แชร์

บทที่ 11 บ้านสามเห็นแก่ตัว

ผู้เขียน: sanvittayam
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-06 16:13:26

บทที่ 11 บ้านสามเห็นแก่ตัว

เมื่อมาถึงบ้านรองมู่ ทุกคนต่างก็เข้าบ้าน ปล่อยให้มู่อันเหมยยืนคุยกับเฉินหยางคุนต่อ

เดินกลับดี ๆ นะพี่ใหญ่เฉิน มืดค่ำแล้ว แต่เดี๋ยวฉันเข้าไปเอาตะเกียงให้พี่ดีกว่า”

มู่อันเหมยเอ่ยขึ้นเมื่อคิดว่าเขาต้องเดินกลับมืด ๆ อีกทั้งเขายังไม่ถือตะเกียงมาด้วย เธอเลยคิดว่าควรจะเข้าไปเอาตะเกียงมาให้เขายืม

ไม่เป็นไร แค่นี้เอง ผมเดินออกจะบ่อย ไม่มีอันตรายอะไรหรอก แต่…” เขาไม่ต้องการให้เธอเรียกเขาว่าพี่ใหญ่เฉิน เขาอยากให้เธอเรียกเขาว่าพี่หยางคุน เพราะมันดูไม่ห่างเหิน

ทว่าเมื่อเฉินหยางคุนคล้ายกับพูดไม่จบประโยค มู่อันเหมยได้แต่มองตาแป๋ว เพราะตั้งใจจะฟังประโยคถัดไปแต่กลับไม่มี

อาการและท่าทางของเธอดูน่าเอ็นดูในสายตาของเฉินหยางคุนยิ่งนัก เขาอยากคว้าตัวเธอมากอดเสียเหลือเกิน

อ้าว…ทำไมไม่พูดต่อล่ะพี่ใหญ่เฉิน ฉันหรืออุตส่าห์ตั้งใจฟัง”

เรียกพี่หยางคุนได้ไหม เรียกพี่ใหญ่เฉินมันไม่ดี”

แล้วมันไม่ดีตรงไหนล่ะพี่ ใครเขาก็เรียกพี่แบบนี้ไม่ใช่เหรอ” มู่อันเหมยคล้ายกับไม่เข้าใจในสิ่งที่เฉินหยางคุนกล่าวมา

คนหนึ่งพูดน้อย อีกคนไม่เข้าใจ วันนี้จะคุยกับจบหรือไม่ นี่คือสิ่งที่คนแอบดูอย่างมู่เฟยหยวนต้องเกาหัวแกรก ๆ

เมื่อทนดูไม่ได้จึงเดินออกมาแล้วพูดแทน

พี่ใหญ่เฉินที่น้องเรียกนั้น อยากให้เรียกพี่หยางคุน เพราะจะได้ดูสนิทสนมขึ้นหน่อย ส่วนเราน่ะอันเหมย อีกปีเดียวก็จะเป็นเจ้าสาวแล้ว ก็อย่าเรียกพี่หยางคุนอย่างห่างเหิน พี่ใหญ่เฉินนั้นควรให้คนนอกเรียก”

พูดจบมู่เฟยหยวนจึงเดินกลับเข้าบ้านอีกครั้ง

หลังจากที่พี่ชายมาอธิบายประโยคของเฉินหยางคุนแล้วมู่อันเหมยจึงยิ้มกว้าง แม้ว่าเธอจะหัวดี แต่ก็ไม่ได้ฉลาดทุกเรื่อง อย่างเช่นเรื่องที่ขยายความในประโยคของชายตัวโตตรงหน้าพูด

พี่อยากให้ฉันเรียกว่าพี่หยางคุนไม่ใช่พี่ใหญ่เฉินใช่ไหมคะ”

เฉินหยางคุนพยักหน้า ทว่าหูของเขาแดงเล็กน้อย หากเป็นกลางวันมู่อันเหมยคงเห็นแล้ว

ได้ค่ะพี่หยางคุน แต่พี่ไม่ต้องแทนตัวว่าผม และไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณหรอก มันดูห่างเหินเหมือนกัน นี่ก็ค่ำแล้ว พี่รีบกลับบ้านเถอะ อันตราย”

