Share

บทที่ 7

Author: กระจ่างแจ้ง
เซียวเยี่ยนมาเยือนสกุลเฉียนอย่างกะทันหัน ทำให้คนทั้งสกุลเฉียนราวกับเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ

หัวใจของเฉียนเป่าคุนกระตุก ในวินาทีที่ได้ยินรายงาน ในหัวของเขาก็ทบทวนเรื่องราวทั้งหมดที่ทำไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ คิดว่าบิดา พี่น้อง บุตรชาย หรือญาติพี่น้องของตนเองได้ไปล่วงเกินเทพหายนะองค์นี้หรือไม่ หรือตัวเขาได้ไปล่วงเกินอะไรเขาในราชสำนักหรือเปล่า

เขาทิ้งแขกเหรื่อในงานเลี้ยงแล้วรีบออกไปต้อนรับ เมื่อเห็นว่าข้างกายของเซียวเยี่ยนไม่มีองครักษ์เกราะดำ และได้ยินว่าเขาพาคนมาตามหาพระชายาเฉิง

เฉียนเป่าคุนถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

ยังดี ๆ ไม่ได้มาตรวจค้นยึดทรัพย์...

ทำเอาเขาตกใจแทบแย่

หลังจากเชิญเซียวเยี่ยนเข้าไปแล้ว ห้องโถงด้านหน้าที่เดิมทีคึกคักก็เงียบสงัดลงทันที หากไม่ใช่เพราะยังแขวนผ้าไหมสีแดงและติดอักษรมงคลอยู่ บรรยากาศนั้นไม่เหมือนกับกำลังจัดงานมงคลเลยแม้แต่น้อย

เซียวเยี่ยนเดินไปนั่งลงบนที่นั่งประธานอย่างเป็นธรรมชาติ “วันนี้ไม่ได้มาปฏิบัติราชการ พวกท่านไม่ต้องตื่นตระหนก”

ไม่ได้มาปฏิบัติราชการ?

กลุ่มคนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

“ได้ยินว่าในจวนของใต้เท้าเฉียนมีงานมงคล เดิมทีข้าไม่ควรจะมารบกวน แต่บังเอิญไปเจอเรื่องแปลกประหลาดที่ภูเขาเชวี่ยเข้า คิดจะทำความดีสักครั้ง เลยแวะมาเสียหน่อย”

ทุกคน ณ ที่นั้น “...”

ท่านผู้นี้ยังจะทำความดีอีกหรือ?

เซียวเยี่ยนทำราวกับไม่เห็นความประหลาดใจในสายตาของทุกคน เพียงแค่กล่าวต่อไปว่า “เมื่อวานข้าขึ้นภูเขาเชวี่ยไปทำธุระ ขากลับตอนกลางคืนเก็บแม่นางน้อยคนหนึ่งได้จากในเขา”

“เด็กสาวผู้นั้นหลงทางอยู่ท่ามกลางสายฝนบนภูเขาเพียงลำพัง ต่อมาม้าก็ตื่นตกใจจนนางกลิ้งตกหน้าผาไป โชคดีที่ข้าช่วยไว้ได้ นาน ๆ ทีข้าจะได้สร้างบุญกุศลสักหน่อย เลยคิดว่าในเมื่อช่วยแล้วก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด จึงพานางกลับมาที่เมืองหลวง”

เซี่ยอิ๋นที่ได้ยินว่าเซียวเยี่ยนมาแล้วจึงตามมาดูด้วยความสงสัย พอได้ฟังก็ใจหายวาบ ส่วนซ่งซูหลานที่เดิมทีขอบตายังแดงก่ำและเต็มไปด้วยความน้อยใจ ก็พลอยตื่นตระหนกไปด้วย

ภูเขาเชวี่ย...

นั่นไม่ใช่...

“พระชายาเฉิง เด็กสาวคนนั้นบอกว่าเป็นคุณหนูสกุลซ่ง หลังจากฟื้นจากอาการหมดสติก็ร้องไห้บอกว่าอยากจะพบท่าน”

พระชายาเฉิงที่เดิมทีกำลังดูเรื่องสนุกอยู่ก็พลันเปลี่ยนสีหน้า

คุณหนูสกุลซ่ง?

