Share

บทที่ 6

Author: กระจ่างแจ้ง
รถม้าสี่ล้อที่ปูด้วยเบาะรองนั่งหนานุ่มนั้นกว้างขวางอย่างยิ่ง ในรถยังมีโต๊ะยาวตั้งอยู่

เดิมทีซ่งถังหนิงยังกังวลว่าเซียวเยี่ยนจะหาเรื่องนาง หรือเยาะเย้ยนางที่บังอาจกำเริบเสิบสาน แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากที่เขาขึ้นรถมาแล้ว ก็พิงตัวอยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วงีบหลับไป

เมื่อบุรุษผู้นั้นหลับตา เส้นสายบนใบหน้าก็อ่อนโยนลง ใบหน้าที่ขาวซีดเย็นชานั้นจมลงไปในแสงและเงาที่สั่นไหว ราวกับหยกเย็นที่ตกลงไปในน้ำอุ่น สลายความเยือกเย็นอันน่าเกรงขามที่บีบคั้นจิตใจผู้คนไปจนหมดสิ้น

ในใจของนางค่อย ๆ ผ่อนคลายลง อดไม่ได้ที่จะหันหน้าไปเปิดม่านข้างตัว

ภูเขาเชวี่ยอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวง จวนของเซียวเยี่ยนก็ตั้งอยู่ที่ชานเมือง

ต้นวสันต์ดอกท้อยังไม่บาน ดอกเหมยก็ร่วงโรยไปแล้ว ทุ่งนาโดยรอบที่ถูกหิมะทับถมอยู่จึงไม่มีทิวทัศน์ที่งดงามเท่าใดนัก ลมเย็นที่พัดปะทะใบหน้าจนรู้สึกหนาวสะท้าน แต่สำหรับถังหนิงที่ไม่ได้เห็นโลกภายนอกมานาน กลับสูดหายใจรับเอากลิ่นอายแห่งอิสรภาพเข้าไปอย่างตะกละตะกลาม

เมื่อรถม้าสี่ล้อเข้าสู่ประตูเมืองตะวันออก ผู้คนรอบข้างก็เริ่มมีมากขึ้น

เสียงผู้คนจอแจที่ค่อย ๆ ดังขึ้น และเสียงร้องขายของที่ดังมาเป็นครั้งคราว ล้วนทำให้นางรู้สึกอย่างแท้จริงว่าตนเองได้กลับมาแล้วจริง ๆ

รถม้ามาถึงหน้าจวนเฉิงอ๋อง แต่กลับได้ความว่าพระชายาเฉิงไปร่วมงานเลี้ยงที่จวนเสนาบดีกรมการคลัง

ชางลั่งยืนอยู่ข้างนอกแล้วกล่าวว่า “วันนี้บุตรชายคนที่สามสกุลเฉียนแต่งงาน พระชายาเฉิงจึงไปร่วมงานเลี้ยง ได้ยินว่าเซี่ยซื่อจื่อก็ไปด้วยขอรับ...”

“จะเข้าไปรอพวกเขาหรือไม่?” เซียวเยี่ยนมองไปที่ซ่งถังหนิง

ซ่งถังหนิงกัดริมฝีปากเบา ๆ นางถูกทิ้งไว้ที่ภูเขาเชวี่ยจนเกือบตาย แต่เซี่ยอิ๋นกลับไปร่วมงานเลี้ยงอย่างมีความสุข “ไม่ ไปที่สกุลเฉียนโดยตรงเลย!”

......

เฉียนเป่าคุนเสนาบดีกรมการคลังมาจากตระกูลใหญ่ในหลิ่งหนาน แม้จะไม่มีรากฐานลึกซึ้งเท่าสกุลชุยและสกุลลู่ในเมืองหลวง แต่ในวัยสี่สิบปีก็สามารถนั่งในตำแหน่งสูงสุดของกรมคลังได้อย่างมั่นคง กุมตำแหน่งสำคัญด้านการเงินของราชสำนักมานานสิบปีโดยไม่เคยสั่นคลอน แค่ความสามารถนี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้คนทั้งเมืองหลวงยอมผูกมิตรด้วยแล้ว

บุตรชายคนที่สามในจวนเขาแต่งงานกับบุตรภรรยาเอกของจวนเอินหย่วนปั๋ว ซึ่งก็เป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงและอิทธิพลเช่นกัน ในเวลานี้จวนสกุลเฉียนเต็มไปด้วยแขกเหรื่อ คึกคักอย่างยิ่ง

พระชายาเฉิงและคนอื่น ๆ กำลังนั่งอยู่ในศาลาแปดเหลี่ยมที่แขวนม่าน พูดคุยถึงงานมงคลอันดีงามของสกุลเฉียนอย่างยิ้มแย้ม ก็เห็นกลุ่มหนุ่มสาวที่กำลังพูดคุยหัวเราะกันเดินมาแต่ไกล

“นั่นไม่ใช่เซี่ยซื่อจื่อหรอกหรือ?”

