ภาพในวันนั้นยังชัดเจน…วันรอบตัดสินของการแข่งขันดีไซน์เนอร์รุ่นใหม่ เธอผลักประตูห้องแต่งตัวเข้าไป และพบว่า…
เขาอยู่ตรงนั้น
ชายหนุ่มรูปร่างสูงสง่า กำลังยืนอยู่กลางห้อง สวมชุดที่เธอออกแบบด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง แต่แววตาเขากลับมีประกายบางอย่างที่ทำให้หัวใจเธอสั่นวูบ
ตึกตัก… ตึกตัก…
หัวใจเธอเต้นแรงจนแทบหลุดจากอก ตื่นเต้น ดีใจ… แต่ไม่กล้าพอจะพูดออกไป
“กรี๊ดดด...พี่คะ หนูเป็นแฟนคลับพี่นะคะ ขอถ่ายรูปด้วยได้ไหม?”
เธอแค่ คิดในใจแต่ไม่มีทางกล้าพูดออกไปจริง ๆ เพราะสถานการณ์ตอนนั้น เธอต้องรีบแก้ไขชุดที่ถูกมือดีแอบทำลายอย่างเร่งด่วน
“ถ้าได้เจอกันอีก...ฉันจะทำยังไงดีนะ แต่คงไม่ได้เจอกันแล้วล่ะ...เสียดายจัง”
เธอถอนหายใจเบา ๆ ขณะนั่งดูรายการย้อนหลังในห้องพัก ภาพเขาบนเวทีน้ำเสียงขณะให้สัมภาษณ์และรอยยิ้มบาง ๆ ที่เธอเคยเห็นใกล้กว่าใครในวันนั้น
รอยยิ้มเธอค่อย ๆ ผุดขึ้น ไม่ใช่แค่เพราะเขาหล่อ แต่เพราะเขา…เป็นคนแรกที่ใส่ชุดของเธออย่างสง่างาม
ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด—เสียงประตูอัตโนมัติดังขึ้นขัดจังหวะความฝันกลางวันของเธอ
ประตูเปิดออก หญิงวัยกลางคนท่าทางภูมิฐานเดินเข้ามาพร้อมถุงของเต็มสองมือ
“หยงหนิง!” ข้าวหอมลุกจากโซฟา รีบวิ่งเข้าไปกอดทันที
“ปล่อยก่อนเถอะ ฉันจะเอาของไปเก็บก่อน” อีกฝ่ายหัวเราะเบา ๆ พร้อมดันตัวเธอออก
“ข้าวช่วยค่ะ!” เธอคว้าถุงในมืออย่างคล่องแคล่ว
ผู้หญิงคนนั้น—หยงหนิง ผู้ดูแลที่อยู่กับเธอมาตั้งแต่เธอย้ายมาอยู่กับ “เตี่ย” ที่ปักกิ่ง หน้าตาสะสวย บุคลิกสุขุม แต่มีอารมณ์ขันซ่อนอยู่ตลอดเวลา
“เมื่อคืนไปค้างที่ไหนมาคะ?” เสียงถามนุ่ม ๆ แต่แฝงพลังของคนที่รู้อะไรเยอะกว่าที่พูด
“...”
