공유

บทที่ 6

작가: กระต่ายน้อยใต้ดวงจันทร์
ภายในตำหนักคุนหนิง วังหมัวมัวรายงานเรื่องที่พวกเขายังไม่ได้ร่วมหอกันต่อเฉิงฮองเฮา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นข้างนอก ฮองเฮาก็ทราบแล้วเช่นกัน ไม่ว่าเจียงเฟิ่งหัวทำได้อย่างไร สุดท้ายนางก็รักษาเกียรติของตนเองเอาไว้ได้

เฉิงฮองเฮาเลิกคิ้วงามขึ้นเล็กน้อย เอ่ยเสียงเรียบ “ถ้าเจียงเฟิ่งหัวเป็นคนมีความสามารถ การร่วมหอย่อมเป็นเรื่องไม่ช้าก็เร็ว จากที่เห็นวันนี้ นับว่าข้าเลือกชายาที่ดีคนหนึ่งให้ซางเอ๋อร์แล้วสินะ”

“ท่านอ๋องเดี๋ยวประคองขึ้นเดี๋ยวประคองลง คิดว่าคงโปรดพระชายาเป็นแน่เพคะ” สี่หมัวมัวเอ่ยมาอีกว่า “องค์หญิงเก้าช่างไม่รู้ความเกินไปแล้ว มาถึงหน้าประตูตำหนักแล้วแท้ๆ ก็ยังไม่เข้ามาคารวะทักทายฮองเฮา ไม่รู้จริงๆ ว่ากุ้ยเฟยสั่งสอนอย่างไร”

“ไม่ช้าก็เร็วนางจะต้องได้รับบทเรียนแน่” เฉิงฮองเฮารังเกียจเซี่ยหลิงเอ๋อร์ด้วยเช่นกัน

สี่หมัวมัวยินดีในคราเคราะห์ของผู้อื่น “ตั้งแต่กำหนดเรื่องมงคลของท่านอ๋อง กุ้ยเฟยก็ไปร้องไห้ต่อหน้าฝ่าบาทมาแล้วหนหนึ่ง บอกว่าคุณหนูซูกับท่านอ๋องของพวกเราชอบพอกัน ต้องการขอพระเมตตาให้คุณหนูซู สุดท้ายฝ่าบาทปฏิเสธกุ้ยเฟยไปโดยอ้างว่ากษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ ยามนั้นสีหน้าปั้นยากยิ่งนัก ฝ่าบาทช่วยระบายโทสะแทนฮองเฮาเสียที ยังคงเป็นฮองเฮาที่ปราดเปรื่อง ชิงไปขอราชโองการก่อนก้าวหนึ่ง”

คิดถึงเรื่องนี้ สีหน้าฮองเฮาก็บึ้งตึงขึ้นมาทันใด “นางยุยงให้หลานสาวมายั่วยวนลูกชายข้า ทำให้ซางเอ๋อร์ลุ่มหลงงมงาย ในเมื่อซางเอ๋อร์ชมชอบ ข้าจะไม่ทำเรื่องอย่างการพรากคู่รักจากกัน รังแต่จะทำให้แม่ลูกหมางใจกันเปล่าๆ ข้าจะให้นางเป็นอนุภรรยา”

“ฮองเฮาปราดเปรื่องนักเพคะ” สี่หมัวมัวประจบ

เฉิงฮองเฮายิ้มเย็นชา “แม้ซางเอ๋อร์เป็นบุตรภรรยาเอก แต่กลับได้รับความรักจากฝ่าบาทน้อยนัก ยามนี้ยังไม่กำหนดตัวรัชทายาท ฝ่าบาทมีโอรสมากมาย ทุกคนแข่งขันกันอย่างดุเดือดทั้งในที่ลับและที่แจ้ง กอปรกับฝ่าบาททรงระแวงมากขึ้นทุกที เขากลัวว่าลูกชายข้าได้รับการสนับสนุนจากตระกูลซู ย่อมไม่มีทางตกลงอยู่แล้ว”

