แชร์

บทที่ 10 ปรับความเข้าใจ

ผู้เขียน: sanvittayam
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-06 16:12:40

บทที่ 10 ปรับความเข้าใจ

เฉินฟางเซียนทันทีที่ทำงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จเรียบร้อย จึงรีบกล่าวลา วันนี้การบ้านเยอะ อยากจะทำให้เสร็จก่อนจึงรีบขอตัวกลับ

ทว่าบ้านรองมู่กลับขมวดคิ้วแทน เพราะเมื่อกลางวันเฉินหยางคุนน่าจะรู้แล้วว่ามู่อันเหมยไม่ยินดีที่จะแต่งงาน แต่ทว่าทำไมเวลานี้ทุกอย่างจึงกลับมาเป็นเช่นนี้ได้ล่ะ

อันเหมยยอมแต่งเข้าบ้านเฉินแล้วเหรอเจ้าใหญ่” มู่เสียนเอ่ยถามบุตรชายด้วยความสงสัย

นั่นสิพ่อ ผมเองก็อยากรู้เหมือนกัน” มู่เฟยหยวนไม่ตอบคำถามพ่อตนเอง แต่เขาถามกลับแทน

บ๊ะ ไอ้นี่ พ่อถามเอ็งแต่ดันถามกลับ กวนโมโหอีกแล้ว” มู่เสียนนั้นอยากตะบันหน้าลูกชายเหลือเกิน เขาถามดี ๆ แต่เจ้าลูกชายกลับย้อนถามเสียนี่

อ้าว…พ่อ ผมตอบไม่ดีตรงไหน รีบทำงานต่อเถอะครับ เดี๋ยวสัญญาณเลิกงานก็ดังแล้ว”

จากนั้นสองพ่อลูกจึงก้มหน้าก้มตาทำงานกันต่อ โดยมีนางจางหลานส่ายหน้าอย่างระอาให้สามีและลูกชายตนเอง

แต่ภายในใจนั้นเธอคิดเช่นกันว่าวันนี้พระอาทิตย์ขึ้นทางไหน ทำไมลูกสาวที่ค้านหัวชนฝาเรื่องแต่งงานเกิดเปลี่ยนใจกะทันหัน แถมเวลานี้ยังไปอยู่ที่บ้านเฉินอีกด้วย

บ้านรองมู่จึงทำงานกันจนเวลาล่วงเลยมาจนเลิกงาน จากนั้นจึงรีบไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ก่อนจะเดินทางไปยังบ้านเฉินตามคำเชิญ

กลับมาทางด้านมู่อันเหมยหลังจากที่ช่วยงานในครัวเสร็จแล้ว เธอจึงเดินมานั่งเล่นอยู่กับนางอี่หนิง ไม่นานเฉินฟางเซียนจึงเดินกลับมา เมื่อเห็นหน้าว่าที่พี่สะใภ้เด็กสาวจึงคิดที่จะเดินเลี่ยงกลับเข้าห้องตนเอง แต่กลับโดนนางอี่หนิงเรียกไว้เสียก่อน

เซียนเอ๋อร์ จะรีบไปไหนลูกมานั่งคุยกันก่อนสิ”

ฉันมีการบ้านที่ต้องทำค่ะแม่” เธออยากจะบอกเหลือเกินว่าไม่ว่างไม่อยากนั่งคุยด้วย สายตาเธอเหลือบมองมู่อันเหมยเล็กน้อย แต่มีเหรอที่คนโดนมองจะไม่รู้

มู่อันเหมยเลยมองกลับพร้อมกับส่งยิ้มไปให้ จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นอีกคน “นั่งด้วยกันก่อนสิ ทั้ง ๆ ที่ฉันเป็นรุ่นพี่เธอที่โรงเรียน แต่เราสองคนแทบจะไม่ได้คุยกันเลย”

คราวนี้ล่ะ เฉินฟางเซียนคล้ายกับคนโดนผีหลอก เธอทำหน้างงงวยและแปลกใจ พร้อมกับคิดว่ามู่อันเหมยกินยาผิดหรือไม่ ปกติแทบจะไม่มองหน้าเธอเลยด้วยซ้ำ