เธอไม่ได้ไล่ แต่นี่มันมืดแล้ว จะให้ยืมตะเกียงส่องทางก็ไม่เอา

อีกทั้งเธออยากจะเข้าไปคุยกับพี่ใหญ่ด้วยเรื่องที่บ้านสามมาขอยืมเงินบ้านเฉิน และต้องการตำแหน่งงานของเธอ แต่ไม่ว่าบ้านสามจะทำอย่างไร เธอไม่มีทางปล่อยตำแหน่งงานที่เธอมุมานะพากเพียรจนสอบเข้าได้หรอกนะ

ครับ เหมยเหมยเข้าบ้านเถอะ พี่กลับก่อน พรุ่งนี้ค่อยพบกัน”

เฉินหยางคุนกล่าวจบก็รีบหมุนตัวเดินจากไป หากมู่อันเหมยเห็นคงอดที่จะยิ้มไม่ได้ เพราะท่าทางของชายตัวโตเดินยิ้มไปตลอดทาง ก่อนจะทำทีเอามือล้วงเข้ากระเป๋าเสื้อแล้วหยิบไฟฉายในมิติออกมา จากนั้นจึงเดินไปยังทิศทางที่บ้านเฉินอยู่

ทางมู่อันเหมยก็เช่นกัน หลังจากที่หมุนตัวเข้าบ้านใบหน้าของหญิงสาวก็เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มจนมู่เฟยหยวนต้องเอ่ยแซว

หุบยิ้มบ้างก็ได้ อะไรทำให้เราเปลี่ยนใจยอมแต่งเข้าบ้านเฉิน”

เมื่ออยู่กันสองคนมู่เฟยหยวนจึงเอ่ยถามน้องสาวอย่างที่สงสัย

ก็ไม่มีอะไรพี่ใหญ่ ฉันเห็นว่าพี่หยางคุนไม่ใช่คนเลวร้าย อีกทั้งเขาก็ช่วยเหลือครอบครัวเรามาตลอดไม่ใช่เหรอ หากฉันต้องแต่งงาน พี่หยางคุนก็น่าจะเป็นสามีที่ดีได้ พี่ว่าจริงไหม จริงสิ วันนี้ตอนที่ฉันอยู่บ้านเฉิน อาสะใภ้สามไปยืมเงินแม่พี่หยางคุนด้วยนะ พี่รู้ไหมว่าอาสะใภ้สามให้เหตุผลอะไรกับการขอยืมเงินครั้งนี้”

มู่อันเหมยคล้ายกับจะคิดได้ว่าจะคุยกับพี่ชายเรื่องอะไร จึงเอ่ยออกมาอย่างไม่ปิดบัง และเชื่อว่าวันพรุ่งนี้บ้านสามย่อมต้องมาหาเรื่องแน่ ๆ

มู่เฟยหยวนมองหน้าน้องสาวสงบนิ่ง เรื่องนี้เขาคิดไว้แล้ว หากบ้านสามรู้ข่าวเรื่องอันเหมยสอบเข้าทำงานในโรงงานยาสูบได้ ต่อให้ต้องเสียเงินเพื่อเปลี่ยนคน บ้านสามยินดีที่จะทำ

แล้วป้าสะใภ้เฉินว่าอย่างไรบ้าง”

ป้าสะใภ้เฉินด่ากลับไปน่ะสิ แถมยังทวงเงินที่ค้างด้วย ฉันละสะใจนัก ป้าสะใภ้เฉินบอกว่าฉันไม่ต้องกังวล ท่านไม่ยอมให้เงินบ้านสามแน่ และยิ่งรู้ว่าบ้านสามต้องการเงินเพื่อไปติดสินบนเจ้าหน้าที่ฝ่ายในโรงงานเพื่อขอเปลี่ยนชื่อจากฉันเป็นลูกชายบ้านสาม ป้าสะใภ้เฉินเลยไม่ให้”

