“อืมมม เขาส่งมาให้ดูแต่เพียงครึ่งเดียวของลายแทง อีกครึ่งเมื่อเรารับงานแล้วให้คนของเราร่วมทีมกับเราเขาจึงจะเปิดเผยมันออกมา แต่สำหรับพริมมี่ไม่มีปัญญาแล้วใช่ไหมเพราะคุณไม่ได้ อยากได้สมบัติเหมือนคนอื่นๆ ”
พริมมี่ยิ้ม คำชมเป็นยาหอม
“เข้าใจที่ผมต้องการจะสื่อหรือยัง นึกภาพออกไหม เราแค่ไปขุดค้นเรื่องราวประวัติศาสตร์หรือจะอะไรก็แล้วแต่ จะเพราะอุดมการณ์เหมือนที่คุณพูดว่าอยากจะรู้เรื่องราวในอดีตให้มาก ไม่ใช่พูดกันแบบผิดๆ ถูกๆ หรือว่าเพราะความอยากรู้ หรือว่าเพราะความโลภอยากได้สมบัติ แต่ ในเมื่อทุกอย่างมาบรรจบกับแล้วเราก็ไม่ควรปล่อยให้โอกาสผ่านไปจริงไหม”ยิ้มเก๋ไก๋
พริมมี่ ยิ้มพยักหน้าขึ้นลงจบแล้วเตโชไม่เอะใจสักนิด
“หากทีมของคุณ พบสิ่งที่สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ผมสัญญาจะเสนอชื่อคุณในหน้าแถลงข่าว ถึงเวลานั้นองค์กรของเราคงได้รับชื่อเสียงอย่างมากมาย และคุณก็จะเป็นหนึ่งใน บุคคลในประวัติศาสตร์เหมือนกัน”
“พิมไม่ได้อยากเด่นดัง แค่อยากทำสิ่งที่ทำแล้วมีความสุข”มีหลักการไปอีก
“ดีเลย คราวนี้สนุกแน่ งานนี้ต้องไปไกลถึงปักกิ่ง”พริมมี่เลิกคิ้วสูง
“ เขาติดต่อมาทางอีเมลเมื่อสามวันก่อน ว่ามีที่ดินรกร้างแล้วมีสิ่งนี้”
ก้าวเดินไปที่แล็บท็อป หันจอมาทางพริมมี่ กระดาษน้ำตาลอ่อนที่มี ตัวหนังสือยึกยื้อในนั้น แต่ภาพถูกถ่ายมาแค่ส่วนเดียว
“เชื่อถือได้ไหมคะ อาจเป็นพวกต้มตุ๋น”
สมัยนี้เชื่อใครได้แต่ละคนร้ายๆทั้งนั้นร้ายแบบเปิดเผยแทบไม่มีให้เห็น หลอกลวงยักยอก และโกงแชร์ เตโชยิ้ม
“ผมให้คนตรวจสอบโปรไฟล์แล้วคนคนนี้ เป็นมหาเศรษฐีของจีนเขาให้เราเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ แล้วส่งทีมงานไปพบเขาที่ปักกิ่งได้ในทันทีที่ตอบตกลง”พริมมี่ยังไม่วางใจ
“แล้วจะเชื่อได้อย่างไรค่ะว่าเขาไม่หลอก ไม่เสียอะไรแต่อาจเสียเวลาแล้วไหนจะค่าตั๋วเครื่องบิน”
“เขาโอนเงินค่าใช้จ่ายในการเดินทางและค่าเตรียมการมาให้แล้ว พริมมี่คุณลองทายสิว่าเท่าไหร่”
“ทายไม่ถูกหรอกค่ะ คงไม่เกิน หลักหมื่น”
“สิบล้าน”
พริมมี่ ตลึงจังงัง ในขณะที่เตโชทำท่าภูมิใจนักหนา
“เขา รู้ได้อย่างไรว่าสมบัติที่จะขุดเจอ หรืออาจไม่เจอนั้น จะมีมูลค่าสูงถึงขนาดนั้น”
เตโชส่ายหน้า