ฮูหยินเหวินซิ่นโหวแห่งสกุลโจวซึ่งสนิทกับพระชายาเฉิงกล่าวขึ้นอย่างยิ้มแย้ม “สตรีที่อยู่ข้างกายเซี่ยซื่อจื่อดูไม่คุ้นหน้าเลย หรือว่าจะมีข่าวดีในเร็ว ๆ นี้?”

พระชายาเฉิงเหลือบมองตามสายตาของนาง ทันใดนั้นก็แสดงสีหน้าขยะแขยงออกมา “อย่าพูดให้ข้ารู้สึกอัปมงคลเลย แค่บุตรอนุภรรยาที่น่าอับอายขายหน้าคนหนึ่ง”

“บุตรอนุภรรยาหรือ?”

ฮูหยินเหวินซิ่นโหวรู้สึกประหลาดใจ “คงไม่ใช่คนของสกุลซ่งคนนั้นกระมัง?”

คำพูดนี้หลุดออกมา สีหน้าของพระชายาเฉิงก็ดำคล้ำขึ้นมาทันที

ใคร ๆ ก็รู้ว่าพี่สาวคนโตของพระชายาเฉิงแต่งเข้าจวนซ่งกั๋วกง และรักใคร่กับซ่งซีคุณชายรองแห่งสกุลซ่งอย่างยิ่ง

นางหรงผู้นั้นหลังจากให้กำเนิดบุตรสาวคนหนึ่งร่างกายก็ได้รับบาดเจ็บจนตั้งครรภ์อีกได้ยาก นายท่านรองซ่งผู้สง่างามกลับปฏิเสธที่จะรับอนุภรรยา เฝ้าอยู่กับนางหรงเพียงคนเดียว

หลังจากที่ทั้งสองคนเสียชีวิตไปก่อนวัยอันควร ผู้คนมากมายต่างทอดถอนใจให้กับความรักอันลึกซึ้งของพวกเขา เมื่อเอ่ยถึงทีไร ใคร ๆ ก็ต้องบอกว่าพวกเขารักใคร่ผูกพันกันอย่างแนบแน่น แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่นานมานี้ สกุลซ่งกลับมีบุตรอนุภรรยาเพิ่มขึ้นมาคนหนึ่ง บอกว่าเป็นสายเลือดของนายท่านรองซ่งที่เสียชีวิตไปนานแล้ว

เรื่องนี้ในเมืองหลวงนับเป็นเรื่องแปลกประหลาดอย่างยิ่ง ตอนแรกผู้คนมากมายต่างชื่นชมในความรักมั่นคงของนายท่านรองซ่ง แต่พอเกิดเรื่องนี้ขึ้นก็มีคนมากมายเยาะเย้ย

ตอนนั้นทุกคนคิดว่าสกุลซ่งจะเก็บซ่อนบุตรอนุภรรยาคนนั้นไว้ในจวนเพื่อปิดบังความอับอาย แต่ใครจะคิดว่าคุณชายผู้สูงศักดิ์ของสกุลซ่งกลับพาบุตรอนุภรรยาคนนั้นไปร่วมงานเลี้ยงหลายต่อหลายครั้ง

เขาพบใครก็บอกว่านั่นคือคุณหนูสกุลซ่ง ฝากฝังให้คนช่วยดูแลนาง คำพูดเต็มไปด้วยความรักใคร่เอ็นดู ไม่กี่วันก็ทำให้ทั้งเมืองหลวงรู้ว่า เขามีน้องสาวต่างเรือนที่เป็นบุตรอนุภรรยาเพิ่มขึ้นมาอีกคน

มาวันนี้กลับเห็นว่า เซี่ยซื่อจื่อแห่งจวนเฉิงอ๋องผู้นี้ก็สนิทสนมกับบุตรอนุภรรยาคนนั้นด้วย?