“ยามนี้ซางเอ๋อร์ยังจำเป็นต้องงำประกายเอาไว้ ทั้งยังถึงวัยเจรจาเรื่องมงคลแล้ว การแต่งงานกับบุตรีราชครูที่ไร้อำนาจอิทธิพลคนหนึ่งจะทำให้ฮ่องเต้วางพระทัย ตระกูลเจียงยังเป็นตระกูลบัณฑิตก็พอจะเรียกได้ว่าเหมาะสม”

ฮ่องเต้ยังมีประสงค์จะตักเตือนเหิงอ๋องเพื่อป้องกันสกุลเฉิง

ฮ่องเต้กับฮองเฮาต่างคนต่างความคิด ฮ่องเต้สามารถพระราชทานสมรส เฉิงฮองเฮารู้สึกเพียงว่ามีคนยื่นสิ่งที่กำลังต้องการมาให้อย่างถูกจังหวะ

ยามนั้น นางกำนัลเข้ามารายงานในตำหนัก “ทูลฮองเฮา ท่านอ๋องกับพระชายามาถึงโถงหลักแล้วเพคะ”

เฉิงฮองเฮาสางผมเล็กน้อยแล้ววางมือลงบนแขนสี่หมัวมัวเพื่อลุกขึ้นจากเก้าอี้ “ไปกันเถอะ ไปดูสะใภ้คนงามผู้นี้ของข้า” นางเลือกบุตรีสกุลเจียงยังมีเหตุผลอีกข้อ นั่นคือราชครูเจียงไม่มีอำนาจอิทธิพล ภายภาคหน้าค่อนข้างควบคุมได้ง่าย

ตำหนักอันวิจิตรตระการตามีการตกแต่งอย่างประณีตงดงามทั้งเคร่งขรึมและหรูหราสง่างาม ทั้งตำหนักสะท้อนบารมีและความสูงศักดิ์ ความยิ่งใหญ่อลังการระดับนี้ นอกจากตำหนักเฉิงเฉียนที่ประทับของฮ่องเต้แล้วก็คือตำหนักของฮองเฮาที่โอ่อ่าหรูหราที่สุด

เจียงเฟิ่งหัวและเซี่ยซางถูกพาเข้าไปรอในตำหนักหลัก นางสายตาไม่วอกแวก สำรวมกิริยาสง่างามทั้งไม่เย่อหยิ่งและไม่ต่ำต้อย

นางลอบคิดในใจว่า ซูกุ้ยเฟยและเฉิงฮองเฮาแก่งแย่งชิงดีกันทั้งในทางลับและทางแจ้ง ต่อหน้าฮ่องเต้ซูกุ้ยเฟยเหนือกว่าฮองเฮาไปเสียทุกอย่าง แม้ฮองเฮาจะเป็นเจ้านายของวังหลัง ทว่าความสัมพันธ์กับฝ่าบาทกลับเบาบางดุจกระดาษ นางทุกข์ระทมมาตลอดที่ชีวิตนี้ไม่อาจได้รับความรักจากสามี

คิดถึงตรงนี้ มุมปากเจียงเฟิ่งหัวก็โค้งขึ้นเล็กน้อย ช่างเหมือนตนเองมากจริงๆ แต่ฮองเฮาฉลาดมาก วางแผนชั่วชีวิตก็เพื่อตำแหน่งฮองเฮา ส่วนนางกลับเอาแต่โหยหาความรักของเซี่ยซาง โง่งมจนถึงที่สุด

เวลานั้น ฮองเฮาเปลี่ยนไปมีสีหน้ายิ้มแย้มเดินเข้ามานั่งลงบนตั่งนุ่มอย่างสง่างาม

เซี่ยซางรีบแสดงคารวะ “ลูกคารวะเสด็จแม่”

เจียงเฟิ่งหัวก็รีบคุกเข่าลงอย่างนอบน้อมเช่นกัน “หม่อมฉันคารวะเสด็จแม่เพคะ”

“ไม่ต้องมากพิธี ลุกขึ้นเถอะ!” ดวงตาเฉิงฮองเฮาจับจ้องเจียงเฟิ่งหัวพลางยิ้มเอ่ย “ซางเอ๋อร์ ยังไม่รีบประคองภรรยาลูกขึ้นมาอีก”