“บางทีอาจมีคุณค่าทางใจเพราะเขาบอกว่าลายแทงที่ได้มาเขาเก็บมาตั้งแต่สมัยรุ่นทวด”
แล้วทำไมไม่ขุดตั้งแต่ตอนนั้น พริมมี่คิดในใจ
“เดินทางเมื่อไหร่ค่ะ”เตโชยิ้ม
"ทันทีที่พร้อม ผมไม่ได้เตรียมทีมงานอะไรให้คุณให้ สมศักดิ์ไปกับคุณเพื่อประสานงานแทนคุณที่เป็นหัวหน้าทีม ส่วนทีมขุดก็ชุดเดิม ที่คุ้นเคยกัน”
พริมมี่พยักหน้าลุยป่าลุยเขา ถ้ำ โกฏ วัด ขุมทรัพย์เมืองลับแล ขุดค้นปราสาทเก่าแถวๆ แนวชายแดนก็เคยมาแล้ว นี่ปักกิ่ง คงไม่ลำบากอะไรในเมื่อเป็นถึงเมืองหลวงของจีน ยิ้ม ทั้งสีหน้าและดวงตา……
สมศักดิ์ชายร่างเตี๊ยกระทัดรัด เดินสะพายกระเป๋าหนึ่ง เป้หนึ่งแล้วลากอีกสองตาม หลังพริมมี่ คนงานขุดค้นอีกเกือบสิบคน เดินตามไปยังรถตู้ที่นายจ้างส่งมารับถึงท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่ง ในเขตเซาหยางและบางส่วนของเขตซุ่นอี้ ห่างจากใจกลางกรุงปักกิ่ง32กิโลเมตร
“เรากำลังจะไปไหน”สมศักดิ์ส่งภาษาจีนกลางได้อย่างคล่องแคล่ว
“@$&*$”
พริมมี่กะพริบตาปริบๆๆ ไม่เข้าใจที่โซเฟอร์พูดแม้แต่คำเดียวแต่สมศักดิ์พยักหน้าหงึกหงัก
“กำลังจะกลับเข้าเมืองครับพี่พริม แป๊บเดียวเขาบอกไปถึงก็กินข้าวเที่ยงแล้วคุณซุนเยี่ยเต๋อ…จะมาพบพวกเราเองในที่พักที่เขาจัดให้”พริมมี่พยักหน้าขึ้นลง
“คุณเต หมายถึงคุณเตโชบอกว่าที่พักของพวกเราอยู่ในบริเวณที่จะให้ขุดนั่นล่ะ”
“ดีเลยไม่ต้องเดินทางให้ลำบาก”
“*&*) (@$*^^^”
“อ่อ เขาบอกว่าที่นั่นรกร้างแต่มีบ้านโบราณหลังใหญ่ ให้พักได้ครับ”
พริมมี่ยิ้ม ดีเลยบ้านโบราณไม่เสียเที่ยว คงมีอะไรตื่นตาตื่นใจบ้างล่ะน่า
นั่งรถพอเพลินๆ ยังไม่ทันเบื่อทิวทัศน์สองข้างทางก็น่ามอง รถตู้ใหม่เอี่ยมก็แล่นเข้าไปยังถนนที่ รกครึ้มรถสวนไม่ได้ตามความคิดของพริมมี่สองข้างทางเป็นรั้วต้นไม้ใหญ่
“@#$$%#@@#$%%$##@@”สมศักดิ์พยักหน้า
“เขาบอกว่าที่ดินตรงนี้กว้างเกือบสามพันไร่ ด้านนอกเป็นแหล่งธุรกิจและร้านค้าที่เปิดให้เช่าพื้นที่ โอบรอบไว้ข้างในนี่เป็นบ้านเก่ากับพื้นที่รกร้างเกือบ50ไร่ ที่บริเวณนี้มีเจ้าของเดียวคือคุณซุนเยี่ยเต๋อ”
พริมมี่กลืนน้ำลายลงคอยากเย็น รวยคอดๆ แล้วทำไมไม่จ้างคนที่มีฝีมือด้านการขุดค้นทำไมต้องจ้างทีมงานโนเนมแบบทีมของพริมมี่ หรืออาจเพราะว่าไม่อยากจะให้รัฐบาลรู้แน่ๆ
“@#$%^&*&^&*^!”