มู่อันเหมยเล่าให้พี่ชายฟังทั้งหมดเรื่องที่เธอพบเจอมา ทว่าเธอยังมีความกังวลเล็กน้อย หากปู่กับย่าออกหน้า แล้วอ้างเรื่องความกตัญญูล่ะ แต่ชาติก่อนเธอยังผ่านมาได้ ชาตินี้เธอก็ต้องทำได้เหมือนกัน

ในเมื่อบ้านเราไม่ยอมเสียอย่าง ปู่กับย่าทำอะไรไม่ได้หรอก อย่าลืมสิว่าบ้านเรากับบ้านปู่แยกบ้านกันแล้ว ที่สำคัญเวลานี้ยังไม่ถึงเวลาที่ส่งอาหาร อันเหมยไม่ต้องเป็นกังวล แต่พี่ถามหน่อยสิ มั่นใจแล้วใช่ไหมเรื่องพี่หยางคุน หากน้อง…”

พี่ใหญ่ไม่ต้องกังวล เรื่องแต่งงานกับพี่หยางคุนฉันเองที่ตัดสินใจ และครั้งนี้ไม่ใช่เพราะสมองฉันกระทบกระเทือนแน่ เริ่มมืดแล้วรีบเข้าบ้านดีกว่า พรุ่งนี้จะได้ตื่นเช้า”

มู่อันเหมยยิ้มกว้างก่อนจะเดินคล้องแขนพี่ชายเข้าบ้าน ใบหน้าของมู่เฟยหยวนประดับไปด้วยรอยยิ้ม ภาพของสองพี่น้องเดินหยอกล้อกันเข้าบ้าน ทำให้สามคนที่อยู่ในบ้านพลอยยิ้มตาม

ทางด้านบ้านสามมู่ สะใภ้สามเดินหน้าบึ้งเข้ามาทำให้ย่ามู่ต้องถามด้วยความสงสัยและคิดว่าแค่ไปยืมเงินบ้านเฉินทำไมต้องทำหน้าเช่นนั้นตอนกลับมา

สะใภ้สาม หล่อนเป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้น หรือบ้านเฉินไม่ยอมให้ยืมเงิน”

ก็ใช่น่ะสิแม่ แม่รู้ไหมว่านอกจากบ้านเฉินไม่ให้ยืม ยังทวงเงินของเก่าอีก และที่สำคัญฉันเห็นอันเหมยอยู่ที่นั่นด้วย ไม่ใช่อันเหมยปฏิเสธการแต่งงานมาตลอดเหรอ”

หล่อนแน่ใจเหรอว่านังอันเหมยอยู่ที่บ้านเฉิน หรือว่านังเด็กนั่นมันยอมแต่งเข้าบ้านเฉินจริง ๆ” ย่ามู่ย้อนถามกลับเมื่อคิดถึงสาเหตุที่มู่อันเหมยไปที่บ้านเฉิน

เรื่องนี้ฉันไม่รู้ แต่ที่แน่ ๆ พี่สะใภ้เฉินพูดว่าเด็กนั่นคือว่าที่ลูกสะใภ้และหากแต่งงานเมื่อไหร่เธอจะวางมือให้สะใภ้จัดการเรื่องเงินและเรื่องทุกอย่างในบ้าน

จริงสิแม่ นังอันเหมยไม่ยอมยกงานที่โรงงานให้เจ้ารองของฉัน แล้วแบบนี้เราจะทำอย่างไร หากนังอันเหมยไม่ยอมเซ็นชื่อเราก็ไม่มีทางแย่งงานมาได้นะคะ”

เรื่องอื่นเธอยังไม่กังวล แต่สิ่งที่น่ากังวลกว่าคือชามข้าวเหล็กที่ครอบครัวเธอควรจะได้ บรรดาโรงงานทั้งหมด มีโรงงานยาสูบนี่แหละที่สวัสดิการดีที่สุด นอกจากเงินเดือนเริ่มต้นยี่สิบห้าหยวนแล้ว ยังมีคูปองอาหารและคูปองอื่น ๆ ให้อีก หากลูกชายเธอได้งานนี้ รับรองบ้านสามสบายไปตลอดและไม่ต้องกังวลเรื่องความเป็นอยู่อีกเลย