“พ่ะย่ะค่ะ” เซี่ยซางประคองเจียงเฟิ่งหัวขึ้นมาอย่างสุภาพมีมารยาท

นางหยัดร่างขึ้นอย่างชดช้อย “ขอบพระทัยท่านอ๋องเพคะ”

ยามนั้น สี่หมัวมัวยกน้ำชามา เจียงเฟิ่งหัวรับมาแล้วเดินมาข้างหน้า “เชิญเสด็จแม่ดื่มชาเพคะ”

ฮองเฮารับมาจิบคำหนึ่งแล้ววางลง สั่งให้นางกำนัลยกถาดเข้ามา บนนั้นมีเครื่องประดับงามประณีตหลายชิ้น ถือว่าเป็นของขวัญแรกพบหน้า

นางรับไปอย่างนอบน้อมแล้วกล่าวขอบคุณ การคารวะน้ำชาแม่สามีจึงผ่านไปอย่างจืดชืดเช่นนี้เอง

ฮองเฮาพลันเอ่ยว่า “ข้าได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นนอกตำหนักแล้ว ซางเอ๋อร์ต้องการรับนางเป็นชายารอง เจ้ามีความเห็นแย้งหรือไม่”

“ทูลเสด็จแม่ หม่อมฉันไร้ความเห็นแย้งเพคะ หม่อมฉันกลับจวนไปแล้วจะจัดการเรื่องรับชายารองของท่านอ๋องด้วยตนเองเพคะ” เจียงเฟิ่งหัวสีหน้าสงบนิ่งไร้ระลอก ท่าทีเคารพนบนอบ

ฮองเฮามุ่นคิ้วเล็กน้อย รูปโฉมเหนือกว่าซูหว่านถิงก็จริง นิสัยกลับอ่อนโยนไปสักหน่อย เกรงว่าคงไม่ใช่คู่มือของสตรีเจ้าเล่ห์อย่างซูหว่านถิง

ฮองเฮาให้สี่หมัวมัวบอกให้พวกเขานั่งลง นางดึงมือเจียงเฟิ่งหัวอย่างใกล้ชิดสนิทสนม เอ่ยชมว่า “สะใภ้คนนี้ของข้าทำให้สตรีทั้งเมืองเซิ่งจิงด้อยลงไปถนัดตา ลักษณะมีน้ำมีนวลต้องใจข้านัก”

เจียงเฟิ่งหัวมีท่าทางกระดากอาย “เสด็จแม่ชมเกินไปแล้วเพคะ หม่อมฉันหาได้ดีปานนั้น” นางลอบชำเลืองมองเซี่ยซาง

ฮองเฮาเห็นอย่างนั้นก็เอ่ยว่า “ข้าบอกว่าเจ้าดีเจ้าก็ดีสิ เฟิ่งหัวมีชื่อสมัยเด็กว่าหรวนหร่วนกระมัง ต่อไปข้าเรียกเจ้าว่าหรวนหร่วนเหมือนแม่เจ้าดีหรือไม่”

เจียงเฟิ่งหัวรู้สึกตกใจที่ได้รับความโปรดปรานโดยไม่คาดหมาย “เพคะ” ท่าทางอ่อนโยนของนางบริสุทธิ์ไร้พิษภัย เหมือนหมากที่เชื่อฟังใช้งานง่ายเม็ดหนึ่ง

ชาติก่อน เนื่องจากเจียงเฟิ่งหัวไม่ได้รับความโปรดปรานจากเซี่ยซาง นางยังไม่ฟังคำพูดของฮองเฮาจึงกลายเป็นหมากที่ถูกฮองเฮาสละทิ้ง

ภายหลัง ฝีมือของซูถิงหว่านสูงส่งจริงๆ เพื่อนางแล้ว เซี่ยซางแทบจะทะเลาะกับฮองเฮาจนถึงขั้นตัดขาดความเป็นแม่ลูกกัน กระทั่งว่าหลังจากซูถิงหว่านได้นั่งตำแหน่งฮองเฮาแล้ว ซูกุ้ยเฟยยังได้รับตำแหน่งไทเฮาเช่นเดียวกับฮองเฮา โมโหจนนางแทบกระอักเลือดเลยทีเดียว

