Share

บทที่ 4

Author: กระต่ายน้อยใต้ดวงจันทร์
ปลายฤดูวสันต์ อากาศเริ่มร้อนระอุ บนร่างเจียงเฟิ่งหัวสวมชุดบางๆ ชั้นเดียวไม่หนาวและไม่ร้อน ในไม่ช้าก็นอนหลับไป ลมหายใจสม่ำเสมอ

เซี่ยซางอาบน้ำกลับมาก็เห็นนางนอนอยู่ด้านในสุดของเตียง เรือนร่างนางโค้งเว้าชัดเจน เอวคอดดุจกิ่งหลิว ขาเรียวงามโผล่ออกมานอกผ้าห่ม เปี่ยมเสน่ห์ดึงดูดถึงที่สุด แขนเกลี้ยงเกลาดุจหยกพาดสะเปะสะปะ ดวงหน้างามพิสุทธิ์ผุดผาด ดวงตาทั้งสองหลับพริ้ม ขนตางอนงามสงบนิ่งดุจหญิงที่ยังไม่ออกเรือน ริมฝีปากแดงอิ่มเป็นมันวาว เย้ายวนชวนเสน่หา

เซี่ยซางอึ้งไปชั่วขณะ เขาจำต้องยอมรับว่ารูปโฉมงามพิลาสของเจียงเฟิ่งหัวนั้นหาได้ยากยิ่ง เขานอนอยู่ด้านนอกสุดของเตียงโดยสวมอาภรณ์เรียบร้อย เว้นที่ว่างกว้างเท่าหนึ่งคนนอนได้ไว้ตรงกลาง กลิ่นหอมกรุ่นจางๆ ซ่านเข้าจมูก ตอนกลางวันขณะที่เขาอุ้มนางก็ได้กลิ่นหอมอ่อนจางเช่นนี้ หอมจรุงใจยิ่งนัก

เขาหลับตา ทำอย่างไรก็นอนไม่หลับ เขากลั้นหายใจรวบรวมสมาธิ เตือนตัวเองว่าแม้จะนอนร่วมเตียงกับสตรีผู้หนึ่งก็สามารถทำได้ถึงขั้นจิตใจไม่วอกแวก

เจียงเฟิ่งหัวไม่ใช่คนที่เขารัก นางเป็นเพียงสตรีอ่อนแอที่มีดีเพียงรูปโฉม ไม่อาจมีความคิดนอกลู่นอกทางกับนางเป็นอันขาด

หันไปมองเจียงเฟิ่งหัว ท่านอนงดงามยิ่ง สงบนิ่งชวนหวั่นไหว

เซี่ยซางตำหนิในใจ นางกลับผ่อนคลายสบายใจนัก หลับไปรวดเร็วปานนี้

เขากำหมัดแน่นพลิกร่างหันหลังให้สตรีบนเตียง ข้าไม่มีทางทำเรื่องผิดต่อหว่านเอ๋อร์เด็ดขาด หว่านเอ๋อร์จึงเป็นคนที่ข้ารักชั่วชีวิต อีกไม่นานหว่านเอ๋อร์ก็จะออกเรือนให้ข้าแล้ว เขาทุ่มเทความรักให้สตรีนางเดียว เขาคิดว่านี่จึงเป็นความรักที่เขาต้องการ มิใช่คำสั่งของบิดามารดาคำทาบทามของแม่สื่อ เขาไม่มีวันรักสตรีทั้งวังหลังในเวลาเดียวกันเหมือนเสด็จพ่อเป็นอันขาด

คิดถึงตรงนี้ เขาก็หลับตาเข้าสู่นิทรารมณ์อย่างช้าๆ

เจียงเฟิ่งหัวแค่นหัวเราะในใจ ใจแข็งเป็นหิน ร่างกายกลับซื่อสัตย์ทีเดียว

ชาติก่อน เขาตรงไปห้องหนังสือโดยไม่เปิดโอกาสให้นางพูดด้วยซ้ำ

ชาตินี้เขาเป็นฝ่ายมานอนบนเตียงของนาง ช่างเป็นนิมิตหมายอันดีเสียจริง!