“คุณซุนแกเป็นนักการเมืองด้วย สืบทอดตำแหน่งทายาททางการเมือง”
เหมือนกับเข้ามานั่งในใจของพริมมี่ คนขับทำไมอ่านใจออกมาว่าพริมมี่คิดอะไรอยู่
สุดทางรถหักเลี้ยวเข้าไปในประตูเหล็กขาดใหญ่ประตูเหล็กที่เป็นเหล็กจริงๆ เหล็กแผ่นใหญ่เหมือนกับ ที่แห่งนี้เคยเป็นประตูด่านผ่านเข้าออกสมัยโบราณมีไว้ ป้องกันข้าศึกที่จะบุกเข้าไปด้านใน พริมมี่ตื่นตาตื่นใจที่สุดเมื่อประตูเปิดอ้าออกช้าๆ ด้านในเป็นทางเดินปูด้วยหินทอดยาวเข้าสู่ตัวบ้าน ที่มองเห็นเพียงซุ้มประตูที่เขียนเป็นภาษาจีนตวัดด้วยพู่กันลวดลายพลิ้วไหวงดงาม แต่อ่านไม่ออกว่า เขียนว่าอะไร เพราะพริมมี่ไม่เคยเรียนภาษาจีนมาก่อน
“เราจะย้อนอดีตกันไหมสมศักดิ์ถ้าเข้าไปในนั้น”สมศักดิ์อมยิ้ม
“ถ้าย้อนไปอย่างผมนี่คงเป็นได้แค่ขันที พี่พริมฮ่าาา …ส่วนพี่ก็คงนางในหอซักล้าง”
ปี2004“คุณ พงษ์ปรีดาค่ะภรรยาคุณคลอดแล้วค่ะคุณได้ลูกสาวหน้าตาน่าชังเชียวค่ะ”พ่อของพริมมี่ รีบสาวเท้าเข้าไปยังห้องคลอด อรอุมา อุ้มทารกเพศหญิงให้ดื่มนมจากอก“โอ้ลูกพ่อ ให้ผมดูหน้าเขาหน่อย พริมมี่ของพ่อ”“คุณพงษ์ยังไม่เห็นหน้าลูกอีกหรือ อรคิดว่าคุณเข้ามาก่อนแล้ว”สีหน้าแสดงความสงสัย พงษ์ปรีดารับเอาร่างกระจ้อย“เปล่านี่”“แล้วนี่คืออะไร”คุณอรอุมาวางนาฬิกาพกลงบนเตียงสีขาวสะอาดตา“นาฬิกา”“ค่ะ อรเห็นมันวางอยู่ข้างๆ ลูกของเรา”คุณพงษ์ปรีดาหันหน้าหันหลัง“อาจเป็นใครสักคน” คว้านาฬิกาขึ้นมาดูเสียงนาฬิกายังเดินปกติ“ผมจะลองเอาออกไปไกลๆ ไม่แน่อาจเป็นระเบิดเวลาหรือมีอะไรซุกซ่อนอยู่”"ดีเลยค่ะให้พยาบาลประกาศตามหาเจ้าของดีไหม”คุณพงษ์ปรีดาพยักหน้าก่อนจะรวบนาฬิกาออกห่างจากพริมมี่น้อย“อุ๊แว อุ๊แวๆๆๆๆๆๆๆ”อยู่ๆพริมมี่ก็ร้องไห้จ้า“คุณค่ะ”คุณอรอุมาให้พริมมี่กินนม เห่กล่อมก็ไม่ยอมหยุด คุณพงษ์ปรีดาวางนาฬิกาพกลงข้างๆร่างกระจ้อย ก่อนที่ร่างเล็กจะมีรอยยิ้มทั้งๆที่เพิ่งจะคลอดออกมา“อย่าเลยคุณ บางทีนี่อาจเป็นของยายหนูก็ได้แกจึงหวงมากขนาดนี้”คุณพงษ์ปรีดาถอนหายใจ จูซุนก้าวขายาวๆ ออกจากโรงพยาบาล“ฉันรอเธออย
