LOGIN* โรงพยาบาล ××× อำเภอเหลามาจะฟัง *
สายฝนยังคงตกกระหน่ำไม่หยุด ตรงบริเวณหน้าตึกฉุกเฉินของโรงพยาบาลแห่งนี้ ทำให้บรรยากาศชวนเงียบงันจนน่าหดหู่ ได้ยินแม้กระทั่งเสียงอึ่งอ่างและสัตว์อื่นๆ ร้องระงมตามผืนหญ้าข้างโรงพยาบาล แยมก้าวเดินพรวดพราดผ่านประตูทางเข้า ร่มคันเล็กเปียกโชกจนลื่นแทบจับไม่อยู่ หัวใจของเธอเต้นระส่ำระสาย ตั้งแต่ได้รับแจ้งจากนายตำรวจท้องถิ่น เรื่องเกี่ยวกับยูโรประสบอุบัติเหตุ แค่เพียงไม่กี่คำสั้นๆ กลับกรีดลึกเข้าไปยังภายในความรู้สึกจนหายใจแทบไม่ทัน เธอไม่หยุดยืนรอให้ใครอธิบายอะไรต่อ ถือเอกสารสำคัญและบัตรประชาชน มาถึงตรงหน้าห้องพักฟื้นแบบส่วนตัว ระหว่างทางเดินตำรวจบอกเพียงว่า.. ยูโรตั้งใจจะขับรถกลับบ้านที่อยู่อีกอำเภอหนึ่ง พอผ่านถนนเส้นคดเคี้ยวช่วงเขตป่า ฝนกลับเทกระหน่ำแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ภาพจากกล้องวงจรปิดบนเสาไฟฟ้า แสดงให้เห็นว่า.. รถเก๋งของยูโรแล่นมาด้วยความเร็วเกินหนึ่งร้อยยี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง แม้จะมีไฟหน้าสาดตัดหมอกส่องสว่าง ฝนก็พร่าเลือนรางเสียจนมองไม่เห็นเส้นทาง รถยนต์จึงเสียหลัก พุ่งชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่บริเวณข้างทาง โชคดีที่ไม่พุ่งตกลงไปภายในคลองลึกใกล้เคียง แต่เขายังไม่ทันจะตั้งสติได้ รถกระบะส่งของคันหนึ่ง ซึ่งคนขับอยู่ในอาการมึนเมาก็พุ่งมาชนท้ายอย่างจัง ทำให้แรงอัดกระแทกส่งต่อถึงร่างยูโร ไปกระทบพวงมาลัยและโครงรถอีกครั้ง "กระดูกหักและร้าวหลายแห่ง เขาต้องดามเฝือกอยู่หลายจุด ต้องพันผ้าจนแทบมองไม่เห็นผิวหนังเลยครับคุณญาติ" แพทย์เจ้าของไข้กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แต่ก็พยายามบอกแยมเสริมอย่างมีความหวัง "โชคดี!!! สมองเขาไม่ได้รับการกระทบกระเทือนครับ ตอนนี้คนไข้ยังไม่สามารถรู้สึกตัวได้ เป็นเพราะฤทธิ์ยาคลายอาการปวดกับยาสลบ ซึ่งให้ก่อนเข้ารับการผ่าตัดกระดูกนะครับ หลังจากพักรักษาตัวจนหายบวกกับกายภาพบำบัด ย่อมกลับมาปกติดังเดิมไร้ผลข้างเคียงครับ" แพทย์กล่าวด้วยน้ำเสียงสุขุม ราวกับอยากปลอบใจเธอให้เข้มแข็งและอดทนให้มาก ประโยคนั้นเอง.. ทำให้แยมถึงกับทรุดร่างลงบนเก้าอี้เย็นเฉียบ ตรงบริเวณหน้าห้องพักผู้ป่วยพิเศษ เธอน้ำตารื้นคลอหน่วยขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว สองมือเล็กมีอาการสั่นเทาและพยายามกำแน่นอยู่บนหน้าตัก ซึ่งพ่อแม่ของยูโรไร้การติดต่อ เพราะทั้งสองไปดูแลธุรกิจจังหวัดอื่น แถมสัญญาณโทรศัพท์ไม่ค่อยดีสักเท่าไร เพิ่มความกังวลให้แยมยิ่งกว่าเดิม เธอเอื้อมฝ่ามือแตะลูกบิดประตูห้องเบาๆ ก่อนพยาบาลจะพยักหน้าให้เข้าได้ แยมก้าวเข้าไปอย่างเชื่องช้า ภายในห้องล้วนเงียบสงัด มีกลิ่นยาและเครื่องฟอกอากาศลอยอบอวล ยูโรนอนนิ่งอยู่บนเตียง เสื้อคนไข้เปิดออกเพียงเล็กน้อยใต้ผ้าห่มสีขาว ร่างกายเขาถูกพันด้วยเฝือก ตั้งแต่แขนสองข้างยันหัวไหล่ ใส่เฝือกบริเวณขาลามจนถึงต้นขา และแผ่นดามหลังวางขนาบข้างไว้ทั้งหมด หัวใจของแยมปวดหนึบหนับ เธอจำไม่ได้ว่า.. มันตั้งแต่เมื่อไรที่ยูโรกลายมาเป็นคนสำคัญขนาดนี้ เขาอาจจะปากร้าย ติดพูดจาห้วนๆ คล้ายคนไม่สนโลก แต่ทุกครั้งที่เธอล้มหรือเป็นอันตราย เขาก็จะยืนอยู่ตรงนั้นเงียบๆ แบบไม่เคยหายไปไหน แยมลากเก้าอี้เข้าใกล้ หย่อนตัวลงนั่งข้างเตียง เธอไม่กล้าคิดสัมผัสเขาเลยด้วยซ้ำ กลัวจะทำให้เขาบาดเจ็บเพิ่ม และรบกวนการรักษา แต่ก็ยกมือตัวเองไปแตะเบาๆ ตรงปลายนิ้วของเขาอย่างให้กำลังใจ "ฮึก~ นายต้องหายนะ!!! อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียว…เหมือนคราวก่อนอีกเลยนะ" เสียงแยมกล่าวออกมาอย่างแผ่วเบา กว่าเครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจเสียอีก เธอนั่งนิ่งเงียบไปชั่วขณะ ราวกับหวังว่าเขาจะตอบกลับมา แม้จะรู้ดีว่าเขายังไม่รู้สึกตัวเลยด้วยซ้ำ ดวงใจกลับเต้นตุ๊บๆ ขณะมองใบหน้าของเขา ภายใต้เฝือกมัมมี่นี้ได้พันแน่น จนเหลือเพียงแค่ดวงตา กับปลายจมูก และริมฝีปากให้มองเห็นนิดหน่อยเท่านั้น "เฮ้อ~ สภาพนายตอนนี้.. เหมือนยูโรถูกปั้นเตรียมเข้าเตาอบจริงๆ คราวหลังอย่าดื้ออีกจะได้ไหม" แยมถอนหายใจพร้อมบ่นพึมพำข้างเตียง จังหวะมองดูร่างสูงใหญ่ ซึ่งถูกดามแน่นทั้งตัวแล้วกลั้นขำแทบไม่อยู่ "ยูโรหนอ~ ถ้าได้สติขึ้นมาแล้ว.. รู้ว่าตัวเองถูกพันเยอะขนาดนี้ นายอาจจะฟ้องโรงพยาบาล เรื่องละเมิดแฟชั่นการแต่งตัวเอาได้นะ" เธอหัวเราะคิกคักออกมาคนเดียว ก่อนจะเอียงหน้าพูดเสียงแผ่วเหมือนแกล้งกระซิบ "แต่ไม่เป็นไรหรอก~ ถ้าจะให้ฉันคอยดูแลคนไข้ในร่างดักแด้แบบนี้... ก็โอเคอยู่นะ" จังหวะแยมกำลังจะลุกขึ้นยืน เธอก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่าง ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะหัวเตียง เป็นโทรศัพท์ของคนนอนติดเตียง หน้าจอแตกเล็กน้อยแต่ยังพอเลื่อนเปิดได้ รหัสหกหลักทำให้คนสวยต้องขมวดคิ้ว แต่เมื่อลองใส่วันเดือนปีเกิดตัวเอง กลับเข้าได้ง่ายดายเสียอย่างนั้น ทำให้เธอเห็นข้อความสุดท้าย ซึ่งยูโรได้พิมพ์ทิ้งเอาไว้ก่อนประสบอุบัติเหตุ *เนื้อหาข้อความยังไม่ได้กดส่ง* [ คิดถึงเธอจังเลยว่ะ!!! แต่คงไม่กล้าไปบอกตรงๆ เพราะกลัวโดนด่าอีกน่ะสิ เธอยังรู้สึกดีกับไอ้บรรเจิดอยู่เหรอวะ หากเป็นเช่นนั้นจริง.. ฉันคงต้องกินแห้วและน้ำใบบัวบกรอสินะ ] หลังจากได้อ่านทุกประโยคจบ แยมกะพริบตาถี่ระรัวพร้อมกล่าวพึมพำต่อ.. "อ้าว~ นี่นายยังไม่สำนึกอีกเหรอ ยังคิดจะปากแข็งอีก!!! แม้แต่ตอนจะขับรถชนต้นไม้..." เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแนบกับมือเขาเบาๆ พร้อมขมวดคิ้วมุ่น "คราวหน้า~ อยากจะสารภาพอะไร ก็โทรมาบอกกันเถอะนะ ไม่ต้องขับรถไปชนต้นไม้เล่นก่อน แล้วค่อยกล้าพิมพ์ทิ้งส่งท้ายเพื่อบอกฉัน!!!" แยมกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ซึ่งอาจจะรู้สึกหงุดหงิดแต่ก็มีความสุขอยู่ไม่น้อย "ถ้าหายเมื่อไหร่!!! ฉันจะเรียกเก็บค่าดูแลเป็นรายวันพร้อมดอกเบี้ยหนักๆ เลยล่ะนาย" เธออมยิ้มเล็กน้อย พร้อมกระซิบทิ้งท้ายใกล้หูเขาอย่างเจ้าเล่ห์ คอยดูแลเผื่อเกิดอะไรขึ้นฉุกเฉิน นั่งรอลูกน้องของยูโรมาผลัดเปลี่ยนเวรเฝ้า * หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป.. * แยมก้าวเดินเร็ว.. ไม่สนใจสิ่งรอบข้างเลยแม้แต่น้อย สองมือเล็กถือถุงผลไม้จนแน่นถนัด ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวลใจเหมือนเดิม เพราะยูโรเริ่มมีอาการรับรู้ได้แล้ว แต่ยังคงไม่ยอมฟื้นขึ้นมา หัวใจเธอเต้นแรงอยู่เสมอ ทั้งร้อนรุ่ม ทั้งวูบโหวงเหวงพร้อมกัน มันเหมือนฉากเดจาวู... ครั้งหนึ่งในอดีตวัยเยาว์ ยูโรเคยปกป้องเธอจากกลุ่มคู่อริ ตอนนั้นเขาโดนโจมตีจากทางด้านหลัง จนนอนสลบเหมือดไปต่อหน้าต่อตาเธอ ความรู้สึกนั้น!!! มันยังสลักลึกตราตรึงอยู่ภายในหัวใจ และคอยย้ำเตือนเธอว่า.. แม้พวกเราจะไม่ได้คุยกันดีๆ สักเท่าไร แต่เธอไม่เคยลืมเหตุการณ์ครั้งนั้นเลย แยมมองผ่านกระจกห้องพักฟื้น เห็นยูโรนอนนิ่ง มีสายระโยงระยางอยู่ตามแขน เธอเบี่ยงหน้าหลบอยู่ครู่หนึ่ง สูดลมหายใจลึกแล้วเปิดประตูเดินเข้าไปทักทาย "ยังไม่ตื่นอีกเหรอ~ นายจะแกล้งหลับไม่ยอมจ่ายเงินให้ฉันใช่ไหม ถ้านายกลัวจ่ายไม่ไหว~ ฉันไม่เอาก็ได้นะ แต่นายช่วยฟื้นขึ้นมาคุยกันหน่อยได้ไหม.." แยมกล่าวด้วยน้ำเสียงยานคาง เธอเม้มริมฝีปากบางจนแน่น น้ำตาคลอเบ้าเตรียมไหลริน "ช่วงนี้..ยอดกับใหญ่ ตามเก็บเงินกู้อย่างขยันขันแข็งเลยนะ เพราะรอนายฟื้นตัวขึ้นมาแล้วจะได้อารมณ์ดี ส่วนทางด้านบัญชี.. ฉันอาสาทำให้แทนนายแล้วนะ" แยมกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ยกเรียวนิ้วเกลี่ยน้ำตาคลอทันที "หากนายยังไม่ยอมตื่น!!! และคุณลุงคุณป้ากลับมา ฉันจะอธิบายให้พวกท่านฟังยังไงดี ถ้าไม่พูดจาแย่แบบนั้น คงไม่ต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้ใช่ไหม ฉันขอโทษด้วยจริงๆ ฮื่อๆ รีบฟื้นสักทีเถอะนะ ถือว่า..