……

ยามเช้าตรู่ ในอ้อมอกเซี่ยซางพลันมีบางอย่างนุ่มๆ เพิ่มเข้ามา เขาลืมตาขึ้นก็เห็นว่าในอ้อมอกคือใบหน้านิทราสงบนิ่งดวงหนึ่ง ผ้าตรงทรวงอกของนางร่นลง เผยให้เห็นเนินอกครึ่งหนึ่ง ขาวผ่องผุดผาด ทรวงอกชูสล้างชิดกับแผงอกเขา เย้ายวนชวนหวาม

อึดใจถัดมา เจียงเฟิ่งหัวพลันเปลี่ยนท่วงท่า นิ้วของนางปัดผ่านลำคอเขาไปโดยไม่ตั้งใจ เป็นเหตุให้ความร้อนขุมหนึ่งแล่นพล่านในร่างเขาในบัดดล นางเอียงร่างขยับหน้าผากมาประชิดเขา ริมฝีปากจุมพิตถูกซอกคอเขาโดยไม่ตั้งใจ ร่างกายเขาพลันเปลี่ยนเป็นแข็งทื่อ

ยามนั้น ท่วงท่าคนทั้งสองเหมือนคนรักที่เพิ่งผ่านการร่วมอภิรมย์มาอย่างไรอย่างนั้น บรรยากาศภายในห้องชวนวาบหวาม พาให้คนจินตนาการเตลิดไปไกล

แววตาของเขามืดครึ้มลง ฉาบย้อมด้วยความเย็นชา เจียงเฟิ่งหัวบอกว่าไม่ล้ำเส้น นี่เพิ่งผ่านมาคืนเดียวก็เผยธาตุแท้ออกมาเสียแล้ว ไม่ชอบเขาอะไรกัน ตอนนี้กลับมายั่วยวน...

เขาขยับร่างออกห่างจากนางเล็กน้อยเพื่อยืนยันว่าเจียงเฟิ่งหัวยังไม่ตื่น

ชั่วขณะนั้น ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสและน้ำเสียงดังกังวานของซูถิงหว่านวาบเข้ามาในหัวเขา พวกเขาเปิดเผยต่อกันและกัน พูดคุยกันได้ทุกเรื่อง นางรอบรู้สิ่งต่างๆ มากมาย เป็นสตรีที่รอบรู้และความยับยั้งชั่งใจ นางอิสระเสรี ไร้ข้อผูกมัด เขาไม่เคยพบสตรีที่มีนิสัยเปิดเผยไร้เล่ห์กลเหมือนหว่านเอ๋อร์มาก่อน นางไม่เหมือนสตรีในเรือนหลังที่ใช้เล่ห์มารยาลวงผู้ชายไปขึ้นเตียงเหล่านั้น

ทว่าเจียงเฟิ่งหัวตรงหน้ามีเพียงรูปโฉมงดงาม อย่างอื่นกลับไม่มีดีสักอย่าง เขาไม่ใช่คนที่สนใจเพียงหน้าตา คิดมาตลอดว่าโฉมงามหาได้สำคัญไม่ คนผู้หนึ่งจะงามหรือไม่งาม สิ่งสำคัญที่สุดก็คือจิตใจ

เจียงเฟิ่งหัวพลันก่ายขาเรียวงามข้ามมา ผิวพรรณเกลี้ยงเกลาประดุจหยกอุ่นเนื้อเนียนละเอียด หัวใจเขาพานสั่นสะท้าน ตามด้วยขมวดคิ้วแน่น ไม่รอให้นางขยับตัวอีก เขาผลักนางออกไปอย่างแรง ตัดสินใจลงจากเตียงอย่างเด็ดขาด ราวกับว่าจิตใจไม่หวั่นไหวใดใดทั้งสิ้น เย็นชาไร้อารมณ์

เจียงเฟิ่งหัวถูกเขาทำให้ตื่นก็ทำอะไรไม่ถูก ขยี้ดวงตาง่วงงุนมองไปยังบุรุษที่หนีไปอย่างร้อนรนตรงหน้า