ไม่มีคำตอบ ข้าวหอมเม้มปากแน่น ก้มหน้าทำเป็นจัดของ อาการแบบนี้…ชัดเจน
“ไม่ต้องบอกก็รู้ค่ะ รวมถึงเตี่ยของหนูด้วย” หยงหนิงพูดพร้อมยิ้มมุมปากแบบคนรู้ทัน
ข้าวหอมพยักหน้าหงึก ๆ เธอรู้ดี…ว่าไม่มีเรื่องไหนที่ “เตี่ย” ของเธอไม่รู้
แต่แปลก…เธอไม่รู้สึกอึดอัดเลย เพราะตั้งแต่เด็กจนโต ครอบครัวนี้ไม่เคยบังคับให้เธอต้องพูดอะไรที่เธอยังไม่พร้อม และนั่น...ทำให้เธอซาบซึ้งยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
@อ่าวย่าหลง (Yalong Bay), ไห่หนาน – สถานที่ถ่ายทำมิวสิกวิดีโอล่าสุดของไดออน
เสียงคลื่นซัดสลับกับเสียงลมหอบอ่อน ๆ พัดเอาทรายปลิวกระทบเต็นท์ริมทะเล แดดอ่อนยังไม่แผดจ้าเกินไป ทีมงานทุกคนเคลื่อนไหวกันอย่างขะมักเขม้น และกลางเซ็ตนั้น…มีเขา
“ฉากนี้ผมว่า...ถ่ายใหม่ครับ ฉากนี้ด้วย”
เสียงทุ้มเย็นสงบนั้นเต็มไปด้วยอำนาจ ไดออนยืนพิงแขนกับสคริปต์ บนใบหน้าเต็มไปด้วยสมาธิ คิ้วเข้มขมวดแน่นจนเกือบชนกัน ทุกสายตารอบกองถ่ายต่างรอฟังอย่างกลั้นหายใจ
แม้ไอดอลหนุ่มจะขึ้นชื่อว่าเป็นคนอารมณ์ดี ขี้เล่น แต่เมื่อเข้าสู่โหมดทำงาน…เขาคือความเป๊ะในระดับปรอทแตก
ในเต็นท์แต่งตัวด้านข้าง ข้าวหอมกำลังจัดเรียงชุดใหม่ตามลำดับฉาก มือขยับอย่างคล่องแคล่ว
สายตาจดจ่อทุกดีเทล แม้จะวุ่นแค่ไหนก็ไม่เสียสมาธิหลังจากคว้ารางวัลจากเวทีดีไซน์เนอร์หน้าใหม่ เธอเริ่มได้รับงานมากขึ้น ตั้งแต่นิตยสารแฟชั่น ไฮโซดีมานด์สูง จนมาถึงงานนี้—คอสตูมสำหรับ MV เพลงล่าสุดของศิลปินที่เธอแอบปลื้มมาตลอดหลายปี
“ไดออนนี่ทำงานเก่งจังเลยเนอะ~” เสียงดวงใจดังขึ้นพร้อมสายตาเคลิ้มฝัน
“ในจอก็เป็นแบบนี้ นอกจอก็เป๊ะจริงจังมากเลยอะ”
“น้อย ๆ เถอะยะ คนนี้ของฉัน…” ข้าวหอมตอบด้วยน้ำเสียงติดเล่น ใช้ภาษาไทยพูดอย่างจงใจไม่ให้ใครเข้าใจ ก่อนจะหันหลังกลับไป…
ปึ๊ก!หน้าท้องเธอชนเข้ากับอะไรบางอย่าง—หรือใครบางคน ที่แน่น...และแกร่ง…จนเหมือนอกกำแพงหิน เธอเงยหน้าขึ้นแล้วชะงัก
ไดออนยืนอยู่ตรงหน้า ดวงตาคมมองเธออย่างนิ่งงัน ในระยะประชิด…จนเธอแทบกลั้นหายใจไม่อยู่
“Oh! I’m so sorry!” เธอรีบยกมือไหว้ ถอยหลังหนึ่งก้าวอย่างตกใจ ไม่กล้าสบตา
เขายังคงเงียบ…
‘โอ๊ย ตัวหอมมาก ฉันจะตายก่อนงานเสร็จไหมเนี่ย’ เธอคิดแบบไม่ทันกรอง
รีบเปลี่ยนโหมดกลับสู่สายงานด่วน
“มะ…มีอะไรให้ฉันปรับแก้อีกไหมคะ?” น้ำเสียงแข็งนิด ๆ เหมือนประชดตัวเอง แล้วก็ดันหลุดพูดไปแบบนั้นจริง ๆ
เธอหลบตาทันที ‘ถามอะไรไปเนี่ยเรา…’
“…”
เขายังมองเธออยู่ นิ่งและลึก
“ขอโทษนะคะ คุณ—” เธอกำลังจะพูดใหม่ด้วยท่าทีสุภาพขึ้น
“ผมจะถ่ายใหม่ทั้งหมด” เขาตัดบท น้ำเสียงนิ่งและมั่นใจ
“ช่วยเตรียมชุดใหม่อีกรอบนะครับ แล้วก็…ผมคิดว่าอยากเปลี่ยนโทนสีของเสื้อผ้าบางฉากโดยเฉพาะฉากกลางทะเล ผมอยากได้โทนขาวอมม่วง น่าจะสื่ออารมณ์ได้ดีกว่าเดิม”
น้ำเสียงนั้นไม่ใช่แค่เสนอความเห็น แต่มันคือ "คำสั่ง" ที่สุภาพมากพอให้คนฟังยอมทำตามโดยไม่เถียง
“ดะ...ได้ค่ะ” เธอตอบเบา ๆ เขาไม่พูดอะไรอีก เพียงเดินจากไปโดยไม่หันกลับมา ไม่มีคำขอบคุณ…ไม่มีการชะงัก
ดวงใจเดินเข้ามาข้าง ๆ พร้อมยกคิ้วสูง
“สามีทิพย์ของเธอวันนี้เป็นอะไร? ทำหน้านิ่งเชียว”
“คงเครียดกับงานแหละ” ข้าวหอมตอบ พยายามไม่แสดงพิรุธ แม้ในใจจะยังเต้นแรงเพราะอกแน่น ๆ เมื่อครู่
เธอติดตามเขามานาน รู้ดีว่าไดออนจริงจังกับทุกงานแค่ไหน และวันนี้…เขาก็แค่ไดออนในเวอร์ชันที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
“รีบจัดเสื้อผ้าเถอะ ไม่รู้เขาจะสั่งเปลี่ยนอะไรอีกเมื่อไหร่”
โชคดีที่เธอเตรียมมาเกินความจำเป็น เพราะเธออ่านทุกบรีฟละเอียด ฟังเพลงของเขาซ้ำ ๆ จนรู้ว่าจะออกแบบยังไงให้ตรงอารมณ์ทุกฉาก
ข้อดีคือ—เธอได้ฟังเพลงของเขาก่อนใครในโลกนี้
และไม่รู้ว่าอะไรดีต่อใจกว่ากัน ระหว่างการได้ทำงานกับศิลปินที่รัก… หรือได้ยืนใกล้ชิดเขาขนาดนี้
เสียงผู้กำกับตะโกนจากหน้ากล้อง
“เซตฉากต่อไปได้เลย!”
รถของเธอหมุนดริฟต์เข้าโค้งสุดท้าย ปิดโชว์ด้วยการหมุนตัวหนึ่งรอบ ก่อนเบรกลงช้า ๆจังหวะพอดีที่เขาวิ่งมาถึง—ทันเห็นเธอก้าวลงจากรถ ทันเห็นรอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นมาหลายเดือน แต่ก็ทัน... เห็นใครอีกคนที่เดินเข้าหาเธอก่อน“เกอ...” เขาพึมพำบางอย่างออกมาชายหนุ่มร่างสูงในชุดลำลอง เดินตรงเข้ามายืนบังเธอไว้ จากนั้นก็โอบบ่าของเธอไว้แน่น แน่น... ราวกับต้องการประกาศอะไรบางอย่างต่อหน้าทั้งสนามเขาหัวเราะเบา ๆ—แต่แววตาที่มองตรงมาหาไดออน... ไม่ขำแม้แต่นิดเดียว“เพิ่งรู้ว่า คนที่เคยทิ้งเธอไว้ได้... กล้ากลับมามองเธออีกครั้ง”น้ำเสียงของชายคนนั้น คนที่เขาคุ้นเคย ไม่ได้ดัง ไม่ได้ขู่ ไม่ได้ขึ้นเสียง แต่ทุกคำของเขา หนักพอจะฝังหมัดลงกลางอกไดออน... โดยไม่ต้องแตะตัวไดออนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น สองมือกำแน่นจนข้อนิ้วซีดขาว เขาไม่โต้กลับด้วยความบ้าระห่ำ...