ถังหนิง?!

นางรีบเดินออกมาข้างหน้าแล้วกล่าวอย่างร้อนรน “ใช่ถังหนิงหรือไม่? นางเป็นอะไรไป? นางอยู่ที่ไหน?”

“ท่านน้า...”

เสียงแหบพร่าแผ่วเบาดังมาจากนอกห้องโถง ทุกคนที่อยู่ข้างในหันหน้าไปมองทางนั้นโดยไม่รู้ตัว ก็เห็นคนผู้หนึ่งกำลังเข็นรถสี่ล้อเข้ามา บนนั้นมีสตรีผู้หนึ่งนั่งอยู่ สภาพน่าเวทนาอย่างยิ่ง

บนร่างของเด็กสาวคนนั้นคลุมด้วยเสื้อคลุมขนสัตว์ตัวหนา ๆ ยาว ๆ ใบหน้าที่เดิมทีงดงามนั้น บัดนี้ซีดขาวราวกับกระดาษ ครึ่งหน้าผากและแก้มด้านข้างเต็มไปด้วยรอยขีดข่วน

เสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกบนตัวนางปกปิดลงมาจนถึงคาง ขนสุนัขจิ้งจอกสีน้ำตาลเข้มขับเน้นให้ริมฝีปากของนางขาวจนน่ากลัว ขาของนางถูกคลุมไว้ใต้ขนสัตว์หนา ๆ มือที่วางอยู่บนตักแม้จะถูกพันด้วยผ้าพันแผลก็ยังเห็นเลือดซึมออกมา

สภาพเช่นนั้นแม้จะได้รับการดูแลมาแล้ว ก็ยังดูน่าเวทนาอย่างยิ่ง

“ถังหนิง!”

พระชายาเฉิงตกใจอย่างยิ่ง “เจ้าเป็นอะไรไป เหตุใดถึงกลายเป็นเช่นนี้?”

“ท่านน้า...”

เด็กที่พลัดพรากไปนานได้พบกับญาติสนิท ซ่งถังหนิงเห็นพระชายาเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา

พระชายาเฉิงร้อนใจ นางลนลานอยากจะช่วยเช็ดน้ำตาให้ซ่งถังหนิง แต่ก็กลัวจะไปโดนแผลของนาง ทว่าซ่งถังหนิงกลับไม่สนใจสิ่งใด โผเข้าไปในอ้อมกอดของนาง กอดเอวของนางไว้แล้วร้องไห้จนหายใจไม่ทัน

ท่านน้ายังไม่ตาย

นางยังคงมีชีวิตอยู่...

พระชายาเฉิงถูกนางร้องไห้ใส่จนขอบตาแดงก่ำไปด้วย ทั้งปลอบทั้งตบหลังนางเบา ๆ ก้มลงกอดเด็กสาวในอ้อมแขนแล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เมื่อวานเป็นวันครบรอบวันตายของแม่เจ้า เจ้าไม่ได้ไปไหว้พระที่วัดหลิงอวิ๋นหรอกหรือ เหตุใดถึงไปอยู่ในเขาคนเดียวได้?”

ซ่งถังหนิงสะอื้น “เป็นท่านพี่กับพี่ชายที่ทิ้งข้าไว้ในเขา...”

ทั้งห้องโถงฮือฮา พระชายาเฉิงหันไปมองเซี่ยอิ๋นอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“ข้าไม่ได้ทำ!”

ใบหน้าของเซี่ยอิ๋นซีดเผือด

ซ่งถังหนิงซบอยู่ในอ้อมแขนนางแล้วเอ่ยเสียงสั่น “ข้าไปไหว้พระที่วัดหลิงอวิ๋น ท่านพี่ พี่ชาย และพี่ลู่ก็ไปด้วย พวกเขายังพาซ่งซูหลานไปด้วย”

“ข้าไม่ชอบให้นางไปรบกวนท่านแม่ จึงไปไหว้พระให้ท่านแม่คนเดียว แต่ซ่งซูหลานกลับแอบตามไปทำตะเกียงนิรันดร์ของท่านแม่ตกแตก ข้าโมโหมากเลยพลั้งมือตบหน้านางไปฉาดหนึ่ง”

“ท่านพี่บังคับให้ข้ายอมรับผิด ข้าไม่ยอม พวกเขา... พวกเขาก็เลยทิ้งข้าไว้ในเขา”

นางก้มหน้าซบอยู่ที่ท้องน้อยของพระชายาเฉิง ร้องไห้จนแทบหายใจไม่ทัน

“ในป่านั่นหนาวมาก ข้ากลัวเหลือเกิน...”

