로그인การตอบโต้ของจินเยว่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกประหลาดใจไม่น้อยเพราะปกติ
จินเยว่แทบไม่เคยตอบโต้นางเลย แต่ก็ดีเหมือนกันมันจะได้สนุกขึ้นมาหน่อย คิดในใจพลางตอบกลับ “โถ่น้องสาวของพี่ จะเป็นเช่นนั้นไปได้อย่างไรเล่า พี่สาวคนนี้เป็นห่วงเจ้าจนกินไม่ได้นอนไม่หลับเลยนะ” จางลี่ยิ้มเยาะด้วยความลำพองใจ“อย่ามาเสแสร้งหน่อยเลย หญิงหน้าหนาไร้ยางอายเช่นเจ้าไม่มีทางสงสารผู้อื่นอยู่แล้วกู้จางลี่” ข้าก็อยากจะเล่นด้วยต่ออยู่หรอกนะแต่ตอนนี้ข้าไม่ว่าง
“นี่เจ้า!” สำหรับจางลี่นั้นจินเยว่เป็นแค่คนที่อยู่ต่ำกว่านางหลายเท่า เมื่อโดนอีกฝ่ายด่าก็ทำให้อารมณ์โกรธปะทุขึ้นมา จนยกนิ้วขึ้นมาชี้หน้าอีกฝ่าย
“อะไร เจ้าชี้หน้าข้าทำไม” ส่งยิ้มพร้อมน้ำเสียงยียวนชวนให้จางลี่ยิ่งเลือดขึ้นหน้า
กู้จินเยว่นางคนชั้นต่ำกล้าพูดจากับข้าเช่นนี้ได้อย่างไร “ข้าเป็นพี่สาวเจ้านะ ในเมื่อเจ้าไม่รู้ว่าต้องปฏิบัติตัวอย่างไรกับคนที่อาวุโสกว่าข้าก็จะสั่งสอนแทนแม่ชั้นต่ำของเจ้าเอง” พูดเสร็จก็ยกมือขึ้นมาตบหน้าอีกฝ่าย
เพียะ!
เสียงตบไม่ดังมากนักเพราะจินเยว่เอี้ยวตัวหลบจึงโดนแค่ปลายนิ้วเท่านั้น
เจียวจิ้นที่เห็นว่าน้องสาวกำลังจะโดนทำร้ายก็รีบแทรกตัวมาบังจินเยว่ไว้แต่เขาขยับตัวช้าเกินไป น้องสาวของเขาโดนจางลี่ตบไปหนึ่งครั้ง ชายหนุ่มที่เงียบมาตลอดหันหน้ากลับมามองจางลี่ตาขวาง
“มันเกินไปแล้วนะจางลี่” เขาเค้นเสียงออกมาเสียงแข็ง
“เจ้าไม่ต้องมาพูดหรอกคนชั้นต่ำเช่นพวกเจ้าไม่มีสิทธิมาสั่งสอนข้า”
จินเยว่ที่เห็นว่าท่าจะไม่ดีเลยดันพี่ชายออก “ข้าจัดการเองเจ้าค่ะท่านพี่”
จินเยว่ไม่อยากเป็นคนเริ่มก่อนในเมื่ออีกฝ่ายเป็นคนเริ่มจินเยว่ก็กระตุกยิ้มมุมปากทันที จางลี่มีสีหน้างงเล็กน้อย นี่นางเป็นบ้าไปแล้วหรือโดนตบไปแค่ครั้งเดียวแต่เหมือนนางจะเสียสติไปแล้วใยถึงฉีกยิ้มขนาดนั้นกันเล่า
ผัวะ!