สุดท้ายเฉินฟางเซียนจึงนั่งลงร่วมสนทนาด้วย

ฟางเซียน ที่ผ่านมาฉันต้องขอโทษเธอด้วยนะ” อยู่ ๆ มู่อันเหมยเอ่ยขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มมาให้

พี่จะขอโทษฉันเรื่องอะไร เราสองคนไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันสักหน่อย”

แม้จะไม่มีเรื่องบาดหมาง แต่หลายครั้งที่ฉันหาเรื่องเธอเพราะเธอเป็นสหายกับจางลี่ญาติผู้พี่ของฉัน เธอก็น่าจะรู้ว่าฉันกับจางลี่ไม่ค่อยชอบหน้ากันเท่าไร อาจจะเพราะนิสัยของเราทั้งสองคนคล้ายกันเกินไป”

ด้วยนิสัยของมู่อันเหมยเป็นคนไม่ยอมคนและยึดความคิดและความต้องการของตนเองเป็นหลัก นั่นไม่ต่างจากญาติผู้พี่มู่จางลี่นัก แต่ต่อให้เธอและจางลี่จะไม่ค่อยชอบหน้ากันเท่าไร ทว่าบ้านใหญ่และบ้านรองกลับไม่มีเรื่องบาดหมางกัน

นั่นเพราะการกระทำและนิสัยของเธอในชาติก่อนที่ทำให้คนต่างก็รังเกียจ แต่เวลานี้เธอมีโอกาสย้อนกลับมาอีกครั้ง เธอจึงอยากจะแก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาดไป

อีกทั้งเธอต้องแต่งเข้าบ้านเฉินจึงไม่อยากมีเรื่องบาดหมางกับน้องสามีอย่างเช่นเฉินฟางเซียน

เฉินฟางเซียนแปลกใจกับคำกล่าวที่คล้ายจะขอโทษของมู่อันเหมย แต่เด็กสาวเลือกที่จะไม่พูดอะไรได้แต่รับฟังเท่านั้น

นางอี่หนิงนั่งมองทั้งสองคน เธออยากให้ลูกสาวและว่าที่ลูกสะใภ้ไม่มีเรื่องหมางใจกัน เพราะเกิดเมื่อไหร่ที่มู่อันเหมยแต่งเข้ามา ทุกคนจะได้อยู่กันด้วยความสุข

เซียนเอ๋อร์ หากลูกไม่พอใจหรือมีเรื่องหมางใจกับอันเหมย แม่คิดว่าลูกควรจะกล่าวออกมา อย่าให้มันมีเรื่องอะไรติดค้างกันอีกเลย อีกหน่อยอันเหมยจะเข้ามาเป็นสมาชิกครอบครัวเฉิน แม่ไม่อยากให้ต่างคนต่างอยู่”

ไม่ใช่ว่าเธออยากจะเข้าข้างว่าที่ลูกสะใภ้ ทว่าต่อไปทั้งสองคนต้องอยู่ร่วมบ้านจึงไม่อยากให้มีเรื่องบาดหมาง สู้จัดการความรู้สึกเสียตอนนี้ไม่ดีกว่าเหรอ

ฉันไม่ได้มีปัญหากับพี่อันเหมยนะแม่ แต่แม่ก็รู้ว่าก่อนหน้านี้เธอไม่ยินดีที่จะแต่งงานกับพี่ใหญ่ ไม่ใช่แค่พวกเราที่รู้ แต่คนในหมู่บ้านล้วนแต่รับรู้ทั้งนั้น แล้วเวลานี้พี่อันเหมยคิดอย่างไรถึงยินดีแต่งงานกับพี่ใหญ่กันล่ะ หากเพราะคำมั่นสัญญาแต่ไม่มีใจให้พี่ใหญ่ ฉันไม่อยากให้พี่อันเหมยต้องมาเสียเวลากับเรื่องนี้ พี่ใหญ่เจอเรื่องมามากมายแล้ว อย่าต้องมาผิดหวังกับเรื่องนี้อีกเลย”

