ログインตอนที่ 5 หวนคืน
รั่วซีพยายามลืมตา ทั้งที่หัวของเธอปวดจนเหมือนมันจะแยกออกเป็นเสี่ยง ๆ เสียงร้องไห้กระจองอแงยังดังอยู่ไม่ไกล และยังได้ยินเสียงเหมือนมีคนคอยปลอบ คอยห้ามไม่ให้อีกคนร้องไห้
"ที่ไหน... " รั่วซีพูดด้วยน้ำเสียงอันแหบแห้ง
"แม่... น้องร้อง" เสียงนี้ดังอยู่ไม่ไกลจากรั่วซีมากนัก
เสียงนั้นทำให้รั่วซีถึงกับนิ่งงัน ก่อนจะค่อย ๆ หันไปมองทิศทางที่มาของเสียง และก่อนที่น้ำตาของเธอจะไหลออกมา รั่วซีโถมตัวเข้าไปกอดเด็กน้อยสองคนนั้นทันที หลงลืมความเจ็บปวดที่ตัวเองได้รับก่อนลืมตาไปจนหมดสิ้น...
ลูกของเธอ... เด็กสองคนนี้คือลูกของเธอจริง ๆ
พวกเขาอยู่ตรงนี้ ไม่รู้ว่านี่คือความฝันหรือความจริง แต่วินาทีนี้... รั่วซีขอโอบกอดพวกเขาไว้อย่างโหยหาอ้อมกอดนี้... โหยหาความรู้สึกแบบนี้...
"แม่... ปวดหัวเหรอ" หลัวชางเฉิง เด็กชายวัย 4 ขวบ สงสัยที่เห็นแม่ร้องไห้ หรือเพราะไม่สบายมากเลยร้องไห้หนัก
"ไม่... ไม่... แม่ไม่เป็นไร" รั่วซีตอบกลับลูกชายคนโตทันที ปากบอกไม่... ทั้งที่ตอนนี้เธอยังรู้สึกปวดหัวอยู่เลย
อาการปวดหัวมันบ่งบอกว่าเธอยังมีความรู้สึก นั่นหมายถึงเธอยังมีชีวิต หรือว่าเรื่องที่เกิดก่อนหน้านี้คือการเตือนล่วงหน้า แต่หากเป็นการเตือนล่วงหน้า... ทำไมความรู้สึกที่เจ็บปวดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นมันเหมือนจริงมาก แม้แต่ตอนนี้เธอยังรู้สึกอยู่เลย
"น้องน่าจะหิว" ชางเฉิงบอกถึงสาเหตุที่น้องสาวร้องไห้
"หิวเหรอลูก" รั่วซีหอมแก้มลูกสาวพร้อมกับถามออกไป
"หิว หิว" หลัวซูเหยา ลูกสาววัยเกือบ 2 ขวบตอบพร้อมกับพยักหน้าหงึกหงักไปด้วย
"ผมจะไปเอาน้ำมาให้น้องกินก่อน" ชางเฉิงรู้หน้าที่ดีว่าต้องทำอย่างไร แม่ไม่สบาย เขาต้องทำหน้าที่ดูแลน้องแทน
"ลูกล่ะ หิวไหม" รั่วซีถามลูกชายพร้อมกับหอมแก้มลูกชายไปด้วย
"พ่อบอกว่าเป็นผู้ชายต้องอดทนได้ ให้แม่กับน้องกินก่อน" ชางเฉิงจำที่พ่อสอนได้
รั่วซีน้ำตาซึมอีกครั้งที่เห็นลูกชายรู้ความขนาดนี้ ลูกของเธอทั้งสองคนเป็นเด็กดีว่านอนสอนง่าย ไม่รู้เธอคิดอะไรอยู่ในตอนนั้นถึงทิ้งลูกที่น่ารักแบบนี้ไป ทั้งที่ทั้งสามคนตัวติดกันตลอด ไปไหนต้องไปด้วยกันไม่เคยห่าง
รั่วซีคิดว่าไม่น่าจะใช่เหตุการณ์ล่วงหน้าหรือลางสังหรณ์อะไรแบบนั้น เพราะความรู้เจ็บปวดมันยังเกาะกินหัวใจเธออยู่เลย เธอคิดว่าตัวเองนั้นได้ 'หวนคืน' กลับมาก่อนช่วงเวลาที่จะเกิดเหตุการณ์เลวร้าย
"ถ้าอย่างนั้นไปเอาน้ำมาให้แม่หน่อย" รั่วซีเบี่ยงเบนความสนใจของลูกชาย เพื่อที่จะตรวจสอบรอยแผลเป็นที่ข้อมือของตัวเองก่อน... ว่ามันมีอยู่จริงไหม
หากว่ามีอยู่จริง สิ่งเหล่านั้นจะช่วยครอบครัวเธอได้ รั่วซีหลับตาแล้วคิดถึงพื้นที่ของตัวเองทันที
พรึบ!! รั่วซีและลูกสาวหายเข้าไปในพื้นที่ของตัวเองทันที
"ขอบคุณ ขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่าง" ประโยคนี้ถูกเปล่งออกมาพร้อมกับความดีใจจนไม่รู้จะอธิบายออกมายังไง
ก่อนจะตั้งสติแล้วมองลูกสาวที่กำลังดีดดิ้นจะออกจากอ้อมแขนของเธอ แต่เพราะทิ้งลูกชายไว้ข้างนอก รั่วซีเลยต้องออกไปก่อน แล้วค่อยเข้ามาใหม่พร้อมกัน
พอคิดแบบนั้นแล้ว... รั่วซีก็นึกถึงบ้านของเธอที่อยู่ภายนอกทันที
พรึบ!! รั่วซีออกมาอยู่ข้างนอกตามที่ตัวเองคิดทันที
"หายเลย" เจ้าตัวเล็กที่ตอนแรกดีดดิ้นลงเล่นบนพื้นสวย ๆ พูดออกมาทันทีที่กลับมาอยู่ที่บ้านของตัวเอง
"น้ำหมด... เลยช้า" ชางเฉิงบอกถึงสาเหตุที่ตัวเองหายไปนาน
"อาเฉิง... ต่อไปพูดต่อท้ายว่า ครับ นะลูก" รั่วซีสอนลูกชาย ปกติจะเห็นแต่เด็กที่เรียนหนังสือหรือเด็กที่อยู่ในเมืองพูดต่อท้ายด้วยคำสุภาพ แต่รั่วซีจะให้ลูกชายหัดไว้ เพราะอีกไม่นาน ยังไงเธอก็จะส่งลูกชายไปเรียนหนังสืออย่างแน่นอน
"หัดไว้... อีกหน่อยไปเรียนจะได้ชิน" รั่วซีบอกเหตุผลให้ลูกชายได้รับรู้ เขาจะได้อยากพูดตามที่เธอสอน
"เรียนเหรอ... ครับ" ชางเฉิงแปลกใจกับสิ่งที่ได้ยิน เขาจะได้เรียนจริง ๆ ใช่ไหม... เรียนเหมือนที่พ่อและแม่เคยเรียนใช่ไหม...
"ใช่ ลูกต้องได้เรียน... และแม่มีอีกเรื่องที่จะบอก... เรื่องต่อไปนี้ อย่าเอาไปพูดหรือบอกใครให้รู้เข้าใจไหม" รั่วซีกำชับลูกชาย ทั้งที่พอจะรู้ว่าลูกชายไม่ไปพูดกับใครง่าย ๆ ขนาดเพื่อนยังไม่ค่อยมีเลย
"ครับ" ชางเฉิงรับปากแม่ ถึงไม่รู้ว่าเรื่องอะไร แต่เขาก็รับปากแม่ไว้ก่อน
"จับมือแม่ก่อนลูก" รั่วซียื่นมือออกไปหาลูกชาย ส่วนมืออีกข้างยังอุ้มลูกสาวตัวน้อยที่ดูคอพับคออ่อนเหมือนจะหลับ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังดีดดิ้นจะลงเล่นอยู่เลย
พรึบ!! รั่วซีพาลูกทั้งสองเข้ามาในพื้นที่ทันที
"เล่น" ซูเหยาลืมตาตื่นทันทีที่เข้ามา และความคิดแรกที่อยากทำคือ...เล่นที่พื้นสวย ๆ
"เดี๋ยวค่อยเล่น ตอนนี้เราต้องกินข้าวให้เรียบร้อยก่อน" รั่วซีบอกลูกสาวตัวน้อยพร้อมกับพาทั้งสองเดินเข้าไปในครัว
"แม่... ที่ไหนเหรอครับ" ชางเฉิงสงสัยมาก สถานที่สวยงามแห่งนี้คือที่ไหน
"บ้านของเรา แต่เราไม่สามารถบอกคนอื่นได้ เพราะคนอื่นอาจมาแย่งสิ่งของเหล่านี้ไปจากเรา แม่ถึงให้ลูกปิดเป็นความลับของครอบครัว ห้ามบอกใคร" รั่วซีหาข้ออ้างมาให้ลูกชายเข้าใจ ซึ่งจากที่เธอดูก็เหมือนลูกชายจะเชื่อตามที่เธอบอก
"ปิด... เหยาเหยาปิด" ซูเหยาไม่รู้หรอกว่าเรื่องอะไร รู้แต่กลัวคนแย่ง เหมือนแย่งต้นไม้สวย ๆ เลยบอกแม่ว่าเธอจะปิดเหมือนกัน...
"ดีมาก มากินข้าว นั่งดี ๆ อย่ายุกยิกเดี๋ยวหล่น" รั่วซีบอกลูกสาวทันทีที่วางบนเก้าอี้
รั่วซีเอาอาหารที่ทำไว้ก่อนหน้านี้ออกมาอุ่น จนกลิ่นอาหารหอมคละคลุ้ง เด็กน้อยทั้งสองต่างนั่งนิ่ง กลืนน้ำลายดังเอื้อก ๆ ระยะเวลาที่รั่วซีอุ่นอาหารนั้นไม่นานเลย เพราะมีเครื่องมืออำนวยความสะดวกสำหรับอุ่นอาหารอยู่แล้ว
"กินอาหารอ่อน ๆ ก่อน รอพ่อมาค่อยกินข้าวขาว" รั่วซีบอกลูกทั้งสอง พร้อมกับวางชามโจ๊กให้ลูกชาย
"มีเนื้อด้วยเหรอ คะ... ครับ" ชางเฉิงเห็นสิ่งที่อยู่ในโจ๊กก็ถามแม่ทันที และก็ยังไม่ชินกับการพูดลงท้าย ยังมีตะกุกตะกัก
"ต่อไปเราจะมีเนื้อกินทุกวัน... อย่างที่แม่บอก... เรื่องนี้ต้องปิดเป็นความลับของครอบครัวเรา" รั่วซีย้ำเตือนในเรื่องนี้
"แม่... น้ำกินอยู่ไหนครับ" เพราะความเคยชินที่ต้องกินน้ำก่อนกินข้าวเลยต้องถามแม่ก่อน
"ต่อไปเราจะเลิกกินน้ำก่อนกินข้าว แต่ถ้าหิวน้ำก็กินได้จ้ะ" รั่วซีเอาน้ำออกมาเทใส่แก้วให้ลูกชาย พร้อมกับคิดว่า... ก่อนหน้านี้ครอบครัวของเธอประหยัดอย่างมาก ก่อนกินข้าวต้องกินน้ำก่อน เพื่อที่จะได้อิ่มเร็ว ๆ แต่ต่อไปจะไม่เป็นแบบนั้นอีกแล้ว...