คุณหมอหย่งก้าวขามายืนหน้าห้องพิเศษSuper vipที่พริมมี่ นอนไม่ได้สติอยู่ที่นั่น จูซุน เอนกายลงบนเตียงนอนคู่ด้านข้าง อีกฝั่งเป็นกระจกกว้างที่มองเห็นท้องฟ้าสีฟ้าสวย และทิวทัศน์จากมุมสูง“ก็อกๆ”เคาะประตูไปสองครั้งเบาๆ“เชิญเข้ามา” จูซุน ขยับกายนั่งห้อยขาที่เตียงนอน“คุณจูซุนขอรับ กระผมมาตรวจดูอาการของ..ของคู่รักของคุณจูซุนครับ”ร่างสูงในวัยแก่กว่าจูซุนไม่กี่ปี ก้าวขามายังเตียงคนไข้ที่พริมมี่นอนอยู่แต่กลับตะลึงจังงัง กับใบหน้าคุ้นตาของพริมมี่“อืมมมยินดีที่ได้พบกัน..อีกครั้ง”หมอหย่งไม่ได้สะดุดหูกับคำพูดของจูซันทว่าสะดุดใจกับใบหน้าของพริมมี่ที่เขาเอาแต่เฝ้าฝันถึง“เอ่อ คะครับผมคุณผู้หญิงท่านนี้ นอนหลับไม่ได้สติมาสามคืน แล้วตามที่ผมวินิจฉัยอาการเบื้องต้นจากข้อมูลและประวัติของคนไข้ทำให้รู้ว่าร่างกายของเธอไม่ได้มีความผิดปกติอะไรสมองยังคงสมบูรณ์ไม่ได้เกิดการกระทบกระเทือนทางสมอง หรือบาดเจ็บที่ศีรษะหรือภาษาบ้านๆ คือล้มหัวฟาดหรืออะไร….”จูซุนมองหมอหย่งที่บรรยายเนิบๆ สายตาจับจ้องที่ใบหน้าของพริมมี่ มือก็สารวนกับการ ใช้เครื่องเสตทโตสโคปวางลงที่อกข้างซ้าย“แล้วทำไมเธอถึงไม่ฟื้นขึ้นมาทันที”หมอหย่งถอ
"อะอะนายท่านเกรงใจไปแล้วนายท่านสูงส่งรินสุราให้สุ่ยหลีไม่เหมาะนัก""ข้าเต็มใจเจ้าดื่มหมดจอกแทนคำขอบคุณข้า"สุ่ยหลียิ้มทั้งน้ำตายกจอกสุรารินลงคออย่างไม่ลังเลเพียงพริบตาสุ่ยหลีก็คอพับลงไปกับพื้นหลับใหลไปในทันที"นายท่านโธ่นายท่าน"ตะวันบ่ายสุ่ยหลีคร่ำครวญกับกองสัมภาระน้ำตาเต็มสองตาดึงยกเป้สัมภาระไม้ไผ่ขึ้นทาบแผ่นหลัง"ข้าจะตามนายท่านขึ้นไปเดี๋ยวนี้""ตุ๊บ"บางอย่างล่วงลงพื้นสุยหลีทรุดกายลงพิงต้นไม้ใหญ่คลี่ก้อนผ้าที่มีตัวอักษรอยู่บนนั้น"สุ่ยหลีฟังข้าที่เป่ยจิง มีโรงเตี๊ยมชื่อว่า…สุ่ยหลีที่นั่นข้าใช้เงินสร้างมันเพื่อเจ้ากลับไปรอข้าที่นั่น หากตามขึ้นมาวันไหนที่ข้ากลับไปจึงไม่พบเจ้า ฝากดูแลตำหนักชมดาว..แทนข้า แล้วเราจึงจะได้พบกัน..