นี่เป็นความรู้สึกที่แท้จริงของเฉินฟางเซียน เธอไม่อยากให้พี่ของเธอถลำใจไปมากกว่านี้ คนไม่รักกันต่อให้แต่งงานกันไป มู่อันเหมยก็ไม่มีทางรักพี่ใหญ่ของเธอแน่

มู่อันเหมยยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะตอบด้วยท่าทีและน้ำเสียงที่จริงจัง

ฉันเคยหลงผิดมาก่อน คนที่ทำผิดจะไม่มีโอกาสแก้ตัวเลยเหรอ ฉันรู้ว่าพี่ใหญ่เฉินรักฉัน และยังเป็นผู้ชายที่หวังดีต่อฉันมาเสมอนอกเหนือจากพี่ใหญ่และพ่อ การที่ฉันจะตอบแทนความรักที่เขามีให้ด้วยรักเช่นกัน ฉันทำไม่ได้หรือไง”

มู่อันเหมยมั่นใจแล้วว่าเธอจะรักพี่ใหญ่เฉินอย่างที่เขารักเธอ เธอเคยตายมาแล้วเพราะความโง่ของตนเอง เวลานี้เธอจะไม่ยอมที่จะโง่และปล่อยสิ่งสำคัญหลุดมือไปอีกแล้ว

คำพูดของมู่อันเหมยเฉินหยางคุนล้วนได้ยินทั้งหมด คราวนี้เขามั่นใจแล้วว่ามู่อันเหมยนั้นย้อนกลับมาเช่นเดียวกับเขา แม้จะรู้ว่าเธอย้อนกลับมา และเธอรู้ว่าเขารักเธอมากเพียงใด

แต่เขาไม่หยิ่งผยองกับสิ่งที่ได้ยิน ความรักที่เขามีให้เธอนั้นกลับมากขึ้นไปอีก ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถพรากเธอไปจากเขาได้อีก ไม่มีวัน!

ฉันจะคิดว่านี่คือคำมั่นสัญญาที่พี่ให้ไว้ หากเมื่อไหร่ที่พี่ทำให้พี่ใหญ่ต้องเสียใจ วันนั้นต่อให้พี่แต่งเข้ามาแล้วฉันจะจัดการพี่ด้วยตนเอง”

เฉินฟางเซียนถือว่านี่คือคำมั่นสัญญาที่มู่อันเหมยได้ให้ไว้ หากเมื่อไหร่ที่ทำให้พี่ชายเธอต้องเสียใจก็อย่ามากล่าวหาว่าเธอร้ายก็แล้วกัน

เมื่อได้เปิดเผยความในใจกันแล้ว สองสาวจึงยิ้มให้กันเพราะไม่มีสิ่งที่ค้างคาในใจอีกแล้ว

นางอี่หนิงมองภาพลูกสาวและว่าที่ลูกสะใภ้ยิ้มให้กันด้วยใจที่อบอุ่น ไม่นานเฉินหยางคุนจึงเดินออกมาสมทบอีกคน

เมื่อบ้านรองมู่มาถึง บ้านเฉินก็จัดอาหารไว้รอแล้ว นางอี่หนิงจึงให้ทุกคนกินข้าวกันก่อนค่อยคุยเรื่องอื่น

ทันทีที่เห็นอาหารบ้านรองมู่ได้แต่กลืนน้ำลาย เพราะอาหารหลายจานมีเนื้อรวมอยู่ด้วย ช่วงนี้อาหารเริ่มขาดแคลน ทางรัฐจึงควบคุมมากขึ้น หากจะซื้อในสหกรณ์ก็ต้องไปจองคิวซื้อแต่เช้า และไม่ต้องพูดถึงราคา

ด้วยฐานะทางบ้านรองมู่อย่าได้ฝันว่าจะมีเงินซื้อกิน ดังนั้นทุกคนในบ้านมู่จึงไม่กล้าคีบอาหารจานเนื้อ ได้แต่คีบอาหารจานผัก ถึงแม้ว่าเป็นอาหารจานผักแต่รสชาติอร่อยมากและถูกปากทุกคน