ชาตินี้ หมากที่เต็มใจเป็นฮองเฮาอย่างนาง ต่อให้ไม่เลือกวิธีการก็ต้องขึ้นไปสู่ตำแหน่งฮองเฮาให้จงได้

หลังรับประทานมื้อเช้า เซี่ยซางอ้างว่าต้องไปห้องทรงพระอักษรปลีกตัวจากไป เจียงเฟิ่งหัวรั้งอยู่เป็นเพื่อนคุยกับฮองเฮา

เจียงเฟิ่งหัวนั่งอยู่บนตั่งนุ่มอย่างเรียบร้อยมีมารยาท ฮองเฮากล่าวตามตรง “เพิ่งแต่งงานได้ไม่ถึงสองวัน เจ้ายินดีให้ซางเอ๋อร์รับชายารองเข้าจวนจริงๆ หรือ”

“หม่อมฉันไม่ยินดีก็เปลี่ยนแปลงอันใดไม่ได้อยู่ดีเพคะ มิสู้สงเคราะห์ให้พวกเขาได้ลงเอยกับคนที่รัก เสด็จแม่ก็คิดเช่นนี้เหมือนกันไม่ใช่หรือเพคะ?” ยิ่งขัดขวาง เขาก็จะยิ่งดึงดัน มิสู้ปล่อยให้เขาทำตามที่ต้องการ

เครื่องหน้าของนางประณีตงดงาม สีหน้าสงบดุจสายลมเอื่อย ดวงตาเป็นประกายปราศจากระลอกกระเพื่อม ราวกับว่าไม่ถือสาจริงๆ

เฉิงฮองเฮาพินิจนางอย่างละเอียดครู่หนึ่ง มุมปากพลันโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม เป็นสตรีฉลาดคนหนึ่งจริงๆ ด้วย

“มีภรรยาที่มีคุณธรรมอย่างหรวนหร่วนดูแลซางเอ๋อร์ ข้าก็วางใจแล้ว” เฉิงฮองเฮาค่อยดึงหัวข้อสนทนาเข้าเรื่องหลัก “ซูถิงหว่านเติบโตที่ชายแดนมาตั้งแต่เล็ก นิสัยมีชีวิตชีวาอยู่สักหน่อย ซางเอ๋อร์รู้สึกว่าแปลกใหม่จึงลุ่มหลงไปชั่วขณะ ต่อไปเมื่อชายารองซูเข้าจวนมาแล้ว หน้าที่อันหนักหน่วงในการชี้แนะชายารอง ข้าคงต้องมอบให้เจ้าแล้ว จะสอนอย่างไร หรวนหร่วนหาวิธีการด้วยตนเอง ถึงอย่างไรก็เป็นแค่อนุ บุรุษก็แค่ต้องเอาใจสักหน่อย เขาก็จะมาที่ห้องของเจ้าเอง”

“หม่อมฉันทราบแล้วเพคะ” เจียงเฟิ่งหัวใบหูแดงก่ำ ก้มหน้าลงเล็กน้อย สายตาตกลงบนจอกชาตรงหน้า ฮองเฮาต้องการดึงนางไปเป็นพวก นางจะพูดอย่างไรก็ต้องตอบรับ
이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 466