“ข้าตะโกนเรียกท่านพี่พวกเขาสุดเสียง บอกว่าข้าผิดไปแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่สนใจข้าเลย...”

“...ข้าหาทางกลับไม่เจอ และไม่รู้ว่าจะกลับไปที่วัดได้อย่างไร...”

เสียงที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวของเด็กสาวดังก้องอยู่ในห้องโถง เสียงร้องไห้นั้นราวกับจะทำให้คนได้สัมผัสถึงความสิ้นหวังของนาง

แม้จะไม่ได้เห็นด้วยตาตนเอง แต่เหล่าฮูหยินและคุณหนูที่ใจอ่อนบางคนก็ขอบตาแดงก่ำ แม้แต่บุรุษที่ปกติใจแข็ง ก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึก ๆ ด้วยความตกตะลึง

ภูเขาเชวี่ยคือที่ไหนกัน?

นอกจากบริเวณใกล้วัดหลิงอวิ๋นและภูเขาด้านหน้าที่มีบ้านคนอยู่ไม่กี่หลัง ภูเขาด้านหลังส่วนใหญ่ล้วนเป็นป่ารกร้าง

คุณชายตระกูลสูงศักดิ์ในเมืองหลวงบางคนไปล่าสัตว์ในฤดูใบไม้ผลิ ยังสามารถเจอหมีและหมาป่าในเขานั้นได้เลย และบนภูเขาเชวี่ยที่เพิ่งจะเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ หิมะก็ยังไม่ละลายดี

นี่ต้องมีความแค้นใหญ่หลวงเพียงใด ถึงได้ทิ้งเด็กสาวคนหนึ่งไว้บนภูเขา?

เซียวเยี่ยนฟังเสียงร้องไห้ของเด็กสาว สายตาฉายแววเยือกเย็น

“ตอนที่ข้าเก็บแม่นางน้อยซ่งได้ นางตกเขาจนขาบาดเจ็บเกือบจะเสียชีวิต เห็นนางบาดเจ็บไปทั้งตัวและหมดสติไม่ฟื้น ทั้งยังละเมอเรียกหาท่านพี่ พี่ชายอะไรนั่น ทั้งยังเอ่ยถึงสกุลลู่ ข้าจึงพานางกลับมาพักที่จวนชานเมืองหนึ่งคืน”

ไม่มีใครสงสัยว่าเซียวเยี่ยนที่เป็นขันทีจะทำอะไรกับซ่งถังหนิงได้ แต่เมื่อสิ้นเสียงของเขา

ปลายนิ้วที่เรียวแกร่งก็เคาะลงบนโต๊ะข้างกายเบา ๆ แต่กลับเหมือนก้อนหินที่ทุบลงบนหัวใจของใครบางคน

พระชายาเฉิงโกรธจนตัวสั่น

นางคลายอ้อมกอดจากซ่งถังหนิงแล้วเดินไปหาเซี่ยอิ๋นทีละก้าว คนรอบข้างรีบหลบไปทันที มองไปที่เซี่ยอิ๋นด้วยสายตาที่แตกต่างกันไป

“เจ้าเป็นคนทำใช่หรือไม่?”

“ท่านแม่...”

“ข้าถามว่าเจ้าเป็นคนทำใช่หรือไม่ เจ้าทิ้งถังหนิงไปหรือ?”

“ข้าไม่ได้ทำ!”