แต่เขาเลือก “เงียบ” และ มองแค่เธอคนเดียวข้าวหอม...ไม่หลบตา แต่ก็ไม่ได้สบตากลับ เธอแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ข้าง ๆ เขา เหมือนกำลัง... “รอคำตอบ” หรือไม่ก็ “ทดสอบ” อะไรบางอย่าง“ผมไม่ได้กลับมา เพื่อขอร้องให้เธอย้อนกลับมา” ไดออนพูดเสียงเรียบ แต่ชัดทุกคำ“ผมกลับมา... เพื่อยืนอยู
ปัจจุบันไดออนนั่งพิงเบาะในเครื่องบินส่วนตัว ดวงตาคมทอดมองออกไปยังท้องฟ้ากว้างที่ถูกแต่งแต้มด้วยกลุ่มเมฆสีขาวเรียงตัวเป็นระเบียบ สวยงามในสายตาใครหลายคน... ยกเว้นเขาริมฝีปากหนายกยิ้มจาง ๆ เมื่อนึกถึงวันแรกที่เธอตอบตกลงเป็นแฟนกัน—วันที่หัวใจเขาเต้นแรงที่สุดในชีวิต... แต่น่าเศร้าที่ตอนนี้ ความทรงจำเหล่านั้นกลับกัดกินหัวใจเขาแทน‘ฉันมันโง่... ที่เอาความเจ็บปวดในอดีต ไปตัดสินคนที่รักผมมากที่สุด’แววตาอ่อนล้าภายใต้แว่นดำสั่นระริก ความรู้สึกผิดในใจยังไม่เคยจางลงแม้เพียงวันเดียว‘หากได้เจอเธออีกครั้ง... ไม่ว่าเธอจะยังรักผมหรือเปล่า ผมก็จะทำให้ดีที่สุด เพื่อชดเชยทุกอย่างที่ทำพังไปกับมือ’ณ ห้องพัก โรงแรมใจกลางเมืองบุรีรัมย์ข้าวหอมทรุดตัวนั่งริมเตียง สองมือกุมโทรศัพท์แน่น จ้องหน้าจอที่หยุดนิ่งอยู่ตรงช่วงท้ายของคลิปสัมภาษณ์ศิลปินคนหนึ่ง—อดีตคนรักของเธอ“เราเลิกกันเถอะ…”เสียงคำพูดของเขาในวันนั้นยังคงดังชัดอยู่ในหัวใจ ราวกับลมหายใจของเขายังอบอวลอยู่ตรงหน้า ทั้งที่จริง… มันกลายเป็นเพียงเศษฝุ่นในอดีตดวงตาเธอเต็มไปด้วยแววเจ็บปวด... ความเจ็บปวดจากการถูกตัดสิน ทั้งที่ไม่ได้รับโอกาสแม้แต่จะอธิบาย‘
ประตูใหญ่เปิดออกในจังหวะที่ไม่ควรที่สุด...ชายหญิงคู่หนึ่งเดินโอบกันเข้ามา ก่อนจะแลกจูบกันอย่างเร่าร้อนราวกับลืมโลก ทั้งที่อีกมุมยังมีคนสองคนจ้องมองอยู่อย่างตะลึงมือหนึ่งกอดเอว มือหนึ่งลูบต้นขา ไม่มีแม้สำนึกถึงสาธารณะ จากนั้นทั้งคู่พากันหายเข้าไปในห้องนอนอย่างรวดเร็ว ก่อนเสียงประตูจะ...ปัง!“ไม่ต้องเบามือนะหนุ่มน้อย เต็มที่เลย เจ้ชอบบบ~!”เสียงแสบหูดังแว่วมาทันก่อนประตูจะปิด เงียบงันอีกครั้ง...