    “เฮ้อ ก็ใครขอให้ฝ่ายนั้นเขามีบุตรีงดงามถึงขั้นได้เกาะบารมีรัชทายาทกันเล่า ครอบครัวพวกข้าไม่มีธิดาสักคน ชาตินี้อย่าได้วาดหวังว่าจะมีโอกาสงาม ๆ เช่นนี้เลย”“จากบัณฑิตธรรมดาคนหนึ่งจู่ ๆ ก็ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งในกรมคลัง แม้ตำแหน่งเขาจะยังไม่โดดเด่น ทว่าการใช้เส้นสายของเขากลับแย่งอาชีพทำมาหากินของคนอีกจำนวนไม่น้อยไป ตำแหน่งนี้รัชทายาทยังจัดสรรให้เขาตั้งแต่สมัยยังเป็นเหิงอ๋องด้วย”“แล้วต่อมาเขายังได้รับแต่งตั้งจากฝ่าบาทให้ดำรงตำแหน่งเป็นรองเจ้ากรมคลัง และเป็นเพราะรัชทายาทเป็นคนเรียกตัวเขาไปร่วมศึก แค่ออกรบศึกเดียวสุดท้ายก็ได้รับแต่งตั้งบรรดาศักดิ์เป็นโหวเจวี๋ยอย่างก้าวกระโดด หากมิได้เกาะชายกระโปรงอาศัยบารมีของน้องสาวคนอย่างเขาหรือจะก้าวมาถึงตำแหน่งนี้ได้”“หากต้องอาศัยเพียงความรู้ความสามารถที่แท้จริงของเขาสอบเข้าเป็นขุนนางในราชสำนักจริง เกรงจะยากกว่าการขึ้นสวรรค์เสียอีก”เพียงชั่วข้ามคืนคุณชายอันดับหนึ่งที่เคยมีพรสวรรค์สูงล้ำโดดเด่นกลับกลายเป็นคนเล่นเส้นสาย เป็นบุรุษที่อาศัยสตรีเลี้ยงดูในปากของคนอื่นไปแล้ว ไม่ต้องบอกว่าน่าอดสูเพียงใดครั้งนี้เขาสอบได้ที่สอง ทุกคนต่างก็เริ่มขยี้ตาแล้วมองเ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 465

    วันต่อมาขณะประชุมสภาขุนนางยามเช้า พานไท่ฟู่มาถึงพระตำหนักจินหลวนด้วยอาการร้อนรนกระวนกระวาย ประสิทธิภาพการทำงานของเขารวดเร็วฉับไว ขณะเดียวกันก็นำคำให้การของหวังชิงมาด้วยพานไท่ฟู่ทำความเคารพด้วยความนบนอบ “กระหม่อมถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”“ไท่ฟู่เชิญลุกขึ้นเถิด ท่านผู้เฒ่ามีเหตุอันใดจึงเข้าวังมาหรือ เฉาเต๋อเจ้ารีบไปหาที่นั่งให้พานไท่ฟู่เร็วเข้า” ฝ่าบาททรงรับสั่งด้วยเสียงเคร่งขรึม“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท กระหม่อมเข้าวังมาก็เพื่อจะกราบทูลฝ่าบาทถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในสนามสอบเคอจวี่ปีนี้พ่ะย่ะค่ะ” พานไท่ฟู่แม้อายุมากแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรงดี หัวหน้าขันทีเฉาย้ายเก้าอี้นุ่มมาให้แต่กระนั้นเขาก็มิได้ถือดีว่าตนเองอาวุโสและนั่งลงไปจริง ๆ เพียงแต่ค่อย ๆ เริ่มบรรยายถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสนามสอบเมื่อวานให้อีกฝ่ายรับฟังอย่างละเอียดพวกเขาไม่กล้าล่าช้าแม้แต่น้อย ลากตัวคนที่กองบัญชาการปัญจทิศรักษานครจับกุมได้เมื่อวานเข้ามาสอบปากคำทันที หนึ่งในนั้นได้กล่าวหาว่าผู้เข้าสอบนามว่าหวังชิงกระทำการทุจริตขณะสอบ กระทั่งพานไท่ฟู่ไปตรวจสอบถึงในเรือนของหวังชิงด้วยตัวเอง คิดไม่ถึงว่าเขายังมิได้ทำการสอบสวน