“ท่านอ๋อง” น้ำเสียงอ่อนหวานของนางเอ่ยเรียกเบาๆ พานให้คนรู้สึกจิตใจอ่อนยวบ

เซี่ยซางหันกลับมาปรายตามองนาง เห็นว่าสาวน้อยบนเตียงเผยเนื้อหนังมังสาแต่แรกแล้ว “เจียงเฟิ่งหัว เจ้าช่างแสดงละครเก่งนัก เกือบทำให้ข้าเชื่อว่าเจ้าเป็นสตรีจิตใจบริสุทธิ์จริงๆ เสียแล้ว”

เขาพูดจบก็ออกไปจากห้องหอโดยไม่หันหน้ากลับมาอีก

“ไยท่านอ๋องจึงตำหนิหม่อมฉันเช่นนี้ เกิดอะไรขึ้น?” เจียงเฟิ่งหัวรู้สึกว่าประหลาดพิกลนัก

เซี่ยซางก็ได้ยินวาจานั้นเช่นกัน ดูเหมือนเขาจะยิ่งโกรธขึ้งกว่าเดิม โกรธที่นางยั่วยวนเขาแล้วยังไม่รู้ตัว โกรธที่ตัวเองจิตใจว้าวุ่น

ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความไม่แยแส ยามนี้เป็นช่วงที่เซี่ยซางกับซูถิงหว่านรักกันหวานล้ำลึกซึ้งที่สุด เขานอนร่วมห้องกับภรรยาที่เพิ่งแต่งงานด้วย คงจะรู้สึกผิดกระมัง

สาวใช้หงซิ่วเดินเข้ามาอย่างกล้าๆ กลัวๆ “เมื่อครู่บ่าวเห็นท่านอ๋องเหมือนจะจากไปด้วยท่าทางโกรธจัด เหตุใดพระชายาทำให้ท่านอ๋องกริ้วเสียแล้วเล่าเพคะ คืนวานพระชายากับท่านอ๋อง พวกท่าน...”

“อย่าคิดมาก ระหว่างพวกข้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น” เจียงเฟิ่งหัวลุกขึ้นจากเตียงโดยไม่อนาทรร้อนใจ

เหลียนเย่ประหลาดใจ ต่อหน้าคนงามเช่นนี้ ท่านอ๋องกลับยังหนักแน่นไม่หวั่นไหว ช่างเป็นสุภาพบุรุษตัวจริงโดยแท้

“เหิงอ๋องมิใช่สุภาพบุรุษผู้มีคุณธรรมอันใดเสียหน่อย จากที่บ่าวไปตรวจสอบมา เหิงอ๋องกับสตรีป่าเถื่อนผู้นั้นใกล้ชิดสนิทสนม รักกันหวานซึ้ง ท่านอ๋องหลงสตรีผู้นั้นหัวปักหัวปำ คุณหนูดีกว่าสตรีผู้นั้นเป็นหมื่นเท่า ท่านอ๋องกลับทำกับคุณหนูแบบนี้ งานวิวาห์ระหว่างคุณหนูกับท่านอ๋องยังเป็นสมรสพระราชทานจากฝ่าบาท เพิ่งแต่งงานก็ไม่สนใจไยดีคุณหนูเสียแล้ว...”

เจียงเฟิ่งหัวดวงตาฉายแววเย็นชา เอ่ยเสียงลุ่มลึก “ระวังคำพูด ถ้ายังไม่รู้กฎระเบียบอีก ข้าจะเนรเทศเจ้ากลับจวนไปเสีย”

เหลียนเย่ขวัญอ่อนจึงหยุดปากทันควัน คุกเข่าบนพื้นอย่างเคารพนบนอบ “ชั่วชีวิตนี้บ่าวจะรับใช้เพียงคุณหนูเท่านั้น คุณหนูอย่าไล่บ่าวไปเลยนะเจ้าคะ”

เจียงเฟิ่งหัวเอ่ยเสียงขรึม “ต่อไปจะทำอะไรก็ต้องระมัดระวังเอาไว้ ที่นี่ไม่ใช่จวนสกุลเจียง ลุกขึ้นมาแต่งตัวเถอะ ประเดี๋ยวยังต้องเข้าวังไปคารวะขอบพระทัยอีก” แม้เหลียนเย่จะพูดมาก แต่นางกลับซื่อสัตย์ภักดียิ่ง ชาติก่อน เหลียนเย่ก็ตายเพราะปกป้องนาง

พวกนางยังไม่เข้าใจความเย้ายวนของอำนาจฮ่องเต้ อำนาจฮ่องเต้เพียงชี้นิ้วสั่งการก็สามารถพิพากษาชีวิตคนผู้หนึ่งได้แล้ว

งานวิวาห์ของนางเล็กจ้อยเหลือเกินในสายตาพวกเขา ใครเล่าจะสนใจ ได้ลิ้มรสความลำบากมาหนึ่งชาติ นางหลาบจำแล้ว

ต่อจากนั้น พวกวังหมัวมัวก็ยกขบวนเข้ามา ครู่ถัดมา นางก็เดินมาถึงเบื้องหน้าเจียงเฟิ่งหัว ส่ายศีรษะน้อยๆ “คืนวานพระชายาไม่ได้เข้าหอกับท่านอ๋องหรือเพคะ?”

เจียงเฟิ่งหัวทอดสายตาลงล่าง ทำให้คนมองความรู้สึกที่แท้จริงของนางไม่ออก น้ำเสียงนางแผ่วเบา “เมื่อคืนข้าเพิ่งรู้ว่าท่านอ๋องมีคนในดวงใจแล้ว สิ่งที่หมัวมัวสั่งสอนข้ามาจึงไม่อาจนำมาใช้ ข้าไม่เอาไหนจริงๆ...”

วังหมัวมัวพินิจพระชายาที่งดงามปานบุปผา คนงามปานนี้ ท่านอ๋องกลับรักษาตนให้บริสุทธิ์ดั่งหยกเพื่อสตรีผู้นั้น

วังหมัวมัวเป็นคนข้างกายฮองเฮา ทั้งยังเป็นคนที่มีเหตุมีผล นางยิ้มบางอย่างกระอักกระอ่วน “พระชายามิต้องร้อนใจไป วันเวลายังอีกยาวนาน ท่านอ๋องจะต้องเห็นความดีของพระชายาแน่นอนเพคะ”

เจียงเฟิ่งหัวพยักหน้าอย่างว่าง่าย ไม่พูดอะไรแม้ประโยคเดียว

นางเพิ่งไปถึงโถงหน้าก็เห็นเซี่ยซางรออยู่ตรงนั้นอย่างงามสง่าประหนึ่งเทพเซียนประดุจภาพวาด ถึงจะขุ่นเคืองเพียงไหน เขาก็เข้าใจกฎระเบียบที่ต้องพาสะใภ้หมาดๆ เข้าวังไปเข้าเฝ้าคารวะฮองเฮา
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 466

    “เฮ้อ ก็ใครขอให้ฝ่ายนั้นเขามีบุตรีงดงามถึงขั้นได้เกาะบารมีรัชทายาทกันเล่า ครอบครัวพวกข้าไม่มีธิดาสักคน ชาตินี้อย่าได้วาดหวังว่าจะมีโอกาสงาม ๆ เช่นนี้เลย”“จากบัณฑิตธรรมดาคนหนึ่งจู่ ๆ ก็ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งในกรมคลัง แม้ตำแหน่งเขาจะยังไม่โดดเด่น ทว่าการใช้เส้นสายของเขากลับแย่งอาชีพทำมาหากินของคนอีกจำนวนไม่น้อยไป ตำแหน่งนี้รัชทายาทยังจัดสรรให้เขาตั้งแต่สมัยยังเป็นเหิงอ๋องด้วย”“แล้วต่อมาเขายังได้รับแต่งตั้งจากฝ่าบาทให้ดำรงตำแหน่งเป็นรองเจ้ากรมคลัง และเป็นเพราะรัชทายาทเป็นคนเรียกตัวเขาไปร่วมศึก แค่ออกรบศึกเดียวสุดท้ายก็ได้รับแต่งตั้งบรรดาศักดิ์เป็นโหวเจวี๋ยอย่างก้าวกระโดด หากมิได้เกาะชายกระโปรงอาศัยบารมีของน้องสาวคนอย่างเขาหรือจะก้าวมาถึงตำแหน่งนี้ได้”“หากต้องอาศัยเพียงความรู้ความสามารถที่แท้จริงของเขาสอบเข้าเป็นขุนนางในราชสำนักจริง เกรงจะยากกว่าการขึ้นสวรรค์เสียอีก”เพียงชั่วข้ามคืนคุณชายอันดับหนึ่งที่เคยมีพรสวรรค์สูงล้ำโดดเด่นกลับกลายเป็นคนเล่นเส้นสาย เป็นบุรุษที่อาศัยสตรีเลี้ยงดูในปากของคนอื่นไปแล้ว ไม่ต้องบอกว่าน่าอดสูเพียงใดครั้งนี้เขาสอบได้ที่สอง ทุกคนต่างก็เริ่มขยี้ตาแล้วมองเ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 465