ฉันขอร้อง" แยมกล่าวพร้อมนั่งลงข้างเตียงคนป่วย หลับตาพริ้มเพราหวังพักผ่อนสักครู่หนึ่งแสงไฟระยิบระยับจากโคมระย้าคริสตัล ทอดเงาวูบไหวตามบนเพดานสูงของห้องจัดเลี้ยง เสียงดนตรีคลาสสิกบรรเลงคลอเบาๆ แทรกอยู่ระหว่างเสียงหัวเราะและคำอวยพร จากแขกผู้มีเกียรติยามค่ำคืนนี้งานวันเกิดของบรรเจิด ถูกจัดขึ้นอย่างสมเกียรติยศ ไม่ใช่เพียงแค่เขาเป็นบุตรชายของท่านผู้ว่าราชการจังหวัด หากแต่ยังเพราะเขาเพิ่งได้รับตำแหน่งใหม่ด้วย ซึ่งคือ..รองผู้ว่าราชการจังหวัดอย่างเป็นทางการแยมยืนอยู่หน้าประตูห้องจัดเลี้ยง เธอสวมชุดกระโปรงสีน้ำเงิน แม้จะดูน่ารักเข้ากับรูปร่างเพรียวบางแต่ก็เรียบหรู สองมือประคองกล่องของขวัญทรงสี่เหลี่ยมผูกโบสีทองแน่นความรู้สึกประหม่าแล่นวาบภายในกลางอก เมื่อสายตาเธอกวาดมองบรรยากาศล้อมรอบตัว แขกภายในงานล้วนเป็น.. นักการเมืองกับข้าราชการระดับสูงและนักธุรกิจชื่อดัง ทุกคนดูสง่างามและคุ้นเคยกับโลกใบนี้ ต่างจากเธอที่ยังรู้สึกเหมือนเป็นคนนอกเสมอแต่แล้วสายตาแยมก็หยุดลงที่ร่างสูงโปร่ง เขาสวมสูทสีดำอย่างเป็นทางการ บรรเจิดยืนอยู่กลางกลุ่มผู้ใหญ่ สีหน้าเปื้อนรอยยิ้มสุภาพ ดวงตาอบอุ่นเป็นประกายแม้จะต้องรับมือกับคำยินดีและคำอวยพรไม่ขาดสาย เขายังคงดูผ่อนคลายอย่างน่าประหลาด ราวกับไม่ใช่งานให
*ร้านค้าขายปลีกส่งแยมมี่*แสงไฟบนหน้าจอกระทบแว่นตาเกือบหนึ่งชั่วโมง แยมนั่งตรวจสอบบัญชีอย่างมีสมาธิ จู่ๆ สมองของเธอกลับมีคำถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของแพนด้าเสียอย่างนั้นเธอกดบันทึกไฟล์เอกสารและปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ลง ก่อนจะใช้สองมือเล็กดันโต๊ะสำนักงาน จนเก้าอี้ล้อเลื่อนถอยหลังอย่างเชื่องช้า แอบชำเลืองสายตามองสาวน้อย อยู่ตรงบริเวณหน้าจอคอมพิวเตอร์"เจ๊มีอะไรหรือเปล่าคะ หนูทำบัญชีไม่เรียบร้อยใช่ไหมคะ" แพนด้าวิ่งพรวดพราดมาใกล้บริเวณโต๊ะที่แยมนั่ง ด้วยท่าทางตื่นตระหนกเพราะกลัวโดนดุแยมเอื้อมแขนยาวไปตรงแผ่นหลังสาวน้อย ก่อนจะยกฝ่ามือลูบแผ่วเบา ราวกับปลอบโยนไม่ให้แพนด้าตื่นเต้นเกินเหตุ"เจ๊..แค่มีคำถามที่สงสัยต่างหาก ไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานเลย" แยมกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่แพนด้ากลับยืนขนลุกซู่ราวกับถูกกดดัน"เจ๊รีบถามมาเลยเถอะ ท่าทางแบบนี้ของเจ๊ มันทำให้หนูอึดอัดเกินไปนะคะ" แพนด้าตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เปลี่ยนทิศทางสายตาเบนลงต่ำแทน"เจ๊ยังจำได้อยู่นะ คราวก่อน..แพนด้ามาคุยเล่นกับเจ๊น่ะ เหมือนจะมีเพื่อนหนุ่มจอมเกเรตามจีบไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมดันมาคบหากับยอดได้ล่ะ แค่ยังสงสัยว่าหนูไม่ได้คบซ้อนใช
