุยอะไรกับเจ้าหรือ?”เซียวหลินเทียนเห็นใบหน้าที่มืดมนของหลิงอวี๋ จึงเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง“มิ...มิได้คุยอะไรเพคะ!”หลิงอวี๋จะมีหน้าไปบอกได้เยี่ยงไรว่าไทเฮาเหลียงให้พวกเขามีลูกอีกคน นางจึงเปลี่ยนหัวข้อ “หม่อมฉันกำลังกังวลว่าจะจัดการนางสนมทั้งสี่อย่างไรดี?”เซียวหลินเทียนคิดว่าหลิงอวี๋กังวลเรื่องนางสนมทั้งสี่จริง ๆ จึงเอ่ยอย่างสบาย ๆ“เมื่อพวกนางไปถึงตำหนักอ๋องอี้แล้วก็ขึ้นอยู่กับเจ้าจัดการแล้ว หากพวกนางทำมิดี เจ้าจะตีหรือจะขับไล่พวกนางออกไปก็ได้ทั้งนั้น! มิต้องห่วงเรื่องฮองเฮาเว่ย! ข้าจัดการเอง!”หลิงอวี๋ยิ้มอย่างขมขื่น มันง่ายเช่นนั้นจริง ๆ หรือ?คนที่ได้รับการสั่งสอนจากฮองเฮาเว่ย น่าจะฉลาดทุกคนกระมังแม้ว่าตนจะตีหรือจะฆ่า ก็จะต้องมีเหตุผลมาโน้มน้าวทุกคนแน่นอนบุรุษที่มิคิดเล็กคิดน้อยเยี่ยงเซียวหลินเทียนจะรู้ได้เยี่ยงไรว่าฮองเฮาเว่ยวางกับดักอะไรให้ตนเอง!หากจัดการได้ดี นางก็ไม่มีความดีความชอบ!หากจัดการไม่ดี ฮองเฮาเว่ยก็สามารถขอหย่ากับตนแทนเซียวหลินเทียนได้ทุกเมื่อโ
หลิงอวี๋ก็แค่ล้อเล่น หลังจากครุ่นคิดก็เอ่ย “หมิ่นกู เจ้าให้พวกนางจับฉลากสิ! พวกนางเพิ่งเข้ามาใหม่ เราหาได้รู้จักพวกนางดีไม่ ทำเช่นนี้ยุติธรรมที่สุด!”“เตรียมไม้ที่มีความยาวต่างกันสี่ขนาด ใครจับได้อันที่ยาวที่สุดก็ไปปรนนิบัติคืนนี้ ส่วนที่เหลือก็วัดตามความยาว ต่อจากนี้ก็ผลัดกันปรนนิบัติตามลำดับที่จับในวันนี้ไป!”หมิ่นกูพยักหน้า จากนั้นก็ถามเกี่ยวกับขอบเขตของการใช้จ่ายของทั้งสี่คนแล้วจากไปแม่นมลี่มองหลิงอวี๋แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มขมขื่น “คุณหนู ฮองเฮาเตรียมนางสนมทั้งสี่คนนี้เพื่อให้อำนาจแก่คุณหนูหนาเจ้าคะ! คุณหนูได้คิดหรือไม่ว่าจะจัดการเยี่ยงไร?”“ถ้าเกิดพวกนางตั้งครรภ์ ตำแหน่งพระชายาของคุณหนูจะตกอยู่ในอันตรายหนาเจ้าคะ!”“แม่นม หาได้ต้องกังวลไม่ พวกนางเป็นคนของฮองเฮาเว่ย ท่านอ๋องไม่มีทางให้พวกนางมีลูกหรอก!”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างมิเห็นด้วยเซียวหลินเทียนมิใช่คนโง่ เขารู้ที่มาของทั้งสี่คนนี้เป็นอย่างดีแล้วจะไปยื่นดาบให้พวกนางทำร้ายได้อย่างไร!แต่แม่นมลี่เห็นมานักต่อนักแล้ว จึงเอ่ยอย่างเป็นกังวล “คุณหนู คุณหนูพูดเช่นนี้ก็จริง! แต่ก็มิสามารถเชื่อทุกสิ่งที่บุรุษพูดได้เจ้าค่ะ...”“นึกถึงชิวเ