เซี่ยอิ๋นและคนอื่น ๆ ก็สังเกตเห็นทางฝั่งพระชายาเฉิงพวกนางเช่นกัน ทุกคนจึงเดินเข้ามา

“ท่านแม่”

เซี่ยอิ๋นมีรูปโฉมหล่อเหลา ยิ้มแย้มสดใสสมวัยหนุ่ม

คนอื่น ๆ ต่างคารวะทีละคน “คารวะพระชายาเฉิง”

เซี่ยอิ๋นเห็นซ่งซูหลานยืนอยู่ข้าง ๆ อย่างทำอะไรไม่ถูก ราวกับไม่รู้จักคนที่อยู่ตรงหน้า จึงช่วยแก้สถานการณ์ให้นางด้วยความสงสาร

“ซูหลาน นี่คือพระชายาเฉิงท่านแม่ของข้า ท่านนี้คือฮูหยินเหวินซิ่นโหว ท่านแม่ของข้าก็นับเป็นท่านน้าของเจ้า ไม่ต้องเกร็งไปหรอก”

ซ่งซูหลานเดินไปข้างหน้าอย่างเขินอาย “ซูหลานคารวะท่านน้าเจ้าค่ะ”

“พี่สาวข้ามีบุตรสาวเพียงคนเดียว คุณหนูอย่าเรียกมั่วซั่วจะดีกว่า”

คำพูดเดียวของพระชายาเฉิงก็ทำให้ซ่งซูหลานหน้าซีดเผือด

เซี่ยอิ๋นขมวดคิ้ว “ท่านแม่!”

“เรียกอะไร คนอยู่ที่นี่ เจ้าจะเรียกวิญญาณหรือไร?”

พระชายาเฉิงไม่ใช่คนอารมณ์ดี

เดิมทีนางก็เกลียดบุตรอนุภรรยาที่โผล่มาอย่างกะทันหันคนนี้อยู่แล้ว สงสารพี่สาวและหลานสาวของตนเอง

ตอนนี้เห็นลูกชายของตนเองยังเข้าไปใกล้ชิดอีก นางจึงกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “ต้นวสันต์ก็จะเข้าศึกษาในสำนักศึกษาแล้ว เจ้าไม่ไปทบทวนตำราอยู่ที่จวนให้ดี ๆ วิ่งมาที่นี่ทำไม? อีกอย่าง ข้าไม่เคยให้กำเนิดน้องสาวอะไรให้เจ้า อย่าไปผูกญาติกับใครมั่วซั่ว ทำให้ชื่อเสียงของคนอื่นต้องมัวหมองไปเปล่า ๆ ”

หนุ่มสาวหลายคนที่เดิมทีกำลังหัวเราะหยอกล้อกันอยู่ก็เงียบลงทันที

คำพูดของพระชายาเฉิงดูเหมือนจะกำลังดุด่าเซี่ยอิ๋น แต่ความหมายในคำพูดนั้นใคร ๆ ก็ฟังออก

ขอบตาของซ่งซูหลานแดงก่ำในทันที น้ำตาเอ่อคลอจนดวงตาพร่ามัว ร่างกายผอมบางสั่นไหวราวกับจะล้มลง

เซี่ยอิ๋นสงสารนางอย่างสุดซึ้ง

เขารู้ว่าท่านแม่ไม่ชอบชาติกำเนิดของซูหลาน แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่นางจะเลือกเองได้ อีกอย่างนางก็เป็นบุตรสาวของสกุลซ่ง เป็นสายเลือดของท่านลุง นางสมควรกลับมาอยู่ที่สกุลซ่ง ใช้ชีวิตอย่างสูงศักดิ์เหมือนกับถังหนิง

เหตุใดท่านแม่ต้องหาเรื่องสตรีที่อ่อนแอด้วย?

“ท่านแม่ ซูหลานก็เป็นบุตรสาวของท่านลุง เหมือนกับถังหนิง ท่านอย่าหาเรื่องนางเลย...”

“หุบปาก!”

สีหน้าของพระชายาเฉิงเย็นเยียบ “แค่บุตรอนุภรรยาที่น่าอับอายคนหนึ่ง จะเหมือนกับถังหนิงได้อย่างไร?”