จินเยว่ยกกำปั้นขึ้นมาต่อยจางลี่ไปเต็มแรงและคิดในใจว่าหมัดนี้ถือว่าฉัน
ยกให้เธอนะจินเยว่จางลี่ที่สติแตกไปแล้วตะคอกใส่สองพี่น้องว่า “เจ้า! พวกเจ้าสองพี่น้องรังแกข้า ข้าจะไปบอกท่านย่า คอยดูเถอะพวกเจ้าต้องโดนโบยแน่”
“เจ้ารีบไปเลย สู้ไม่ได้ก็ฟ้องคนโน้นทีคนนี้ทีเจ้านี่มันขี้ขลาดจริงๆ” พูดเสร็จก็กระตุกแขนพี่ชายวิ่งหนีไปที่แปลงผักทันทีระหว่างทางจินเยว่หัวเราะออกมาเสียงดัง
เมื่อมาถึงแปลงผักหนิงเทียนและสามีที่เห็นลูกสาวและลูกชายวิ่งมาทางนี้รีบทิ้งอุปกรณ์ในมือทันที ทั้งดีใจที่ลูกชายกลับบ้านทั้งตกใจที่ลูกสาวที่ป่วยอยู่วิ่งมาด้วยความเร็ว ยังป่วยอยู่ใช้แรงขนาดนั้นถ้าล้มป่วยลงไปอีกจะทำอย่างไร
“เจียวจิ้นกลับมาแล้วหรือลูก เป็นอย่างไรบ้าง เรียนสนุกหรือไม่” หนิงเทียนถามลูกชายคนโตด้วยความคิดถึง
“ข้าสบายดีขอรับท่านแม่ การเรียนก็ดีขอรับ”
“แล้วลูกสาวพ่อเล่าทำไมถึงวิ่งมาอย่างนี้ล่ะเกิดล้มป่วยไปอีกจะไม่แย่เอาหรือ”
“ข้าดีขึ้นมากแล้วเจ้าค่ะท่านพ่อ ที่ข้ามาที่นี่ก็เพราะข้าอยากช่วยพวกท่านทำงานเจ้าค่ะ”
หนิงเทียนแสดงสีหน้ากังวล “เดี๋ยวจะล้มป่วยลงไปอีกพ่อกับแม่ทำกันสองคนได้”
จินเยว่ยังดื้อรั้น “ให้ข้าช่วยเถอะนะเจ้าคะ” พูดช้าๆ พร้อมส่งสายตาออดอ้อนให้คนเป็นแม่
“งั้นก็ตกลง แต่เจ้าไม่ควรทำงานหนักช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ ก็พอ”
จินเยว่พยักหน้ารับ “เจ้าค่ะ” พูดจบก็เดินไปทางที่มีหญ้ารกชัฏ นางเริ่มลงมือถอนหญ้าไปเรื่อยๆ ส่วนพี่ชายก็ช่วยพ่อแม่ทำส่วนอื่นๆ พวกเขาทำงานกันอย่างมีความสุข นานแล้วที่ครอบครัวไม่ได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา เมื่อก่อน
จินเยว่เอาแต่วิ่งไล่ตามเฟยหรงไม่เคยมาช่วยงานที่สวนเลย เมื่อลูกสาวเสนอตัวช่วยทำงานส่งผลให้พ่อแม่อุ่นใจยิ่งนักที่ลูกสาวของพวกเขาเริ่มที่จะทำใจได้แล้วจินเยว่นึกอะไรขึ้นมาได้เลยหันไปบอกกับหนิงเทียน “ข้าขอตัวสักครู่
นะเจ้าคะท่านแม่” หนิงเทียนที่คิดว่าลูกอาจจะเหนื่อยเลยอยากพักจึงพยักหน้ารับ เมื่ออีกฝ่ายอนุญาตจินเยว่จึงเดินหลบไปหลังต้นไม้ขนาดใหญ่เพื่อเข้าไปในมิติวิเศษ“เจียวเจี้ย แม่มาแล้ว” หญิงสาวเอ่ยทักทายภูตตัวน้อย
เมื่อได้ยินเสียงจินเยว่ภูตน้อยก็รีบวิ่งมาหาทันที “ท่านแม่ ข้าคิดถึงท่านมากเลยขอรับ” เด็กตัวน้อยโผเข้ากอดจินเยว่เต็มรัก
จินเยว่กอดตอบและส่งมือไปหยิกแก้มน่ารักพลางถามเด็กน้อยว่า “เจ้าเคยบอกแม่ว่าถ้านำน้ำจากน้ำตกผิงอานนี้ไปรดน้ำต้นไม้มันจะเจริญเติบโตอย่างอุดมสมบูรณ์ใช่หรือไม่”