อย่าฝืนบัญชาหากยังตามข้าขึ้นไปพบข้าเราจึงตัดขาดกัน"ปาดน้ำตาที่ไหลรินสะอื้นอย่างหนัก"ข้าเช่นไรจะกล้าฝืนบัญชาฝ่าบาท กล้าให้ฝ่าบาทตัดขาดกับข้า"ปาดน้ำตาแห้งเหือดหันมองเทือกเขาเหลียงซานยิ้มเศร้าๆ ก้าวขาบ่ายหน้ากลับไปยังเป่ยจิงรอวันพบกันกับจูเหวินหน้าผาสูงสลับซับซ้อน มือเรียวราวลำเทียนยึดเกาะปีนป่าย"เหลือเพียงที่แห่งนี้ที่ขายังไม่เคยเสาะแสวงหาน้ำพุกาลเวลาหวังว่
สุ่ยหลียิ้ม“เช่นนั้นเขาเหลียงซานเบื้องหน้าเหมาะที่จะปีนป่ายต่อเติมความหวังในเมื่อเราเดินทางไปมาจนทั่วยังไม่พบน้ำพุแห่งกาลเวลา บางทีควรจะลองปีนเขาดูบ้าง”เจี้ยนเหวินยิ้มกว้างเป่ยจิง"จักรพรรดิหย่งเล่อทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นๆ ปี"เสียงถวายพระพรดังกึกก้องเมื่อจักรพรรดิหย่งเล่อหรือเอี้ยนอ๋องจูตี้ในอดีตเสด็จขึ้นนั่งบัลลังก์มังกร หย่งเล่ออมยิ้มอดคิดถึงพริมมี่กับคำว่าหย่งเล่อหรือหยกเลอค่ายกกำไลหยกสีแดงขึ้นมามองดู"ยังคงคิดถึงเจ้าเหมือนเดิมมีมี่"พึมพำเบาๆ ยิ้มเศร้าๆ"ฝ่าบาท เมืองหลวงเป่ยจิงและพระราชวังต้องห้ามบัดนี้ได้เริ่มก่อสร้างแล้ว ตามพระบัญชา""ดีมาก จิ้งเหอท่านควรจะเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงเรื่องนี้""พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทเป่ยจิงของเรารุ่งเรืองร่มเย็น ต่างชาติล้วนต้องการผูกมิตร""ดียิ่งแล้วข้าน้อมนำดำรัสของไท่หวงซางหมิงไท่จูสืบต่อมาหวังว่าบรรพบุรุษจะชื่นชม ครั้งนี้ตั้งใจส่งสินค้าและราชทูตยังต่างชาติต่างภาษาเพื่อเจริญสัมพันธ์ทางการทูต"จิ้งเหอประสานมือตรงหน้า"ข้าน้อยยินดีเป็นตัวแทนเดินเรือยังต่างแคว้น"จักรพรรดิหย่งเล่อยิ้มกว้าง"ดีแล้วจิ้งเหอท่านไม่เคยทำให้ข้าผิดหวัง"จักรพรรดิหย่งเล่อเดินเอามื
แม้จะเจ็บปวดเพียงใดขอแค่ให้ได้ลอง พริมมี่ลมหายใจขาดเป็นห้วงๆ เลือดไหลซึมออกจากอกข้างซ้าย“ฉันกำลังจะตายใช่ไหม ฉันจะตายจริงๆ ใช่ไหม”บนเนินเขา นั่นแสงทองสุดท้ายสาดส่องไปที่ต้นไป๋กว่อ เหลืองอร่ามใบสีเขียวเปลี่ยนเป็นสีเหลืองงดงามราวกับภาพฝัน สุ่ยหลีหยุดเกี้ยว เจี้ยนเหวินอ้าปากค้างเมื่อเห็น