“อะไรน่าอับอายไม่น่าอับอาย นางเป็นสายเลือดที่คนในเรือนของท่านลุงทิ้งไว้ เป็นพี่สาวที่ใกล้ชิดที่สุดของถังหนิง นิสัยของนางอ่อนโยนจิตใจดีงาม คอยดูแลถังหนิงในทุกเรื่อง ท่านจะแบ่งความรักที่มอบให้ถังหนิงมาให้นางสักนิดไม่ได้หรือ?” เซี่ยอิ๋นแสดงสีหน้าไม่พอใจ

พระชายาเฉิงเกือบจะโมโหจนตายเพราะคำพูดของเขา ลุกพรวดขึ้นมาทันทีด้วยใบหน้าเขียวคล้ำหมายจะอาละวาด

ฮูหยินเหวินซิ่นโหวรีบดึงนางไว้ “ใจเย็น ๆ ที่นี่คือสกุลเฉียน อย่ามาทะเลาะกันต่อหน้าเด็ก ๆ เลย”

อกของพระชายาเฉิงกระเพื่อมขึ้นลง กวาดตามองหนุ่มสาวที่ตกใจอยู่หลายคน อดทนแล้วอดทนอีกจึงจะระงับความโกรธไว้ได้ “ความรักของข้า นางคู่ควรรับไหวหรือ?”

“ข้าจะบอกเจ้าไว้เลยเซี่ยอิ๋น ถังหนิงคือถังหนิง นางคือนาง น้องสาวของเจ้ามีเพียงถังหนิงคนเดียว ไม่ใช่ว่าของสกปรกอะไรก็จะมาเกาะเกี่ยวพี่สาวข้าได้”

เรื่องราวเหลวไหลในสกุลซ่งนั้นใช่ว่านางจะไม่รู้ ก่อนหน้านี้ถังหนิงมาร้องไห้กับนางด้วยความน้อยใจหลายต่อหลายครั้ง บุตรอนุภรรยาคนนี้ยิ่งเป็นต้นเหตุของหายนะ

พระชายาเฉิงหันหน้าไปมองซ่งซูหลานที่ร้องไห้จนใบหน้างดงามเปียกปอน “เจ้าจะวุ่นวายอย่างไรในสกุลซ่งข้าไม่สนใจ ต่อให้ฟ้าถล่มดินทลายข้าก็ขี้เกียจจะสนใจ แต่อย่ามาทำท่าทางเสแสร้งหลอกใช้ลูกชายของข้ามาก่อกวนอยู่ต่อหน้าข้า มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจเจ้า”

“ข้าไม่ได้ทำ...”

ซ่งซูหลานตาแดงก่ำด้วยความน้อยใจ

นางไม่เคยทำอะไรเลย เป็นพี่อาอิ๋นที่เข้ามาหานางเอง และก็เป็นเขาที่คอยตามตอแยนางไม่ปล่อย

พระชายาเฉิงขี้เกียจจะมองท่าทางเสแสร้งของซ่งซูหลาน กลัวว่าตนเองจะอดใจไม่ไหวลุกขึ้นไปตบลูกชายโง่ ๆ ของตน นางดึงฮูหยินเหวินซิ่นโหวหมายจะเดินจากไป แต่ยังไม่ทันที่จะหันหลัง ก็ได้ยินเสียงอุทานด้วยความประหลาดใจดังขึ้นไม่ไกล

“หัวหน้าเซียวมาแล้ว”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ยามบุปผางามผลิบานทั้งใจ   บทที่ 80

    สีเลือดบนใบหน้าของผู้ตรวจการเหอพลันจางหายไปในพริบตาเซียวเยี่ยนหัวเราะเยาะออกมา “ข้าทราบดีในอดีตเพื่อกวาดล้างราชสำนักแทนฝ่าบาท ข้าได้ทำให้ผลประโยชน์ของผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องสั่นคลอน และรู้ด้วยว่ามีคนบางส่วนไม่พอใจที่ข้าได้ถืออำนาจควบคุมองครักษ์เกราะดำกำราบผู้ที่มีใจคิดกบฏให้สิ้นแทนฝ่าบาท ทว่าข้ากลับไม่คาดคิดเลยสักนิดว่า คนของฝ่ายตรวจการที่ได้ชื่อว่าซื่อตรงไม่ยอมโอนอ่อนก็เป็นพวกเหลวไหลจับแต่ลมคว้าแต่เงาเหมือนกัน”“ใต้เท้าเหอไม่มีหลักฐานแม้เพียงสักนิดก็คิดจะกล่าวหาว่าร้ายข้าแล้ว มิหนำซ้ำยังหยิบยกเหตุผลน่าขบขันที่สุดมาโจมตีข้าอีก ท่านไม่พอใจที่เมื่อก่อนข้าลงมือแทนฝ่าบาท หรือไม่พอใจที่ฝ่าบาทให้ข้ารับผิดชอบตำแหน่งหัวหน้าของคณะองคมนตรี ดังนั้นถึงได้ยอมละทิ้งชื่อเสียงอันบริสุทธิ์หมดจดของผู้ตรวจการเพื่อจะได้ทำลายข้า?”สีหน้าของฮ่องเต้อันพลันเย็นเยียบลงทันใดผู้ตรวจการเหอมีเหงื่อเย็นผุดพรายเป็นสาย เข่าสองข้างอ่อนยวบทรุดลงกับพื้นทันที “ฝ่าบาทโปรดวินิจฉัยอย่างถี่ถ้วนเที่ยงธรรม กระหม่อมหาได้มีเจตนาเห็นแก่ตัวแม้แต่น้อย กระหม่อมเพียงแค่ปฏิบัติตามหน้าที่ของผู้ตรวจการอย่างเคร่งครัดก็เท่านั้นพ่ะย่ะค

  • ยามบุปผางามผลิบานทั้งใจ   บทที่ 79

    ผู้ตรวจการเหอหน้าแดงก่ำ “เจ้าเล่นลิ้นเล่นสำนวน ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งคนนั้นก็แค่ไปเยี่ยมคุณหนูของนาง…”“วิธีการเยี่ยมของท่านคือการโจมตีใบหน้าอีกฝ่ายให้เสียโฉม ตีอีกฝ่ายจนสลบ หรือว่าทุบตีอีกฝ่ายจนกระอักเลือดล้มป่วยไม่ฟื้น?”ประโยคเดียวของเซียวเยี่ยนตอกหน้าจนคนผู้นั้นสะอึกไป“อย่าว่าแต่เรือนหลังนั้นข้ายังมิได้โอนมอบให้แม่นางน้อยซ่งเลยด้วยซ้ำ การที่คนสกุลซ่งบุกเข้ามาย่อมมีความผิด หรือต่อให้ข้าจะมอบเรือนให้แม่นางน้อยซ่งแล้วก็จริง ข้าในฐานะหัวหน้าสำนักองคมนตรีฝ่ายใน เห็นคนบุกเข้าเรือนผู้อื่นทำร้ายร่างกายอย่างโหดเหี้ยมต่อหน้าต่อตา หนำซ้ำยังได้ยินเสียงคนร้องขอความช่วยเหลือมาจากในจวนแล้ว จะต้องนิ่งดูดายทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอย่างนั้นหรือ?”ผู้ตรวจการเหอหน้าแดงหน้าขาว ตะคอกเสียงดังออกมาด้วยโทสะ “แบบนั้นจะไปเทียบกันได้อย่างไร ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งก็แค่สั่งสอนผู้น้อยในจวนเท่านั้น”“ที่แท้ผู้ตรวจการเหอก็สั่งสอนบุตรหลานด้วยการทุบตีหวังให้ตายคาที่อย่างนั้นเองหรือ?”“เจ้า!” ผู้ตรวจการเหอถูกตอกหน้าหงายก็ตะคอกขึ้นด้วยโทสะ “เจ้าจงใจบ่ายเบี่ยงเลี่ยงประเด็น ต่อให้ตัดประเด็นที่ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งกับแม่นางน้อยซ่งคนนั้

  • ยามบุปผางามผลิบานทั้งใจ   บทที่ 78

    ภายในจวนถังที่ตรอกจีอวิ๋น ถังหนิงกำลังหลับใหลอย่างสงบ โดยที่ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าด้านนอกมีคนกำลังโต้เถียงกันเพราะนาง ทว่าราชสำนักในห้วงความฝันของนางบัดนี้ กลับกำลังวุ่นวายโกลาหล ราวหม้อน้ำมันเดือดภายในราชสำนักการยื่นฎีกาไม่ไว้วางใจระลอกที่สองดูจะรุนแรงกว่าที่พวกซ่งหงคิดเอาไว้มาก ครั้งนี้มิเพียงหัวหน้าผู้ตรวจการแผ่นดินเฉาเต๋อเจียง แม้แต่ขุนนางระดับมุขมนตรีสามสำนักทั้งสำนักราชเลขาธิการ สำนักอัครเสนาบดี และสำนักสนองราชโองการก็ทยอยกันออกมายื่นฎีกาไม่ไว้วางใจเช่นกัน ถ้อยคำรุนแรงในท้องพระโรงนั้น ทำให้ชื่อเสียงและเกียรติยศที่สะสมมาหลายปีของซ่งหงพ่อลูกพังทลายลงเพียงชั่วข้ามคืนเพื่อให้สมน้ำสมเนื้อ เรื่องที่เซียวเยี่ยนทำร้ายร่างกายสตรีบรรดาศักดิ์เก้ามิ่งในราชสำนัก แอบอ้างสิทธิ์สำนักแพทย์หลวง ใช้อำนาจองครักษ์เกราะดำบีบบังคับหอโอสถในเมืองหลวง และทำตัวกร่างข่มเหงรังแกผู้คนในเมือง ก็ถูกลู่ฉงหยวนหัวหน้าสำนักราชเลขาธิการและพรรคพวกจับเป็นความผิดไม่ปล่อยเช่นกัน“เป็นเพราะสกุลซ่งเป็นฝ่ายกระทำความผิดก่อน บุกเข้าตรอกจีอวิ๋นมาทำร้ายร่างกายผู้อื่นก่อน…”“นั่นก็มิใช่เหตุผลสมควรให้เขาทำร้ายร่างกายสตรีบรร

  • ยามบุปผางามผลิบานทั้งใจ   บทที่ 77

    พระชายาเฉิงจะไปขอความช่วยเหลือจากเขาได้อย่างไร?เซียวเยี่ยนได้ฟังถ้อยคำของจิ้นอวิ๋นก็เอ่ยด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “มีความแค้นอย่างนั้นหรือ?”“ใช่ขอรับ”เซียวเยี่ยนหัวเราะออกมาเบา ๆจิ้นอวิ๋นยืนอยู่ด้านข้างสีหน้าพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าประโยคไหนของตนเองทำให้ท่านหัวหน้าขบขันขึ้นมาได้ ขณะที่เขาถือเสื้อคลุมเดินตามหลังเซียวเยี่ยนออกไปด้านนอก ก็ถามขึ้นด้วยเสียงเบาหวิว “เช่นนั้นแล้วเรื่องของสกุลซ่งนี้พวกเราต้องออกมือด้วยหรือไม่ขอรับ?”“ไม่ต้อง”หากเรื่องแค่นี้กู้เฮ่อเหลียนยังสืบไม่ได้ ก็เสียแรงที่ได้ชื่อว่าเป็นเทพไฉ่เสิ่งเอี้ยแล้วรถม้าเคลื่อนมาหยุดหน้าประตูจวนแล้ว ตอนที่เซียวเยี่ยนก้าวออกไปสายตาก็เหลือบไปมองเรือนข้าง ๆ ที่ยังคงมืดสนิทเหมือนเคย พอนึกถึงเมื่อวานตอนบ่ายที่แม่นางน้อยฟังเขาเล่าเรื่องราวน่าสนุกในราชสำนักให้ฟัง จนเผลอฟุบหลับไปบนโต๊ะแล้วยังส่งเสียงออกมาเบา ๆ เหมือนแมวน้อยแบบนั้น แววตาของเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มขึ้นมา“อีกเดี๋ยวจงให้คนไปที่ตลาดเลือกคนที่ชาติกำเนิดสะอาดไร้มลทินส่งไปที่จวนถัง แล้วหาสตรีที่เรียบร้อยเชื่อฟังในเรือนของขุนนางต้องโทษมาสักสองสามคน ส่งไปปรนนิ