“ขอรับท่านแม่”
“แม่จะเอาไปทดลองดูข้างนอกได้หรือไม่”
“ได้ขอรับท่านแม่ น้ำจากน้ำตกนี้สามารถนำไปใช้นอกมิติได้ขอรับ”
พอได้ฟังแบบนั้นจินเยว่ก็นำกระบอกใส่น้ำที่พกติดตัวมากรอกน้ำจากลำธาร เข้าไปเต็มกระบอกเมื่อรู้สึกว่าเข้ามานานแล้วเดี๋ยวคนข้างนอกจะสงสัยหญิงสาวก็ล่ำลาภูตน้อยและออกจากมิติโดยไม่ทันมองแววตาอาลัยอาวรณ์ของเด็กน้อยที่นางหันหลังให้
เมื่อออกมาจากมิติจินเยว่ก็เดินไปที่แปลงนาที่เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวซึ่งต้นข้าวในแปลงนี้ใกล้ถึงเวลาเก็บเกี่ยวแล้ว เธอลองเอาน้ำจากน้ำตกผิงอานในกระบอกน้ำตัวเองเทลงไปจากนั้นก็นำน้ำที่เหลือไปให้สมาชิกในครอบครัวดื่มกัน
เมื่อเจียวจิ้นได้ดื่มเข้าไปก็รู้สึกประหลาดใจ “เจ้าเอาน้ำนี่มาจากไหนจินเยว่ ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่นยิ่งนัก” ความเมื่อยล้าที่มีก่อนหน้าปลิวหายไปทันที
จินเยว่ส่งยิ้มไปให้พี่ชาย “ท่านก็พูดเกินไปท่านพี่ ข้าก็ตักมาจากที่บ้าน
นั่นแหละเจ้าค่ะ”“อย่างนั้นหรือ สงสัยพวกเราจะทำงานตากแดดนานไป” เขาพยักหน้าส่งๆ และหันไปทำงานต่อ
เมื่อถึงเวลาบ่ายแล้วเจียวจิ้นก็เอ่ยกับครอบครัวว่า “ท่านพ่อนี่มันบ่ายแล้วกลับบ้านกันเถิดขอรับ”
“พวกเจ้ากลับไปก่อนเถิดพ่อกับแม่ยังต้องอยู่ทำต่อ” คำตอบของเขาสร้างความประหลาดใจให้กับเจียวจิ้นเป็นอย่างยิ่ง
“แต่นี่ไม่ใช่เวลาเลิกงานของเราหรือขอรับก่อนหน้านี้ก็เลิกเวลานี้
มาตลอด”ซีห่าวทำหน้าลำบากใจ “ก่อนหน้านี้น้องสาวเจ้าป่วยหนัก พ่อกับแม่เลยไปขอร้องให้ปู่ของเจ้าตามหมอมารักษา ท่านย่าของเจ้าจึงให้พวกเราทำงานเพิ่มเพื่อแลกกับเงินที่พวกเขาใช้รักษาจินเยว่”
เมื่อได้ยินดังนั้นเด็กทั้งสองรู้สึกสลดใจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะจินเยว่ถึงคนที่เลือกจะกินยาพิษไม่ใช่เธอแต่มันก็สร้างความรู้สึกผิดให้กับเธออย่างมาก พวกเขาช่วยกันทำงานจดถึงยามอิ่ว (17:00น.-18:59น.) ก็พากันกลับบ้านพักผ่อน
บทที่ 18 หมูกรอบเช้านี้จินเยว่และเจียวจิ้นออกไปขายของตามปกติ จินเยว่รู้สึกได้ว่าวันนี้นางขายดีกว่าสองวันแรก เพียงเปิดร้านไม่ถึงครึ่งชั่วยามส้มที่เตรียมมาประมาณร้อยผลก็หมดเกลี้ยงขนาดปิดร้านแล้วยังมีคนมาถามหาอยู่เลย