เซียวหลินเทียนมิรู้เรื่องนี้ หลิงอวี๋กังวลเรื่องการเห็นคุณค่าในตัวเองของหลิงเยวี่ยจึงมิได้พูดอะไรอีกนางอุ้มหลิงเยวี่ยเพื่อมิให้เด็กน้อยต้องวุ่นกับเรื่องนี้ นางกัดหูของหลิงเยวี่ยพลางกระซิบ “แม้ว่าใบหน้าของท่านอ๋องจะเป็นสีแทน แต่ก้นของเขาก็ขาวเหมือนกัน!”“หา! ท่านแม่รู้ได้อย่างไรขอรับ? เคยเห็นหรือ?”หลิงเยวี่ยเอ่ยถามอย่างมิเชื่อ ตามความคิดแบบเด็ก ๆ ของเขา หากใบหน้าเป็นสีแทนได้ ร่างกายของเขาก็ต้องเป็นสีแทนได้เอ่อ… หลิงอวี๋หน้าแดงกับคำพูดของหลิงเยวี่ยนางจะไปเคยเห็นก้นของเซียวหลินเทียนได้อย่างไรเล่า!“ท่านแม่โกหกข้าจริงด้วย!”หลิงเยวี่ยกลอกตาใส่นางแล้วเบะปากไม่มีความสุข“จริง ๆ หนา ตรงส่วนนั้นมีกางเกงปิดไว้อย่างไรเล่า แสงแดดส่องมิได้ ต้องขาวแน่นอน!”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างมั่นใจเซียวหลินเทียนมองคนสองคนกระซิบกันไปมา หูของเขาพอจะจับคำพูดได้แค่สองสามคำ แต่ก็มิเข้าใจว่าพวกเขากำลังเอ่ยถึงอะไรเซียวหลินเทียนรู้สึกอิจฉาและเศร้าเล็กน้อย ในรถม้ามีเพียงพวกเขาสามคนเท่านั้น พวกเขาสองคนจะพูดดังหน่อยมิได้เลยหรือ?หากมีเรื่องสนุกน่าสนใจก็แบ่งปันให้เขารู้ด้วยสิ!ความรู้สึกเช่นนี้เหมือนตนเป็นคนนอ
หลังจากที่ท่านอดีตเสนาบดีสงบลงเล็กน้อย หลิงอวี๋ก็เอ่ยเบา ๆ “ท่านปู่ วันนี้นอกจากจะมาเยี่ยมท่านแล้ว ข้ามีบางอย่างอยากจะถามท่านด้วย!”“ท่านปู่ เรื่องนี้สำคัญมาก ท่านต้องบอกความจริงกับข้า!”ท่านอดีตเสนาบดีชะงัก ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดีในใจ เขาเอ่ยถามเสียงทุ้ม “เจ้าถามมาเถิด!”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างยากลำบาก “ข้ากับพี่ชาย มิใช่ลูกทางสายเลือดของท่านพ่อใช่หรือไม่?”ทันใดนั้นสีหน้าของท่านอดีตเสนาบดีก็ดูแย่ลง เขาจ้องมองหลิงอวี๋แล้วโวยขึ้นมา “เหตุใด ปีกกล้าขาแข็งแล้ว มิอยากยอมรับข้าในฐานะปู่ของเจ้าแล้วรึ?”หลิงอวี๋คุกเข่าลงทันที พลางเอ่ยเสียงเรียบ “ท่านปู่ ท่านจะเป็นท่านปู่ของเราตลอดไป! เพียงแต่อาอวี๋อยากให้เรื่องเหล่านี้มันชัดเจน มิอยากถูกขังอยู่ในความมืดไปตลอดชีวิต!”“ตัวตนของแม่ข้าก็สำคัญสำหรับกับข้ามาก หากท่านปู่รู้อะไรโปรดบอกมาเถิด! ข้าจะขอบคุณไปตลอดชีวิต!”ท่านอดีตเสนาบดีมองหลิงอวี๋นิ่ง ๆ แล้วเงียบไปนานก่อนถอนหายใจพลางเอ่ย“ตระกูลหลิงของข้ามิคู่ควรกับการมีลูกที่มีความสามารถเช่นพวกเจ้า เอาเถิด ข้าจะบอกเจ้า แล้วเจ้าไปเลือกเอาเอง!”เขามองเซียวหลินเทียน เซียวหลินเทียนจึงเอ่ยทันท
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี