공유

บทที่ 160

작가: กระต่ายน้อยใต้ดวงจันทร์
“เช่นนั้นเราจะแต่งตั้งสนมรักเป็นเจาอี๋แล้วกัน และประทานทองคำและเงินอีกอย่างละหนึ่งพันตำลึง ส่วนปิ่นทองและเครื่องประดับให้สนมรักเลือกได้ตามใจ” ฮ่องเต้มือเติบเป็นอย่างยิ่ง

ในเสี้ยวนาทีที่ความสูงศักดิ์มั่งคั่งอันมโหฬารนี้ถูกโยนลงมา ก็กระแทกใส่หวังเหม่ยเหรินจนวิงเวียน ชั่วขณะหนึ่งไม่รู้ว่าควรตอบสนองอย่างไรดี ยังคงเป็นนางกำนัลที่ปรนนิบัตินางก้าวเข้าไปเตือน นางจึงได้กล่าวขอบพระทัยติดๆ กัน

ฮ่องเต้ตรัสแล้วไม่คืนคำ เพียงชั่วพริบตา หวังเหม่ยเหรินก็ได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นไปถึงสองระดับ ทำให้เหล่าฮูหยินและไฉเหรินทั้งหลายอิจฉาไม่หยุด

ในเสี้ยววินาทีนั้น ก็มีคนเสนอตัวออกมาติดต่อกันเป็นจำนวนมาก จนทั่วทั้งตำหนักก็คึกคักขึ้นมา

หย่าเฟยก็เต้นระบำของแคว้นเจาซีท่ามกลางสายตาผู้คนเพื่อสร้างความสำราญเช่นกัน สายตาของทุกคนล้วนจับจ้องไปยังสะดือที่ปรากฏขึ้นอย่างวับวาบของนาง

เจียงเฟิ่งหัวนั่งอยู่บนที่นั่งอย่างว่าง่าย สายตาของฮ่องเต้มิได้ละจากฮองเฮาเลย นี่เขาหมายความว่าอย่างไรกัน? หรือฮ่องเต้ประสงค์ให้ฮองเฮาร่ายรำเพื่อพระองค์สักเพลงเช่นกัน?

นางรีบปฏิเสธความคิดนี้ เพราะฮองเฮาอายุสี่สิบกว่าแล้ว ผู้ใดจะคาดว่าวินาทีฮ่
이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요
잠긴 챕터

관련 챕터

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 161  

    กระทั่งเฉิงฮองเฮาหายใจคล่องขึ้นแล้ว นางกลับทอดสายตามองไปทางเจียงเฟิ่งหัว มองจากแววตาของนางมิได้เห็นท่าทีแดกดันและเย้ยหยัน กลับเป็นการให้กำลังใจกันมากกว่า คิดได้ว่าตัวนางเองก็เคยเป็นถึงบุตรสาวของฝู่กั๋วกง เรียนศิลปะสี่แขนงและประพันธ์ลำนำคำกลอนมาตั้งแต่เยาว์วัย ตัวนางเองก็เติบโตมาภายใต้การดูแลเอาใจใส่อย่างดีจากบุพการี ต่อมาในตอนที่อภิเษกสมรสกับฝ่าบาท ก็เป็นช่วงวัยที่งดงามสดใสดุจบุปผาเฉกเช่นเดียวกับพวกนาง สูญเวลาไปกว่าครึ่งชีวิตแล้ว สิ่งที่นางเดิมพันคือลมหายใจ จึงยืนหยัดมาได้จนถึงทุกวันนี้ นางมิอาจยอมให้บุตรชายถูกใครดูหมิ่นดูแคลนอย่างเด็ดขาด จะต้องให้ฝ่าบาทเห็นว่านางเฉิงหลางจิ่นเองก็เคยมีเกียรติยศอันสง่างามด้วยเหมือนกัน “สี่หมัวมัว จงไปนำพิณหยกงามของข้าออกมา” ฮองเฮาหันกลับไปมองฮ่องเต้ “หม่อมฉันมิได้ดีดพิณมาหลายปี ฝีมือบรรเลงคงจะระคายพระกรรณของฝ่าบาทแล้ว ขอฝ่าบาทโปรดให้อภัยด้วยเพคะ” ฮ่องเต้ทอดพระเนตรมาทางนาง ดวงเนตรส่องประกาย “ไม่เห็นเป็นไร มีฮองเฮาคอยเสริมความสนุกสนาน งานเลี้ยงฉลองนี้ก็สมบูรณ์แบบแล้ว” แววตาของฮองเฮาฉายประกายเย็นเยียบเล็กน้อย มุมปากยกยิ้มขึ้นบาง ๆ “ตราบใดที่ฝ่าบา

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 162  

    บทแทรกเล็ก ๆ ระหว่างกลางทำให้พวกนางรู้สึกเศร้ารันทดถึงที่สุด และเมื่อได้พบเจอฟ้าดินอันแสนกว้างขวางอีกครั้ง พวกนางได้ปล่อยวางหนทางข้างหน้าและอดีตที่ผ่านพ้นมาไปแล้ว ดรุณีที่สนิทสนมกันราวกับว่าถูกชะตากรรมดึงมาให้รวมตัวกันและแยกจากกันอีกครั้ง พวกนางเคยผ่านช่วงเวลาที่มีสายตาของผู้คนนับหมื่นจ้องมองในตอนที่ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด และตกลงมาอีกครั้งในหุบเหวลึกหมื่นจ้าง และสุดท้ายก็เหลือไว้เพียงเสียงสะท้อนอันก้องกังวาน วนเวียนไปไม่สิ้นสุด คล้ายกับพวกนางได้ผ่านสภาพการณ์อันรุ่งเรืองดั่งภาพร้อยวิหคชูคอคารวะหงส์ ดูราวกับว่าพวกนางกำลังสนทนาถึงความผันผวนของชีวิตคน รวมถึงสภาพสังคมอันยากลำบาก และนางก็เป็นดั่งพญาหงส์ที่โดดเด่นอยู่ท่านกลางฝูงวิหคที่กำลังร้องขับขานอย่างพร้อมเพรียง ราวกับว่าเฉิงฮองเฮาได้ดีดพิณถ่ายทอดเรื่องราวในชีวิตของนางออกมา และท่าร่ายรำของเจียงเฟิ่งหัวก็ยิ่งวิจิตรตระการตา ท่วงท่าของนางแสดงให้เห็นถึงความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของเด็กสาว ความโศกเศร้าโศกาของสตรีผู้ซึ่งออกเรือนแล้ว เรื่อยไปจนถึงการปล่อยวางได้อย่างถึงอกถึงใจ กระทั่งเพลงสังคีตจบลง ก็ทำให้คนต่างรู้สึกโศกเศร้าหวิวโหวงในช่องท้อง

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 163  

    “เสด็จแม่ไม่เคยทำเรื่องอันใดที่ไม่ให้เกียรติเสด็จพ่อ” เซี่ยซางกล่าวออกไปอย่างกล้าหาญ “เสด็จพ่อควรจะเสด็จไปทอดพระเนตรให้เห็นกับตา ว่าคืนวันในตำหนักคุนหนิงเสด็จแม่ต้องผ่านพ้นไปอย่างไรบ้าง เมื่อคราที่ลูกยังเยาว์วัยก็เคยได้ยินเสด็จแม่ร่ำไห้อยู่บ่อยครั้ง ร้องไห้ติดต่อกันทุกคืน ร้องแล้วจากนั้นก็หัวเราะออกมา ขณะที่ท่านไปอยู่กับซูกุ้ยเฟย แม้กระทั่งเยี่ยนเฟย หวังเหม่ยเหริน หย่าเฟย หรือนางกำนัลคนอื่นในวัง ทว่านางกลับต้องเฝ้ารออยู่ในที่แห่งนั้นตามลำพัง เฝ้ารอมานานยี่สิบกว่าปี ไม่ว่านางจะเคยมีความผิดอะไร เสด็จพ่อก็ควรจะไปดูแลนางบ้าง” พูดถึงฮองเฮา ฮ่องเต้พลันนึกถึงภาพนางขณะดีดบรรเลงเพลงพิณเมื่อครู่ขึ้นมา เมื่อสามสิบปีก่อนนางก็เคยงดงามเจิดจรัสดั่งเช่นตอนนั้นเหมือนกัน เขาเองก็เคยรู้สึกเพลิดเพลินใจไปกับนาง เคยถูกนางดึงดูดมาก่อน “ซางเอ๋อร์ เจ้าเองก็โกรธแค้นเราเหมือนกันหรือ” ฮ่องเต้คล้ายกับอ่อนล้าทั้งกายใจ เพียงเสี้ยวพริบตาก็ดูแก่ชราลงไปมาก เซี่ยซางชะงักไป ครู่เดียวก็เอ่ยขึ้นอย่างฝืนใจตนเอง “กระหม่อมมิได้โกรธแค้นพ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้คร้านจะเล่นปริศนาคำทายกับเขาแล้ว ตลอดหลายปีที่ผ่านมาฮองเฮาพยาย

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 164  

    ซูชิงชิงโกรธจนเจ็บแปลบที่หน้าอก “เจ้าเพิ่งมารู้สึกตัวเอาตอนนี้ว่าตกหลุมพรางของคนอื่น ตอนนั้นมัวทำอะไรอยู่ น่าโมโหเสียจริง” “ท่านป้าแต่บัดนี้ข้าก็รู้ตัวแล้วนี่เจ้าคะ” นางก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในจวนอ๋องให้ฟังอีกครั้ง ซูกุ้ยเฟยก็กล่าวขึ้น “อวิ๋นฟางบอกให้เจ้าทำเช่นนั้นหรือ? นังแพศยา ข้ายังเผลอคิดไปว่านางพอช่วยเจ้าได้ ที่ไหนได้นางกลับได้เสวยสุข ปล่อยเคราะห์กรรมให้เจ้ารับผิดชอบคนเดียว” “ไม่เกี่ยวกับอวิ๋นฟางกูกูเจ้าค่ะ นางช่วยเหลือข้ามาตลอด เป็นเจียงเฟิ่งหัวต่างหาก นางจงใจล่อลวงข้า ตอนนั้นข้าหุนหันพลันแล่นไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบก็เลยสวมรอยใช้ชื่อของนางไปจับจ่ายซื้อของมาเล็กน้อย” ซูถิงหว่านยังเชื่อใจอวิ๋นฟางมาก ถึงอย่างไรอวิ๋นฟางก็คอยช่วยนางเล่นงานเจียงเฟิ่งหัวมาตลอด มิหนำซ้ำยังสอนนางอีกว่าควรผูกมัดใจเซี่ยซางอย่างไร “ของที่เจ้าซื้อมามีเพียงของเจ้าคนเดียวหรือ อาภรณ์แพรพรรณเครื่องประดับใด ๆ เป็นของเจ้าคนเดียวหรือ แล้วทุกครั้งที่เจ้าไปที่โรงเตี๊ยม ลำพังตัวเจ้าคนเดียวจะกินเข้าไปได้สักเท่าใดกันเชียว” ซูถิงหว่านเพิ่งจะฉุกคิดขึ้นมาได้ “อวิ๋นฟางเองก็เพราะว่าถูกใจ ฉะนั้น…นางก็เลยซื้อด้วยเหมือนกั

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 165  

    เซี่ยซางสั่งให้นางกำนัลไปนำตัวซูถิงหว่านมา จากนั้นเขาก็หันไปเอ่ยกับเจียงเฟิ่งหัว “ส่วนเรื่องซูถิงหว่าน แม้นางจะทำความผิด แต่ถึงอย่างไรก็ต้องกลับจวนไปพร้อมกับข้า” อย่างไรเสียนางก็เป็นพระชายารองของเหิงอ๋อง ฮองเฮาจะตบตีหรือจะลงโทษก็เป็นเรื่องของฮองเฮา เฉิงฮองเฮาเพียงเห็นนางแล้วก็ขุ่นเคืองพระทัยขึ้นมาแล้ว และไม่เคยคิดอยากจะรั้งให้นางอยู่ข้างกายให้เกะกะรำคาญตา สุดท้ายซูถิงหว่านก็ต้องกลับจวนเหิงอ๋อง เจียงเฟิ่งหัวก็ไม่มีเหตุผลจะต้องคัดค้าน กระทั่งได้พบซูถิงหว่าน นางทำให้ทั้งร่างกายของตนเองเต็มไปด้วยบาดแผล ท่าทางน่าสงสารจับใจ ทว่านั่นกลับทำให้เจียงเฟิ่งหัวได้เห็นโลกกว้างขึ้น แค่ไปพบซูกุ้ยเฟยเพียงครั้งเดียวสมองถึงกับตื่นรู้เลยหรือ ก็เห็นนางคุกเข่าลงต่อเบื้องหน้าเซี่ยซางและเจียงเฟิ่งหัวอย่างนอบน้อมยำเกรงและเอ่ยว่า “หม่อมฉันคารวะท่านอ๋อง คารวะพระชายา” เซี่ยซางตัวแข็งทื่อไปนัยน์ตาสะท้อนประกายเวทนาสงสารออกมา ทว่าเมื่อหวนคิดถึงเรื่องเลวร้ายที่นางทำลงไป เขาก็พยายามทำเย็นชากับนาง “ลุกขึ้นมาเถิด! กลับจวนกับข้า กลับถึงจวนแล้วจะต้องรู้สำรวมกิริยาวาจา” “หม่อมฉันทราบแล้วเพคะ หลังจากนี้จะเชื่อฟั

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 166  

    หลังจากเซี่ยซางออกไปแล้ว เจียงเฟิ่งหัวก็ได้ตรวจสอบสมุดบัญชีของจวนอ๋อง ผ่านไปหนึ่งวันเต็มแล้ว นางก็ยังตรวจสอบไม่หมด พอได้เข้าใจถึงจำนวนอันมากมายมหาศาลของทรัพย์สินส่วนตัวในจวนเหิงอ๋องแล้วคร่าว ๆ ทำให้นางถึงกับตะลึงงันตาค้าง แม้ว่านางจะวางแผนสิบปี หาทรัพย์สินเงินทองให้สกุลเจียงมาแล้วไม่น้อย จนเรียกว่าร่ำรวยได้แล้วก็ตาม ทว่ามันก็ยังเทียบไม่ได้แม้แต่หนึ่งในหมื่นส่วนของจวนเหิงอ๋องด้วยซ้ำ สมบัติของสกุลเจียงในตอนนี้เป็นสิ่งที่พวกเขาใช้สองมือสองเท้าของตัวเองหามาด้วยความยากลำบาก ขณะที่ทรัพย์สมบัติของเซี่ยซางกลับเป็นสิ่งที่ราชสำนักจัดสรรให้มาอย่างง่ายดาย บางคนเกิดมาก็คาบช้อนเงินช้อนทองอยู่ในปากแล้ว ไม่เหมือนกับนางแม้จะมีชีวิตอีกกี่สิบปีก็เรียกได้แค่ว่าพอร่ำรวยบ้างเท่านั้น เพราะฉะนั้นการเกิดมามีต้นทุนถึงได้สำคัญมาก นางพลิกดูสมุดบัญชีเล่มก่อนหน้าของจวนอ๋องอีกครั้ง ก็พบว่าเซี่ยซางเคยใช้เงินไปไม่น้อยกับซูถิงหว่านจริง ๆ นางพึมพำกับตนเอง “ซูถิงหว่านรักเซี่ยซางจริงหรือเปล่านะ? หากว่าเขามิได้ใช้จ่ายเงินจำนวนมากขนาดนี้เพื่อนางแล้ว หรือหากว่าเขาเป็นแค่ปัญญาชนยากจนคนหนึ่ง ซูถิงหว่านยังจะรักเขาเหมื

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 167  

    เซี่ยซางเอ่ยขึ้น “โชคดียิ่งนักที่มีเจ้า มิเช่นนั้นข้าก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าจะจัดการกับบาดแผลนี้อย่างไรดี เจ้าก็รู้ ว่าเรื่องที่ข้าได้รับบาดเจ็บจะให้วังหมัวมัวและพ่อบ้านเฉิงรู้ไม่ได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นแล้วเรื่องต้องไปถึงหูเสด็จแม่แน่” มิใช่ว่ายังมีหลินเฟิงอีกคนที่ช่วยเขาทายาได้หรอกหรือ? ที่เซี่ยซางจะขอบคุณคงมิใช่แค่เรื่องนี้หรอกกระมัง ดูท่าเขายังเหลือช่องว่างให้ตนเองอยู่อย่างนั้นสินะ! นางจึงกล่าวว่า “หม่อมฉันเป็นภรรยาของท่านอ๋อง เรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องในความรับผิดชอบของหม่อมฉันอยู่แล้วเพคะ” เจียงเฟิ่งหัวอาบน้ำให้เขาอย่างละเอียดลออ เลี่ยงบริเวณที่เป็นแผล ส่วนอื่นที่เหลือให้นางจัดการจนเรียบร้อยทั้งหมด นางอยากจะพูดออกไปเหลือเกินว่า เจ้าบาดเจ็บแค่บริเวณแผ่นหลัง ใช่ว่ามือจะได้รับบาดเจ็บอะไร ส่วนล่างของตนเองก็น่าจะจัดการเองได้มิใช่หรือ! เซี่ยซางเห็นนางหน้าแดงไปถึงใบหู มองเห็นความกระอักกระอ่วนของนางจึงเอ่ยว่า “นานเพียงนี้แล้ว เจ้ายังหน้าแดงอีกหรือ ใช่ว่าไม่เคยเห็นมาก่อน” นางเอ่ยสวนทันควัน “วิญญูชนพึงแต่งกายให้เรียบร้อย แววตาน่าเกรงขาม ผู้คนมองแล้วจึงรู้สึกเคารพยำเกรง…” “เจ้าคาดหวัง

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 168  

    “เสด็จพ่อพระราชทานสมรสแล้ว เจ้ายังจุกจิกเรื่องความประพฤติของข้าอีกหรือ” เจียงเฟิ่งหัวรีบยกมือปิดปาก รู้ตัวว่าเผลอพลั้งปากพูดสิ่งที่มิควรออกไปแล้ว จึงพูดตะกุกตะกักออกมา “หม่อมฉันมิบังอาจเพคะ” เซี่ยซางกลับมิได้ถือสานาง ถึงอย่างไรราชครูเจียงก็เป็นอาจารย์ผู้ซึ่งมีหน้าที่ให้ความรู้อบรมคนอยู่แล้ว สกุลเจียงก็เป็นตระกูลที่สูงส่งด้วยคุณธรรมและความบริสุทธิ์ แม้ฮ่องเต้จะพระราชทานพิธีสมรสให้แล้ว ก็ใช่ว่าเจียงหวยจะไม่จำเป็นต้องพินิจพิจารณาแล้วว่าว่าที่บุตรเขยของตนเป็นคนอย่างไร คุณธรรมความประพฤติเป็นอย่างไร นั่นคือเรื่องปกติของคนทั่วไปอยู่แล้ว เขาจงใจหยอกเย้านางมากกว่า “หากข้าคุณธรรมความประพฤติไม่ดีขึ้นมา เจ้าจะทำเช่นไรหรือ?” เจียงเฟิ่งหัวไม่หลงกลคำพูดของเขา จึงถามกลับว่า “ไฉนคุณธรรมความประพฤติของท่านอ๋องจึงไม่ดีเพคะ?” เซี่ยซางถูกนางถามก็สะอึกไป คุณธรรมความประพฤติจะดีหรือไม่ดีนั้นขอบเขตเป็นเช่นไรหรือ เขาไม่กล้าบอกว่าตนเองเป็นคนดี แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นคนชั่วร้ายหรอกกระมัง “ภายในใจของหม่อมฉัน ท่านอ๋องมีคุณธรรมและความประพฤติเป็นเลิศ เป็นขุนนางที่ซื่อสัตย์ของประชาชน ท่านพ่อบอกเสมอว่าคนที่สามารถ

최신 챕터

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 376  

    เหลียนเย่หยิบมาลองดม รู้สึกเพียงกลิ่นหอมสดชื่นโชยปะทะจมูก หอมยิ่งนัก “หากว่าคุณหนูมีของสิ่งนี้ตั้งแต่เมื่อเยาว์วัยก็คงดี ตอนเด็ก ๆ จะได้ไม่ต้องฝันร้ายบ่อย ๆ อีก” อ้าวเสวี่ยถามเหลียนเย่ “เกิด อะไรขึ้นกับพระชายากันแน่ พวกเจ้ารับใช้พระชายามาตั้งแต่ยังเล็ก เคยเกิดเรื่องน่าสะพรึงกลัวใดขึ้นกับนางมาก่อนหรือไม่?” “ไม่มี คุณหนูมีชีวิตเป็นสุขดีมาตลอด หากว่ายาหอมคืนเรือนสามารถช่วยให้คุณหนูไม่ต้องฝันร้ายอีกเช่นนั้นก็ดีมากแล้วจริง ๆ” ที่เหลียนเย่กล่าวมาเป็นความจริง เช้าตรู่วันต่อมา หลังจากเจียงเฟิ่งหัวตื่นขึ้นมาแล้วนางดูปกติคล้ายว่าไม่เคยมีเรื่องใดเกิดขึ้นมาก่อน เห็นอ้าวเสวี่ยและเหลียนเย่เฝ้าอยู่ในห้องของนาง นางก็เหยียดตัวบิดขี้เกียจพลางกล่าวว่า “เมื่อคืนหลับสบายจริง ๆ ข้ารู้สึกจิตใจปลอดโปร่ง ร่างกายสดชื่นดีมาก พวกเจ้าได้จุดกำยานอะไรเอาไว้หรือไม่?” เหลียนเย่เห็นนางลืมเรื่องเมื่อคืนที่ละเมอร้องไห้ในความฝันไปก็ถามขึ้นว่า “พระชายาจำอะไรไม่ได้เลยหรือเพคะ?” “ข้าต้องจำอะไรได้หรือ?” เจียงเฟิ่งหัวประคองท้องของตนเองเดินลงมาจากเตียงพลางเอ่ยว่า “ข้าจำได้ว่าเมื่อคืนข้ากับเจ้านอนด้วยกัน” “ใช่แล้วเพค

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 375  

    ครั้นส่งสี่หมัวมัวออกไปแล้ว เจียงเฟิ่งหัวเองก็มิอาจใจเย็นอยู่เฉยได้ ซูถิงหว่านต้องมีความทรงจำจากเมื่ออดีตชาติแล้วแน่ ซูถิงหว่านรู้แล้วว่าหลังจากนี้นางจะได้เป็นฮองเฮา เพราะฉะนั้นนางถึงได้ไม่เกรงกลัวเพราะมีสิ่งยึดเหนี่ยว หากมิใช่เพราะการตายของจีเฉินทำให้การเดินทางของนางล่าช้า นางอาจจะมุ่งหน้าไปเขตชายแดนเพื่อรวมตัวกับคนสกุลซูแล้วก็ได้ นางมิอาจเอาความโปรดปรานของเซี่ยซางมาเดิมพันว่าตำแหน่งของนางจะมั่นคง เมื่อวานฝ่าบาทนอกจากพระราชทานสิ่งล้ำค่าให้กับนางเพื่อเป็นรางวัลแล้ว ยังพระราชทานป้ายอาญาสิทธิ์ทองคำส่วนพระองค์ป้ายหนึ่งให้กับนางด้วย ด้านบนมีอักษรเขียนว่า ‘เสมือนฮ่องเต้เสด็จ’ มีมันแล้ว นางก็สามารถเดินผ่านได้ทุกที่ในวังหลวงแม้กระทั่งทั่วทั้งใต้หล้า ตอนแรกนางงุนงงอยู่เล็กน้อย ต่อมาเฉากงกงถึงได้เร่งให้นางรีบกล่าวขอบพระทัยในพระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทได้ สัญลักษณ์ของผู้ที่ได้รับป้ายทองอาญาสิทธิ์อันนี้ก็คืออำนาจ คือความไว้เนื้อเชื่อใจที่ฝ่าบาทมีต่อนาง “พระชายา ท่านเป็นอะไรไปเพคะ หน้าซีดเชียวเพคะ” เหลียนเย่เห็นนางเงียบไปนาน เหม่อลอยอยู่ตามลำพัง “เปล่า อาจเพราะเหนื่อยล้าเกินไปหน่อยกระมัง ข

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 374  

    สี่หมัวมัวตกใจกลัวตัวสั่น รีบยั้งปากทันใด ครั้นมาถึงด้านในตำหนักเฉินซี เจียงเฟิ่งหัวก็สั่งให้เหลียนเย่ปิดประตูทันที ทิ้งให้อยู่ในห้องกับสี่หมัวมัวลำพัง เห็นเพียงนางสีหน้าเยือกเย็น พร้อมเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า “สี่หมัวมัว เจ้าคงจะทราบดีว่าคำพูดเมื่อครู่ของเจ้ามีโทษหนักถึงขั้นตัดศีรษะ บัดนี้เสด็จพ่อมีพระพลานามัยแข็งแรงดี ตำแหน่งองค์รัชทายาทยังมิได้แต่งตั้ง เจ้ากลับเผยแพร่คำพูดเหล่านี้โดยพลการ มิเพียงเจ้าจะรักษาศีรษะของเจ้าไว้ไม่ได้ แม้แต่เสด็จแม่ ท่านอ๋องและข้าก็จะพลอยได้รับเคราะห์จากคำพูดประโยคนี้ของเข้าไปด้วย” สี่หมัวมัวตกใจกลัวจนเหงื่อเย็นไหลพราก ๆ “บ่าวทราบเพคะ ดังนั้นบ่าวถึงได้เก็บงำไว้ในใจมาตลอด บางคำมิได้พูด บ่าวเองก็ทุกข์ใจเพคะ หนนี้ถึงได้อยากแจ้งพระชายา อยากให้พระชายาช่วยโน้มน้าวฮองเฮาด้วยเพคะ” เจียงเฟิ่งหัวกล่าวอย่างจงใจ “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าถ้อยคำเหล่านี้พระชายารองซูเอ่ยกับเสด็จแม่ เจ้ามิได้โป้ปดจริงแน่หรือ” สี่หมัวมัวเล่าอย่างละเอียดไม่มีปิดบัง “ถ้อยคำเหล่านี้บ่าวมิได้เป็นคนพูดเพคะ บ่าวจะกล้าพูดแบบนี้ออกไปได้อย่างไรเพคะ และมิใช่ฮองเฮาเป็นคนตรัสด้วยเพคะ ถ้อยคำเห

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 373  

    ผ่านไปสองวัน ซูถิงหว่านยังไม่กลับมา สุดท้ายแล้วนางเลือกเดินซ้ำรอยเดิมของชาติก่อนติดตามเซี่ยซางไปที่เขตชายแดน และที่น่าขันคือข่าวนี้เฉิงฮองเฮาเป็นคนมาบอกนางด้วยตนเอง ได้ยินเฉิงฮองเฮากล่าวว่า “พระชายารองซูไปที่เขตชายแดนเพื่อช่วยซางเอ๋อร์ทำศึก ซางเอ๋อร์เองก็จำเป็นต้องมีสตรีสักคนคอยดูแลอยู่เคียงข้างกาย ส่วนเจ้าก็ท้องแก่แล้ว ข้าจึงอนุญาตให้นางไป หรวนหร่วนเจ้าคงไม่กล่าวโทษข้ากระมัง” เจียงเฟิ่งหัวผุดยิ้มน้อย ๆ พลางเอ่ยว่า “เสด็จแม่ทรงคิดรอบคอบ ท่านอ๋องมีคนเอาใจใส่อยู่เคียงข้างกายสักคนก็นับว่าดีเพคะ เพียงแต่เหมันต์ฤดูอากาศข้างนอกหนาวเย็นยิ่งนัก และอีกไม่นานก็จะถึงวันปีใหม่แล้ว พระชายารองซูเป็นสตรีตัวคนเดียวเดินทางไปเช่นนั้นจะปลอดภัยหรือเพคะ” “นางมีวรยุทธ์ติดตัว และมีกองทัพสกุลซูปกป้องคุ้มครอง ปลอดภัยไร้กังวล เราเห็นว่านางก็มิได้มีท่าทีอิดออดอะไร” “เป็นเช่นนี้ก็ดียิ่งนักเพคะ” เจียงเฟิ่งหัวกล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ฮองเฮาเปลี่ยนใจรวดเร็วเสียจริง ตอนแรกยังคัดค้านเซี่ยซางอย่างสุดกำลังไม่ให้พาสตรีไปออกศึก อ้างว่าจะไม่เป็นสิริมงคล ถึงขั้นทำลายความองอาจน่าเกรงขามของหัวหน้าแม่ทัพ ทว่าบัดนี้กลับอ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 372  

    เจียงเฟิ่งหัวออกจากตำหนักคุนหนิงก็ตรงไปยังตำหนักเฉินซีทันที ในตอนนั้น เห็นนางกำนัลคนหนึ่งท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ ก็โพล่งเสียงตำหนิออกไป “ใคร” อ้าวเสวี่ยตั้งรับทันที ไม่รอให้นางเดินเข้าไปใกล้ อวิ๋นฟางก็เดินงก ๆ เงิ่น ๆ มาหยุดเบื้องหน้าเจียงเฟิ่งหัว “บ่าวคารวะเพคะพระชายา” เจียงเฟิ่งหัวเห็นนางชัดถนัดตาแล้วก็แอบคิดเงียบ ๆ ในใจ นางมีฝีมือไม่เบาเลยทีเดียว แอบลอบกลับวังมาได้ ทว่าด้วยสถานการณ์ของนางตอนนี้ ซูถิงหว่านไม่มีทางปล่อยนางไปแน่ นางจนตรอกไม่มีทางถอยแล้ว จำต้องวิ่งเข้ามาหลบในวังถึงจะไม่ถูกคนไล่ล่า อ้าวเสวี่ยและเหลียนเย่เองก็ชะงักงันไปแล้วเช่นกัน อวิ๋นฟางช่างกล้าหาญยิ่งนัก กล้ากลับเข้ามาในวังหลวงอีก พวกนางคิดว่าหลังจากอวิ๋นฟางหนีไปทางประตูหลังของเขตเมืองหลวงแล้ว นางจะหนีออกไปจากเมืองเซิ่งจิง อย่างน้อยก็ต้องหนีให้ห่างไกลจากเรื่องวุ่นวาย ปกป้องชีวิตไว้เป็นสำคัญ “เข้ามาเถิด!” เจียงเฟิ่งหัวกล่าว อวิ๋นฟางตามเข้าไปในตำหนักเฉินซี นางกำนัลได้ต้มน้ำร้อนเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว ภายในห้องอบอุ่นเป็นอย่างยิ่ง ภายใต้แสงตะเกียงสว่างรุบรู่ อวิ๋นฟางก็เริ่มขะมักเขม้นทำงานสารพัดทั้งยกน้ำเทน้ำ นางยังกระตือ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 371  

    เฉิงฮองเฮาเปิดเปลือกตา ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบว่า “มาแล้ว จัดการเรื่องข้างนอกวังเรียบร้อยดีแล้วหรือยัง? ออกจากวังไปครึ่งเดือนแล้วมิใช่หรือ!” เจียงเฟิ่งหัวท่าทางมิได้หยิ่งยโสเกินควรแต่ก็มิได้ถ่อมตัวจนเกินเหตุ “ทูลเสด็จแม่ จัดการเหมาะสมเรียบร้อยดีแล้วเพคะ” “ข้าได้ยินว่าเมื่อสิบวันก่อนสินค้าและวัตถุดิบถูกส่งไปหมดแล้ว” แม่สามีของนางก็ดูจะวางมาดขึ้นเช่นกัน ราวกับต้องการให้นางยอมเชื่อฟังคำสั่งสอน เหมือนกับเมื่อชาติก่อนไม่มีผิด “เพคะ เพียงแต่ของที่ส่งออกไปเมื่อสิบวันก่อนเป็นแค่ชุดแรกเพคะ เพราะมีจำนวนมากเกินไป ชุดต่อไปจะต้องทยอยลำเลียงออกไปเพคะ” เจียงเฟิ่งหัวกล่าวอย่างละเอียด มองแล้วอ่อนโยนนอบน้อม สงบเสงี่ยมเรียบร้อยมารยาทเพียบพร้อมไร้ที่ติ แม้แต่เฉิงฮองเฮายังมิอาจหาจุดใส่ไฟได้เลย “ลุกขึ้นมานั่งเถิด” น้ำเสียงของเฉิงฮองเฮาฟังดูดีขึ้นเล็กน้อย “ซางเอ๋อร์มีสกุลซูคอยจุนเจือ บัดนี้เด็กในครรภ์ของเจ้าสำคัญเหนือสิ่งใด อย่ามัวเพ่นพ่านด้านนอกมากนัก อย่าไปข้องเกี่ยวกับสตรีในหมู่ขุนนางราชสำนักมากเกินไป ที่สำคัญจงอย่าได้มัวละโมบใฝ่หาความดีความชอบจนลำดับความสำคัญผิดไป” เจียงเฟิ่งหัวคิดในใจ ตอนอ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 370

    “เพคะ สะใภ้รับบัญชา”จากนั้น เจียงเฟิ่งหัวก็วางหมากลงไปตัวหนึ่ง “เสด็จพ่อ ทรงแพ้แล้วเพคะ”ฮ่องเต้เหลือบมองกระดานหมากคราหนึ่ง เริ่มจากความตกตะลึง ตามด้วยสีหน้ามืดครึ้มที่มองไม่ออก จากนั้นก็ทรงหัวเราะออกมาว่า “ดูเหมือนเราไม่อาจไม่ตกรางวัลนี้แล้ว มาเล่นอีกตา หากเจ้าชนะเราอีก เราก็จะมอบรางวัลให้อีกครั้ง”เจียงเฟิ่งหัวเก็บหมากบนกระดานขึ้นมาอย่างเยือกเย็น ไร้ความลนลาน “ลูกก็ชนะมาได้อย่างหวุดหวิดเพคะ ต้องเป็นเพราะเมื่อครู่เสด็จพ่อทรงฟังลูกพูดเพลิน จึงได้ออมมือให้ลูกแน่เลยเพคะ”“เจ้าคงไม่รู้สินะ หลายวันมานี้เรามีราชโองการเรียกตัวบิดาของเจ้าเข้าวังมาเดินหมากเป็นเพื่อนเราทุกวัน เขากลับไม่เคยชนะเราเลยสักตา ช่างน่าเบื่อนัก แต่เขาบอกว่าบุตรสาวของเขาเป็นยอดฝีมือในการเดินหมาก เรายังคิดว่าเขาพูดเกินจริงเสียอีก แต่วันนี้ หลังได้เดินหมากไปกระดานหนึ่งเราก็เชื่อแล้ว”“ท่านพ่อก็เหมือนยายหวังขายแตง ที่ชอบขายเองชมเองเพคะ ต่อให้บุตรสาวของท่านจะทำสิ่งใดไม่เป็นเลย ท่านก็รู้สึกว่าดีอยู่ดีเพคะ”“ยังถ่อมตัวเข้าเสียแล้ว เมื่อมาเป็นลูกสะใภ้ของราชวงศ์เรา แค่การถ่อมตนอย่างเดียวไม่พอหรอกนะ ในอนาคตยังต้องช่วยซางเอ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 369

    เมื่อเจียงเฟิ่งหัวกลับวังก็ถูกฮ่องเต้เรียนตัวไปที่ห้องทรงอักษร หลังนางรายงานเรื่องภารกิจที่ฮ่องเต้มอบหมายให้นาง ก็วางแผนจะกลับตำหนักคุนหนิงไปคารวะฮองเฮาแต่จู่ๆ ฮ่องเต้ก็ตรัสขึ้นมาว่า “ได้ยินว่าพระชายาของเหิงอ๋องชำนาญการวางหมาก เราอยากหาคนมาเล่นด้วยสักตาพอดี ว่าอย่างไร จะอยู่เล่นเป็นเพื่อนเราสักตาหรือไม่”เจียงเฟิ่งหัวคารวะลงรอบหนึ่งด้วยมารยาที่พอเหมาะ ไม่ถ่อมตัวไม่เย่อหยิ่ง แล้วกล่าวอย่างเคารพว่า “เคารพมิสู้เชื่อฟัง สะใภ้ย่อมทำตามพระบัญชาของเสด็จพ่อเพคะ แต่หากเสด็จพ่อทรงเป็นฝ่ายปราชัย ลูกจะขอรางวัลจากเสด็จพ่อสักอย่างได้ไหมเพคะ”ฮ่องเต้ตรัสว่า “อยากได้อะไรก็พูดมาได้เลย หากเจ้าเอาชนะข้าได้ ก็ถือเป็นรางวัลที่เจ้ามีผลงานใดการทำคดี แต่หากพ่ายแพ้ รางวัลก็จะไม่มีแล้วนะ”เจียงเฟิ่งหัวแอบคิดว่า “ฮ่องเต้ยังคงเป็นพวกที่ไม่ยอมเสียเปรียบ ถึงกับเอารางวัลของนางมาใช้เดิมพันหมาก หากนางชนะหมากควรนับเป็นรางวัลพิเศษไม่ใช่หรือ!”“เพคะ” นางตอบอย่างว่าง่ายเพราะในท้องของเจียงเฟิ่งหัวมีเด็กอยู่ เพื่อดูแลเด็กในท้องของนาง จึงให้หัวหน้าขันทีเฉายกโต๊ะที่สูงขึ้นเล็กน้อยเข้ามาตัวหนึ่งมาใช้แก้ขัด และยังเตรียม

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 368

    คนทั้งสองเท้าสะเอวหัวเราะขึ้นมา “คนที่คิดจะช่วยคุณหนูหลินของเราไถ่ตัวมีเต็มไปหมด ท่านต่อแถวไม่ทันหรอก อีกอย่าง ท่านก็ไม่มีคุณสมบัตินั้นด้วย อย่าได้เพ้อฝันอีกเลย” คุณหนูหลินไม่ขาดแคลนเงินทอง ทั่วทั้งหออี๋ชุนล้วนอยู่ใต้การตัดสินใจของนาง ไม่จำเป็นต้องไถ่ตัวเพราะนางไม่มีสัญญาขายตัว“ข้าจะต้องแต่งนางเป็นภรรยาให้ได้ พวกเจ้ารอก่อนเถอะ” กัวเซี่ยวตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าจะแต่งกับหลินอวี่ให้ได้ในบรรดาเหล่าคุณชายตระกูลใหญ่ กัวเซี่ยวก็พอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง เขาหน้าตาไม่เลว ชาติตระกูลก็ไม่เลว เขาจึงคิดว่าหลินอวี่ไม่มีทางปฏิเสธแน่ได้ยินเขาพูดเช่นนั้น จื่อฮุ่ยจึงเอ่ยบ้างว่า “หากคิดจะแต่งกับคุณหนูของข้า นอกเสียจากว่าท่านจะเป็นจอหงวน นั่นอาจพอมีโอกาสบ้าง ไม่เช่นนั้นก็อย่าได้เสียเวลาอีกเลย”กัวเซี่ยวตะลึงงันไปแล้ว ที่เขาไม่ชอบที่สุดก็คือการอ่านตำรานี่แหละเห็นเขายังคงไม่ยอมจากไปอีก พวกนางก็ไม่อยากเปลืองน้ำลายกับเขาแล้ว จึงตีกัวเซี่ยวจนสลบแล้วโยนเขาออกไปนอกหออี๋ชุนเสียเลย “ช่างน่ารำคาญเหลือเกิน คนที่อยากแต่งงานกับคุณหนูของข้าตอนนี้ต่อแถวไปถึงนอกประตูเมืองนู่นแล้ว ค่อยๆ ไปต่อแถวเถอะ” พวกนางย่อมไม่เห็น

좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status