แม้กระทั่งมู่อันเหมยยังไม่คิดว่าความสามารถในการทำอาหารของเฉินหยางคุน ชายที่ดูจะเย็นชาคนนี้ จะเข้าขั้นพ่อครัวใหญ่ได้เลย ดังนั้นเธอจึงเงยหน้ามองเขาเล็กน้อย

เมื่อเฉินหยางคุนเห็นดังนั้นเขาจึงยิ้มมุมปากเล็กน้อยที่ดูเหมือนมู่อันเหมยจะชอบอาหารที่เขาทำ ก่อนจะใช้ตะเกียบคีบเนื้อไว้ในจานของมู่อันเหมย และเอ่ยชักชวนให้ทุกคนได้กินเหมือนกัน

กินเนื้อกันบ้างเถอะ ร่างกายจะได้มีกำลัง แล้วอย่ามองว่าเป็นคนอื่น” เฉินหยางคุนไม่ใช่คนพูดมาก เพียงแค่คำพูดไม่กี่คำบ้านรองมู่ก็เข้าใจ สุดท้ายจึงกล้าคีบเนื้อมากิน

ขอบคุณค่ะ”

เมื่อมีเนื้อชิ้นโตอยู่ในจาน มู่อันเหมยจึงกล่าวขอบคุณ จากนั้นจึงลิ้มรสอาหารที่แสนอร่อยของชายที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้นคู่หมายของเธอทำให้กิน

มื้อเย็นวันนี้ระหว่างบ้านรองมู่และบ้านเฉินเป็นไปอย่างราบรื่น เมื่อมื้ออาหารจบลง บ้านรองมู่จึงได้ขอตัวกลับหลังจากที่ช่วยเก็บทุกอย่างแล้ว ตอนแรกนางอี่หนิงไม่ยินยอมที่จะให้แขกของบ้านมาช่วยเก็บถ้วยชามไปล้าง แต่บ้านรองมู่ไม่ยอมจึงปล่อยเลยตามเลย

เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

เฉินหยางคุนเดินตามมู่อันเหมยออกมาเพื่อจะส่งเธอให้ถึงบ้าน มู่เสียนได้แต่มองแล้วไม่พูดอะไรในเมื่อลูกชายบ้านเฉินคือคู่หมายของลูกสาวเขา

มู่อันเหมยได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้ม แล้วพยักหน้ารับ ก่อนที่ทุกคนจะเดินกลับบ้านพร้อมกันโดยมีเฉินหยางคุนตามมาส่งอย่างที่บอกไว้

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ย้อนอดีตมาพลิกชะตา (ยุค 70)   ตอนพิเศษ 2 จงอี้ - เสี่ยวผิง

    ตอนพิเศษ 2 จงอี้ - เสี่ยวผิงพอหายดี จื้อเฉียงก็ได้ออกจากโรงพยาบาล ทุกคนก็ได้รู้พร้อมกันว่าตอนนี้เสี่ยวเฟิ่งและเขาคบหากันเป็นคนรักและตอนนี้ทั้งสองคนตัวติดกันมากจงอี้ที่ปกติจะไปไหนมาไหนกับเพื่อนสนิท ก็คล้ายจะโดนทิ้ง จึงทำให้เขามานั่งทำหน้าเซ็งอยู่แบบนี้ในช่วงค่ำหลังจากที่เลิกงาน“เป็นอะไรของนาย” เสี่ยวผิงเดินออกมาเจอพอดีจึงเดินเข้าไปถามด้วยความสงสัย เพราะท่าทางของจงอี้เหมือนคนไม่มีชีวิตชีวาเลย“เบื่อ” จงอี้ยังหันมามองเธอและตอบคำถาม“เบื่ออะไร”“เพื่อนเธอแย่งเพื่อนฉันไป” พอนึกถึงเสี่ยวเฟิ่ง เขาก็อดมองค้อนสหายของแฟนเพื่อนอย่างเสี่ยวผิงไม่ได้“เป็นบ้าอะไรของนาย ก่อนหน้านี้ยังสนับสนุนให้ทั้งสองคบหากันอยู่แท้ ๆ” เสี่ยวผิงก็พอจะเข้าใจ ก่อนหน้านี้เธอเองก็ตัวติดกับเสี่ยวเฟิ่ง แต่พออีกฝ่ายมีแฟนก็ต้องแบ่งเวลาให้แฟนด้วย แต่ที่เธอไม่เข้าใจคือจงอี้ที่มานั่งทำหน้าหงิกหน้างออยู่ตรงนี้นี่แหละ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาสนับสนุนให้จื้อเฉียงและเสี่ยวเฟิ่งคบหากันด้วยซ้ำ“...” นั่นทำให้จงอี้เถียงไม่ได้เลย“นี่ล่ะหนา ที่เขาเรียกว่าหมาหัวเน่า” “เธอว่าใคร” พอถูกพูดถึงแบบนั้น เขาก็หันขวับไปมองหญิงสาวทันที“เปล