พี่ชายพยักหน้ารับคำ ก่อนจะเริ่มกินโจ๊กอย่างช้า ๆ เหมือนไม่ค่อยกล้าตักเข้าปากสักเท่าไร
ส่วนน้องสาวนั้นเอามือน้อย ๆ ขึ้นปิดปาก บ่งบอกว่าเธอจะปิดเป็นความลับ พอเห็นแบบนี้ก็ทำให้รั่วซีถึงกับยิ้มกว้างออกมา...
"เหยาเหยา กินโจ๊กก่อนค่อยเล่นเนอะ" รั่วซีหันมาตักโจ๊กป้อนลูกสาว
ในตอนแรกอยากจะให้ลูกหัดกินเองเรื่อย ๆ แต่เพราะอีกไม่นานสามีอาจกลับมาบ้าน เธอเลยป้อนลูกคนเล็กเอง น่าจะเร็วกว่า จะได้มีเวลาอาบน้ำให้ลูกทั้งสอง เปลี่ยนใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ที่รั่วซีเตรียมไว้
ในตอนที่กดสั่งจักรเย็บผ้า รั่วซีได้ตัดเย็บชุดเสื้อผ้าต่าง ๆ เพราะคิดถึงลูก ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีโอกาสได้ให้ลูกใส่ แต่ตอนนี้มีโอกาสแล้ว เธอจะจับลูกทั้งสองอาบน้ำอุ่น ใส่เสื้อผ้าดี ๆ ให้สมกับที่เธออยากทำมาตลอด...
ตอนที่ 11 ตลาดมืดเมื่อวานนี้รั่วซีพยายามหลบเลี่ยงกัวเหลียง ดีที่มีกลุ่มหัวหน้าหมู่บ้านเข้ามาพูดคุย ทำให้รั่วซีกับลูก ๆ ปลีกตัวออกมาได้ง่าย ๆ เหตุการณ์เมื่อวานทำให้รั่วซีเกิดอาการหวาดผวา แค่สามีเอามือมาแตะเธอเบา ๆ ก็สะดุ้งแล้ว แต่พอรู้ว่าเป็นสามีเลยต้องพูดเอาตัวรอดไปเรื่อย ๆ ดีที่แต่ก่อนเธอไม่ค่อยได้คุยกับเขามากนักเลยทำให้เขาไม่สงสัยอะไร...จือหยวนเลยต้องรับหน้าที่เอาสิ่งของและอาหารไปให้ครอบครัวพี่สาม เพราะเห็นว่าภรรยาเหมือนจะไม่ค่อยสบาย และเขาไม่อยากให้ภรรยาต้องเดินตากลมและเจออากาศเย็น ๆ อาจทำให้ไข้กลับมาอีก...วันรุ่งขึ้นครอบครัวของรั่วซีก็พากันเข้าเมือง เพื่อหาลู่ทางสร้างรายได้ให้กับครอบครัว หากเดินเข้าเมืองก็ต้องใช้เวลานาน ทั้งสองสามีภรรยาจึงตัดสินใจไปขึ้นรถแทรกเตอร์หน้าหมู่บ้าน จะได้ถึงที่หมายโดยเร็วเด็ก ๆ ต้องตื่นแต่เช้า เพื่อออกมาพร้อมกันทั้งครอบครัว ดีที่เด็
ตอนที่ 10 หลีกเลี่ยงไม่ได้"กลับเลยไหมครับ" จือหยวนถามภรรยา หลังจากที่ได้รับส่วนแบ่งเรียบร้อยแล้ว"จะรีบกลับไปไหน" เจ้าหรูถามน้องเขยกับน้องสาวที่เหมือนรีบร้อนจะกลับ"พอดีผมมีงานต้องไปทำต่อครับ" จือหยวนตอบพี่สาวของภรรยา"เขามีประชุมต่อไม่ใช่เหรอ" เจ้าหรูก็บอกในสิ่งที่ตัวเองรู้มาเช่นเดียวกัน"ประชุมอะไรเหรอคะ" ประโยคเบาหวิวนั้นมาจากรั่วซี"ไม่รู้เหมือนกัน หัวหน้าหมู่บ้านมาแจ้งเมื่อวานตอนเย็น ๆ " เจ้าหรูคิดว่าน้องสาวก็คงไม่รู้อีกตามเคย บ้านอยู่ไกลจากคนอื่นขนาดนั้น คงไม่มีใครไปแจ้งข่าว และปกติแล้วน้องสาวจะมาบ้านแทบทุกวัน ยังไงก็รู้ต้องรู้ข่าว หัวหน้าหมู่บ้านเลยไม่ไปแจ้ง จะแจ้งที่บ้านที่เดียว แล้วคนที่บ้านจะไปบอกครอบครัวของน้องสาวเอ
ตอนที่ 9 แจกจ่ายผลผลิตเมื่อเข้ามาในพื้นที่ สามีก็เดินดูสิ่งของในโกดัง ส่วนรั่วซีเข้ามาเตรียมอาหารที่พอจะแบ่งไปให้พี่สามได้ แล้วอ้างว่าได้มาจากครอบครัวของสามี เพราะมีหลายคนเห็นสามีของเธอเข้าไปในเมือง เธอเลยจะบอกพี่ชายแบบนั้น"แม่คะ... เหยาเหยาอยากเก็บเฉ่าเหมยที่อยู่ข้าง ๆ แปลงดอกไม้" เหยาเหยาเดินเข้าครัวมาบอกแม่ จริง ๆ เหยาเหยาอยากออกไปเก็บเลย แต่พี่ใหญ่บอกต้องมาบอกแม่ก่อน..."จะเก็บเฉ่าเหมยหรือว่าเก็บดอกไม้" รั่วซีวางมือจากงานที่ทำอยู่ ก่อนจะหันไปมองเจ้าตัวเล็กที่อยากออกไปเล่นข้างนอกอย่างรู้ทัน"ไม่เก็บ ไม่เก็บ เหยาเหยาแค่จะไปดูเฉย ๆ " เหยาเหยารีบบอกทันที มันอยู่แบบนั้นสวยอยู่แล้ว และที่สำคัญไม่มีใครมาแย่งต้นไม้เหยาเหยาได้ หากเก็บไปอาจมีคนมาแย่งจากมือก็ได้"ได้ค่ะ แต่เฉ่าเหมยเก็บแค่พอกินนะคะ อาเฉิงดูน้องได้ไหมคะ เดี๋ยวแม่ตามออกไ
ตอนที่ 8 สำรวจพื้นที่และวางแผนจือหยวนออกมายืนมองพื้นที่รอบ ๆ ปกติเวลานี้เขาต้องหลับสนิทแล้ว แต่เพราะมีเรื่องที่เกิดขึ้นกับครอบครัวเลยทำให้เขาไม่สามารถข่มตาหลับได้ เดินสำรวจทั่วทั้งบ้านและตอนนี้ออกมายืนดูแปลงเฉ่าเหมยที่ออกผลแดงเต็มต้น เขาเดินเข้าไปเก็บและส่งเข้าปากเพื่อชิมรสชาติ ซึ่งเฉ่าเหมยมีรสชาติหวานมาก ตอนที่เขาเป็นยุวชนเคยได้ลองกินแต่ไม่หวานแบบนี้จือหยวนเดินเข้าออกตามสถานที่ต่าง ๆ และลองกดที่หน้าจอสั่งงานที่ภรรยาสอนไว้ ภรรยาคงรู้ว่าเขาคงนอนไม่หลับ เลยสอนให้เขาใช้หน้าจอสั่งงาน ยังดีที่มีตัวหนังสือบอกไว้ ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจำได้ไม่หมดแน่นอนรั่วซีตื่นเช้ามาก็มองหาสามีทันที... ยังดีที่เห็นเขานอนอยู่ข้าง ๆ นึกว่าจะนอนไม่หลับเสียอีก วันนี้รั่วซีเลือกนอนห้องนอนรวมที่มีเตียงขนาดใหญ่ สามารถนอนรวมกันได้ทั้งหมด และเธอคิดว่าอีกนานกว่าที่เด็ก ๆ จะตื่น เพราะได้นอนที่นอนอุ่น ๆ นุ่ม ๆ เลยปล่อยให้ทั้งพ่อและลูกนอนก