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 464  

    ท้องของนางใหญ่มากแล้วจึงได้แต่นอนตะแคง และยังจำเป็นต้องหนุนหมอนอีกใบที่หลัง มิเช่นนั้นแล้วนางจะนอนไม่สบาย นางลืมตาขึ้นมาก็เห็นเขาใกล้กันเพียงคืบ นางเลื่อนปลายนิ้วไล้ไปบนใบหน้าหล่อเหลาของเขาอย่างแผ่วเบา “ท่านพี่ ท่านจำได้หรือไม่ว่านับแต่ครั้งล่าสุดพวกเราไม่ได้นอนด้วยกันแบบนี้มานานกี่วันแล้ว” “กี่วันหรือ?” เขาถาม “คงหกเจ็ดได้แล้วกระมัง!” “สิบสี่วันแล้วเพคะ” เจียงเฟิ่งหัวบอกจำนวนให้เขาฟัง ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “วันนี้หากท่านไม่กลับมา พวกเราก็มิได้พบหน้ากันครึ่งเดือนเต็มแล้วนะเพคะ หม่อมฉันนับวันรอจะได้พบท่าน เหมือนกับตอนที่ท่านไปทำศึกครานั้นหม่อมฉันก็ได้แต่เฝ้าคิดว่าสามีของหม่อมฉันจะกลับมาเมื่อใด” “นานเพียงนี้เชียวหรือ? วันเวลาผ่านไปรวดเร็วปานนี้เชียว? หรวนหร่วน ข้าเย็นชากับเจ้าแล้ว ตอนแรกเจ้าตั้งครรภ์ข้าก็มิได้อยู่ข้างกายเจ้า บัดนี้จวนจะคลอดเต็มทีแล้ว ข้าก็ยังมิได้อยู่เคียงกายเจ้าเลย เจ้าตัวคนเดียวลำพังคงลำบากมากแน่” เขาทอดกายนอนข้างเจียงเฟิ่งหัวและหันหน้ามาทางนาง ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องในวังหลวงให้ฟัง คล้ายกำลังอธิบาย “ข้าชุลมุนจนหัวหมุนแล้ว ไปถึงตำหนักไท่หัวข้าก็ยังปรับตัวไม่ค่

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 463  

    เวลานี้ เห็นเพียงแววตาของเจียงเฟิ่งหัวดูอบอุ่นอ่อนโยนลงมาก ดวงหน้างดงามเพริศพริ้งดุจบุปผา นางเอื้อนเอ่ยคำชมหวานหูออกมา “ฝ่าบาททรงมีพระปรีชาสามารถองอาจห้าวหาญ เพียบพร้อมทั้งสติปัญญาและความกล้าหาญ กุมอำนาจทั่วใต้ผืนฟ้า สูงส่งเหนือผู้ใด โจรใจทรามไหนเลยจะหลอกลวงได้ง่าย ๆ องค์รัชทายาทของพวกเรา เปี่ยมล้นด้วยสติปัญญา ดุจสายธารดาราอันพร่างพราว กว้างใหญ่ไพศาลไร้สิ้นสุด เปล่งประกายทั่วใต้หล้า รัชทายาทไหนเลยจะปล่อยให้คนชั่วช้าสามานย์ได้อำนาจลอยนวลไป” กล่าวอีกนัยหนึ่งหากชาติก่อนสกุลเจียงประสบปัญหาเช่นนี้ ต่อให้เจียงเฟิ่งหัวจะพยายามพูดเพียงใดล้วนไม่เป็นประโยชน์ สกุลเจียงต้องตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ และไม่มีทางจะพลิกฟื้นกลับมาสู่จุดเดิมได้อย่างแน่นอน ชาตินี้นางได้ครองตำแหน่งชายารัชทายาทอย่างมั่นคงแล้ว ได้รับความไว้วางพระทัยจากทั้งฝ่าบาทและองค์รัชทายาท เสียงกระซิบข้างหมอนของนางมิได้เป็นเพียงลมล่องลอยสูญเปล่า เมื่อมีอำนาจถึงจะมีสิทธิ์ในการเอ่ยวาจา บัดนี้นางมีสิทธิ์ในการเอ่ยวาจาแล้ว สิ่งนี้คือความเป็นไปของโลก ได้ฟังวาจาของเจียงเฟิ่งหัว มุมปากของเซี่ยซางยกขึ้นเป็นรอยยิ้มอ่อนโยนเอ็นดู ก่อนจะเอ่ยคำชื่นช