*อาคารสองชั้นสุดหรู*เสียงเครื่องยนต์จอดนิ่งและดับสนิทลงท่ามกลางความมืดมิด แยมเปิดประตูฝั่งคนขับออกมายืนเท้าสะเอวมองอย่างชั่งใจ หัวคิ้วคนสวยขมวดมุ่นเธอเบะปากราวกับโมโหยูโรอยู่ไม่น้อย แต่ทว่าสองขาเรียวเล็กกลับเดินไปเปิดประตูฝั่งผู้โดยสาร เธอแบกร่างกายอันหนาเตอะของชายขี้เมาออกมาทันที"เอามา!" แยมตะโกนเสียงดังลั่นพร้อมแสดงสีหน้าโกรธเคือง เธอยื่นฝ่ามือเล็กแบออกอยู่ตรงหน้าเขา แต่กลับโดนอีกฝ่ายเอาคางมาเกยแทน"จะเอาหัวใจของผมเหรอครับคนสวย~" ยูโรกล่าวด้วยน้ำเสียงยานคางเขายิ้มหวานอย่างกวนอารมณ์"นายอยากตายมากนักเหรอ ฉันเป็นใครกันแน่ นายช่วยลืมตาดูหน่อยเถอะนะ" แยมสวนกลับทันควัน เพราะคิดว่าเขายังเอาแต่คิดถึงสาวร้านคาราโอเกะอีก"คุณเป็น..ภรรยาของผมน่ะสิ!" ยูโรยิ้มแป้นตาแทบปิด เตรียมจะยกฝ่ามือหนาลูบละไล้ดวงหน้าเห่อร้อนของเธอ แต่แยมเลือกที่จะผลักเขานอนลงกับพื้นปูนซีเมนต์แทน"ส่งกุญแจมาสักที! ยุงกัดจะตายอยู่แล้วเนี่ย!" แยมตวาดใส่แก้เขินอาย เธอยืนเม้มริมฝีปากแน่นพร้อมกอดอกตนเอง หวังเพียงให้ดวงใจเต้นอย่างสงบลงเขารีบล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วส่งให้เธออย่างว่าง่าย เมื่อประตูบานเล็กถูกเปิดออกแยมจึงลากยูโรเข้
*ร้านคาราโอเกะ*แสงไฟนีออนดวงสีชมพูม่วงกะพริบระยิบระยับ เสียงดนตรีจากห้องข้างๆ ดังลอดมาเป็นจังหวะ ยูโรนั่งอยู่ตรงมุมเคาน์เตอร์บาร์แก้ววิสกี้ในมือแทบไม่เคยว่าง เขาคอยรินซ้ำจนของเหลวสีทองขลุกขลิกเกือบล้นขอบแก้วภายในหัวใจของเขา.. ยังคงวนเวียนกับภาพแยมกำลังยืนหัวเราะเคียงข้างบรรเจิด หรือว่าเธอไม่เห็นความหมายของการรอคอยที่เราทำมาตลอดเลย เขาเอาแต่นั่งตัดพ้อตัวเองอยู่ซ้ำๆหญิงสาวรูปร่างเพรียวบางหน้าตาดีคนหนึ่ง เธอสวมชุดกระโปรงสีทองแบบกระชับลำตัว เดินเข้ามานั่งอยู่ตรงด้านข้างเขา กลิ่นน้ำหอมแสนหวานช่างเย้ายวนราวกับกลิ่นไวน์เก่าแก่"ยูโร! ไม่ได้เจอกันตั้งนาน!" น้ำเสียงสดใสเอ่ยทักทายคนนั่งสับสน เธอกำลังเท้าคางมองแววตาเป็นประกาย เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะจำได้ "เรไร" อดีตเพื่อนสนิทของแยมสมัยเรียนมัธยม พวกเธอทั้งสองเคยไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ และยังเคยเป็นแฟนเก่าของเขาด้วยเช่นกัน"อืม!" ยูโรตอบเสียงแหบแสนจะแผ่วเบาเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์"นายมานั่งดื่มคนเดียว แต่ทำไมหน้าตาบึ้งตึงเชียว" เรไรหัวเราะน้อยๆ มือเรียวแตะไหล่เขาเป็นเชิงหยอกล้อ ยูโรไม่ได้ผลักไสเพราะเคยพูดคุยปรับความเข้าใจกันแล้ว เพียงปล่อยให้เ