  • ย้อนอดีตมาพลิกชะตา (ยุค 70)   ตอนพิเศษ 1 จื้อเฉียง - เสี่ยวเฟิ่ง

    ตอนพิเศษ 1 จื้อเฉียง - เสี่ยวเฟิ่งนับตั้งแต่มู่อันเหมยคลอด เฉินหยางคุนก็เห่อลูกน้อยทั้งสอง แทบจะไม่ได้มาทำงานเลย ภาระทั้งหมดจึงไปตกอยู่ที่จงอี้และจื้อเฉียง จงอี้นั้นจัดการเรื่องตลาดแห่งใหม่และเรื่องสำนักงานรวมถึงการค้าต่าง ๆ ของนายส่วนจื้อเฉียง เขาได้ออกเดินทางไปคุยงานแทนผู้เป็นนายบ่อยครั้งและครั้งนี้ก็เป็นการไปคุยเรื่องเสบียงที่ทางใต้ “ฉันฝากด้วยนะ” หยางคุนกล่าวกับคนสนิทที่เขาไว้ใจให้ไปทำงานแทน“นายไม่ต้องห่วงครับ” จื้อเฉียงตอบรับด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ“อืม ช่วงนี้ฉันจะไม่ค่อยว่าง ขอบใจพวกนายมากที่ทำงานแทน”“เพื่อนายพวกผมพร้อมทำงานถวายหัวครับ”จงอี้ก็พูดขึ้นประจบประแจงอย่างติดตลก ทำให้หยางคุนยิ้มออกมาและส่ายหน้าให้กับเขาเล็กน้อย“หึ เกินไป”“ถ้าอย่างนั้นผมไปเตรียมตัวก่อนนะครับ” จื้อเฉียงขอตัวไปเตรียมของที่จะเดินทาง“ไปเถอะ” หยางคุนก็พยักหน้าให้ทั้งคู่แล้วแยกย้ายกันไปทำงานหรูเฟิ่งและเสี่ยวผิงเองก็ไม่ได้อยู่เฉย พวกเธอไม่ได้อยู่ติดตามมู่อันเหมยแล้ว เนื่องจากอีกฝ่ายไม่ค่อยได้ออกไปไหนมาไหนมากนัก จึงตัดสินใจมาช่วยทำงานที่สำนักงาน แล้วก็ทำให้สนิทกับจื้อเฉียงและจงอี้มากกว่าเดิมไปอีก วัน