ถ้าขายดีแบบนี้ทุกวันก็ดีสิแต่อะไรก็ไม่แน่นอนคนเราคงไม่สามารถกินส้มได้ทุกวันหรอกนางจะต้องหาสินค้ามาขายเพิ่มก่อนจะกลับบ้านจินเยว่ก็นึกขึ้นได้ว่านางยังไม่มีอุปกรณ์สำคัญสำหรับมื้อเย็นนี้เลยชวนเจียวจิ้นไปยังร้านที่ต้องการทันที“เจ้าจะซื้ออะไรอีกหรือเมื่อวานเราก็ใช้จ่ายไปเยอะแล้วนะ” เจียวจิ้นเอ่ยปากเตือนน้องสาว เขากลัวว่าน้องสาวจะกลายเป็นคนฟุ่มเฟือยภายหน้าจะเดือดร้อนได้“ข้าอยากได้เหล็กแหลมลักษณะคล้ายเข็มที่เราเอาไว้เย็บผ้าแต่ขนาดใหญ่กว่าหน่อยเจ้าค่ะ” จินเยว่บอกก่อนจะหันไปถามเจ้าของร้าน“ท่านลุงมีเหล็กแหลมความยาวประมาณฝ่ามือความใหญ่ประมาณตะเกียบไหมเจ้าคะ”“ตอนนี้ไม่มีหรอก ถ้าอยากได้เจ้ามารับพรุ่งนี้ลุงจะทำให้ใหม่”“งั้นข้าเอาสักสองอันนะเจ้าคะ”“ได้สิ ทั้งหมดก็ยี่สิบห้าอีแปะนะเจ้าสั่งจำนวนน้อยราคาก็จะสูงหน่อย”“ไม่มีปัญหาเจ้าค่ะ พรุ่งนี้ข้าจะมารับช่วงสายๆ นะเจ้าคะ”จินเยว่รู้สึกเ
บทที่ 17 คนที่ไม่อยากเจอบ่ายวันนั้นจินเยว่เข้าไปเก็บส้มในมิติ นางไม่ต้องกังวลว่าส้มพวกนี้จะหมดเพราะพวกมันมีมากมายเหลือเกินแต่อาจจะต้องเอาสินค้าอย่างอื่นไปขายเพิ่มมาหมุนเวียนไปเรื่อยๆเมื่อเก็บส้มเสร็จก็พากันกลับบ้าน จินเยว่นึกขึ้นได้ว่านางลืมเปลือกหอยที่อาสี่นำมาให้เมื่อวานไปเลย โฉมสะคราญเดินไปในห้องครัวนำเปลือกหอยใส่ตะกร้าและเติมน้ำลงไปใช้มือวนๆ จนน้ำกลายเป็นสีขุ่นก็เปลี่ยนน้ำ นางเอาแปรงมาขัดเพื่อช่วยให้มันสะอาดมากยิ่งขึ้น ทำแบบนี้อยู่หลายครั้งเปลือกหอยที่อยู่ในตะกร้าดูสะอาดขึ้นก็เทน้ำออกจนหมด ก่อนจะนำเปลือกหอยไปวางตากแดดไว้เมื่อถึงเวลานัดส่งสินค้าสองพี่น้องก็นำส้มมาส่งที่ร้านอ้ายเหม่ย พวกเขาตกแต่งร้านสวยงามขนาดของร้านก็น่าจะเป็นร้านเครื่องประดับที่ใหญ่ที่สุดในตลาดนี้ ร้านอ้ายเหม่ยนี้มีขายทั้งเครื่องประดับมากมายและยังมีพวกเครื่องประทินโฉมอีกด้วย“พวกข้านำจวี๋จื่อมาส่งเจ้าค่ะ” จินเยว่ที่เห็นหญิงชรากำลังคุยกับลูกค้าอยู่ก็รอจนนางคุยเสร็จจึงจะเอ่ยทัก“มาแล้วหรือ มาๆ เข้ามาก่อน” หญิงชราบอกอย่างใจดี“นี่เงินค่าจวี๋จื่อ และนี่ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ จากยายถือว่าตอบแทนที่คราวก่อนแม่หนูแถมให้ยา