แล้วเวลานี้บ้านรองอยู่ที่ไหนกัน” ย่ามู่เมื่อรู้ว่าชามข้าวเหล็กบ้านสามจะไม่ได้ก็โมโหขึ้นมา คิดจะไปจัดการกับบ้านรองด้วยตนเอง ทว่ากลับได้ยินเสียงปู่มู่ดังขึ้นมาเสียก่อน

เธอจะอะไรกับลูกมากมายหรือ จะบ้านใหญ่ บ้านรอง หรือบ้านสามก็ลูกเหมือนกัน อันเหมยได้งานในโรงงาน เธอควรจะดีใจที่หลานได้ดี ไม่ใช่คอยแต่จะเอารัดเอาเปรียบหลาน”

ปู่มู่กล่าวขึ้นมา เขารู้สึกว่านับวันภรรยาของเขาจะไม่เหมือนเดิม เขาไม่เห็นด้วยตั้งแต่เรื่องที่ให้ลูกชายคนโตแยกบ้านออกไปพร้อมกับบ้านรองแล้ว เพียงแต่ไม่อยากขัด จึงหลับตาข้างหนึ่งเสมอมา ไม่คิดว่านานวันเข้าภรรยาของตนนั้นจะยิ่งมีความคิดแปลกประหลาดขึ้นทุกวัน

หากไม่คิดจะสนับสนุนคุณไม่ต้องเสนอความคิดเห็น เรื่องนี้ฉันจัดการเอง” ย่ามู่หันกลับมาตอบสามีด้วยความไม่พอใจ เธอไม่ได้ขอความคิดเห็นเสียหน่อย

ปู่มู่เดินจากมาพร้อมกับส่ายหน้าด้วยความระอา หากเขามีความเด็ดขาดกว่านี้ลูกอีกสองคนคงไม่อยู่อย่างลำบาก

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ย้อนอดีตมาพลิกชะตา (ยุค 70)   ตอนพิเศษ 2 จงอี้ - เสี่ยวผิง

    ตอนพิเศษ 2 จงอี้ - เสี่ยวผิงพอหายดี จื้อเฉียงก็ได้ออกจากโรงพยาบาล ทุกคนก็ได้รู้พร้อมกันว่าตอนนี้เสี่ยวเฟิ่งและเขาคบหากันเป็นคนรักและตอนนี้ทั้งสองคนตัวติดกันมากจงอี้ที่ปกติจะไปไหนมาไหนกับเพื่อนสนิท ก็คล้ายจะโดนทิ้ง จึงทำให้เขามานั่งทำหน้าเซ็งอยู่แบบนี้ในช่วงค่ำหลังจากที่เลิกงาน“เป็นอะไรของนาย” เสี่ยวผิงเดินออกมาเจอพอดีจึงเดินเข้าไปถามด้วยความสงสัย เพราะท่าทางของจงอี้เหมือนคนไม่มีชีวิตชีวาเลย“เบื่อ” จงอี้ยังหันมามองเธอและตอบคำถาม“เบื่ออะไร”“เพื่อนเธอแย่งเพื่อนฉันไป” พอนึกถึงเสี่ยวเฟิ่ง เขาก็อดมองค้อนสหายของแฟนเพื่อนอย่างเสี่ยวผิงไม่ได้“เป็นบ้าอะไรของนาย ก่อนหน้านี้ยังสนับสนุนให้ทั้งสองคบหากันอยู่แท้ ๆ” เสี่ยวผิงก็พอจะเข้าใจ ก่อนหน้านี้เธอเองก็ตัวติดกับเสี่ยวเฟิ่ง แต่พออีกฝ่ายมีแฟนก็ต้องแบ่งเวลาให้แฟนด้วย แต่ที่เธอไม่เข้าใจคือจงอี้ที่มานั่งทำหน้าหงิกหน้างออยู่ตรงนี้นี่แหละ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาสนับสนุนให้จื้อเฉียงและเสี่ยวเฟิ่งคบหากันด้วยซ้ำ“...” นั่นทำให้จงอี้เถียงไม่ได้เลย“นี่ล่ะหนา ที่เขาเรียกว่าหมาหัวเน่า” “เธอว่าใคร” พอถูกพูดถึงแบบนั้น เขาก็หันขวับไปมองหญิงสาวทันที“เปล