เซี่ยอิ๋นในใจร้อนรน รีบอธิบายด้วยความกระวนกระวาย

“ข้าไม่ได้ทิ้งนาง เป็นนางที่จงใจหาเรื่องซูหลาน ทั้งยังพูดจาไร้สาระอีก ข้ากับพวกพี่จิ่นซิวแค่ต้องการให้นางรู้จักควบคุมตัวเองบ้าง จะได้ไม่ทำลายชื่อเสียงของตัวเอง พวกเราแค่ให้นางกลับไปสำนึกผิดที่วัดหลิงอวิ๋นเท่านั้น”

“ท่านแม่เชื่อข้าเถิด ที่นั่นอยู่ไม่ไกลจากวัดหลิงอวิ๋นเลย เดินไปไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว ข้าไม่คิดว่านางจะเกิดเรื่อง...”

“เพียะ!!”

พระชายาเฉิงตบหน้าเซี่ยอิ๋นอย่างแรง

“ท่านแม่...”

“เพียะ!”

ตบอีกฉาดหนึ่ง พระชายาเฉิงแทบจะใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี “เจ้าคิดว่านางจะไม่เกิดเรื่อง แล้วเหตุใดนางถึงกลายเป็นสภาพเช่นนี้?”

“ข้า...” เซี่ยอิ๋นหดตัวด้วยความหวาดกลัว

“ถังหนิงเป็นน้องสาวของเจ้า เป็นสายเลือดเพียงคนเดียวของน้าเจ้า เจ้ากล้าทำกับนางเช่นนี้ได้อย่างไร?!”

พระชายาเฉิงโกรธจนตาแดงก่ำ

“เจ้าบอกว่าถังหนิงพูดจาไร้สาระ เหตุใดไม่บอกว่าเป็นพวกเจ้าที่โง่เง่าก่อน”

“เมื่อวานเป็นวันครบรอบวันตายของน้าเจ้า นางกับซ่งซีรักกันมากแค่ไหนเจ้าไม่รู้หรือ เจ้ายังจะพาบุตรอนุภรรยาไปให้ขวางหูขวางตานางอีก? เจ้าบอกว่าถังหนิงหาเรื่องบุตรอนุภรรยาคนนั้น ถ้านางอยากจะหาเรื่องจริง ๆ ตอนแรกบุตรอนุภรรยาคนนั้นก็ไม่ได้กลับเข้าสกุลซ่งหรอก!”

“นางสารเลวเสแสร้งเพียงเล็กน้อย ก็หลอกให้เจ้าไร้หัวใจจนยอมทิ้งน้องสาวของตนเองได้ ข้าให้กำเนิดเจ้าที่โง่เง่าไร้สมองแถมยังใจคอโหดเหี้ยมเช่นนี้ได้อย่างไร?!”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ยามบุปผางามผลิบานทั้งใจ   บทที่ 80

    สีเลือดบนใบหน้าของผู้ตรวจการเหอพลันจางหายไปในพริบตาเซียวเยี่ยนหัวเราะเยาะออกมา “ข้าทราบดีในอดีตเพื่อกวาดล้างราชสำนักแทนฝ่าบาท ข้าได้ทำให้ผลประโยชน์ของผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องสั่นคลอน และรู้ด้วยว่ามีคนบางส่วนไม่พอใจที่ข้าได้ถืออำนาจควบคุมองครักษ์เกราะดำกำราบผู้ที่มีใจคิดกบฏให้สิ้นแทนฝ่าบาท ทว่าข้ากลับไม่คาดคิดเลยสักนิดว่า คนของฝ่ายตรวจการที่ได้ชื่อว่าซื่อตรงไม่ยอมโอนอ่อนก็เป็นพวกเหลวไหลจับแต่ลมคว้าแต่เงาเหมือนกัน”“ใต้เท้าเหอไม่มีหลักฐานแม้เพียงสักนิดก็คิดจะกล่าวหาว่าร้ายข้าแล้ว มิหนำซ้ำยังหยิบยกเหตุผลน่าขบขันที่สุดมาโจมตีข้าอีก ท่านไม่พอใจที่เมื่อก่อนข้าลงมือแทนฝ่าบาท หรือไม่พอใจที่ฝ่าบาทให้ข้ารับผิดชอบตำแหน่งหัวหน้าของคณะองคมนตรี ดังนั้นถึงได้ยอมละทิ้งชื่อเสียงอันบริสุทธิ์หมดจดของผู้ตรวจการเพื่อจะได้ทำลายข้า?”สีหน้าของฮ่องเต้อันพลันเย็นเยียบลงทันใดผู้ตรวจการเหอมีเหงื่อเย็นผุดพรายเป็นสาย เข่าสองข้างอ่อนยวบทรุดลงกับพื้นทันที “ฝ่าบาทโปรดวินิจฉัยอย่างถี่ถ้วนเที่ยงธรรม กระหม่อมหาได้มีเจตนาเห็นแก่ตัวแม้แต่น้อย กระหม่อมเพียงแค่ปฏิบัติตามหน้าที่ของผู้ตรวจการอย่างเคร่งครัดก็เท่านั้นพ่ะย่ะค