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 462  

    แท้ที่จริงจางอวี่มั่วอยากเรียนทำอาหารจานโปรดของเจียงจิ่นเหยียนไว้ต่างหาก เจียงเฟิ่งหัวตักน้ำแกงให้เจียงจิ่นเหยียนและเซี่ยซางคนละถ้วย “กินข้าวก่อนอย่างอื่นค่อยว่ากันเถิด!” “หรวนหร่วน เจ้าคิดเห็นเช่นไรหรือ?” เซี่ยซางเป็นฝ่ายถามนางขึ้นมาก่อน คล้ายว่ากำลังหยั่งเชิงความคิดเห็นของนางต่อเซียวอวี้ เจียงเฟิ่งหัวเอ่ย “ข้ากำลังคิดถึงหวังชิง ชื่อของคนผู้นี้คล้ายติดอยู่ในความทรงจำ” เจียงจิ่นเหยียนถามขึ้น “เจ้ารู้จักเขาได้อย่างไร” เจียงเฟิ่งหัวเผยรอยยิ้มสบายใจให้พวกเขา “ข้าไม่รู้จักเขา และไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับเขา ยิ่งไปกว่านั้นเขาเองก็คงไม่รู้ว่ามีข้าผู้นี้อยู่ด้วย ข้าจำได้ว่าเมื่อสามปีก่อนมีบัณฑิตจำนวนมากมายอยากฝากตัวเป็นศิษย์ของท่านพ่อ ทว่าท่านพ่อเองก็ใช่ว่าจะรับทุกคนเป็นศิษย์ สิ่งแรกที่ให้ความสำคัญก็คือคุณธรรมความประพฤติ และหวังชิงผู้นี้ก็เหมือนกับศิษย์คนอื่น ๆ ที่อยากให้ท่านพ่อเป็นท่านอาจารย์ของเขา” “พื้นเพของหวังชิงทำการค้าขาย ร่ำรวยอู้ฟู่ ดังนั้นเขาจึงยกหีบเงินทองสองหีบมาถึงจวนสกุลเจียง ทว่ากลับถูกท่านพ่อปฏิเสธไป แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังดึงดัน ไม่รับเขาเป็นศิษย์ เขาก็ไม่ไป จนพวกข้าไป

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 461  

    เซี่ยซางเขี่ยปลายจมูกของนางเบา ๆ “มารดาของพวกเขาช่างมีความรู้กว้างขวางนัก แม้ตั้งครรภ์พวกเขาแต่ก็ยังชอบอ่านตำราประจำ หลังจากนี้จะต้องเลี้ยงดูสั่งสอนจนพวกเขาได้เป็นจอหงวนแน่” “หม่อมฉันศึกษาเองคงพอทำเนา แต่ให้สอนบุตรด้วยหม่อมฉันสอนไม่ได้เพคะ เช่นนี้จะทำอย่างไรดีเพคะ? มิสู้ให้ท่านพี่สอนเองเป็นอย่างไรเพคะ หม่อมฉันขอรับหน้าที่แค่ให้กำเนิดก็พอ ส่วนพวกเขาให้เป็นหน้าที่ของท่านพี่แล้วกันเพคะ” เจียงเฟิ่งหัวกะพริบตาอย่างแสดงความฉลาด เซี่ยซางเองก็คิดจะปัดความรับผิดชอบเหมือนกัน “บัณฑิตส่วนมากที่สอบได้ในปีนี้ล้วนแต่เป็นศิษย์ของพ่อตาทั้งสิ้น ความสามารถในการให้วิชาความรู้สั่งสอนศิษย์ย่อมไม่มีผู้ใดกังขา ไม่สู้พวกเราฝากพวกเขาให้พ่อตาเป็นผู้อบรมสั่งสอนวิชาความรู้เป็นอย่างไร” เจียงเฟิ่งหัวยิ้มกว้าง “ความคิดนี้ดีเพคะ อีกทั้งยังต้องหาท่านอาจารย์เก่งๆ สักคนมาสอนวิชาต่อสู้ให้เขา ร่างกายจะได้แข็งแรง หากว่าให้กำเนิดเป็นบุตรี ข้าจะสอนนางร่ายรำด้วยตัวเอง นักสังคีตและนางรำในวังยากจะอธิบายด้วยคำพูดสั้น ๆ …” สองสามีภรรยาหารือกันแล้วว่าจะดูแลเจ้าตัวน้อยที่ยังไม่เกิดออกมาอย่างไร เจียงเฟิ่งหัวเองก็เคยคิดเอาไว้แ

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status