บรรยากาศเงียบ...จนได้ยินเสียงกลืนน้ำลายตัวเองข้าวหอมหน้าแดงปลั่ง เธอหันไปมองหน้าไดออน ก่อนจะรีบเบือนหน้าหนีเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ของตัวเองกับเขา‘ถ้าเพื่อนไม่โผล่มา...เราจะเลยเถิดไปไกลแค่ไหนนะ…’เธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้น...ติ๊ง!เสียงข้อความจากมือถือของไดออนดังขึ้นกะทันหันเขาหยิบขึ้นมาดู“ขอให้คืนนี้เป็นคืนที่มีความสุขนะคะ ^^ ถ้าจะใช้มุมไหนในบ้านก็ตามสบายเลยค่ะ รับรองว่าคืนนี้ทั้งคืนฉันจะไม่ออกจากห้องนี้แน่นอน😏 – มินยง”ไดออนชะงัก มือที่ถือโทรศัพท์สั่นนิด ๆ ด้วยความพยายามกลั้นหัวเราะ“มินยง...” เขายื่นมือถือให้ข้าวหอมดูข้าวหอมเห็นข้อความแล้วแทบจะเอาหน้าซุกหมอน ร้องเส
“เราเป็นแฟนกันนะ”เธอพูดเสียงเบา ใบหน้าแดงระเรื่อเต็มสองแก้ม ‘ให้ตายสิ…เขาคงไม่รู้หรอกว่า ต้องรวบรวมความกล้าแค่ไหนถึงจะพูดออกมาได้’แต่เขากลับ... เงียบ!?เธอเริ่มเม้มปากแน่นขึ้น เหลือบมองเขาอย่างไม่มั่นใจ ในขณะที่เขาเอนตัวพิงพนักโซฟา ทำท่าทางสบายเกินหน้าเกินตา“ผมว่า... ขอเวลาคิดก่อนจะได้ไหม?” เขาตอบเสียงเรียบ ไม่ยิ้ม ไม่หัวเราะ ไม่มีสีหน้าอะไรทั้งนั้น“ห๊ะ?” เธอเงยหน้ามองอย่างไม่เข้าใจ ‘นี่เขากำลังแกล้งเรารึเปล่าเนี่ย?’“ผมอยากแน่ใจว่าผมกำลังจะรักผู้หญิงธรรมดา... ไม่ใช่ดีไซเนอร์เพิ่งได้รางวัลระดับโลกมา”เขาเริ่มวางมาดขรึม ‘จะเอาคืนบ้าง ใครบอกให้เขารอมาได้ตั้ง 6 เดือน’“โอเคค่ะ... ฉันให้เวลาคุณคิด...” เธอลุกขึ้น ยกคางนิด ๆ อย่างวางฟอร์ม “แต่ให้ได้แค่ 3 นาทีเท่านั้น!”“หืมม?” เขาเลิกคิ้ว“ถ้าครบสามนาทีแล้วคุณยังไม่ตอบ ฉันจะถือว่าไม่ตกลง... แล้วฉันจะขอคืนกำไลด้วย”ว่าแล้วเธอก็แกล้งยื่นมือไปจับข้อมือเขา ทำท่าจะถอดกำไลออก“เฮ้ย! ไม่เอาน่า!” เขารีบดึงข้อมือหลบ“ห้ามเอาคืนนะ ให้แล้วก็ต้องให้เลยสิครับ”“เวลาเดินนะคะ เหลือสองนาทีห้าสิบแปดวินาทีแล้ว”เธอทำหน้าเฉยเหมือนไม่แคร์ ทั้งที่ใจเต้นต