  • ยามบุปผางามผลิบานทั้งใจ   บทที่ 79

    ผู้ตรวจการเหอหน้าแดงก่ำ “เจ้าเล่นลิ้นเล่นสำนวน ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งคนนั้นก็แค่ไปเยี่ยมคุณหนูของนาง…”“วิธีการเยี่ยมของท่านคือการโจมตีใบหน้าอีกฝ่ายให้เสียโฉม ตีอีกฝ่ายจนสลบ หรือว่าทุบตีอีกฝ่ายจนกระอักเลือดล้มป่วยไม่ฟื้น?”ประโยคเดียวของเซียวเยี่ยนตอกหน้าจนคนผู้นั้นสะอึกไป“อย่าว่าแต่เรือนหลังนั้นข้ายังมิได้โอนมอบให้แม่นางน้อยซ่งเลยด้วยซ้ำ การที่คนสกุลซ่งบุกเข้ามาย่อมมีความผิด หรือต่อให้ข้าจะมอบเรือนให้แม่นางน้อยซ่งแล้วก็จริง ข้าในฐานะหัวหน้าสำนักองคมนตรีฝ่ายใน เห็นคนบุกเข้าเรือนผู้อื่นทำร้ายร่างกายอย่างโหดเหี้ยมต่อหน้าต่อตา หนำซ้ำยังได้ยินเสียงคนร้องขอความช่วยเหลือมาจากในจวนแล้ว จะต้องนิ่งดูดายทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอย่างนั้นหรือ?”ผู้ตรวจการเหอหน้าแดงหน้าขาว ตะคอกเสียงดังออกมาด้วยโทสะ “แบบนั้นจะไปเทียบกันได้อย่างไร ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งก็แค่สั่งสอนผู้น้อยในจวนเท่านั้น”“ที่แท้ผู้ตรวจการเหอก็สั่งสอนบุตรหลานด้วยการทุบตีหวังให้ตายคาที่อย่างนั้นเองหรือ?”“เจ้า!” ผู้ตรวจการเหอถูกตอกหน้าหงายก็ตะคอกขึ้นด้วยโทสะ “เจ้าจงใจบ่ายเบี่ยงเลี่ยงประเด็น ต่อให้ตัดประเด็นที่ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งกับแม่นางน้อยซ่งคนนั้