  • ย้อนอดีตมาพลิกชะตา (ยุค 70)   ตอนพิเศษ 1 จื้อเฉียง - เสี่ยวเฟิ่ง

    ตอนพิเศษ 1 จื้อเฉียง - เสี่ยวเฟิ่งนับตั้งแต่มู่อันเหมยคลอด เฉินหยางคุนก็เห่อลูกน้อยทั้งสอง แทบจะไม่ได้มาทำงานเลย ภาระทั้งหมดจึงไปตกอยู่ที่จงอี้และจื้อเฉียง จงอี้นั้นจัดการเรื่องตลาดแห่งใหม่และเรื่องสำนักงานรวมถึงการค้าต่าง ๆ ของนายส่วนจื้อเฉียง เขาได้ออกเดินทางไปคุยงานแทนผู้เป็นนายบ่อยครั้งและครั้งนี้ก็เป็นการไปคุยเรื่องเสบียงที่ทางใต้ “ฉันฝากด้วยนะ” หยางคุนกล่าวกับคนสนิทที่เขาไว้ใจให้ไปทำงานแทน“นายไม่ต้องห่วงครับ” จื้อเฉียงตอบรับด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ“อืม ช่วงนี้ฉันจะไม่ค่อยว่าง ขอบใจพวกนายมากที่ทำงานแทน”“เพื่อนายพวกผมพร้อมทำงานถวายหัวครับ”จงอี้ก็พูดขึ้นประจบประแจงอย่างติดตลก ทำให้หยางคุนยิ้มออกมาและส่ายหน้าให้กับเขาเล็กน้อย“หึ เกินไป”“ถ้าอย่างนั้นผมไปเตรียมตัวก่อนนะครับ” จื้อเฉียงขอตัวไปเตรียมของที่จะเดินทาง“ไปเถอะ” หยางคุนก็พยักหน้าให้ทั้งคู่แล้วแยกย้ายกันไปทำงานหรูเฟิ่งและเสี่ยวผิงเองก็ไม่ได้อยู่เฉย พวกเธอไม่ได้อยู่ติดตามมู่อันเหมยแล้ว เนื่องจากอีกฝ่ายไม่ค่อยได้ออกไปไหนมาไหนมากนัก จึงตัดสินใจมาช่วยทำงานที่สำนักงาน แล้วก็ทำให้สนิทกับจื้อเฉียงและจงอี้มากกว่าเดิมไปอีก วัน