  • ย้อนอดีตมาพลิกชะตา (ยุค 70)   บทส่งท้าย สงบสุขจริง ๆ เสียที

    บทส่งท้าย สงบสุขจริง ๆ เสียทีวันเวลาก็ผ่านพ้นไปอย่างสงบสุข บ้านสามในเวลานี้ไม่มีฤทธิ์อะไรอีกแล้ว ตัวของย่ามู่แทบจะไม่ออกจากบ้านอีกเลย คนอื่น ๆ ก็ใช้ชีวิตกันไปอย่างปกติและมีความเป็นอยู่ที่ไม่ค่อยดีเท่าไรเวลานี้มู่อันเหมยท้องได้เจ็ดเดือนกว่าแล้ว ซึ่งท้องของเธอโตมาก หมอวินิจฉัยแล้วว่าท้องนี้อาจจะเป็นลูกแฝด คนที่ตื่นเต้นที่สุดคงไม่พ้นคุณพ่อมือใหม่อย่างเฉินอยางคุน!!ซึ่งตั้งแต่ที่รู้ว่าภรรยาท้อง ชายหนุ่มแทบจะไม่ไปทำงานอีกเลย มัวแต่เกาะติดอยู่กับมู่อันเหมยภรรยารักของตนซึ่งเวลานี้มู่อันเหมยได้ย้ายเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์แล้ว เพราะสะดวกมากกว่าโดยมีนางอี่หนิงแม่สามีมาคอยดูแล และให้คำปรึกษาลูกสะใภ้ในช่วงเวลาตั้งครรภ์“อีกไม่กี่เดือนเราจะได้เจอกันแล้วนะลูกรัก” เฉินหยางคุนก้มลงไปพูดกับลูกที่อยู่ในท้องของภรรยาสองแฝดเหมือนจะรู้ว่าพ่อคุยกับตนเอง ทำให้มีปฏิกิริยาเกิดขึ้นจนผู้เป็นแม่อย่างมู่อันเหมยตกใจและทำหน้าเหยเกเล็กน้อย“อ๊ะ”“เหมยเหมยเป็นอะไรหรือเปล่า เจ็บไหมล่ะนั่น” เฉินหยางคุนเงยหน้าขึ้นมาถามภรรยาด้วยความเป็นห่วง ซึ่งมู่อันเหมยพยักหน้าให้เล็กน้อย ก่อนจะลูบท้องตนเองเบาๆ และตอบกลับสามีด้วยความรู้ส

  • ย้อนอดีตมาพลิกชะตา (ยุค 70)   บทที่ 68 จัดการบ้านสามให้เด็ดขาด

    บทที่ 68 จัดการบ้านสามให้เด็ดขาดเฉินฟางเซียนตัดสินใจไปสอบที่ปักกิ่ง โดยมีเว่ยซิ่วตงพาไปด้วยตนเอง ทั้งยังพาเธอไปพบกับครอบครัวของเขาอีกด้วย ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างที่บ้านเว่ย เฉินฟางเซียนก็ไม่ได้เล่าให้กับใครฟังเธอสอบที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งตามที่ตั้งใจไว้ ส่วนสหายอีกสองคนไม่ได้ไปด้วยเฉินฟางเซียนมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะสอบเป็นอย่างมาก อ่านหนังสือจนดึกดื่นและเธอก็ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง เฉินฟางเซียนสอบติดอย่างที่ตั้งใจไว้พอกลับมาที่หมู่บ้าน ทุกคนก็ร่วมแสดงความยินดีกับเธอ ชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงก็รู้เรื่องกันทั่ว“ยินดีด้วยนะลูก” นางอี่หนิงสวมกอดลูกสาวแสดงความยินดี“ขอบคุณนะคะแม่ พี่หยางคุน พี่สะใภ้”“เก่งมาก” เฉินหยางคุนก็ยกมือขึ้นลูบหัวน้องสาวที่เขาเลี้ยงมากับมือด้วยความภาคภูมิใจมู่อันเหมยก็ยิ้มให้กับน้องสามี ในตอนนี้เธอตั้งท้องได้ห้าเดือนแล้ว บ้านเฉินในตอนนี้มีแต่เรื่องน่ายินดี กิจการของเฉินหยางคุนก็กำลังไปได้สวยจริง ๆเรื่องที่เฉินฟางเซียนกำลังจะไปเป็นนักศึกษาที่เมืองหลวงถูกแพร่กระจายไปทั่ว ชาวบ้านก็ยินดีด้วย พร้อมกับเชิดหน้าชูตาได้ เพราะในตอนนี้หมู่บ้านของพวกเขาไม่เพียงมีนายท่านเ