บทที่ 16 มันกินได้จริงหรือสองพี่น้องพากันเดินมาถึงที่บ้านหยอกล้อกันมาตลอดทาง ชีวิตพวกเขาสองสามวันมานี้รู้สึกเหมือนสุนัขที่โดนปลดโซ่คล้องคอออก พวกเขาสามารถทำสิ่งใดที่ใจคิดได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะต้องโดนว่ากล่าวหรือทุบตี ถึงบ้านหลังนี้จะเก่าทรุดโทรมแต่มันก็ให้ความอบอุ่นเป็นบ้านที่เจียวจิ้นไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน เขาไม่ต้องโดนกดหัวใช้งานหรือโดนดูถูกเหยียดหยามจากคนในครอบครัววันนี้หนิงเทียนทำกับข้าวเพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้นคือผักป่าเอาไปผัดใส่เกลือเล็กน้อยกินกับข้าวต้ม จินเยว่รีบไปล้างมือล้างหน้าเตรียมตัวเพื่อที่จะเข้าครัวทำอาหารต่อ“ท่านแม่ไม่ต้องช่วยข้าหรอกเจ้าค่ะ ข้าทำคนเดียวได้” เอ่ยบอกกับมารดาที่รอช่วยนางอยู่ในครัวร่างเล็กนำเห็ดไปล้างในน้ำสะอาดจนมั่นใจแล้วว่าพวกมันสะอาดไร้สิ่งปนเปื้อนใดๆ ก่อนจะนำไปวางตากลมไว้ให้แห้งสักพัก ระหว่างรอเห็ดแห้งร่างเล็กก็ตักแป้งที่อยู่ในห่อออกมาประมาณหนึ่ง ใส่ชามผสมก่อนที่จะเทน้ำลงไปผสมให้เข้ากันและนำเห็ดใส่ลงไปคลุกเคล้าจนแป้งเหลวๆ เคลือบทั่วทุกอณูของเห็ดเหล่านั้น จินเยว่นำกระทะมาตั้งบนเตาที่หนิงเทียนก่อไฟไว้เมื่อเห็นว่าไอร้อนเริ่มแผ่ออกมาก็ค่อยๆ ใส่เห็ดล
บทที่ 15 ทุกอย่างต้องมีครั้งแรกเสมอ“ท่านป้าหมายถึงใครหรือเจ้าคะ” จินเยว่ยิ้มแต่สิ่งที่นางพูดออกมาทำอีกฝ่ายโกรธจนควันแทบออกหู “ใครเป็นป้าเจ้า!” นางตะโกนออกไปจนลืมว่าเมื่อครู่พึ่งบ่นจินเยว่ที่ตะโกนเสียงดังข้าอายุแค่สามสิบจะมาเป็นป้าใครได้ที่ไหนกัน นังเด็กนี่ปากเสียจริงๆ “ก็ท่านนั่นแหละเจ้าค่ะ ป้า ” จินเยว่เน้นเสียงหนักๆที่คำท้าย“หึ ไม่มีหัวคิดแบบนี้น่ะสิถึงได้นำแค่จวี๋จื่อออกมาขาย”แม่ค้าแผงผักเห็นว่าคนเริ่มมามุงดูนางทะเลาะกับเด็กสาวแผงข้างๆเยอะขึ้นเรื่อยๆ ก็เริ่มเรียกสติของตัวเองได้ นางขายตรงนี้มานานถือว่าเป็นทำเลที่ค่อนข้างดีเหมาะสมกับค่าเช่าแผง ถ้าทะเลาะกันจนโดนไล่ไปที่อื่นนางและครอบครัวจะต้องเดือดร้อนแน่ๆ “ข้าไม่อยากเถียงกับเด็กอย่างเจ้าแล้ว” แม่ค้าแผงผักพูดกระแทกเป็นการตัดบทจินเยว่ที่เห็นว่าอีกฝ่ายล่าถอยไปแล้วก็ไม่ได้ต่อความยาวสาวความยืดแต่อย่างใด นางมาขายของก็ไม่ได้อยากมีปัญหากับใครอยู่แล้ว ร่างเล็กเริ่มส่งเสียงเรียกลูกค้าอีกครั้งแต่คนที่มุงดูอยู่เมื่อกี้ก็ทยอยเดินหนีกันหมด แม่ค้าแผงผักข้างๆแอบยิ้มเยาะที่นางไม่สามารถขายจวี๋จื่อได้ จินเยว่กัดฟันกรอด “ไม่ต้องเสียใจไปหรอก พี