  • ย้อนอดีตมาพลิกชะตา (ยุค 70)   บทส่งท้าย สงบสุขจริง ๆ เสียที

    บทส่งท้าย สงบสุขจริง ๆ เสียทีวันเวลาก็ผ่านพ้นไปอย่างสงบสุข บ้านสามในเวลานี้ไม่มีฤทธิ์อะไรอีกแล้ว ตัวของย่ามู่แทบจะไม่ออกจากบ้านอีกเลย คนอื่น ๆ ก็ใช้ชีวิตกันไปอย่างปกติและมีความเป็นอยู่ที่ไม่ค่อยดีเท่าไรเวลานี้มู่อันเหมยท้องได้เจ็ดเดือนกว่าแล้ว ซึ่งท้องของเธอโตมาก หมอวินิจฉัยแล้วว่าท้องนี้อาจจะเป็นลูกแฝด คนที่ตื่นเต้นที่สุดคงไม่พ้นคุณพ่อมือใหม่อย่างเฉินอยางคุน!!ซึ่งตั้งแต่ที่รู้ว่าภรรยาท้อง ชายหนุ่มแทบจะไม่ไปทำงานอีกเลย มัวแต่เกาะติดอยู่กับมู่อันเหมยภรรยารักของตนซึ่งเวลานี้มู่อันเหมยได้ย้ายเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์แล้ว เพราะสะดวกมากกว่าโดยมีนางอี่หนิงแม่สามีมาคอยดูแล และให้คำปรึกษาลูกสะใภ้ในช่วงเวลาตั้งครรภ์“อีกไม่กี่เดือนเราจะได้เจอกันแล้วนะลูกรัก” เฉินหยางคุนก้มลงไปพูดกับลูกที่อยู่ในท้องของภรรยาสองแฝดเหมือนจะรู้ว่าพ่อคุยกับตนเอง ทำให้มีปฏิกิริยาเกิดขึ้นจนผู้เป็นแม่อย่างมู่อันเหมยตกใจและทำหน้าเหยเกเล็กน้อย“อ๊ะ”“เหมยเหมยเป็นอะไรหรือเปล่า เจ็บไหมล่ะนั่น” เฉินหยางคุนเงยหน้าขึ้นมาถามภรรยาด้วยความเป็นห่วง ซึ่งมู่อันเหมยพยักหน้าให้เล็กน้อย ก่อนจะลูบท้องตนเองเบาๆ และตอบกลับสามีด้วยความรู้ส

  • ย้อนอดีตมาพลิกชะตา (ยุค 70)   บทที่ 68 จัดการบ้านสามให้เด็ดขาด

    บทที่ 68 จัดการบ้านสามให้เด็ดขาดเฉินฟางเซียนตัดสินใจไปสอบที่ปักกิ่ง โดยมีเว่ยซิ่วตงพาไปด้วยตนเอง ทั้งยังพาเธอไปพบกับครอบครัวของเขาอีกด้วย ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างที่บ้านเว่ย เฉินฟางเซียนก็ไม่ได้เล่าให้กับใครฟังเธอสอบที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งตามที่ตั้งใจไว้ ส่วนสหายอีกสองคนไม่ได้ไปด้วยเฉินฟางเซียนมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะสอบเป็นอย่างมาก อ่านหนังสือจนดึกดื่นและเธอก็ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง เฉินฟางเซียนสอบติดอย่างที่ตั้งใจไว้พอกลับมาที่หมู่บ้าน ทุกคนก็ร่วมแสดงความยินดีกับเธอ ชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงก็รู้เรื่องกันทั่ว“ยินดีด้วยนะลูก” นางอี่หนิงสวมกอดลูกสาวแสดงความยินดี“ขอบคุณนะคะแม่ พี่หยางคุน พี่สะใภ้”“เก่งมาก” เฉินหยางคุนก็ยกมือขึ้นลูบหัวน้องสาวที่เขาเลี้ยงมากับมือด้วยความภาคภูมิใจมู่อันเหมยก็ยิ้มให้กับน้องสามี ในตอนนี้เธอตั้งท้องได้ห้าเดือนแล้ว บ้านเฉินในตอนนี้มีแต่เรื่องน่ายินดี กิจการของเฉินหยางคุนก็กำลังไปได้สวยจริง ๆเรื่องที่เฉินฟางเซียนกำลังจะไปเป็นนักศึกษาที่เมืองหลวงถูกแพร่กระจายไปทั่ว ชาวบ้านก็ยินดีด้วย พร้อมกับเชิดหน้าชูตาได้ เพราะในตอนนี้หมู่บ้านของพวกเขาไม่เพียงมีนายท่านเ