    วันต่อมาขณะประชุมสภาขุนนางยามเช้า พานไท่ฟู่มาถึงพระตำหนักจินหลวนด้วยอาการร้อนรนกระวนกระวาย ประสิทธิภาพการทำงานของเขารวดเร็วฉับไว ขณะเดียวกันก็นำคำให้การของหวังชิงมาด้วยพานไท่ฟู่ทำความเคารพด้วยความนบนอบ “กระหม่อมถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”“ไท่ฟู่เชิญลุกขึ้นเถิด ท่านผู้เฒ่ามีเหตุอันใดจึงเข้าวังมาหรือ เฉาเต๋อเจ้ารีบไปหาที่นั่งให้พานไท่ฟู่เร็วเข้า” ฝ่าบาททรงรับสั่งด้วยเสียงเคร่งขรึม“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท กระหม่อมเข้าวังมาก็เพื่อจะกราบทูลฝ่าบาทถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในสนามสอบเคอจวี่ปีนี้พ่ะย่ะค่ะ” พานไท่ฟู่แม้อายุมากแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรงดี หัวหน้าขันทีเฉาย้ายเก้าอี้นุ่มมาให้แต่กระนั้นเขาก็มิได้ถือดีว่าตนเองอาวุโสและนั่งลงไปจริง ๆ เพียงแต่ค่อย ๆ เริ่มบรรยายถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสนามสอบเมื่อวานให้อีกฝ่ายรับฟังอย่างละเอียดพวกเขาไม่กล้าล่าช้าแม้แต่น้อย ลากตัวคนที่กองบัญชาการปัญจทิศรักษานครจับกุมได้เมื่อวานเข้ามาสอบปากคำทันที หนึ่งในนั้นได้กล่าวหาว่าผู้เข้าสอบนามว่าหวังชิงกระทำการทุจริตขณะสอบ กระทั่งพานไท่ฟู่ไปตรวจสอบถึงในเรือนของหวังชิงด้วยตัวเอง คิดไม่ถึงว่าเขายังมิได้ทำการสอบสวน