  • ย้อนอดีตมาพลิกชะตา (ยุค 70)   บทที่ 67 มู่อันเหมยท้องแล้ว

    บทที่ 67 มู่อันเหมยท้องแล้วทุกอย่างดำเนินมาอย่างราบรื่นจนปีปฏิวัติผ่านพ้นไป เฉินหยางคุนสั่งปิดตลาดมืดในช่วงที่มีการปฏิวัติ และนายพลหม่า นายพลหู รวมไปถึงครอบครัวของเว่ยซิ่วตงก็เลือกข้างได้ถูกเพราะคำแนะนำจากเขาจากนั้นพอมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เขาก็เริ่มมีความคิดที่จะทำหลายอย่าง เช่นการทำให้ตลาดมืดกลายเป็นการค้าเสรีที่ชาวบ้านทุกคนสามารถนำของมาขายได้จนกระทั่งทางการประกาศให้มีการเวนคืนที่ดินให้กับผู้ที่เคยถูกยึด ยกเลิกการทำงานในคอมมูน แบ่งที่ดินให้ทำกินอย่างเท่าเทียมทางด้านเฉินหยางคุนก็จัดตั้งตลาดที่ถูกกฎหมายขึ้นมา ส่วนตลาดมืดก็ยังคงมีอยู่และคึกคักเหมือนเดิม แม้จะมีการค้าเสรี แต่สินค้าบางอย่างรัฐยังจำกัดการซื้อ ดังนั้นตลาดมืดยังเป็นที่ต้องการของประชาชนทั่วไปในช่วงนี้สองสามีภรรยาจึงค่อนข้างจะยุ่งวุ่นวายกับงานมาก เช้าวันนี้มู่อันเหมยตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดหัว หน้ามืด อยากจะอาเจียน“อุบ” เธอรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำจัดการกับตัวเองสักพักก็เดินออกมา ในเวลานี้สามีของเธอคงจะออกกำลังกายอยู่ที่หน้าบ้านมู่อันเหมยรู้สึกว่าช่วงนี้ร่างกายของเธออ่อนเพลียเป็นอย่างมาก แต่เธอคิดว่าเป็นเพราะพักผ่อนน้อย เ

  • ย้อนอดีตมาพลิกชะตา (ยุค 70)    บทที่ 66 เสี่ยวฟางรนหาที่

    บทที่ 66 เสี่ยวฟางรนหาที่เรื่องราวของว่านปี่หมิงที่ต้องมีสภาพที่น่าอนาถแบบนั้น เสี่ยวฟางก็รับรู้เช่นกัน เธอไม่คิดที่จะกลับไปหาคนไร้ประโยชน์อย่างชายคนนั้นอีก เพราะไม่เช่นนั้นก็คงเป็นเธอที่ลำบากในตอนนี้ชีวิตของเสี่ยวฟางที่บ้านก็ย่ำแย่ไม่แพ้กัน พ่อแม่ของเธอกำลังจะหาชายแก่หรือพ่อม่ายมาแต่งงานกับเธอ เพื่อส่งเธอออกไปให้พ้นตระกูลเธอไม่ยินยอม แต่ไม่สามารถปฏิเสธได้เพราะตอนนี้ยังพึ่งพาพวกเขาอยู่ เธอนึกไปถึงมู่อันเหมยที่ตอนนี้กลายเป็นนายหญิงเฉินแล้วก็รู้สึกอิจฉา คนบ้านนอกอย่างมู่อันเหมยไม่ควรได้รับสิ่งดี ๆ พวกนี้เลยด้วยซ้ำ เลยมีความคิดหนึ่งขึ้นมา ไม่รอช้า วันต่อมาจึงเดินทางมาที่บ้านของมู่อันเหมยทันที“มาหาใครคะ” เฉินฟางเซียนเป็นคนออกมาดูด้วยตนเอง“ฉันมาหาอันเหมยค่ะ”“เป็นสหายของพี่สะใภ้เหรอคะ” ได้ยินคำตอบ เฉินฟางเซียนก็เอียงคอมองอย่างพิจารณา“ใช่ค่ะ” เสี่ยวฟางตอบรับและทึกทักเอาเองว่าเป็นสหายของมู่อันเหมย“ใครมาเหรอฟางเซียน” มู่อันเหมยออกมาพอดี เธอถามน้องสามีและหันไปมองแขกที่มา พอเห็นว่าเป็นใคร เธอก็ชะงักไปทันทีเสี่ยวฟางที่พอเห็นอันเหมย เธอก็กำหมัดแน่น มองการแต่งตัวด้วยชุดสวย ๆ ของอันเหมยด้ว

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status