ตอนที่ 7 เปิดเผยความจริง"ฉันจะตอบคุณทุกคำถามที่คุณอยากรู้ แต่หลังจากที่คุณกินข้าวอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว... ดีไหมคะ" เมื่อเข้ามาถึงในตัวบ้าน รั่วซีก็หันไปบอกสามีทันทีที่ต้องบอกแบบนั้นเพราะดูจากท่าทางเหนื่อยล้าของสามีแล้ว ควรให้เขากินข้าวให้อิ่มท้อง อาบน้ำให้สบายตัว หลังจากนั้นเขาอยากรู้อะไรเธอจะบอกเขาเอง... แต่คงไม่ทุกอย่าง... เพราะเธอยังละอายกับเรื่องที่เธอทิ้งเขากับลูกไป ยกเว้นเรื่องนี้ ให้เธอรู้เพียงคนเดียวก็พอแล้ว..."ครับ" จือหยวนตอบรับภรรยาเช่นทุกครั้ง ไม่ว่าภรรยาจะว่าแบบไหนเขาก็ตอบรับเสมอ ถึงแม้สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าทำให้เขาสงสัยมากก็ตาม เสื้อผ้าชุดใหม่ที่ภรรยาและลูกใส่ รวมถึงของเล่นที่ลูกกำลังถือ ขนมที่หาซื้อได้แค่ในเมือง ไม่รู้สิ่งของเหล่านี้มาจากไหน เขามั่นใจว่าภรรยาไม่ได้ออกไปไหน เพราะว่าภรรยาไม่สบายมาหลายวันแล้ว...
ตอนที่ 6 ตั้งตารอ... เพื่อพบเจออีกครั้งรั่วซีจับลูกทั้งสองอาบน้ำจนสะอาด แต่ละคนมีกลิ่นหอมของสบู่ติดตัว เจ้าตัวเล็กดีดดิ้นกับชุดใหม่ที่ได้ใส่ ไม่รู้ว่าดีใจหรือว่ายังไง ส่วนเจ้าตัวโตก็อมยิ้มหยิบชายเสื้อมาสูดดมกลิ่นหอมบ่อย ๆ"อยู่ในนี้ก่อน แม่ขอไปเก็บครัวและตรวจดูอะไรหน่อย เสร็จแล้วเราค่อยออกไปรอพ่อพร้อมกัน" รั่วซีพาลูกทั้งสองเข้ามาในพื้นที่ที่เป็นคอกกั้น พื้นปูด้วยพรมนุ่ม ๆ ตอนแรกที่เห็นสิ่งนี้เธอไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ตอนนี้เธอรู้แล้ว ในนั้นกว้างพอสมควร มีทั้งลูกบอลกลม ๆ หลากสีวางเรียงรายอยู่เต็มพื้นทำให้เจ้าตัวเล็กทั้งสองวิ่งเข้าไปอยู่ โดยที่เธอไม่ได้บังคับเลยสักนิดเดียว รั่วซีออกจากห้องโถงแล้วตรงเข้าไปในครัว เพื่อดูว่ามีอาหารอะไรบ้าง เธอยังมีเวลาสามารถทำอาหารเพิ่มได้ อาหารมื้อใหญ่เป็นการกินเพื่อแสดงความยินดีให้กับตัวเองที่ได้กลับมาอีกครั้งรั่วซีทำอาหา