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 464  

    ท้องของนางใหญ่มากแล้วจึงได้แต่นอนตะแคง และยังจำเป็นต้องหนุนหมอนอีกใบที่หลัง มิเช่นนั้นแล้วนางจะนอนไม่สบาย นางลืมตาขึ้นมาก็เห็นเขาใกล้กันเพียงคืบ นางเลื่อนปลายนิ้วไล้ไปบนใบหน้าหล่อเหลาของเขาอย่างแผ่วเบา “ท่านพี่ ท่านจำได้หรือไม่ว่านับแต่ครั้งล่าสุดพวกเราไม่ได้นอนด้วยกันแบบนี้มานานกี่วันแล้ว” “กี่วันหรือ?” เขาถาม “คงหกเจ็ดได้แล้วกระมัง!” “สิบสี่วันแล้วเพคะ” เจียงเฟิ่งหัวบอกจำนวนให้เขาฟัง ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “วันนี้หากท่านไม่กลับมา พวกเราก็มิได้พบหน้ากันครึ่งเดือนเต็มแล้วนะเพคะ หม่อมฉันนับวันรอจะได้พบท่าน เหมือนกับตอนที่ท่านไปทำศึกครานั้นหม่อมฉันก็ได้แต่เฝ้าคิดว่าสามีของหม่อมฉันจะกลับมาเมื่อใด” “นานเพียงนี้เชียวหรือ? วันเวลาผ่านไปรวดเร็วปานนี้เชียว? หรวนหร่วน ข้าเย็นชากับเจ้าแล้ว ตอนแรกเจ้าตั้งครรภ์ข้าก็มิได้อยู่ข้างกายเจ้า บัดนี้จวนจะคลอดเต็มทีแล้ว ข้าก็ยังมิได้อยู่เคียงกายเจ้าเลย เจ้าตัวคนเดียวลำพังคงลำบากมากแน่” เขาทอดกายนอนข้างเจียงเฟิ่งหัวและหันหน้ามาทางนาง ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องในวังหลวงให้ฟัง คล้ายกำลังอธิบาย “ข้าชุลมุนจนหัวหมุนแล้ว ไปถึงตำหนักไท่หัวข้าก็ยังปรับตัวไม่ค่

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 463  

    เวลานี้ เห็นเพียงแววตาของเจียงเฟิ่งหัวดูอบอุ่นอ่อนโยนลงมาก ดวงหน้างดงามเพริศพริ้งดุจบุปผา นางเอื้อนเอ่ยคำชมหวานหูออกมา “ฝ่าบาททรงมีพระปรีชาสามารถองอาจห้าวหาญ เพียบพร้อมทั้งสติปัญญาและความกล้าหาญ กุมอำนาจทั่วใต้ผืนฟ้า สูงส่งเหนือผู้ใด โจรใจทรามไหนเลยจะหลอกลวงได้ง่าย ๆ องค์รัชทายาทของพวกเรา เปี่ยมล้นด้วยสติปัญญา ดุจสายธารดาราอันพร่างพราว กว้างใหญ่ไพศาลไร้สิ้นสุด เปล่งประกายทั่วใต้หล้า รัชทายาทไหนเลยจะปล่อยให้คนชั่วช้าสามานย์ได้อำนาจลอยนวลไป” กล่าวอีกนัยหนึ่งหากชาติก่อนสกุลเจียงประสบปัญหาเช่นนี้ ต่อให้เจียงเฟิ่งหัวจะพยายามพูดเพียงใดล้วนไม่เป็นประโยชน์ สกุลเจียงต้องตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ และไม่มีทางจะพลิกฟื้นกลับมาสู่จุดเดิมได้อย่างแน่นอน ชาตินี้นางได้ครองตำแหน่งชายารัชทายาทอย่างมั่นคงแล้ว ได้รับความไว้วางพระทัยจากทั้งฝ่าบาทและองค์รัชทายาท เสียงกระซิบข้างหมอนของนางมิได้เป็นเพียงลมล่องลอยสูญเปล่า เมื่อมีอำนาจถึงจะมีสิทธิ์ในการเอ่ยวาจา บัดนี้นางมีสิทธิ์ในการเอ่ยวาจาแล้ว สิ่งนี้คือความเป็นไปของโลก ได้ฟังวาจาของเจียงเฟิ่งหัว มุมปากของเซี่ยซางยกขึ้นเป็นรอยยิ้มอ่อนโยนเอ็นดู ก่อนจะเอ่ยคำชื่นช