  • ยามบุปผางามผลิบานทั้งใจ   บทที่ 78

    ภายในจวนถังที่ตรอกจีอวิ๋น ถังหนิงกำลังหลับใหลอย่างสงบ โดยที่ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าด้านนอกมีคนกำลังโต้เถียงกันเพราะนาง ทว่าราชสำนักในห้วงความฝันของนางบัดนี้ กลับกำลังวุ่นวายโกลาหล ราวหม้อน้ำมันเดือดภายในราชสำนักการยื่นฎีกาไม่ไว้วางใจระลอกที่สองดูจะรุนแรงกว่าที่พวกซ่งหงคิดเอาไว้มาก ครั้งนี้มิเพียงหัวหน้าผู้ตรวจการแผ่นดินเฉาเต๋อเจียง แม้แต่ขุนนางระดับมุขมนตรีสามสำนักทั้งสำนักราชเลขาธิการ สำนักอัครเสนาบดี และสำนักสนองราชโองการก็ทยอยกันออกมายื่นฎีกาไม่ไว้วางใจเช่นกัน ถ้อยคำรุนแรงในท้องพระโรงนั้น ทำให้ชื่อเสียงและเกียรติยศที่สะสมมาหลายปีของซ่งหงพ่อลูกพังทลายลงเพียงชั่วข้ามคืนเพื่อให้สมน้ำสมเนื้อ เรื่องที่เซียวเยี่ยนทำร้ายร่างกายสตรีบรรดาศักดิ์เก้ามิ่งในราชสำนัก แอบอ้างสิทธิ์สำนักแพทย์หลวง ใช้อำนาจองครักษ์เกราะดำบีบบังคับหอโอสถในเมืองหลวง และทำตัวกร่างข่มเหงรังแกผู้คนในเมือง ก็ถูกลู่ฉงหยวนหัวหน้าสำนักราชเลขาธิการและพรรคพวกจับเป็นความผิดไม่ปล่อยเช่นกัน“เป็นเพราะสกุลซ่งเป็นฝ่ายกระทำความผิดก่อน บุกเข้าตรอกจีอวิ๋นมาทำร้ายร่างกายผู้อื่นก่อน…”“นั่นก็มิใช่เหตุผลสมควรให้เขาทำร้ายร่างกายสตรีบรร

  • ยามบุปผางามผลิบานทั้งใจ   บทที่ 77

    พระชายาเฉิงจะไปขอความช่วยเหลือจากเขาได้อย่างไร?เซียวเยี่ยนได้ฟังถ้อยคำของจิ้นอวิ๋นก็เอ่ยด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “มีความแค้นอย่างนั้นหรือ?”“ใช่ขอรับ”เซียวเยี่ยนหัวเราะออกมาเบา ๆจิ้นอวิ๋นยืนอยู่ด้านข้างสีหน้าพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าประโยคไหนของตนเองทำให้ท่านหัวหน้าขบขันขึ้นมาได้ ขณะที่เขาถือเสื้อคลุมเดินตามหลังเซียวเยี่ยนออกไปด้านนอก ก็ถามขึ้นด้วยเสียงเบาหวิว “เช่นนั้นแล้วเรื่องของสกุลซ่งนี้พวกเราต้องออกมือด้วยหรือไม่ขอรับ?”“ไม่ต้อง”หากเรื่องแค่นี้กู้เฮ่อเหลียนยังสืบไม่ได้ ก็เสียแรงที่ได้ชื่อว่าเป็นเทพไฉ่เสิ่งเอี้ยแล้วรถม้าเคลื่อนมาหยุดหน้าประตูจวนแล้ว ตอนที่เซียวเยี่ยนก้าวออกไปสายตาก็เหลือบไปมองเรือนข้าง ๆ ที่ยังคงมืดสนิทเหมือนเคย พอนึกถึงเมื่อวานตอนบ่ายที่แม่นางน้อยฟังเขาเล่าเรื่องราวน่าสนุกในราชสำนักให้ฟัง จนเผลอฟุบหลับไปบนโต๊ะแล้วยังส่งเสียงออกมาเบา ๆ เหมือนแมวน้อยแบบนั้น แววตาของเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มขึ้นมา“อีกเดี๋ยวจงให้คนไปที่ตลาดเลือกคนที่ชาติกำเนิดสะอาดไร้มลทินส่งไปที่จวนถัง แล้วหาสตรีที่เรียบร้อยเชื่อฟังในเรือนของขุนนางต้องโทษมาสักสองสามคน ส่งไปปรนนิ