  • ย้อนอดีตมาพลิกชะตา (ยุค 70)   บทที่ 67 มู่อันเหมยท้องแล้ว

    บทที่ 67 มู่อันเหมยท้องแล้วทุกอย่างดำเนินมาอย่างราบรื่นจนปีปฏิวัติผ่านพ้นไป เฉินหยางคุนสั่งปิดตลาดมืดในช่วงที่มีการปฏิวัติ และนายพลหม่า นายพลหู รวมไปถึงครอบครัวของเว่ยซิ่วตงก็เลือกข้างได้ถูกเพราะคำแนะนำจากเขาจากนั้นพอมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เขาก็เริ่มมีความคิดที่จะทำหลายอย่าง เช่นการทำให้ตลาดมืดกลายเป็นการค้าเสรีที่ชาวบ้านทุกคนสามารถนำของมาขายได้จนกระทั่งทางการประกาศให้มีการเวนคืนที่ดินให้กับผู้ที่เคยถูกยึด ยกเลิกการทำงานในคอมมูน แบ่งที่ดินให้ทำกินอย่างเท่าเทียมทางด้านเฉินหยางคุนก็จัดตั้งตลาดที่ถูกกฎหมายขึ้นมา ส่วนตลาดมืดก็ยังคงมีอยู่และคึกคักเหมือนเดิม แม้จะมีการค้าเสรี แต่สินค้าบางอย่างรัฐยังจำกัดการซื้อ ดังนั้นตลาดมืดยังเป็นที่ต้องการของประชาชนทั่วไปในช่วงนี้สองสามีภรรยาจึงค่อนข้างจะยุ่งวุ่นวายกับงานมาก เช้าวันนี้มู่อันเหมยตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดหัว หน้ามืด อยากจะอาเจียน“อุบ” เธอรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำจัดการกับตัวเองสักพักก็เดินออกมา ในเวลานี้สามีของเธอคงจะออกกำลังกายอยู่ที่หน้าบ้านมู่อันเหมยรู้สึกว่าช่วงนี้ร่างกายของเธออ่อนเพลียเป็นอย่างมาก แต่เธอคิดว่าเป็นเพราะพักผ่อนน้อย เ

  • ย้อนอดีตมาพลิกชะตา (ยุค 70)    บทที่ 66 เสี่ยวฟางรนหาที่

    บทที่ 66 เสี่ยวฟางรนหาที่เรื่องราวของว่านปี่หมิงที่ต้องมีสภาพที่น่าอนาถแบบนั้น เสี่ยวฟางก็รับรู้เช่นกัน เธอไม่คิดที่จะกลับไปหาคนไร้ประโยชน์อย่างชายคนนั้นอีก เพราะไม่เช่นนั้นก็คงเป็นเธอที่ลำบากในตอนนี้ชีวิตของเสี่ยวฟางที่บ้านก็ย่ำแย่ไม่แพ้กัน พ่อแม่ของเธอกำลังจะหาชายแก่หรือพ่อม่ายมาแต่งงานกับเธอ เพื่อส่งเธอออกไปให้พ้นตระกูลเธอไม่ยินยอม แต่ไม่สามารถปฏิเสธได้เพราะตอนนี้ยังพึ่งพาพวกเขาอยู่ เธอนึกไปถึงมู่อันเหมยที่ตอนนี้กลายเป็นนายหญิงเฉินแล้วก็รู้สึกอิจฉา คนบ้านนอกอย่างมู่อันเหมยไม่ควรได้รับสิ่งดี ๆ พวกนี้เลยด้วยซ้ำ เลยมีความคิดหนึ่งขึ้นมา ไม่รอช้า วันต่อมาจึงเดินทางมาที่บ้านของมู่อันเหมยทันที“มาหาใครคะ” เฉินฟางเซียนเป็นคนออกมาดูด้วยตนเอง“ฉันมาหาอันเหมยค่ะ”“เป็นสหายของพี่สะใภ้เหรอคะ” ได้ยินคำตอบ เฉินฟางเซียนก็เอียงคอมองอย่างพิจารณา“ใช่ค่ะ” เสี่ยวฟางตอบรับและทึกทักเอาเองว่าเป็นสหายของมู่อันเหมย“ใครมาเหรอฟางเซียน” มู่อันเหมยออกมาพอดี เธอถามน้องสามีและหันไปมองแขกที่มา พอเห็นว่าเป็นใคร เธอก็ชะงักไปทันทีเสี่ยวฟางที่พอเห็นอันเหมย เธอก็กำหมัดแน่น มองการแต่งตัวด้วยชุดสวย ๆ ของอันเหมยด้ว

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status