*ร้านค้าขายปลีกส่งแยมมี่*เสียงกระดิ่งเหนือประตูไม้เริ่มดังเมื่อมีลูกค้าเปิดเข้ามาอีกครั้ง กลิ่นหอมกรุ่นจากขนมปังสดกับใบตองที่อบอวลอยู่ทั่วทั้งร้าน ผสมกับเสียงเครื่องคิดเลขดังไม่หยุด ทำให้บรรยากาศดูคึกคักกว่ายามปกติแยมจัดเรียงขนมปังกรอบลงตะกร้าใหญ่ พลางเหลือบมองนาฬิกาแขวนบนฝาผนังเป็นระยะ เข็มสั้นชี้ที่เลขห้าเข็มยาวเกือบแตะเลขสิบสอง ใจเธอเต้นแผ่วแรงด้วยความคาดหวังอีกเพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น ยูโรก็คงมารออยู่ตรงหน้าร้านเหมือนทุกวัน ตั้งแต่เขาออกจากโรงพยาบาลมา ทั้งสองมักจะเดินเล่นรับลมยามเย็นด้วยกัน จนเป็นดั่งกิจวัตรประจำวันเลยเหล่าลูกน้องต่างกระวีกระวาดทำงาน เพราะใกล้ได้เวลาเลิกงานแล้วเช่นกัน คงไม่อยากทำงานล่วงเวลาเหมือนอย่างเคย ทุกสิ่งเป็นได้แค่เพียงความคิดเท่านั้น เมื่อได้ยินเสียงสวรรค์จากลูกค้ารายสุดท้ายมาเยือน"สวัสดีครับแยม~" เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นบริเวณตรงหน้าประตูหญิงสาวเงยใบหน้าขึ้นมอง เห็นร่างสูงในเสื้อเชิ้ตแขนพับสีขาวกับกางเกงผ้าเรียบ "บรรเจิด" เพื่อนสมัยมัธยมและเป็นคนที่เคยทำให้หัวใจเธอแกว่งไกวอยู่พักหนึ่ง เขากำลังยืนยิ้มอย่างจริงใจ"อ้าว! บรรเจิด! มาซื้อของเหรอ หายหน้าห
*ภัตตาคารสุดหรู*เสียงไวโอลินบรรเลงคลอเบาๆ ท่ามกลางแสงไฟสลัวมองแล้วย่อมอบอุ่นสายตา ภายในภัตตาคารหรูหราริมแม่น้ำถูกตกแต่งด้วยโทนสีครีมทอง ประกายวิบวับจากแชนเดอเลียร์เหนือศีรษะห้อยระย้าจากบนเพดาน ส่องแสงกระทบแก้วไวน์จนระยิบระยับ แยมเอาแต่ยืนเกร็งตัวอยู่ด้านหน้า ใจเธอเต้นแรงราวกับเด็กที่ถูกครูใหญ่เรียกพบ"ไม่ต้องกังวลนะหนูแยม พ่อแค่พามาทานอาหารอร่อยกัน ปล่อยตัวตามสบายเถอะนะ" เสียงสุภาพของเปโซเอ่ยขึ้น เขาเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่ ผมขาวแซมขมับแต่งตัวด้วยสูทเข้ารูป ดูภูมิฐานจนใครๆ ต้องเหลียวมองข้างกายคือดีนาร์ เธอเป็นภรรยาของเขา หญิงวัยกลางคนที่ยังคงงดงามในชุดกระโปรงผ้าไหมสีงาช้าง ใบหน้าสงบและอ่อนโยน เธอยื่นมือมาสัมผัสแขนแยมเบาๆ แทนกำลังใจ"แม่เองก็ตั้งใจอยากจะเจอหนูมานานแล้ว วันนี้ถือว่าเป็นโอกาสดีเลยนะ" ดีนาร์กล่าวพร้อมยิ้มหวานแยมกะพริบตาปริบๆ มือเรียวกำสายกระเป๋าสะพายไหล่จนแน่น เธอสวมชุดกระโปรงเรียบง่ายที่พยายามเลือกอย่างคัดสรรให้ดีที่สุดแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกไม่คู่ควรกับสถานที่และบรรยากาศเลย เพราะออกจากโรงพยาบาลมาได้ ก็ถูกคุณแม่ของยูโรแปลงโฉมภายในห้างสรรพสินค้าทันที"ขอบคุณมากเลยค่ะ