  • ยามบุปผางามผลิบานทั้งใจ   บทที่ 76

    เจี่ยงหมอมอตื่นตระหนกตกใจ “พระชายาเพคะโปรดระงับอารมณ์อย่าคิดมากวิตกกังวลไปก่อนเลยเพคะ ท่านอ๋องอาจเพราะเกิดความเกรงกลัวในใจ ไม่แน่ว่าท่านอ๋องอาจจะกลัวว่าหากคุณหนูขัดแย้งกับสกุลซ่งมากเกินไปจะทำให้ชื่อเสียงของนางเสื่อมเสีย กลัวว่าหากสกุลซ่งก่อเรื่องวุ่นวายขึ้นมาแล้วคุณหนูจะถูกคนสกุลลู่รังเกียจ”“ไหนจะมีไท่เฟยผู้เฒ่าด้วยอีกคนเพคะ ไท่เฟยผู้เฒ่าเองก็ทรงขุ่นเคืองมาตลอดที่พระชายารักและสงสารคุณหนูมากเกินไป ท่านอ๋องเองก็อาจเป็นเพราะกังวลว่าพระชายาจะทำให้ไท่เฟยผู้เฒ่าไม่พอใจ กลัวว่าหากเกิดเรื่องอะไรกับสกุลซ่งขึ้นมาจริง ๆ อาจพัวพันมาถึงท่านและคุณหนูได้…”นางพยายามหาข้ออ้างอย่างสุดชีวิต เพื่อจะบอกว่าเฉิงอ๋องมิได้ตั้งใจ ทว่าพระชายาเฉิงกลับไม่ฟังแม้แต่ประโยคเดียว“พวกข้าเป็นสามีภรรยากันมาสิบกว่าปี เขาจะมีความกังวลใจใดที่มิอาจบอกข้า?”“โกหกก็คือโกหก ต่อให้เหตุผลจะมีมากแค่ไหนสุดท้ายทั้งหมดก็คือข้ออ้าง”“เรื่องอื่นข้ายังพอมองข้ามไม่คิดเล็กคิดน้อยได้ ทว่าเขารู้อยู่แก่ใจว่าสกุลซ่งรังแกถังหนิงอย่างไร รู้อยู่แก่ใจว่าเขาทำลายชื่อเสียงความรักใคร่ปรองดองของพี่หญิงและพี่เขยของข้าอย่างไร แล้วก็รู้ทั้งรู้ว่า

  • ยามบุปผางามผลิบานทั้งใจ   บทที่ 75

    เฉิงอ๋องโอบกอดพระชายาไว้พลางปลอบประโลมอย่างอ่อนโยนพระชายาเฉิงเอนกายซบลงบนไหล่ของเขา “ท่านอ๋อง คนที่ท่านส่งไปที่อันโจวส่งข่าวกลับมาบ้างหรือยังเพคะ สืบเรื่องของซ่งซูหลานมาได้บ้างหรือไม่เพคะ?”เฉิงอ๋องชะงักมือไปเล็กน้อย ก่อนจะลูบแผ่นหลังของนางต่อไปอย่างแผ่วเบา “จะรวดเร็วปานนั้นได้อย่างไร ระยะห่างระหว่างอันโจวกับเมืองหลวงต้องใช้เวลาตั้งหลายวัน หลังจากไปถึงแล้วยังต้องคิดหาวิธีสืบถามอีก เรื่องราวเหล่านี้พอสืบมาได้ความตามสมควรแล้ว ต่อให้ใช้ม้าเร็วไปกลับก็ยังต้องใช้เวลากว่าครึ่งค่อนเดือนเชียว ข้าว่าเรื่องนี้เจ้าน่าจะคิดมากไปเอง”“สกุลซ่งก็มิใช่พวกเสียสติ พวกเขาจะเอาสตรีไม่รู้หัวนอนปลายเท้าเข้ามาปะปนในสายเลือดของจวนกั๋วกงได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นบุตรีอนุนอกเรือนคนนั้นโฉมหน้าก็พอจะคล้ายคลึงคนสกุลซ่งอยู่บ้าง”“ถังหนิงเองก็เพราะบาดหมางกับสกุลซ่งถึงได้จิตฟุ้งซ่านคิดมากไปเอง เจ้าเองก็ปล่อยให้นางก่อเรื่องวุ่นวาย แม้ข้าจะตกปากรับคำว่าส่งคนไปสืบแล้วก็จริง แต่เรื่องนี้ก็ไม่ควรเปิดเผยเป็นการใหญ่ มิเช่นนั้นหากสืบแล้วไม่พบอะไรขึ้นมา แล้วคนนอกรู้ว่าถังหนิงกล้าสอดปากสอดคำขัดแย้งกับผู้ใหญ่ในจวนขึ้นมา เกร

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status