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 462  

    แท้ที่จริงจางอวี่มั่วอยากเรียนทำอาหารจานโปรดของเจียงจิ่นเหยียนไว้ต่างหาก เจียงเฟิ่งหัวตักน้ำแกงให้เจียงจิ่นเหยียนและเซี่ยซางคนละถ้วย “กินข้าวก่อนอย่างอื่นค่อยว่ากันเถิด!” “หรวนหร่วน เจ้าคิดเห็นเช่นไรหรือ?” เซี่ยซางเป็นฝ่ายถามนางขึ้นมาก่อน คล้ายว่ากำลังหยั่งเชิงความคิดเห็นของนางต่อเซียวอวี้ เจียงเฟิ่งหัวเอ่ย “ข้ากำลังคิดถึงหวังชิง ชื่อของคนผู้นี้คล้ายติดอยู่ในความทรงจำ” เจียงจิ่นเหยียนถามขึ้น “เจ้ารู้จักเขาได้อย่างไร” เจียงเฟิ่งหัวเผยรอยยิ้มสบายใจให้พวกเขา “ข้าไม่รู้จักเขา และไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับเขา ยิ่งไปกว่านั้นเขาเองก็คงไม่รู้ว่ามีข้าผู้นี้อยู่ด้วย ข้าจำได้ว่าเมื่อสามปีก่อนมีบัณฑิตจำนวนมากมายอยากฝากตัวเป็นศิษย์ของท่านพ่อ ทว่าท่านพ่อเองก็ใช่ว่าจะรับทุกคนเป็นศิษย์ สิ่งแรกที่ให้ความสำคัญก็คือคุณธรรมความประพฤติ และหวังชิงผู้นี้ก็เหมือนกับศิษย์คนอื่น ๆ ที่อยากให้ท่านพ่อเป็นท่านอาจารย์ของเขา” “พื้นเพของหวังชิงทำการค้าขาย ร่ำรวยอู้ฟู่ ดังนั้นเขาจึงยกหีบเงินทองสองหีบมาถึงจวนสกุลเจียง ทว่ากลับถูกท่านพ่อปฏิเสธไป แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังดึงดัน ไม่รับเขาเป็นศิษย์ เขาก็ไม่ไป จนพวกข้าไป

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 461  

    เซี่ยซางเขี่ยปลายจมูกของนางเบา ๆ “มารดาของพวกเขาช่างมีความรู้กว้างขวางนัก แม้ตั้งครรภ์พวกเขาแต่ก็ยังชอบอ่านตำราประจำ หลังจากนี้จะต้องเลี้ยงดูสั่งสอนจนพวกเขาได้เป็นจอหงวนแน่” “หม่อมฉันศึกษาเองคงพอทำเนา แต่ให้สอนบุตรด้วยหม่อมฉันสอนไม่ได้เพคะ เช่นนี้จะทำอย่างไรดีเพคะ? มิสู้ให้ท่านพี่สอนเองเป็นอย่างไรเพคะ หม่อมฉันขอรับหน้าที่แค่ให้กำเนิดก็พอ ส่วนพวกเขาให้เป็นหน้าที่ของท่านพี่แล้วกันเพคะ” เจียงเฟิ่งหัวกะพริบตาอย่างแสดงความฉลาด เซี่ยซางเองก็คิดจะปัดความรับผิดชอบเหมือนกัน “บัณฑิตส่วนมากที่สอบได้ในปีนี้ล้วนแต่เป็นศิษย์ของพ่อตาทั้งสิ้น ความสามารถในการให้วิชาความรู้สั่งสอนศิษย์ย่อมไม่มีผู้ใดกังขา ไม่สู้พวกเราฝากพวกเขาให้พ่อตาเป็นผู้อบรมสั่งสอนวิชาความรู้เป็นอย่างไร” เจียงเฟิ่งหัวยิ้มกว้าง “ความคิดนี้ดีเพคะ อีกทั้งยังต้องหาท่านอาจารย์เก่งๆ สักคนมาสอนวิชาต่อสู้ให้เขา ร่างกายจะได้แข็งแรง หากว่าให้กำเนิดเป็นบุตรี ข้าจะสอนนางร่ายรำด้วยตัวเอง นักสังคีตและนางรำในวังยากจะอธิบายด้วยคำพูดสั้น ๆ …” สองสามีภรรยาหารือกันแล้วว่าจะดูแลเจ้าตัวน้อยที่ยังไม่เกิดออกมาอย่างไร เจียงเฟิ่งหัวเองก็เคยคิดเอาไว้แ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status