  • ยามบุปผางามผลิบานทั้งใจ   บทที่ 76

    เจี่ยงหมอมอตื่นตระหนกตกใจ “พระชายาเพคะโปรดระงับอารมณ์อย่าคิดมากวิตกกังวลไปก่อนเลยเพคะ ท่านอ๋องอาจเพราะเกิดความเกรงกลัวในใจ ไม่แน่ว่าท่านอ๋องอาจจะกลัวว่าหากคุณหนูขัดแย้งกับสกุลซ่งมากเกินไปจะทำให้ชื่อเสียงของนางเสื่อมเสีย กลัวว่าหากสกุลซ่งก่อเรื่องวุ่นวายขึ้นมาแล้วคุณหนูจะถูกคนสกุลลู่รังเกียจ”“ไหนจะมีไท่เฟยผู้เฒ่าด้วยอีกคนเพคะ ไท่เฟยผู้เฒ่าเองก็ทรงขุ่นเคืองมาตลอดที่พระชายารักและสงสารคุณหนูมากเกินไป ท่านอ๋องเองก็อาจเป็นเพราะกังวลว่าพระชายาจะทำให้ไท่เฟยผู้เฒ่าไม่พอใจ กลัวว่าหากเกิดเรื่องอะไรกับสกุลซ่งขึ้นมาจริง ๆ อาจพัวพันมาถึงท่านและคุณหนูได้…”นางพยายามหาข้ออ้างอย่างสุดชีวิต เพื่อจะบอกว่าเฉิงอ๋องมิได้ตั้งใจ ทว่าพระชายาเฉิงกลับไม่ฟังแม้แต่ประโยคเดียว“พวกข้าเป็นสามีภรรยากันมาสิบกว่าปี เขาจะมีความกังวลใจใดที่มิอาจบอกข้า?”“โกหกก็คือโกหก ต่อให้เหตุผลจะมีมากแค่ไหนสุดท้ายทั้งหมดก็คือข้ออ้าง”“เรื่องอื่นข้ายังพอมองข้ามไม่คิดเล็กคิดน้อยได้ ทว่าเขารู้อยู่แก่ใจว่าสกุลซ่งรังแกถังหนิงอย่างไร รู้อยู่แก่ใจว่าเขาทำลายชื่อเสียงความรักใคร่ปรองดองของพี่หญิงและพี่เขยของข้าอย่างไร แล้วก็รู้ทั้งรู้ว่า

  • ยามบุปผางามผลิบานทั้งใจ   บทที่ 75

    เฉิงอ๋องโอบกอดพระชายาไว้พลางปลอบประโลมอย่างอ่อนโยนพระชายาเฉิงเอนกายซบลงบนไหล่ของเขา “ท่านอ๋อง คนที่ท่านส่งไปที่อันโจวส่งข่าวกลับมาบ้างหรือยังเพคะ สืบเรื่องของซ่งซูหลานมาได้บ้างหรือไม่เพคะ?”เฉิงอ๋องชะงักมือไปเล็กน้อย ก่อนจะลูบแผ่นหลังของนางต่อไปอย่างแผ่วเบา “จะรวดเร็วปานนั้นได้อย่างไร ระยะห่างระหว่างอันโจวกับเมืองหลวงต้องใช้เวลาตั้งหลายวัน หลังจากไปถึงแล้วยังต้องคิดหาวิธีสืบถามอีก เรื่องราวเหล่านี้พอสืบมาได้ความตามสมควรแล้ว ต่อให้ใช้ม้าเร็วไปกลับก็ยังต้องใช้เวลากว่าครึ่งค่อนเดือนเชียว ข้าว่าเรื่องนี้เจ้าน่าจะคิดมากไปเอง”“สกุลซ่งก็มิใช่พวกเสียสติ พวกเขาจะเอาสตรีไม่รู้หัวนอนปลายเท้าเข้ามาปะปนในสายเลือดของจวนกั๋วกงได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นบุตรีอนุนอกเรือนคนนั้นโฉมหน้าก็พอจะคล้ายคลึงคนสกุลซ่งอยู่บ้าง”“ถังหนิงเองก็เพราะบาดหมางกับสกุลซ่งถึงได้จิตฟุ้งซ่านคิดมากไปเอง เจ้าเองก็ปล่อยให้นางก่อเรื่องวุ่นวาย แม้ข้าจะตกปากรับคำว่าส่งคนไปสืบแล้วก็จริง แต่เรื่องนี้ก็ไม่ควรเปิดเผยเป็นการใหญ่ มิเช่นนั้นหากสืบแล้วไม่พบอะไรขึ้นมา แล้วคนนอกรู้ว่าถังหนิงกล้าสอดปากสอดคำขัดแย้งกับผู้ใหญ่ในจวนขึ้นมา เกร

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status