ในห้องนั่งเล่นข้าวหอมเปิดประตูบ้าน ค่อย ๆ หันกลับไปมองเขาอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มบาง ๆ แล้วผลักบานประตูให้เปิดออกช้า ๆ“เข้ามาก่อนสิคะ”เธอพูดเบา ๆ โดยไม่ต้องเอ่ยคำเชื้อเชิญยืดยาว เขาเดินตามเข้าไปโดยไม่ลังเล ก่อนประตูปิดลงอย่างเงียบงัน ทิ้งความวุ่นวายไว้ด้านนอกแสงไฟอุ่นในห้องนั่งเล่นค่อย ๆ ไล่ความเย็นชาในใจของทั้งสอง และ...ค่ำคืนนี้ ก็เพิ่งจะเริ่มต้นเขานั่งบนโซฟาตัวใหญ่กลางห้อง หันไปมองเธอเดินเข้าไปในครัว ก่อนจะกลับออกมาพร้อมแก้วน้ำอุ่นผสมน้ำผึ้งมะนาว 2 แก้ว“เห็นคุณดื่มไปเยอะในงาน เลยทำอันนี้มาให้ค่ะ”เธอยื่นให้ เขารับไว้เงียบ ๆ ก่อนดื่มช้า ๆ สายตายังไม่ละไปจากเธอเลยแม้แต่วินาทีเดียว“คุณเห็นด้วยใช่ไหม?”เขาเอ่ยขึ้นช้า ๆ พร้อมขยับตัวเข้ามาใกล้… ใกล้จนเธอได้ยินเสียงหัวใจตัวเอง“หะ…เห็นอะไรคะ?”“ว่า…คืนนี้ผมอยากอยู่กับคุณ...แค่สองคน”เขากระซิบเบา ๆ พร้อมกลิ่นหอมอ่อนจากลมหายใจที่ทำให้เธอเคลิ้ม“ตะ...ตัวคุณหอมจัง” ‘โอ้ยยยย ยัยข้าว พูดอะไรออกไปเนี่ย!’เขาหัวเราะเบา ๆ สบตาเธอ“ชอบเหรอ หึ...”‘ชอบค่ะ ชอบมากเลย!’ แต่เธอกลับแค่ยิ้ม...แล้วหลบตาเขาไม่พูดอะไรอีก เพียงแต่นั่งนิ่ง ๆ อยู่ตรงนั้น เหม
หลังจากที่ข้าวหอมก้าวขึ้นเบาะข้างคนขับ เธอก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศเย็นเยียบที่ปกคลุมอยู่ภายในรถ ไม่ใช่เพราะเครื่องปรับอากาศ แต่เป็นเพราะความเงียบของคนขับที่นั่งอยู่ข้าง ๆ‘เขามาได้ยังไง ทั้งที่อ่านข้อความแล้วไม่ตอบ...อยู่ ๆ ก็โผล่มา?’คำถามนั้นวนเวียนอยู่ในหัวข้าวหอมไม่หยุด เธอหันไปมองเขาแวบหนึ่งก่อนจะรีบหันกลับมาอย่างรวดเร็ว ไม่มีแม้แต่เสียงเพลง มีเพียงเสียงเครื่องยนต์และเสียงลมหายใจหนัก ๆ ของเขารถแล่นด้วยความเร็ว 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง — เร็วและแรงเหมือนกับความรู้สึกที่เดือดปุด ๆ อยู่ในใจของเขา เธอไม่เคยเห็นเขาในสภาพนี้มาก่อน...นิ่งเงียบเกินไป ราวกับเป็นคนแปลกหน้าคนหนึ่ง‘เขา...กำลังโกรธใช่ไหม?’‘หรือ...เขาแค่เมา?’ข้าวหอมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก หัวใจเต้นระรัว ทั้งหวั่น ทั้งสับสน ทั้งกลัวเขาไม่แม้แต่จะมองเธอ ไม่พูด ไม่ถาม ไม่อธิบาย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เขาคือคนที่ขี้เล่น อารมณ์ดี ความเงียบในรถหนักหน่วงจนแทบหายใจไม่ออก เธอกำลังจะเอ่ยปากถามอะไรสักอย่าง ทว่าในจังหวะนั้นเอง เสียงเบรกรถจากรถตู้คันสีดำที่ขับตามมาอย่างกระชั้นชิดทางด้านหลังดังขึ้น ทำให้เธอสะดุ้งเฮือกดวงตาคู่สวยเบิกกว้า