บทที่ 14 ค้าขายครั้งแรก“พรุ่งนี้ท่านไม่ต้องไปหางานหรอก เราเข้าป่าไปหาของมาขายดีกว่าเจ้าค่ะ” จินเยว่บอกกับพี่ชายที่นั่งกลุ้มอยู่“จะดีหรือ ในป่าก็ไม่ค่อยมีอะไรที่ขายได้ราคา แล้วก็ไม่ค่อยมีใครรับซื้อด้วยนะเยว่เอ๋อร์” เจียวจิ้นคิดตามที่เขาบอกกับน้องสาว การเก็บผักผลไม้ในป่าไปขายมีชาวบ้านทำกันเยอะแยะ แต่ก็มักจะโดนกดราคาจนแทบไม่คุ้มที่ต้องเสี่ยงเข้าไปในป่า“พวกเราลองไปกันก่อนเถอะเจ้าค่ะ จะได้หาเงินมาซื้ออาหารและเครื่องปรุงเข้าบ้านด้วย ข้าไม่อยากกินผักต้มทุกวันนะเจ้าคะ” จินเยว่หน้างอเช้าวันต่อมา แสงแดดอบอุ่นยามเช้าทำให้จินเยว่รู้สึกจิตใจสงบ ร่างเล็กและพี่ชายทานอาหารเช้าเสร็จแล้วพากันเดินทางเพื่อไปหาของในป่าพวกเขาเดินเข้ามาไม่ลึกมากนัก จินเยว่มาที่นี่อย่างมีเป้าหมาย ร่างเล็กจำได้ว่าในป่านี้มีผลไม้หลากหลายชนิดโดยเฉพาะจวี๋จื่อหรือส้ม มันขึ้นเต็มไปหมดเป็นผลไม้ที่หาได้ทั่วไปทำให้ไม่ค่อยมีราคา โดยปกติก็จะขายกันจินละ2-3อีแปะเท่านั้น “เจ้าอย่าเดินไปไกลนะพี่ขอตัดไม้ตรงนี้ก่อนเราจะได้เอาไปทำฟืนกัน ฟืนที่ตัดไปครั้งก่อนเกือบหมดแล้ว” เจียวจิ้นหันมาบอกจินเยว่เสร็จก็หันกลับไปตัดไม้ต่อ“เจ้าค่ะท่านพี่ข
บทที่ 13 เปลือกหอย“ที่ดินที่หลังบ้านพวกเราสามารถทำการเกษตรได้หรือไม่เจ้าคะข้าเห็นมันยังว่างอยู่” จินเยว่ถามอย่างกระตือรือร้น“จะว่าได้มันก็ได้อยู่หรอก แต่ที่ดินนี้มันมีปัญหาอยู่ ไม่รู้ว่าเกิดจากสาเหตุอันใดปลูกอะไรก็ไม่ขึ้นสักอย่าง ถึงขึ้นก็เหี่ยวเฉาตายเสียหมด” หนิงเทียนทำหน้ากลุ้มใจ ปัญหานี้มีมานานแล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามหาทางแก้อย่างไรก็ไม่สามารถปลูกอะไรบนที่ผืนนี้ได้เลย นี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ที่ดินท้ายหมู่บ้านนี้ไม่มีราคา ชาวบ้านที่อยู่แถบนี้ค่อนข้างยากจนเสียส่วนใหญ่เพราะพวกเขาเพาะปลูกในที่ดินของตัวเองไม่ได้ บางคนก็ไปเป็นลูกจ้างโดนกดค่าแรง บางคนก็ไปเช่าที่ดินของคนอื่นเพื่อทำการเพาะปลูก “งั้นข้าขอลองไปดูหน่อยนะเจ้าคะเผื่อจะทำอะไรได้บ้าง”จินเยว่เดินไปยังที่ดินหลังบ้าน นางเดินสังเกตที่ดินไปเรื่อยๆก็พบว่า ต้นไม้ที่ขึ้นรอบๆที่ยังมีชีวิตอยู่ก็มีลักษณะใบเหลือง ลำต้นของพวกมันแคระแกร็น“นี่มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆแล้วนะเนี่ย” จินเยว่พูดอย่างหนักใจนางเดินสังเกตมาสักพักไม่พบคราบเกลือบนผืนดินและหน้าดินบริเวณนั้นก็มีลักษณะออกสีเหลืองๆอีกด้วยนางเดาได้ทันทีว่าที่ดินพวกนี้ปลูกอะไรไม่ขึ้น





![ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [นางร้าย]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)