สีเหลืองอร่ามตานั้น“พริมมี่ ดูนั่น”พยุงพริมมี่ให้ลงไปยังต้นไป๋กว่อพริมมี่ยิ้มเศร้าๆ เสียงหายใจรวยรินหอบเหนื่อยใกล้เข้ามาแล้วสินะใกล้ถึงเวลาแล้ว“ต้องอย่างนี้สิสำหรับพริมมี่ต้องงดงามแบบนี้ พาข้าไปที่นั่นเถิด”เจี้ยนเหวินช้อนร่างบางไว้ในอ้อมแขน พาพริมมี่ไปยังต้นไป๋กว่อเหลืองอร่ามตา“จะต้องทำอย่างไร”เจี้ยนเหวินเอ่ยปากเสียแหบแห้ง ไม่อยากให้พริมมี่ต้องจากไปถึงตอนนี้คำพูดของพริมมี่ ที่เขาคิดว่าเป็นเพียงการคาดเดากลับเกิดขึ้นจริงทุกอย่าง เช่นไรจึงไม่เชื่อว่านางมาจากอนาคตแล้วหากนางจะกลับไปเช่นไรเขาจึงจะไม่เชื่อว่ามันจะเกิดขึ้น“พริมมี่แค่หวังว่า จะได้กลับไปจริงๆ ขอแค่ได้ลองนาฬิกาสองเรือนนั้นพาพริมมี่มาที่นี่จะต้องพากลับไปได้แน่ ภายใต้อักษรง่ายๆ แค่กดมันลงไป พริมมี่ก็จะข้ามภพกลับไปยังที่เดิม”ยิ้มบางๆ ในใจหว
เจี้ยนเหวินยิ้มเศร้าๆ“ไม่มีนาง ไม่มีข้า ไม่พบนางไม่มีข้า เพราะหัวใจข้าแหลกสลายไปเสียแล้ว มีนางจึงมีข้า”เอี้ยนอ๋องถอนหายใจ“หวังว่าฝ่าบาทจะยังไม่ทิ้งหนานจิง”“หนานจิงกับข้า บอบช้ำพอกัน เพียงแค่ข้าไม่อาจปกป้องสิ่งใดได้แม้แต่คนที่รัก ก็ไม่ควรจะลอยหน้าอยู่ได้อีก เอี้ยนอ๋องหวังว่าราชวงค์หมิงจะรุ่งเรืองดังที่เสด็จปู่ต้องการ ข้าตั้งใจเร้นกายไปกับนางตั้งแต่แรกแล้ว ทุกอย่างจึงมอบให้อาสี่จึงดี”เอี้ยนอ๋องจูตี้หลับตาลงช้าๆ สะกดกลั้นความเจ็บปวดในใจเขาก็อยากจะเลือกพริมมี่เช่นเดียวกับเจี้ยนเหวินแต่นางไม่เลือกเขา“เคลื่อนเกี้ยว”สุายหลี ตวัดแส้ลงบนหลังม้าทั้งหกให้พุ่งทะยานไปยังเป่ยจิงที่อยู่ห่างออกไป1,022กิโลเมตร หรือ2,044ลี้ปี2024ซุนจูยืนยิ้มมองร่างไร้สติของพริมมี่ที่ใบหน้ากลับมีสีเลือดขึ้นมากว่าเมื่อวาน“ข้าใจแทบสลายในวันนั้นวันที่ต้องพาเจ้าเดินทางรอนแรมสองพันลี้เพื่อพาเจ้ากลับมาที่นี่ แต่จนแล้วจนรอด ก็ต้องมารอเจ้าถึงหกร้อยปีอยู่ที่นี่รอเจ้านานเหลือเกินพริมมี่ เรากำลังจะได้พบกันอีกครั้ง”“ฝ่าบาท ระยะทางยาวไกลเช่นไรจะพาพระสนมไปถึงที่นั่นได้”สุ่ยหลีแสดงความกังวลเจี้ยนเหวินประคองร่างเล็กที่หายใจ